วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2563

อ่านบทร้อยกรอง

อ่านบทร้อยกรอง
.......เปิดหน้านี้ไว้บันทึกบทร้อยกรองที่คนอื่นแต่งแล้วมีข้อบกพร่อง ส่วนที่ตัวเองแต่งบกพร่อง ไม่ค่อยเห็นนะ เลยมีแต่คนอื่นทำบกพร่อง
.........1. วันนี้เห็นคนเอาคำ อาย สัมผัสกับ เสียง ไอ อีกแล้ว ถ้าเป็นนักเรียน ไม้บรรทัดเคาะหลังมือแล้ว

มันเสียงสั้น กับเสียงยาว คำที่ประสม ไอ อัย คือ เสียง อะ ประสม แม่ เกย แต่คำ  อาย เช่นคำ นาย
ตาย หาย คำพวกนี้ประสมสระ อา สะกดด้วยแม่ เกย จึงไม่ควรใช้ รับส่งสัมผัสกัน ว่าง ๆ มาอ่านซะ หรือไม่ก็โทรมาจะส่งคำด่าไป
.........2. เห็นละลอกทับ ละลอกฉลอง ฝีมือแต่งกลอนคนที่บอกว่า บทเรียนอาจารย์.........เห็นชึ้นป้ายเป็นอาจารย์สอนภาษาไทย ทำไม้ ละลอกทับ ละลอกฉลอง ยังไม่รู้ เขียนกลอนสอนนักเรียนผิด ๆ อยู่ได้ โกรธ น่ะ
.........3. สระเอียสระเอือเสียงเดียวกัน...............ที่ฉันว่าถูกไหมเธอนักเรียน
.............แต่หนูว่าดูไปก็ไม่เหมือน......................ดาวกับเดือนคนละอย่างต่างกันครู
.............เรียนกับเหมือนเสียงเอียกับเสียงเอือ.....เห็นน่าเบื่อต่างกันครั้นเป็นหนู
.............มิกล้าเลยดอกค่ามิน่าดู.........................หากใครรู้คงขำอำเล่นซี
23 เมษายน ๒๕๖๓
...........เห็นครูแต่งโคลงสี่ ใช้คำเสียง เอีย สัมผัสกับ คำเสียง เอือ ก็ไม่กล้าทักหรอกค่า
แค่บันทึกไว้เฉย ๆว่า นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เอาไว้เตือนตัวเอง ระวังเผลอแบบนี้ด้วย แต่คนที่ใช้สองเสียง ร่วมกันก็มีนะ แุถวบ้านผม อีสานน่ะครับ  ไปไสตา  (เมียบ้าน) ยายล่ะ สิไปไส ย่างไปคนละทาง (เมือบ้าน) เมีย กับเมือ ไปบ้านเหมือนกัน
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓  
---------เห็นนักกลอนมือระดับครู แต่มาเขียนโคลงสี่  แปลกดี สัมผัสบังคับในบทโคลงบังคับไว้สองเสียง คือ คำท้ายบาทแรกเสียงนี้จะส่งไปคำที่ห้่า บาทสองและสาม  ส่วนเสียงที่สองคือคำโท ท้ายบาทที่ สอง ส่งไปคำที่ห้่าบาทที่ สี่  ดังนั้นสองเสียงนี้ไม่ควรใช้เสียงสระเดียวกัน ถ้าเสียงที่หนึ่งใช้เสียง  อา  เสียงบังคับที่สองก็ไปใช้เสียงอื่น ตัวอย่าง

๒๒. จากมามาลิ่วล้ำ..........ลำบาง ...........................เสียงที่ ๑   อาง ได้แก่คำ บาง พลาง นาง
บางยี่เรือราพลาง..............พี่พร้อง ...........................เสียงที่ ๒  ออง ได้แก่คำ พร้อง คล้อง
เรือแผงช่วยพานาง...........เมียงม่าน มานา
บางบ่รับคำคล้อง..............คล่าวน้ำตาคลอ

เสียงฦๅเสียงเล่าอ้าง........อันใด พี่เอย.....................เสียงที่ ๑ ได้แก่  ไอ จากคำ  ใด
เสียงย่อมยอยศใคร..........ทั่วหล้า............................เสียงที่ ๒ ได้แก่ อา  จากคำ  หล้า
สองเขือพี่หลับใหล..........ลืมตื่น  ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า................อย่าได้ถามเผือฯ..............อย่า เป็นคำสัมผัสสระจากคำ อ้า...อย่า  นิยมเล่น








วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2563

