วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

บัญชีผลงานร้อยกรอง














ลิงค์เดือนกุมภาพันธ์ผิด มาลงเมนูรายการผลงานเรื่องยาว เพิ่งเห็น เลยตามเลยครับ

.....................เมนูรายการงานแต่งบทร้อยกรอง ผลงานของกระผม นายขุนทอง ศรีประจง เฉพาะที่เป็็น เรื่องยาว และยังเก็บสะสมไว้ไม่ได้ลบทิ้ง


------------------------
ลิลิตำรพสุธน-มโนราห์      บทร้อยกรองลิลิตล่าสุด 2562-2563 ความยาว 280 บท

ลิลิตผาแดงนางไอ่                 บทร้อยกรองประเภทลิลิต แต่งด้วยร่าย โคลงสองโคลงสามและโคลงสี่

นางแตงอ่อนคำฉันท์................ลองแต่งเรื่องยาวใช้วิธีแต่งคำฉันท์ มีทั้งกาพย์และฉันท์ปะปนกันไป

ขุนทึงขุนเทืองคำฉันท์ .............ลองแต่งเรื่องยาวใช้วิธีแต่งคำฉันท์ มีทั้งกาพย์และฉันท์ปะปนกันไป


ท้าวก่ำกาดำ คำฉันท์ ...............ลองแต่งเรื่องยาวใช้วิธีแต่งคำฉันท์ มีทั้งกาพย์และฉันท์ปะปนกันไป


ปลาบู่ทอง คำฉันท์ ..................ลองแต่งเรื่องยาวใช้วิธีแต่งคำฉันท์ มีทั้งกาพย์และฉันท์ปะปนกันไป


นิทานอีสป 51-100 ..................แต่งด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ภายหลัง ปรับเป็นกลอนหก


นิทานอีสป 1-50 ..............แต่งด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ภายหลังปรับเป็นกลอนหก เพื่อให้อ่านเพราะยิ่งขึ้น


โตเกียวแห่งความหลัง เพจ 4 .....แต่งด้วยกลอนแปด เล่าเรื่องเดินทางไปญี่ปุ่น


โตเกียวแห่งความหลังเพจ 3 ......เน้นการดูงานการศึกษา สมัยปี 2522


โตเกียวแห่งความหลัง เพจ 2 ......อ่านดูจะรู้หลายอย่าง วันนี้ไทยเรายังพัฒนาไปไม่ถึง


โตเกียวแห่งความหลัง เพจที่ 1 ....ความยาว 72 หน้ากระดาษ A4


โคลงนิราศเมืองเหนือ เพจที่2 .......อ่านนิราศหริภุญชัยที่อาจารย์สอนใช้เป็นหนังสือบังคับเกิดแรงใจ


โคลงนิราศเมืองเหนือ เพจที่ 3.........อยากเขียนนิราศด้วยคำโคลงบ้าง


โคลงนิราศเมืองเหนือ เพจที่ 1 .......เขียนจบได้นิราศยาวพอสมควร (380 บท)


พระราชประวัติ รัชกาลที่ 9 ..............เรียบเรียงพระราชประวัติ ร. 9 เป็นคำกลอน


เซียงเหมี่ยง3 ตอน 41-60 ...............แต่งด้วยโคลงกลบทตอนละ 1 กลบท


เซียงเหมี่ยง 61-76 .........................เรื่องยาว 78 ตอนจบ  ใช้ 76 โคลงกลบท


นางผมหอมกลกลอน ....................แต่งเรื่องยาว ใช้ กลอนกลบททั้งเรื่อง


เซียงเหมี่ยง 2 ตอน 21-40 ............แต่งด้วยโคลงกลบท  ตอนละ 1 กลบท


เซียงเหมี่ยงตอน1-20 ...................แต่งด้วยโคลงกลบท  ตอนละ 1 กลบท


นิราศดอยอ่างขาง1 ................ไปเที่ยวกันบันทึกการไปเที่ยวด้วยกลอน


นิราศไทรโยค1 ...............นิราศคำโคลง แต่งสมัยเป็นครูมัธยม


นิราศไทรโยค 2 ...............นิราศคำโคลง แต่งสมัยเป็นครูมัธยม


เซียงเหมี่ยงคำโคลงชุดที่ 4 ...........แต่งด้วยโคลงกลบท  ตอนละ 1 กลบทรวม 76 โคลงกลบท


คำโคลงสอนหลาน .......แต่ด้วยคำโคลงสี่สุภาพ เนื้อเรื่องเกี่ยวการสอนลูกหลาน 400 คำโคลง


บันทึกการอ่านพระราชประวัติ ร 9 .......บันทึกพระราชประวัติด้วยคำกลอน


ภูกระดึงรำลึก 2 ...........นิราศคำโคลงแต่งสมัยเป็นนิสิต ม.เษตรศาสตร์ บางเขน


ภูกระดึงรำลึก 1 ...........นิราศคำโคลงแต่งสมัยเป็นนิสิต ม.เษตรศาสตร์ บางเขน


ท้าวขูลูนางอั้ว 2............แต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ ความยาว 205 บท


ท้าวขูลูนางอั้ว 1............แต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ ความยาว 205 บท