เวสสันดรคำกลอน



............เวสสันดรคำกลอนชุดนี้ กระผมเขียนขึ้นเพื่อเผยแพร่ให้คนอ่าน ได้รู้เรื่องราวนิทานชาดกสำคัญ ที่สมัยก่อนนำมาเทศน์สอนชาวบ้านช้วงเดือนสี่ จนกลายเป็นฮีตเดือนสี่ ทำบุญพระเวสส์ ปัจจบันความนิยมทำบุญฟังเทศน์ดังกล่าวเสื่อมความนิยมไป ก็อยากให้ผู้อ่านได้รู้เรื่องราวชาดกเรื่องนี้ ทำไมคนสมัยก่อนอยากให้ได้ฟัง ได้รู้กันนัก ผมนำมาถ่ายทอดด้วยกลอนแปด  เพื่อให้อ่านได้ง่าย และไม่ยาวเกินไป โอกาสจะอ่านจบ ๑๓ กัณฑ์ก็ไม่ยากอะไร เพราะแค่ ๘๒๘ บรรทัดเอง                                        

--------------------------------------------------------------------------------------
มหาเวสสันดรคำกลอน                           โดยขุนทองศรีประจง
-------------------------------------------------------------------------------------
ถึงเดือนสี่มีบุญมหาชาติ ตามประกาศเฒ่าจ้ำนำบอกขาน
สิบสี่ค่ำโฮมบุญเริ่มของงาน สิบห้าท่านฟังเทศน์ตลอดวัน
แรมค่ำหนึ่งเก็บกวาดมวลขยะ ภาชนะสิ่งของทุกสิ่งสรรพ์
ทำสะอาดศาลาฟังเทศน์กัน ออกมากันช่วยพระจะได้บุญ
มีคนถามฟังเทศน์สนุกไหม เคยมีใครฟังจบไหมตาขุน
ยากเหมือนกันแต่เช้าจบคอยลุ้น ห้าโมงเย็นอุ่นใจจบพอดี
ขับตำนานงานเทศน์แต่ก่อนเก่า เอาแค่เพียงสามวันหนานวลศรี
วันแรกแห่อุปคุตเช้ามืดที ทางบ้านมีข้าวพันก้อนมาแห่กัน
ไปถึงวัดนิมนต์อุปคุต หยุดบนศาลจัดวางเขาสร้างสรรค์
บริขารครบแปดนี่สำคัญ อรหันต์สมมติท่านครูบา
ข้าวพันก้อนบูชาพากระหย่อง มองไปที่โคนเสาธุงนั่นหนา
ปักรายรอบเรียงรายข้างศาลา ติดพานพากระหย่องวางธูปเทียน
ข้าวพันก้อนวางได้ทีละก้อน ตอนเสร็จงานเขาเก็บแยกพากเพียร
รวมเป็นเครื่องครุพันมิอาเกียรณ์ ปีหน้าเวียนมาใช้ได้สบาย
เสร็จการแห่ขึ้นศาลามาไหวพระ จะรับศีลฟังเทศน์พิเศษหลาย
หกโมงเศษษเริ่มต้นมิวุ่นวาย สาธยายมหาชาติประกาศกัณฑ์
                                   บทนำมาลัยหมื่นมาลัยแสน
พรัมมาจโลกาธิปติ ญาติโยมริเริ่มงานมงคลสรรค์
นิมนต์ท่านหลวงตามาพร้อมพลัน อภิวันทน์นิมนต์เทศนา
นะโมตัสสะภควโม โอกาสนี้จักเริ่มปฐมา
เหตุต้องฟังมหาชาติตามศึกษา คราหนึ่งพระเถระผู้ทรงฌาน
นามมาลัยเถระชาวสิงหล ไปเมืองบนดาวดึงส์ด้วยอาจหาญ
ไหว้พระธาตุเกศแก้วจุฬาท่าน ได้พบพานเทพไทที่เวียนมา
มีหนึ่งท่านทรงนามพระเมตไตรย กาลต่อไปจักลุไตรสิกขา
เป็นอนุตตระสัมพุทธศาสดา สนทนาโดยธรรมวาที
ถามถึงการบำเพ็ญโพธิยะ จักสัมฤทธิ์ปลายกัปป์ตามวิถี
ถามถึงชนมาดประสงค์จักเกิดมี คราวมีพุทธศาสนายุคพระองค์
จักต้องทำไฉนจะได้หวัง เสร็จสมดังตามได้ใจประสงค์
ท่านบอกให้ใฝ่ผลกุศลบุญ บำเพ็ญคุณทางชอบระบอบการ
กิจทำบุญมหาชาติสักหนึ่งครั้ง ตั้งใจฟังเทศน์จบด่วยใจหาญ
ในวันเดียวจดจำนัยนิทาน มโหฬารบุญได้มากมายมี
จะได้เกิดพบกันทันศาสนา อาริยเมตไตรยได้เสริมศรี
อาจได้ลุมรรคผลกรณี แล้วแต่มีวาสนาผลาบุญ
พระมาลัยกลับโลกชุมชาวบ้าน ได้ฟังท่านบอกเล่าเข้าใจหนุน
ขยันกิจละบาปก่อการุณ กุศลปุนปองสร้างทางจำเริญ
ชำระจิตผุดผ่องต้องสะอาด สามหลักปราชญ์สั่งสอนมิขาดเขิน
สิ่งที่หวังคงได้ใช่บังเอิญ เพราะดำเนินกิจกุศลพลบุญ
จบนิทานมาลัยหมื่นแลแสน เริ่มสู่แดนมหาชาติคาดบุญหนุน
-------------------------------------------------------------------------------------
จบมาลัยหมื่นมาลัยแสน เริม ๑ กัณฑ์ทศพร ๑๙ พระคาถา
------------------------------------------------------------------------------------
ปฐมบททศพรเจริญคุณ สิบเก้าสุนทระกถาสถาพร
เริ่มนิทานเล่าถึงแต่ปางก่อน ตอนทวยเทพผุสดีสิ้นสุดวาร
มีตำนานบอกเล่าก่อรเก่ามา คราต้องลงเมืองมนุษย์จุดไขขาน
เคยสั่งสมบารมีอธิการ เป็นมารดาโพธิสัตว์เป็นมั่นคง
ลางบอกเหตุถึงคราวจักจุติ เบื่อวิมานร้อนจิตพิศวง
เครื่องประดับงดงามตามที่ทรง กลับหมองลงมิงามตามที่เป็น
สามภูษาเครื่องทรงผลงกต หมดสง่าดูหมองตรองตามเห็น
พระเสโทโทรมกายทนยากเย็น รังสีเช่นจะอัเฉาชวนเศร้าใจ
นิมิตห้าเกิดมาคราสิ้นสุด จักจุตติม่นคงมิสงสัย
รีบรุดเฝ้าอินทาเทวราช จักคลาคลาดลงเกิดประเสริฐสมัย
ขอพระพรสิบประการพระทรงชัย ประทานให้สมประสงค์จำนงนวล
หนึ่งขอให้ได้ประทับสีพีราช ร่วมครองราชเวียงวังดังสงวน
สองมีเนครคมขำงดงามควร ชวนชื่นชมดุจนัยนาทราย
งามขนงเขียวสดดังสร้อยศอ มยุราพอกันคิ้วโฉมฉาย
สี่ขอนามผุสดีมิกลับกลาย ห้าลูกชายยิ่งใหญ่บารมี
ใฝ่กุศลผลบุญคุณประเสริญ เป็นหนึ่งเลิศน่าชมสมศักดิ์ศรี
โพธิสัตส์ยิ่งใหญ่ในปฐพี ขออย่ามีพระครรภ์ป่องมิงดงาม
พระถันงามสดสีมิมีเหี่ยว มิได้เกี่ยววัยชราน่าเกรงขาม
ดังสาวรุ่นรูปทรงของนงราม สง่ายามพบเห็นเป็นมงคล
แปดเกศาดำดุจปีกแมงภู่ ฉวีดูดังสุวรรณโดยกุศล
มีอำนาจช่วยเหลือเกื้อทุชน ให้หลุกพ้นโทษประหารเหลือจำจอง
คงตลอดชีวิตก็พอแล้ว ช่วยให้คล้วโทษตายคลายใจผอง
กลับมาทำความดีตามครรลอง สมควรต้องสั่งสอนให้กลับใจ
สิบประการขอพรเทวราช มีประกาศประทานมิสงสัย
กราบทูลลาพระองค์สหัสสนัย จุติไปบังเกิดในโลกา
---------------------------------------------------------------------------------------------
จบ๑กัณฑ์ทศพร  เริ่ม ๒ กัณฑ์หิมพานต์ ๑๓๔ คาถา
-----------------------------------------------------------------------------------------
เทพบุตรจุติลงมนุษย์โลก โชคได้เกิดในวังอลังการ
มัทราชราชวังบริพาร ชื่นชมท่านกุมารีถวายพระพร
ทรงพระนามผุสดีนารีเลิศ งามประเสริฐยอดหญิงมั่งสมร
เจริญวัยงดงามสวัสดิ์บวร นาถบังอรเลิศลักษณ์ศิริวิมล
ต่อมาชาวสีพีมีประกาศ สู่ขอนาถเป็นรานีมิสับสน
แห่งพระเจ้าสญชัยเกริกไกรกล จันทร์เจิดจนส่องสว่างกลางนภา
ครองสมับัติรัชกาลสราญ์เลิศ สิ่งประเสรฺฐลาภยศปรากฏหนา
สรรเสริญสุขแรงหนุนเพราะบุญญา เพชรจินดาไหลหลั่งคลังไพบูลย์
สองสุขสองสมสองทรงครองราชย์ พระหน่อนาถบุญใหญ่ครองไอศูรย์
คราหนึ่งเสด็จเลียบกรุงสีพี พระผุสดีประสูติราชบุตรวิบูลย์
เวสสนดรพระโอรสอนุกูล ฉัททันต์ทูนถวายเศวตคชาธาร
นัยว่าเป็นคู่บุญลงมาเกิด สิ่งประเสริฐสี่แหล่งมหาศาล
ขุมทรัพย์ใหญ่เกิดด้วยอำนวยการ พระกุมารจักเพ็ญบุญบารมี
ปัจจนาคนาเคนทร์นามช้างเผือก ดังทรงเลือกฟ้าฝนดลวิถี
ล้วนอุดมสมบูรณ์พูนทวี ชาวธานีสุขสันต์สถาพร