นางผมหอมกลกลอน .....แต่งด้วยกลอนกลบททั้งเรื่อง 46 กลบท 300 คำกลอน


ท้าวขูลูนางอั้วคำโคลง......รวมตั้งแต่บทแรกจนบทที่ 205 เอาไปแบ่งเป็นสองเพจเรื่องเดียวกัน

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

อ่านคำร้อยกรองแล้วติดใจ

                                                    ถ่ายที่ตราดโฮเทล ธันวาคม ๒๕๖๑ 
.........ผมชอบอ่านบทร้อยกรองที่คนอื่นแต่ง และชอบมองหาตำหนิแบบคนหาเรื่อง ทะเลาะกับเพื่อนฝูงบ่อยมาก เพราะไปเห็นตำหนิบทร้อยกรองของเขา  แต่ก็มักตามมาขอโทษทีหลังที่บอกตำหนิให้ คนเรา ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่อยากให้ใครตำหนิ  ส่วนผมก็ประเภทตำหนิเก่ง สมัยเป็นครูมีหน้าที่ตรวจแผนการสอน ต้องคัด 2 กลุ่ม คือ ตรวจปกติ และตรวจเพื่อแก้ไข มีบางคนสอนคณิตศาสตร์ แต่เอาแผนการสอนมาให้ครูภาษาไทยตรวจให้ เธอว่าหัวหน้าเธอตรวจเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยการตรวจเลย มีแต่ลายเซ็นต์ว่า ตรวจแล้ว อาจารย์ตรวจให้หน่อย ก็ต้องถามก่อนว่าตรวจเฉย ๆ หรือตรวจเพื่อแก้ไข อ้อ เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ผมไม่ชำนาญนะ แต่รูปแบบการเขียนแผนการสอน ผมตรวจให้ได้  ก็เลยโดนหนัก รอยปากกาแดงเต็มหน้ากระดาษ นึกว่าจะโกรธ วันหลังหอบกระเช้าผลไม้มาฝาก เอาแผนมาให้ดู ยิ้มชอบใจ บอกหนูอยากได้แบบนี้แหละ  เอออย่างนี้ก็มี  แล้วมันเกี่ยวอะไรกับร้อยกรอง....ผมครูภาษาไทย การสอน แต่งร้อยกรอง ก็มีบ้าง เคยเขียนบทเรียนสำเร็จรูปแต่งกาพย์ยานี เชียวนา ดังนั้นเห็นร้อยกรองจึงชอบอ่าน และชอบตำหนิ จนเป็นนิสัย เด๋ียวจะตำหนิให้ดู
                                                                          ขุนทอง ศรีประจง
                                                                           1 มกราคม2562
หมายเหต ข้อความตำหนิ จะแจ้งผู้ถูกคำหนิทราบ และคงไว้เพจนี้ 1 วัน ครบ 1 วันลยทิ้ง อยากเก็บก็รีบคัดลอกเอาเอง
                  1.  โคลงหรือกลอน   ได้อ่านคำร้อยกรองของนักเขียนท่านหนึ่ง บอกเป็นโคลงพัฒนา กลบทใหม่ ๆ คงเบื่อแบบเก่า ๆ ที่แต่งกันมานานมั้ง เลยออกแบบโคลงชนิดแปลกใหม่ดูบ้าง เลยได้โคลงแปลก ๆ ก็ดูเพราะดีครับ
                   .......โคลงมี บาทละ 2 วรรค 4บาทเป็นหนึ่งบท อันนี้ยังเหมือนเดิม
..........................สัมผัสบังคับ ยังมีเหมือนเดิมทุกประการ
..........................ส่วนที่เติมคือ คำท้ายบาท จะส่งสัมผัสไปยังคำที่ 1 /2/3 บาทถัดไปเสมอ
..........................กำหนดให้มีสัมผัสชิด สองคู่ในวรรคหน้า ให้สัมผัสพยัญชนะคำที่ 5-6-7