เจ้าชายเวสสันดรใจบุญ ชอบเกื้อหนุนเพ็ญกุศลสโมสร
เปิดโรงทานสี่ทิศทรงบทจร ประชากรรอรับบำเพ็ญทาน
เสร็จที่หนึ่งจึงผ่านไปที่สอง ชาวเมืองจ้องภูวนัยต่างไขขาน
อยากจะเห็นพระองค์ยามทรงงาน สุขสราญที่ได้ชมพระบารมี
กล่าวถึงเรื่องเมืองกลิงคราษฎร์ ภัยประหลาดผู้คนหม่นหมองศรี
เกิดภัยแล้งนับนานถึงเจ็ดปี คนไม่มีธัญญาหารลำบากลำบน
ยินข่าวเมืองสีพีไม่มีแล้ง ดังเทพแต่งน้ำท่าทุกแห่งหน
ล้วนอุดมสมบูรณ์ประชาชน ไร่นาผลดีมากมิยากการ
ล้วนเพราะบารมีองค์กษัตริย์ จึงขจัดเภทภัยแผ่ไพศาล
ทั้งยังมีปัจจนาคคชาธาร ช่วยบัลดาลฟ้าฝนชลธา
หากแม้นเมืองกลิงมีบุญบ้าง จืดต่อทางสีพีสืบเสาะหา
ขอช้างต้นปัจจนาคเดินทางมา อยู่พาราจักหยุดแล้งได้แน่นอน
พระราชาเห็นด้วยให้ช่วยคัด พราหมณ์สันทัดการขอเคยฝึกสอน
ล้วนระดับพ่อครูไปวิงวอน คชาธรขอได้ไม่ยากเย็น
คณะพราหมณ์แปดคนรับมอบหมาย บ่ายหน้าไปสีพีแสนทุกข์เข็ญ
หนทางไกลบุกป่าฝ้าดงเป็น เจ็บป่วยเห็นลำบากหากอดทน
พบแม่น้ำข้ามมาว่าลำบาก ยิ่งยุ่งยากเขาเขินแลไพรสณฑ์
นานนับเดือนเขตสีพีที่กังวล พบผู้คนถามไถ่จนได้ความ
พ่อเมืองทานเมตตามหาเวสส์ เชษฐ์บุรุษยิ่งใหญ่ใครก็ขาม
ชอบตรวจตราบ้านเมืองทุกเขตคาม ยามพบเห็นปวงประชาท่านอาดูร
ถามสุขทุกข์บางคนเดือดร้อนหนอ กราบทูลขอทรงช่วยด้วยเกื้อกูล
เมตตาท่านมากมีทวีคูณ ท่านเพิ่มพูนบารมีด้วยปรีชา
อภิษกเจ้าหญิงมัททราษฎร์ นามพระนาถมัทรีกนิษฐา
งดงามเยี่ยงหญิงงามเทพธิดา  จุติมาจากสวรรค์กํดุจกัน
พระเจ้ากรุงสญชัยสละราชย์ ให้ฝ่าบาทพระเวสสวิเศษสรรพ์
เป็นราชาสีพีเลิศราชัน บ้านเมืองนั้นสงบสุขสถาวร
ต่อมามีโอรสและธิดา คือกัณหาชาลีศรีสมร
เป็นสุดรักแห่งบิดาพระมารดร ประชากรชมชื่นพระบารมี
กิจวัตรราชามหาเวส ชอบตรวจเขตพาราสาวถี
ดูสุขทุกข์ปวงประชาชาวบุรี ทุกข์ภัยชี้ช่วยเหลือเกื้อบรรเทา
ชาวประชาสรรเสริญเจริญสิ้น  ยินดียิ่งพระราชาแห่งพวกเขา
ทศพิธคุณธรรมล้ำชาญเชาวน์ ทรงถือเอาเป็นวัตรพิพัฒนา
ชาวพาราสีพีสุขีสงบ พบกษัตริย์ทรงคุณอุ่นหรรษา
สุนติสุขทั่วไปในพารา ปวงประชาแซ่ซ้องพระภูมี
กล่าวถึงเมืองห่างกันกลิงคราฎร์ อุบาทว์แห้งแล้งนักดังยักขี
มาสาปแช่งแกล้งคนลนอัคคี ชีวีแทบดิบดิ้นสิ้นพารา
ราชครูผู้คนเสาะทางแก้ นับตั้งแต่เรื่องง่ายธรรมดา
แหนางด้งนางแมวก็ทำมา มัมีท่าฝนจะตกมันแล้งเกิน
ข่าวทางเมืองสีพีอุดมสุข ทุกแห่งหนชลธามิขาดเขิน
ข่าวลือว่าราชาท่านบังเอิญ ทรงเจริญช้างทรงมีบุญญา
อยู่หนใดน้ำฝนมิเคยขาด อาจทำให้หายแล้งได้จริงหนา
ควรส่งคนไปขออัญเชิญมา ช่วยพาราเมืองกลึงถึงจะดี
พระราชาสั่งให้ได้จัดการ พราหมณ์ขอทานสุดยอดำปดูถี
แปดยอดพราหมณ์รีบไปมิรอรี  หลายราตรีมาถึงเมืองปลายทาง
พบชาวบ้านสอบถามถึงบ้านเมือง ได้หลายเรื่องสงสัยได้สรสาง
พระราชาเวสันดรชอบเดินทาง อ้างตรวจการโรงทานประจำวัน
สี่มุมเมืองโรงทานท่านตั้งอยู่ มาตรวจดูประจำคำเขาสรรพ์
เรื่องราชามาเยี่ยมโรงทานนั้น คนรู้กันกิจวัตรเวสสันดร
โอกาสดีแปดพราหมทำหน้าที่ พบภูมียามเช้าอุทาหรณ์
บอกเรื่องราวเดินทางหาภูธร ด้วยเดือดร้อนบ้านเมืองแห้งแล้งเกิน
ทราบเรื่องบุญบารมีพระปกเกศ องค์พระเวสใจกุศลคนสรรเสริญ