............ลองเขียนแผนผังตามที่เห็น จะพบว่าวรรคหน้า มีปุ่มระบายสีสองคู่ คือสัมผัสชิดที่เติมเข้าไป  ปุ่มสีดำบาทหนึ่งมีสามปุ่ม เป้นสัมผัสพยัญชนะ ที่กำหนดเพิ่ม ถ้าหยุดแค่นี้ พอทนได้ โคลงยังไม่แปลกนัก
............ส่วนที่ทำให้แปลกคือบังคับสัมผัสระหว่างคำท้ายบาทไปยังคำที่1/2/3 บาทถัดไป จะลองแต่งดู
                              ลองของแปลงแต่งข้อง..........คำโคลง
                          โยงโต่งแปลกแยกโปง..............ป่นปี้
                         ดีนี่ช่างต่างโลง...........................ลองเล่น  แลฤๅ
                         เป็นเช่นยากหลากลี้..................หลบเร้นเป็นไฉน
.........ผลที่เกิดคือ คำโคลง สัมผัสบังคับ ปกติส่งไปคำที่ 5 บาทสองและบาทสาม ถูกดึงไปสัมผัสต้น
บาทที่สอง ผลก็คิอเกิด ชิงสัมผัสในบาทที่สอง
..........2. อีกคนหนึ่งเขียนกลอนเก่ง มาลองแต่งโคลงบ้าง เห็นโคลงไม่มีสัมผัสระหว่างวรรค เลยใส่เข้าไป ก็ดูเพราะดี แบบนี้โคลงนิราศสุพรรณเคยทำมาแล้ว ปรากฏว่าไม่ค่อยนิยม สัมผัสระหว่างวรรค ในโคลงนิยมใช้สัมผัสพยัญชนะมากกว่าสัมผัสสระ
                            สัมผัสโคลงแต่งคล้อง...........จองกัน
.........................วรรคค่อวรรคสัมพันธ์.................มั่นไว้
.........................เสียงสระแปลกแปลกยัน...........ขันยุ่ง ดีแฮ
.........................เดิมท่านชอบบอกให้.................ใส่อ้างอักษร
................ผลที่เกิดคือได้สัมผัสระหว่างวรรคต่อวรรคในทุกบาท  แต่สัมผัสบังคับคำท้ายบาทแรก ที่
ส่งให้คำท้ายวรรคหน้าของบาทที่สองและสาม จะถูกโยงสัมผัสไปยังวรรคหลัง กลายเป็นสัมผัสเฝือ คือ
เหลือใช้ ดังตัวอย่าง กัน ส่งให้ พันธ์ มั่น ยัน ขัน ปกติบังคับส่งให้สองคำก็พอดีแล้ว แต่นี่กลายเป็นสี่คำ
โบราณใช้สัมผัสระหว่างวรรคแต่ละบาทท่านแนะนำให้ใช้สัมผัสพยัญชนะ
                            สัมผัสโคลงแต่งคล้อง...........คำกัน
.........................วรรคค่อวรรคสัมพันธ์................ผูกไว้
.........................เสียงเพราะอ่านยืนยัน.............. ยังยิ่ง ดีแฮ
.........................เดิมท่านชอบบอกให้.................เหตุสร้างเสนาะเสียง
...........3. ชอบลีลากลอนมาใช้กับโคลง กลอนแปดมีวรรคละสามจังหวะ ช่วงจังหวะต่อจังหวะจะใส่สัมผัสเพิ่มอีกก็ได้ ถือว่า เพราะ แต่พอใช้กับโคลงกลับแปลก ๆ
                         สัมผัสกลอนสอนกันสรรค์เสนอ.............มักจักเจอจำเพาะเสนาะเสียง
.........................สามจังหวะกะให้ใช้สำเนียง...................เพราะพริ้งเพียงขับขานการดนตรี
................ทุกจังหวะพยายามให้มีสัมผัสชิดสระ เว้นจังหวะแรกวรรคหลังใช้สัมผัสพยัญชนะแทน ดัง
ตัวอย่าง คำที่สัมผัสกันได้แก่  กลอน--สอน  กัน--สรรค์       (เจอ--จำ) เพาะ-เสนาะ
.........................................หวะ-กะ ให้-ใช้                            (พริ้ง-เพียง)---ขาน-กาน


                                                
                          



วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ธุดงควัตร




ตอบคำถามที่ 1 พระเดินถนนท่านทำธุดงค์ใช่ไหม ?
กลอนแปด
คำถามว่าเห็นพระเดินถนน มีบางคนบอกธุดงค์เลยสงสัย
เคยอยู่วัดพอทราบเรื่องความนัย เป็นไฉนธุดงค์ที่สงกา
เป็นกิจพระที่ประสงค์ถือปฏิบัติ เอาเคร่งครัดกว่าปกตินั่นแหละนา
ที่นิยมสิบสามอย่างตามรู้มา ปฏิญญาได้เองมิยากเย็น
คนอื่นรู้มิรู้มิเป็นไร เพียงตั้งใจมั่นคงแม้ยากเข็น
จักประพฤติปฏิบัติทำให้เป็น เหมือนดังเช่นปฏิญานนั้นแน่นอน
ตัวอย่างท่านหลวงพี่พระจินดา จักลองหาธุดงค์ตามครูสอน
ทำวัตรเสร็จปฏิญญาณทุกบทตอน จักแรมรอนบิณฑบาตรมิขาดเลย
ข้อสองจักฉันในบาตรมิขาดกิจ พึงสัมฤทธิ์ตามนี้มินิ่งเฉย
นับแต่นั้นมิขาดบิณทบาตเคย เพื่อนชมเชยขยันนี่หลวงพี่เรา
ลำบากหน่อยข้อสองฉันในบาตร บางวันขาดกับข้าวมิใช่เขลา
ปฏิญาณธุดงค์ไว้ใช่แล้วเรา ฉันข้าวเปล่าบางวันกับไม่มี
ปฏิบัติเช่นนี้ไปตลอด เรียกว่ายอดกิจธุดงค์ส่งเสริมศรี
อีกสิบเอ็ดหัวข้อล้วนเรื่องดี อาจารย์ชี้เลือกทำตามสมควร
เช่นถือผ้าสามผืนคืนและวัน ถือสำคัญติดตัวไว้อย่าได้สรวล
แค่สบงสังฆาฏิจีวรชวน ถือได้ล้วนลำบากยากอะไร
มันยุ่งยากนุ่งห่มหลายวันเข้า ผ้าหมองเศร้าพึงซักรู้จักไหม
ซักสบงนุ่งจีวรรอก่อนไง แห้งแล้วได้เปลี่ยนบ้างล้างสังฆา
รออยู่นั่นจีวรแห้งได้เปลี่ยน ต้องพากเพียรลำบากยากยุ่งหนา
ปฏิญาณแล้วทำได้ตามวาจา แบบนี้หนาธุดงค์ถือผ้าไตร
บางท่านถือแต่ผ้าบังสุกุล ยุ่งยากคุณจักหาจากที่ไหน
มีงานศพรีบแจ้งพระท่านไป อยากได้ผ้าบังสุกุลถือธุดงค์
พระเข้าใจจัดให้มิยุ่งยาก ถึงลำบากหาได้ดังประสงค์
ปีละหนผัดเปลี่ยนผ้ามั่นคง ค่อยมาปลงทำต่อก็ตามใจ
หรือจะเปลี่ยนกิจต่างอย่างอื่นมี สิบสามชี้เรื่องธุดงค์อย่างสงสัย
หนึ่งถือผ้าสามผืนคือครบไตร สองจักใช้แต่ผ้าบังสุกุล
สามปิณฑปาฏิกังคะ จะรับบาตรพอเพียงเลี้ยงชีพหนุน
มิรับกิจนิมนต์ขอรับคุณ อบอุ่นใจยากเข็ญเป็นธุดงค์
สปาทานจาริกังคะครับ ตามลำดับจาริกมิลืมหลง
ละแวกเดิมบิณฑบาตรมุ่งมั่นตรง ด้วยเจาะจงแผ่บุญกรุณณา
ห้าเอกาสนิกังคะมั่น นั่งลงฉันห้ามหมดเรื่องภักษา
มิรับเพิ่มเติมให้ไม่รับมา อาสนะนั่งแล้วจบไปเลย
หกปัตตปิณฑิกังคะรับ ฉันข้าวกับในบาตรท่านเฉลย
มีอะไรก็ฉันตามที่เคย มิยอมเอ่ยขออะไรไปเพิ่มเติม
เจ็ดขลุปัจฉาภัตติกัง นั่งฉันแล้วไม่รับของมาเพิ่ม
มีเท่าไรฉันไปก็ตามเดิม มิรับเสริมมาถวายก็ไม่เอา
แปดอารัญญิกังคะ สมาทานอยู่ป่าอยู่ขุนเขา
เสนาสนะป่าประมาณเดา คือเป้าหมายปักกลดพักกายา
เก้ารุกขมูลิกังคะจัด เพราะถนัดโคนไม้พอหลับหนา
สิบอัพโภกาสิกังคะมา หวังว่าอยู่กลางแจ้งกิจธุดงค์
ไร้หลังคาร่มไม้ใช้พักผ่อน ลำบากตอนปฏิบัติวัตรประสงค์
สิบเอ็ดโสสาสนิกังตรง ป่าช้าคงน่ากลัวต้องทำใจ
จะอาศัยพักผ่อนหลับนอนตรง คงมิกลัวผีหลอกบอกจริงไหม
ยถาสันถติกังคะนัย จะรับไว้ที่พักตามเกิดมี
พอใจในสถานอยู่อาศัย อยู่กันไปจำเพาะเหมาะวิถี
เนสัชชิกังนั่งวัตรยินดี ยืนเดินชี้แลนั่งมิรำคาญ
ไม่นอนเลยฝึกฝนจนช่ำชอง หลับก็ต้องท่ายืนหรือนั่งหาญ
สู้มิถอยอดทนกระทำการ ธุดงค์ผ่านเรื่องยากลำบากไป
สิบสามข้อเรียกนามธุดงค์วัตร ปฏิบัติเลือกเองแท้แน่ไฉน
มิบังคับเลือกทำตามพอใจ ขอเพียงให้มุ่งมั่นประพฤติธรรม
ส่วนพระเดินมิใช่กิจธุดงค์ เพียงประสงค์ไปมานึกน่าขำ
ชาวบ้านเห็นนึกว่ากิจกรรม ธุดงค์นำมาเล่าไม่เข้าใจ
อยากจะรู้ไปดูที่อาวาส พระสามารถทำธุดงค์มิสงสัย
อธิษฐานแล้วทำธุดงค์ไป แบบที่ได้เลือกทำเท่านั้นแลฯ