เมตตาช่วยผู้คนทรงดำเนิน ใคร่จักเชิญปัจจนาคคชาธาร
ไปโปรดเราชาวกลึงให้หายแล้ง ฟ้าดินแกล้งเจ็ดปียากจักขาร
เดือดร้อนนักขสดฝนกันมานาน ขอภูบาลเมตตาทรงปราณี
อนุญาตข้างทรงไปปรากฏ เป็นเกียรยศชาวกลิงจริงเป็นรศรี
บ้านเมืองจักร่มเย็นทั่วธานี อาจจักมีฟ้าฝนชลธา
สมเด็จองค์พระเวสส์ทราบเรื่องราว โอกาสคราวเพ็ญบุญยากนักหนา
ประทานให้ด้ายมีพระเมตตา สูจงพาปัจจนาคเดินทางไป
เรื่องราวทรงประทานคชาชาติ ชนเกรี้ยวกราดโกรธเคืองยิ่งไฉน
ยื่นฟ้องร้องพระองค์กรุงสญชัย จงขับไล่ราชาเวสส์ทันที
ทรงเรียกองค์พระเวสมาปรึกษา ยามประชาโกรธเคืองตวรหลบหนี
การประจันต่อหน้ายากราวี อาจจักมีเหตุร้ายศึกดังไฟ
จักขอหลบหลีกหนีลองดูก่อน บ้านเมืองร้อนเมื่อเย็นเป็นไฉน
คงรู้ดีรู้ขอบตอบต่อไป คงจักได้คืนบ้านย่านนคร
--------------------------------------------------------------------------------------------
จบ๓.ทานกัณฑ์209คาถา เริม ๔ วนประเวศน์
-------------------------------------------------------------------------------------------
ก่อนจากไปขอบำเพ็ญกุศลกิจ  ตามที่คิดเอาไว้ไม่ทอดถอน
สตสัตตกมหาบวร ทานปกรณ์เจ็ดสิ่งเจ็ดร้อยควร
ช้างเจ็ดร้อยมารถก็เจ็ดร้อย มิใช่น้อยหญิงงามทรามสงวน
เจ็ดร้อยนางทาสชายที่คำนวณ เจ็ดร้อยถ้วนเท่ากันมาทำทาน
นางทาสีและโคอย่างเจ็ดร้อย มิใช่น้อยเจ็ดสิ่งตามกล่าวขาน
สตสตกเจ็ดร้อยคำนวนการ เจ็ดสิ่งท่านเพ็ญบุญบารมี
เลื่องลือไกลมหาทานการกุศล ล่วงลุบนแดนสวรรค์ในวิถี
ล้วนแซ่ศร้องสรรเสริญทั่วธาตรี เฉลิมศรีโพธิสัตว์บำเพ็ญบุญ
เสร็จลำลาพระบิดาคราจำจาก ถึงคราวพรากอยู่ดีมีพลังหนุน
สุขสวัสดิ์โรคภัยอย่าได้รุน รุกรนคุณปิตุเรศจงคลาคลาย
พระมารดาสงบสันต์อย่างได้โศก ถึงวิโยคยังสนิทเสน่หฺสาย
รักบิดามารดาชีวาวาย จวบจนตายยังรักมั่นนิรันดร
ขอพระคุณบุญคุ้มปิตุเรศ ปกปักเกศพระมารดาอย่าทอดถอน
กราบลาเสร็จกำหนดบทจร  จากนครสีพีเคยอยู่เย็น
จำจากลาปราสาทเวียงวังแก้ว จักไกลแล้วห่างไกลสูไพรสณฑ์
คงเงียบเหงาพงไพรไร้ผู้คน น่ากังวลคงคะนึงถึงพารา
คงเพราะมีบาปกรรมแต่หนหลัง จึงจากวังจากเวียงเสียงหรรษา
เสียงดนตรีปี่กลองรำมะนา เสียงกัญญาร่ำร้องเริงรำบำ
กล่มเสนามาส่งให้กลับไป สี่องค์ได้บทจรตามลำพัง
เมื่อรถทรงทรงรถมิได้แล้ว คงมิแคล้วบทจรมิอยากหวัง
ขึ่คอพระบิดาคราเหนื่อยหนัก  ชาลีจักเดินยากแล้วแม่จ๋า
เกาะหลังพ่อสบายหน่อยจนหลับตา น้องกัณหาแม่อุ้มสลับเดิน
นกอะไรป๊กป๊กมันร่ำร้อง ก้องในดงลำเนาล้วนเขาเขิน
โพรดกแหละแม่มันเคาพเพลิน มันบินเหินหาหนอนจรตระเวน
เจอไม้แห้งด้วงหนอชอนไชอยู่ นกมันรู้สับไม้ไล่จนเห็น
จับได้กินหาเหยื่อดูยากเย็น ที่แลเห็นนกอะไรหางยาวยาว
นั่นนกยูงบินบนยลที่หาง ยามย่องยางบนดินอวดสาวสาว
จะแผ่หางรำแพนดูแพรวพราว เสียงเพราะราวขับเพลงบรรลงพิณ
จู้ฮุกกรูนกเขาอารมณ์ดี เพราะรู้มีนกสาวอารมณ์ศิลป์
เพลงเพลินเพราะร้องไปให้ได้ยิน คงโบยบินมาพบสบคู่ครอง
เสียงเซ็งแซ่สาระพันนี่นันนั่น สนุกกันต้นไทรสุกทั้งผอง
สนุกกินอิ่มแล้วร่ำทำนอง ฉันอิ่มท้องลูกไทรอร่อยเกิน