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รำพึงรำพันตอนที่ ๔




กลอนแปด
ที่สิบสี่มีนาน่าตระหนก  เฟซหยิบยกโพสเราเขาสอบสวน
มิรู้เรื่องสงสัยในกระบวน  มีสิ่งชวนกังขาหรือว่าไร
รอมินานโพสดูรู้ผ่านลง  ก็ยังงงสอบเห็นเป็นไฉน
นามศรีทองแสงทองนี่คือใคร  ก็ขอไขออกแสดงแจ้งข้อมูล
ตัวจริงชื่อขุนทองศรีประจง  บ้านเกิดคงกมลาไสยไม่สิ้นศูนย์
เมืองคนดีกาฬสินธุ์ถิ่นไพบูลย์a  เจิดจำรูญบ้านแกแดนธัญญา
จบประถมบ้านแกส่งเสริมวิทย์a  มิอยากคิดสองสี่เก้าแปดหนา
จบมอต้นโนนสังวิทยาa  ย้ายเขตมาสังกัดเมืองอุดร
เดียวนี้เป็นหนองบัวลำถูอ้าง  ปีนั้นช่างวุ่นวายให้ทอดถอน
เป็นไทครัวแปลกถิ่นเราแรมรอน  ครอบครัวจรอพยพมาอยู่ไกล
หนองลุมพุกนามบ้านย่านหนองเรือ  ดังดงเสือป่าทึบทึมไฉน
ป่าเต็งรังแดงดู่เรียงรายไป  เรียกพงไพรเหมาะดีมีเรื่องราว
ทางทิศเหนือภูเก้าเราเพิ่งเห็น  ใยมิเป็นอย่างที่เรียนนึกสืบสาว
ภูมิศาสตร์แผนที่บอกเรื่องยาว  สีดำราวตัวบุ้งภูเขามี
เพิ่งเคยเห็นของจริงเป็นครั้งแรก  ยังแปลกจิตคิดฉงนจ้องดูสี
ออกดังฟ้าทึมเทายืดยาวดี  ทอดยาวทีทางเหนือคงมิไกล
จากหมู่บ้านเดินไปสองชั่วโมง  หากทางโล่งหน้าแล้งมิสงสัย
หากหน้าฝนเพิ่มอีกหนึ่งคงได้  ว่างค่อยไปชมดูภูเก้ากัน
อพยพมาอยู่ป่าภูเขา   นานนักเราค่อยปรับได้ให้นึกขัน
ต้องศึกษาปรับตัวเอาให้ทัน  เพื่อนบ้านมันหลายคนคอยเอาใจ
ตื่นเช้ามากันแล้วจะเที่ยวป่า  เขาสั่งว่าห่อข้าวมัดเอวไหน
พลุหนึ่งลำกำลูกดอกสักสิบได้  มาไวไวลงป่าไปหาสัตว์กัน
เจ้าทองใสทองใบสามกับเรา  หมาพรานเขาสองตัวออกเดินนำ
ออกเขตบ้านเป็นป่าดูรกชัฏ  ทางเดินลัดเลาะไปให้นึกขำ
ทางเกวียนเดินเป็นร่องน้ำเซาะกรรม  ร่องดินซ้ำเรียกโสกก็เข้าใจ
เสียงหมาเห่าสองสหายวิ่งนำก่อน  เสียงรุ่มร้อนตามมาชักสงสัย
พากันล้อมต้นรังเห็นแต่ใบ  หมาเห่าใหญ่จ้องดูบนต้นรัง
ตามไปทันมันว่าหมาไล่บ่าง  แลไม้ต่างสูงใหญ่ใบมุงบัง
คงยากไล่ตามทันมันระวัง  เงียบเสียงดังถอดใจเลิกไล่กัน
เพื่อนพาเดินไปต่อฝ่าพงรก  สักครูตกใจตื่นเพื่อนขบขัน
ได้เวลาแมลงส่งเสียงพลัน  จั๊กจั่นนับหมื่นตื่นตกใจ
แถมเยี่ยวรดหูหัวน่ากลัวมาก  แต่ลำบากจักหนีณที่ไหน
เสียงมันอยู่รอบตัวน่ากลัวกระไร  เพื่อนบอกให้จั๊กจั่นมิต้องกล้ว
เป็นแมลงกินได้ให้ลองจับ  เคี้ยวหยับหยับแปลกใจจึงได้หัว
ลองดูบ้างรสแปลกลองหนึ่งตัว  หลับตามั่วกินดูอร่อยดี
เหมือนกุ้งสดรสอร่อยเพื่อยค่อยบอก ใช่จะหลอกลาบอร่อยแท้ดีหลี
สักสามสิบทำลาบมะม่วงมี  ต่อมาที่เดินป่าเพื่อนพาลอง
ไปเจอเห็นเต็มขอนท่อนไม้ใหญ่  เห็ดอะไรเพื่อนสั่งระวังของ
ค่อยค่อยเก็บคอยดูกูรับรอง  เราจะต้องได้อิ่มลองชิมกัน
ไปพักเถียงก่อไฟดืทำเห็ด  ล้างดีเสร็จใส่เกลือผักพร้อมสรรพ์
ห่อให้แน่นปิ้งไฟไม่นานพลัน  สุกเพื่อนมันบอกชิมอร่อยดี
ในป่าดงของกินมันมีมาก  มิยุ่งยากรู้จักริมวิถี
พวกยอดไม้ใบไม้กินได้มี  เพื่อนมันชี้สอนให้ได้รู้ความ
หน่อไม้ซางโผล่นดินสักสองสอก  ตัดไม่ปอกเผาไฟไม่ต้องถาม
จนกาบดูมันไหม้ก็มิปาน  ราดน้ำผ่านปอกเปลือกเอาทิ้งไป
เนื้อสุกเหลืองน่ากินรออีกหน่อย  ปล่อยเพื่อนล้างน้ำเย็นอย่าสงสัย
ล้างรสขมออกบ้างดีกระไร  ชิมหน่อไม้หอมหวานอร่อยดี
ขูดเขี่ยนเส้นเหลืองอร่ามช่างงามแท้ เพื่อนตัดมาเขาสับสลับสี
แล้วทำก้อยหน่อไม้รสแซบมี  กลางป่ามีก้อยกินยินชอบใจ
ได้เที่ยวป่าเดินดงฝ่าพงรก  ทางเดินวกเวียนวนจนสงสัย
มีแต่ป่ามิหลงทางหรือไร  กูจำได้แถบนี้มาประจำ
เพื่อนบอกเล่ารู้เรื่องมิเคืองขัด  เขาสันทัดแถบนี้ดีนึกขำ
คงอีกนานกว่าตูจะรู้นำ  มากเรื่องพร่ำบ่นยากหลากวิธี
หมดเวลาเที่ยวเล่นโรงเรียนเปิด  ช่างประเสริฐชอบใจไม่หลบหนี