ปักเป้กเป้กเสียงไรแปลกนัดนั่น เสียงเนื้อมันเรียกคู่บนเขาเขิน
พวกเก้งกวางมากมายมันคงเพลิน เดินเล็มหญ้าโน่นไงกวางดาว
ละมั่งทรายก็มีดีน่ารัก มิรู้จักกลัวคนเลยสาวสาว
กะรอกกะแตไล่เล่นมันไต่ราว บ้างเหินหาวไต่เต้นเกาะกิ่งโยน
มากหมู่ลิงหมู่ค่างบ่างชะนี มากมายมีโลดไล่ไหนห้อยโหน
มันแคล่วคล่องว่องไวไล่กระโจน ปลายกิ่งโอนหนักค่างต่างแย่งไป
นับนานเนิ่นเดินดงพ้นพงป่า เห็นประชาชาวบ้านพาลสังสัย
เก็บของป่าหาชันยางจากไพร ต้นเต็งใหญ่ตันรังหยาดหยดมี
เป็นยางไม้หยุดไหลลงสู่พื้น นานวันคืนกองใหญ่ในวิถี
เก็บเอาไปชาวบ้านเรีกยขี้ซี คุณค่ามีปนน้ำมันทำชันงาม
ฟังเขาบอกต่อนี้เป็นบ้านป่า เขตพาราเจตราชเชิญไถ่ถาม
เดินอีกสักสองวันเป็นเขตคาม ดำเนินตามเขาบอกออกเดินจร
ท่านเจ้าเมืองยินข่าวสี่กษัตริย์ ทรงพลัดพรากไกลห่างกลางสิงขร
ให้คนทูลเชิญสู่นคร แบ่งภูธรปกครองกึ่งธานี
ทรงขอบคุณน้ำใจเจตราช ด้วยฝ่าบาทมีกิจตามวิธี
โพธิสัตว์เพ็ญเพียรบารมี จำต้องหนีห่างไกลในไพรพง
พระราชาเจตราชคาดเลื่อมใส จัดหาให้สิ่งของต้องประสงค์
เรียกพรานไพรเจตบุตรสั่งเจาะจง คุ้มครองวงศ์สี่กระบัตริย์บทจร
พักผ่อนแล้วอำลาพากันจาก มิยุ่งยากเดินไปในสิงขร
สี่พระองค์อำลามาแรมรอน ฝ่าดงดอนห่างไกลในแดนดง
ยินคนเล่าคีรีนามวังกฎ มีดาบสฤาษีล้วงไหลหลง
ไปบำเพญบารมีเป็นมั่นคง พระประสงค์จักไปคือปลายทาง
ดำเนินต่อเข้าเขตป่าดงดิบ เนินเขาแลลิบลิบยากสะสาง
นับร้อยเขาพันเขาอินทร์พรหมวาง ช่างสลับซับซ้อนทางจักไป
นายพรานไพรเจตบุตรก็เป็นห่วง เดินนำล่วงนับนานมิสงสัย
ทพเครื่องหมายเดินทางกลสงพงไพร ล่วงเขตได้เคยเทียวจับเก้งกวาง
แต่นี้ไปเขตเขาคีรีวงก์ ที่พระองค์จักไปแนวไพรขวาง
มีลำธารสายนี้สังเกตทาง ต้นน้ำอ้างไหลจากยุคันธร
ผ่านคีรีวงกตเจตราษฎร์ ยังพาดผ่าสีพีศรีนคร
สุดท้ายลงทะเลใหญ่ใคร่จักจร เดินทางย้อนต้นน่ำไปในดง
คงจักถึงบรรพตนามวงกฏ ที่ดาบสทั่วไปมักไหลหลง
สงบสงัดงดงามพุ่มไพรพง ขอโปรดจงดำเนินสวัสดี
กัณหาวิ่งนำหน้าเลียบชลธา ตามมรรคานำวิถี
คล้ายคนมาแต่งแปลงสะดวกมี กวาดใบไม้เหมือนชี้ให้ดำเนิน
ชาลีไล่ตามหลังมิยั้งหยุด ในที่สุดรอก่อนมองผิวเผิน
มีโขดหินต้นไว้งดงามเกิน แต่บังเอิญสรรพสัตว์มากมายมี
นั่นมดดำมดแดงล้วนแข็งขัน ช่างขยันหาบหามอันใดหนี
ซากตัวใหญ่อาหารสามัคคี ประจำที่ลากขนจนเคลื่อนไป
พวกจิ้งจกตุ๊กแกไปห่างห่าง กีดขวางทางอาจตายมิสงสัย
ทหารมดพิษสงมดคันไฟ รุมเกิดภัยดับแน่ล้วนเหล็กไน
พวกกบเขียดมากมายหายมิเห็น มันซ่อนเร้นดีนักชักสงสัย
เขี่ยใบตองคว่ำอยู่พลิกด้านใน เขียดตกใจโดดลงในลำธาร
ตามไปดูว่ายมาปลาฝูงใหญ่ เสียงอะไรลงน้ำทำใจหาญ
เลาะมาดูรู้เห็นอาจเป็นการ ได้อาหารเสียงดูได้รู้จริง
กบเขียดลงดำน้ำมันรีบหลบ หามีพบง่ายดอกรีบสู่สิง
มีใบไม้ซอกหินหลบแล้วนิ่ง อย่าไหวติงถึงตายวายชีวา
ทั้งปูปลางูเงี้ยวเที่ยวเสาะอยู่ หากมันรู้จับตายง่ายนักหนา
หลบให้ดีปลอดภัยได้คืนมา โชคชตาไม่ดับกลับอีกที
เห็นทางเดินจงกรมยินดีนัก อยากรู้จักไปเฝ้าเจ้าฤาษี
อจุตตะนามท่านกระทำพลี เทพอัคคีบนบานมานานนม
ถามหนทางจักไปเขาวงกต ท่านนักพรตบอกให้ได้ความสม