ได้เรียนต่อมัธยมสมใจดี  พ่อปรานีฝากฝังตั้งใจเรียน
เข้าโรงเรียนโนนสังวิทยา  ปีต่อมาแปลกนามตามเขาเขียน
ศิริภูธรวิทยามาพากเพียร  ปีสามเวียนคืนกลับไปชื่อเดิม
สามปีจบมอสามตามคาดหวัง  แต่ก็ยังอยากเพียรเรียนต่อเสริม
สองพันห้าชัยภูมิเรียนต่อเติม  เรียนเกษตรเมืองพ่อพญาแล
เกษตรกรรมชัยภูมินามโดดเด่น  สอบคัดเฟ้นสี่สิบห้าว่ากระแส
แข่งกันมากภาคอีสานเป็นตัวแปร  มาสอบแท้สักร้อยห้าสิบคน
ทุนเรียนดีมีแล้วห้ารายครบ  เอามาลบเหลือสี่สิบชักฉงน
รอดไม่รอดสอบแข่งแรงกังวล  ประกาศผลสามสิบเก้าแทบใจวาย
เป็นนักเรียนกินนอนอยู่หอพัก  ได้รู้จักชาวหอก็หลายหลาย
กิจกรรมเด็กเกษตรมีมากมาย  เช้ามืดคล้ายตีห้ารีบตื่นคุณ
เพียงสามสิบนาทีกิจส่วนตัว  พร้อมกันทั่วเข้าแถวแทบหัวหมุน
มีการงานฝึกฝนเป็นต้นทุน  ฝึกจนวุ่นหลายหลากกิจกรรม
งานบุกเบิกเจ็ดวันค่อผัดเปลี่ยน  ครานี้เรียนเรื่องสวนก็ชวนขำ
ต่อไปเรียนผลไม้สวนลองทำ  เปลี่ยนอีกนำเลี้ยงไก่อยู่เจ็ดวัน
สนุกหน่วยเลี้ยงวัวเนื้อวัวนม  เลี้ยงหมูสมลุยคลองเด็ดผักขัน
ยอดผักตบในคลองแย่งเด็ดกัน  เต็มถังนั้นล้างดีไปที่แปร
เข้าเครื่องปั่นหั่นซอยเรียบร้อยแล้ว  ไปเทแถวโรงงานตามกระแส
ภารโรงรอพอแล้วคลุกรำแล  เศษข้าวแน่ปนลงคลุกกันไป
เสร็จแกตักลงถังส่งนักเรียน  เฝ้าพากเพียรหอบหิ้วจักไปไหน
เลี้ยงคุณหมูเป็ดห่านย่านนั้นไง  เขาเรียกใช้แรงเด็กทำการงาน
กะเช้าเย็นทำกันไร้วันหยุด  พืชสวนชุดรดน้ำครูเรียกขาน
เสาร์อาทิตย์รดน้ำครูอาจารย์  มาตรวจผ่านมาดูครูตรวจตรา
พวกพืชไร่ไม้ผลก็มีเวร   เด็กถูกเกณฑ์เข้างานเป็นกลุ่มหนา
มีเจ็ดคนต่อกลุ่มครูบัญชา  เช้าตีห้ารับงานไปทำกัน
หกโมงครึ่งเลิกงานพักกันได้  โมงครึ่งให้ทานข้าวมาพร้อมสรรพ์
แปดโมงครึ่งเข้าแถวเสาธงพลัน  เก้าโมงนั้นเริ่มเข้าไปห้องเรียน 
สี่โมงเย็นเลิกเรียนเริ่มรับงาน  ไปทำการเรียนรู้ครูเกษียน
มีคำสั่งกำกับให้พากเพียร  นับจำเนียรสามปีเกษตรกรรม
จบมอหกมีฉลองกันถ้วนหน้า  ถึงเวลาออกบินยินแล้วขำ
มีประกาศรับคนเข้าประจำ  ทุกตำบลเจ้าหน้าที่ชำนาญการ
ทางเกษตรมอหกคือคุณวุฒิ  วิเศษสุดเพื่อนเราเขาบอกขาน
ไปสอบกันบรรจุพนักงาน  ด้านเกษตรตำบลคนสำคัญ
แต่กระผมเสียใจไม่มีสิทธิ์  อย่าเพิ่งคิดสอบเลยเพื่อนเขาขัน
สิบหกขวบพอดีเลยอดกัน  สิบแปดนั้นเกณฑ์รับราชการ
ต้องรออีกสองปีถึงจะได้  แต่ช้าไปสองปีมีคำขาน
ยกเลิกหมดมอหกไม่รับงาน  เกณฑ์ต้องผ่านมอปลายจึงรับรอง
ถึงคราวต้องตกงานมานานนัก  มันหักเหชีวิตเราทั้งผอง
เริ่มต้นใหม่เรียนรู้ตามครรลอง  ชาวบ้านต้องทำการงานอันใด
ใช้ชีวิตช่าวบ้านชนบท   เรียนรู้กฎชาวบ้านเป็นไฉน
จะทำมาหากินกันอย่างไร  ทำนาไร่เริ่มเรียนพากเพียรไป
ลูกผู้ชายต่อไปต้องออกเรือน  ยังเลอะเลือนมิรู้เรื่องอันไหน
เริ่งศึกษาฝึกฝนจนแจ้งใจ  เริ่มงานไม้จักสานการถักทอ
หัดถากไม้เสากลมแลเสาเหลี่ยม  งานยอดเยี่ยมแปรรูปไม้สิหนอ
หัดดึงเลื่อยสองคนอดทนพอ  ผลงานต่อเติมบ้านการจำเป็น
เครื่องมือทำนาไร่พวกไถคราด  พึงฉลาดทำได้ก็ได้เห็น
ลูกผู้ชายหลายหลากงานยากเย็น  ถึงยากเข็ญมิท้อขอฝ่าฟัน
สามปีผ่านงานมาทำนาไร  จนเจ้าใจงานยากลำบากสรรพ์
ประเมินผ่านระดับดีนี่สำคัญ  เข้ารู้กันชาวนามัธยม
จบมอหกเกษตรวิเศษนัก  ย่อมรู้จักพัฒนาไร่นาสม
จนเพื่อนบ้านชอบใจได้ชื่นชม  เข้าสังคมชาวบ้านสราญใจ
ชีวิตอยู่บ้านนอกก็ราบรื่น  ผ่านวันคืนเจ็ดปีมิสงสัย
เป็นชาวบ้านแถมขยันการใดใด  ค่อยเป็นไปพัฒนาน่าชื่นชม
ปีสองห้าหนึ่งศูนย์พูนสวัสดิ์  ชีวิตผัดเปลี่ยไปได้เหมาะสม
อายุควรบวชเรียนเพียรภิรมย์  อุปสมบทเป็นพระขุนทอง
ฉายาสุขุมาโลโหแปลกแปลก  เพราะแผกนิสัยไม่สนอง
คนใจร้อนสุขุมได้คงไต่ตรอง  เราจักลองปรับตนให้พัฒนา ฯ

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รำพึงรำพัน ๓






                                              ตอนที่ ๓
กลอนแปด
สวัสดีครับพ่อคุณนามขุนทอง คงมิต้องนามแฝงกันดอกหนา
นามศรีทองคนรู้กันนานมา คงนึกว่าหนุ่มหล่อที่ไหนกัน
ใช้นามจริงแหละเพื่อนเหมือนเธอหน่อย คนมิถอยชนฝาจนน่าขัน
เคยชวนไปจับผีตีกลองมัน กลัวจนสั่นแกบ้าว่าไม่กลัว
พระเณรห้าไฟฉายห้ากระบอก เดือนมืดออกมาระวังเอ็งยังหัว
สักสามทุ่มระฆังดังระรัว เปิดไฟทั่วส่องสว่างดังกลางวัน
ผีตุ๊กแกปากคาบตะขาบฟัด เห็นชัดชัดผีบ้านึกน่าขัน
ก่อนคนเล่าวัดนี้ผีดุกัน ระวังมันหลอกทีตีระฆัง
บ้างตีกลองวันพระมิละเว้น หลอกพระเณรวัดเราเล่าความหลัง
พอจับได้เป็นตุ๊กแกมันระวัง จับเหยื่อตั้งฟัดฟาดให้เหยื่อตาย
บ้างตะขาบจิ้งจกหรือนกหนู ตรงมันอยู่หน้ากลองน่าใจหาย
นึกว่าผีตีกลองกลัวมากมาย อ้ายผีลายเขากลัวมานานปี
จนหลวงพี่ขุนทองส่องไฟพบ เกมจึงจบกันดอกเรื่องหลอกผี
อ้าวมาชวนสนทนาธรรมนะนี่ มัวเซ้าซี้นอกเรื่องเปลืองคารม
อยากจะฟังภาษิตหมวดขันติ วิริยะมากมายนายเหมาะสม
สาธยายหน่อยนะจะนั่งชม ข้าพรหมาไหว้ละจะขอเชิญ
ขอบคุณเพื่อนชวนคุยเรื่องธัมมะ เลิกแล้วจะร้อยรัดมิขัดเขิน
เป็นคำกรองสรรคำให้จำเริญ คงอ่านเพลินดีฉันสันทนา 
เริ่มจับหมวดขันติริแปลงสาร ตั้งใจอ่านสำนวนควรศึกษา
ต้องแปลอรรถแปลงถ้อยร้อยสารา  ดัดแปลงมากำหนดบทคำกลอน
แรก ขันติ ปรมัง ตโป วิเสโส ตีติกขา ครูบาสอน
ขันติเป็นตบะอย่างยิ่งตอน สู้กิจร้อนกิจหนักต้องอดทน
มิท้อถอยทดท้อใช้ขันติ วิริยะทำการงานมิสับสน
ที่สุดจักเสร็จการงานมงคล ขันติดลวิริยะพยายาม
ขันติ ตโป ตปัสสิโน วิเสโสขันติที่อยากถาม
เป็นตบะอย่างไรท่านองค์ราม จิงติดตามดาบสที่พากเพียร
พระดาบสสายสรรค์สมถะ สมาธิฝึกมันกันจำเนียร
กรรมฐานสมถะจะร่ำเรียน จนวิเชียรโชติช่วงชำนาญฌาน
ล้วนอาศัยขันติวิระยะ อุตสาหะมากด้วยช่วยฮึกหาญ
ถัดไปเป็นหมวดธรรมคำที่จาร อ่านบทแรกมโนปุปพังคมา
ธรรมทั้งมวลมีใจเป็นหัวหน้า มโนพาทำกิจประกอบกรรม
สามกรรมคิอกายาวจีจิต มโนคิดเริ่มต้นจนน่าขำ
ไม่ได้คิดพูดจาหรือกระทำ ยากจากนำผลตอบที่ชวบควร
ไม่มโนสื่อใครไม่รู้เรื่อง พูดจาเปลืองถ้อยคำกรรมสอบสวน
มิรู้เรื่องทำไปไร้กระบวน มโนชวนพูดจาสื่อสารกัน
บทถัดมากล่าวว่าธัมโม สุจิณโณสุขมาวหาสรรพ์
ประพฤติธรรมดีงามผลดีพลัน หฤหรรษ์สบสุขสถาพร