มิไกลดอกเจ็ดวันชนนิยม เขตนิคมวงกตมิวุ่นวาย
-----------------------------------------------------------------------------------------
จบ๔วนประเวศน์๒๐๙พระคาถา เริ่ม ๕ กัณฑ์ชูชก ๗๙ พระคาถา                     
----------------------------------------------------------------------------------------
ชูชกพราหมณ์เรื่องเล่าคนเขาลือ แกยึดถือขอทานเชี่ยวชาญหลาย
ได้เงินทองสะสมไว้มากมาย มีสหายอยู่บ้านกลิงบุรี
ได้ฝากเงินกับเพื่อนเหมือนคลังใหญ่ สบายใจขอทานย่านวิถี
วันเวลาผันผ่านนับนานปี อยากจักมีบ้านช่องตรึกตรองนาน
ไปขอคืนเงินฝากมิยากนัก คงพอจักสร้างตนจนเสร็จสาน
มีนาสวนก็ดีมีเรือนชาน กลับไปบ้านเมืองกลิงพบเพื่อนยา
ขอเงินทองฝากไว้คืนให้ด้วย คงจักช่วยตั้งตนจึงด้นหา
เพื่อนตกใจแทบตายวายชีวา  เงินแกข้าลงทุนซื้อของไป
คงอีกนานจักคืนแกชูกชก หากข้ายกลูกสาวจะรับไหม
เป็นเด็กดีรูปงามหนาทรามวัย เรียกมาให้รู้จักน่ารักนาง
อมิตตาทราบเรื่องมิเคืองขุ่น กระทำบุญแทนใจได้สะสาง
หนี้สินพ่หลายหมื่นคืนเขาพลาง ดังทาสข้างตัวเราแทนพระคุณ
ข่าวเล่าลือทั่วบางนางสาวน้อย หนุ่มหนุ่มคอยฝากรักชักหันหุน
เสียทีตาพราหมณ์เฒ่าเขามีบุญ ได้เนื้ออุ่นเป็นเมียข้าเสียดาย
ฝ่ายอมิตตาน่ารักรู้จักฮีต ตามจารีตครองเรือนเหมือนสืบสาย
กุลสตรีดีงามยามมีชาย ครองคู่หมายเป็นศรีแห่งครอบครัว
ทำกิจบ้านการเรือนเรียบร้อยหมด ใครเห็นอดสรรเสริญแม่ทูนหัว
เป็นคนดีชั่งกระไรไม่เห็นกลัว หนักเบาทั่วทำงานตัวเป็นเกลี่ยว
เฒ่าชูชกแสนสบายเมียดียิ่ง เธอดีจริงงานใดไม่เคยเหลียว
หนักก็เอาเบาก็จำทำเก่งเชียว ยอดเยี่ยมเทียวแม่เรือนอมิตตา
หนุ่มแก่เห็นกลับไปให้แม่บ้าน ขยันงานแบบนั้นบ้างสิหนา
เมียชูชกตาเฒ่าเราเห็นมา ยอดเยี่ยมหาใครเทียบเปรียบนวลนาง
ปากสองปากมิกระไรไม่มีผล แต่มากคนทั้งเมืองเรื่องจะสาง
พวกแม่บ้านโกรธพลันกันทั้งบาง โกรธเคืองต่างเจ็บใจไปด่าทอ
นี่แน่ะเฮ้ยอี่นางมีผัวเฒ่า  มึงก็เยาว์ยังสาวรุ่นนี่หนอ
มิรู้คิดหาผัวหนุ่มหนุ่มพอ ใยมึงขอตาเฒ่ามาครองเรือน
หน้าตาก็สะสวยหาผัวง่าย จับผู้ชายแก่เฒ่าเราว่าเหมือน
ได้คางคกขึ้นวอหนอดวงเดือน ทำแชเชือนมีผัวกลัวอดชาย
ก็เป็นด่าค่อนแคะกระแหนะกระแหน  จนย่ำแย่อยากลี้หลบหนีหาย
กลับมาเรือนร่ำให้แทบวางวาย สุดแสนอายผู้คนหนาพ่อพรามหณ์
ช่วยหาคนรับใช้มาให้หน่อย คงจักค่อยดีบ้างช่างน่าขาม
ปากผู้คนดุด่าว่าทุกยาม บ้างก็ตามถึงบ้านด่าปาวปาว
ชูชกรู้หนักใจไฉนนี่ ใครจักมีศรัทธาหนาเมียสาว
ให้ลูกเต้าทานให้เป็นเรื่องราว มาถึงคราวคิดหนักเพราะรักนวล
มีบางคนประชดปดตาเฒ่า มีคนเขาบอกมาอย่าเพิ่งสรวล
ท่านพระเวสทานแน่อย่าเรรวน จงรีบด้วนไปขออย่ารอรี
มีพลังฮึดสู้ตูไปแน่ ด้วยรักแท้มากนักรักโฉมศรี
พี่จักไปขอทานพระภูมิ หากโชคดีคงจักได้สองกุมาร
อมิตตาจัดเสบียงยัดย่ามใหญ่ต ตาเฒ่าได้สะพายคล้ายทหาร
ออกเดินทางด้วยหวังจักพบพาน ผู้จักทานบุตรธิดาอยู่หนใด
ไปสีพีหาข่าวองค์พระเวส พอเข้าเขตถามหาเป็นไฉน
ถูกชาวเมืองเขาด่าว่าจัญไร แกจักไปรบกวนพระภูธร
ต้องหลอกลวงหลายเล่ห์จนได้ข่าว รู้เรื่องราวพระองค์เสด็จจร