ภาษิตกล่าวชอบแล้วนะขอรับ แบบฉบับภิญโญสโมสร
กระทำชอบควรกิจวิวิธบวร ทุกบทตอนพึงเจริญดำเนินการ
ธัมมปิติสุขังเสติ วิริยะยินดีธรรมประสาน
จบสบสุขเริงรื่นสดชื่นบาน ปีติสานสุขสมภิรมยา
ธัมมจารีสุขังเสติ ตริตรึกมีคุณธรรมนำศึกษา
ปฏิบัติถูกต้องพัฒนา จะนำพาสบสุขสถาพร
ธัมมัญจเร สุจริตตัง พึงระวังจิตสรรค์สโมสร
ประกอบด้วยคุณธรรมวิวิธบวร ทุกบทตอนจักจำเริญดำเนินไป
นำมาซึ่งมงคลดลสุขสันติ์ อภินันท์จิตกายคลายสงสัย
มีคุณธรรมนำทางกระจ่างใจ จบพบได้สุขเกษมเปรมปรีดา
จบหมวดธรรมน่ำทางสว่างจิต มากข้อคิดเตือนใจให้ศึกษา
นำประพฤติปฏิบัติพัฒนา จะนำพาสบสันติ์นิรันดร
....ต่อไปขอหมวดตนสหายา อัตตาหิอัตตโนโถคำสอน
พึ่งตนเองเถิดหนาประชากร ดีแน่นอนพึ่งได้อย่างไรกัน
จักพึ่งตนลำบากยากกันหน่อย ผู้ใหญ่คอยประคองครรลองสรรค์
หนึ่งสุขภาพกายใจก็สำคัญ สองปัญญาหัดเขียนเรียนชาญเชาวน์
สามประกอบกิจการงานชาญทำกิจ ผลสัมฤทธิ์ทำได้ไม่ขลาดเขลา
สามารถเลี้ยงตนเองได้เก่งไม่เบา มิมีเหงาเก่งการชาญปัญญา
ฉะนี้พึ่งตนทำคุณธรรมสร้าง เป็นช่องทางสำนวนควรศึกษา
จะพึ่งได้ต้องแกร่งเชาวน์วิชชา และนำมากอปรกิจสฤษดิ์การ
อัตตา หเว ชิตัง เสยโย วิเสโส ชนะตน มีคำขาน
เป็นชนะที่เลิศประเสริฐชาญ คนโบราณยกย่องวิเศษชัย
อัตตามีมารคอยขัดขวาง ทางกุศลคอยห้ามน่าสงสัย
อกุศลกลับเสริมเติมเอาใจ ยุเข้าไปทำเลยนั่นแหละมาร
มีอยู่สามโลภะและโทสะ กับโมหะพุทธองค์ทรงสื่อสาร
สอนสาวกให้รู้ดูให้ชาญ นั่นคืองานรบกิเลสพิเศษคุณ
ดำเนินผ่านสมาธิวิปัสสนา จักนำพามรรคผลพลังหนุน
วิริยะอุตสาหะจะเพ็ญบุญ จักเจือนจุนชนะตนได้นั่นแล
อัตตนา ว กตัง ปาปัง สังกิลิส สันติ พึงได้แท้
ทำบาปเองเศร้าหมองคือตัวแปร ดังดวงแขม่านหมอกเมฆบดบัง
อัตตนา อกตัง ปาปัง ยังวิสุชฌติ มนต์ขลัง
มิทำบาปย่อมพิสุทธิ์พลัง กุศลสั่งสมให้ได้งดงาม
อัตตนา โจทยัตตานัง พึงระวังเตือนตนด้วยตนถาม
คนอื่นเตือนลำบากยากทุกยาม มิได้ตามใกล้ชิดสนิทเรา
แม้หวังดีแต่เตือนได้ตามโอกาส มีบ้างคลาดลำบากยากมิเบา
แต่ตนเองอยู่กับตัวแต่ยังเยาว์ จนแก่เฒ่าก็อยู่ด้วยช่วยตัวตน
เป็นตัวตนหวังดีมีความรัก ลึกล้ำหนักยิ่งใหญ่ไม่สับสน
จะดีชั่วแบบไหนใช่ตัวตน รู้เหตุผลทุกอย่างกระจ่างใจ
อยากให้ดนเตือนตนจึงเหมาะสม รู้อารมณ์เหตุผลกลไหนไหน
เตือนตนถูกกาละเทศะได้ ไม่หวังร้ายสบายจิตตนเตือนตน