จากบ้านเมืองสู่ไพรในสิงขร พระแรมรอนมุ่งไปในหิมวันต์
แกะรอยตามเส้นทางอย่างถี่ถ้วน พระสมควรไปวงกฏกลางพงพี
มินานเดินถึงเขตเขตบุตร สุดน่ากลัวหมาพรานผ่านวิถี
มับเห่าไล่จักกัดฟัดแน่มี แกรีบหนีปีนต้นไม้ไล่หมาไป
เจตบุตรยินเสียงหมามันเห่า มาเห็นเฒ่าขอทานถามไปไหน
จะตามหาพระเวสภูวนัย ทรงแรมไพรมานานจากบ้านเมือง
คงจะไปรบกวนพระองค์ท่าน จักสังหารตกตายให้หายเคือง
ชูชกร้องอย่าอย่าเดี๋ยวมีเรื่อง มิอยากเปลืองคารมเอ็งจงฟัง
ข้าเป็นทูติสีพีมีโองการ อัญเชิญท่านพระเวสเรื่อหนหลัง 
ล้างมลทินหมดได้ให้กลับวัง ข้ารับสั่งมาเชิญพระภูธร
กระบอกสารนี่ใงไอ้พรานป่า ดูหมิ่นข้าโทษหนักรีบไถ่ถอน
ไล่พวกหมาห่างไกลใจรอนรอน น่ากลัวตอนมันจะกัดใจจะวาย
มันอวดบั้งน้ำพริกเป็นตราสาร เจ้าพรานไพรก็เชื่อเอาเหลือหลาย
เชิญท่านทูติลงมาหมาวุ่นวาย  เดี๋ยวตีตายท่านทูตกลัวพวกแก
พักแรมกับพรานไพรได้คืนหนึ่ง รุ่งเช้าจึงจากไปมิแยแส
พวกหมาพรานรู้แล้วมันมิแล  เฒ่าพราหมแถเป็นทูติกรุงสีพี
แบกบั้งแจ่วเทิดทูนราชสาส์น ลับตาพรานยัดลงถุงดีหลี
เดินทำเฉยอันตรายย่อมไม่มี ขงเขตนี้พรานไพรลาดตระเวณ
เดินทางเหนื่อยหลายวันก็พลันถึง บ้านตองตึงหลังคาได้มาเห็น
คงมีคนอยู่แน่คงจักเป็น ดาบสเช่นนักพรตเป็นแน่นอน
เข้ามาใกล้ไหว้ท่านพระฤาษี ตัวข้านี้ชูชกนำอักษร
ราชสานส์มาส่งองค์ภูธร เวสสันดรในดงกลางพงไพร
กรุงสีพียกโทษแต่หนหลัง มีรีบสั่งคืนธานีมิสังสัย
ข้าอัญเชิญตราสารพระทรงไชย มามอบให้องค์พระเวสรับบัญชา
พระฤาษีรับฟังมิสงสัย ก็ตามใจพักก่อนหนึ่งคืนหนา
วันพรุ่งค่อยต่อไปในมรรคา อาตมามิติดใจตามสบาย
เรื่องจักไปคีรีเขาวงกฏ กำหนดไปพรุ่งนี้ตอนสายสาย
ไปทางนี้เลียบธารมิวุ่นวาย ผอสัตว์มิมีสะดวกจร
พรุ่งนี้เช้าอาตมาเข้าป่าลึก ตื่นแต่ดึกท่องไปในสิงขร
สองสามวันค่อยกลับจากดงดอน  เชิญพราหม์ก่อนจากไปไม่ต้องลา
------------------------------------------------------------------------------------------
จบกัณฑ๕ชูชก๗๙คาถา เริม ๖  กัณฑ์จุลพน  ๓๕  คาถา
-----------------------------------------------------------------------------------------
นายพรานไพรเจตบุตรเจอชูชก มันยกบั้งแจ่วงบองมองดูนี่
ราชสาสน์พระเจ้ากรุงสีพี มีรับสั่งเชิญพระเวสกลับกรุงไกร
กูเดินทางลำบากมากนักนี่ ยังจะมีหมาบ้ามาจากไหน
จะกัดกูราชทูติได้อย่างไร เดี๋ยวก็ได้โทษคัดหัวชั่วโคตรแก
เชื่อสนิทเรียกหมามาห่างห่าง  ต้องล่ามอ้างมันดูรู้กระแส
คนเข้าเล่หฺอยากฟัดให้ดับแด หมามันแลดูออกคนหลวกลวง
เชิญท่านทูตพักเพิงอยู่ทานนั้น มีแบ่งปันข้าวปลาข้ามิหวง
ทับข้าพักสบายใจภัยทั้งปวง มิอาจล่วงป้องกันหลายชั้นเชิง
เพิงอยู่สูงเสือสางโดดมิถึง เป็นที่พึ่งพักพิงมานานเหิง
ข้าทำไว้ดังเรือนแม้แค่เพิง มั่นคงเกิ่งเรือนชานเบิกบานใจ
ยามเย็นแล้วข้าจักเที่ยวตระเวณ พวกอีเหนเก้งกวางลงที่ไหน
หากโชคดีจักจับสักตัวไว้ จึงจะได้กลับบ้านสะเบียงมี
เช้าตืนมาตาพรานบอกชูชก ตกเขตนี้เริ่มป่าพนาลี
เคยเที่ยวป่าหากินมานานปี ทึบพงพีมากมายพฤกษ์พงไพร
โน้นคือเขาคันธมาท์นอันลื่อลั่น มากมายพันธุ์พืชหอมนานาไฉน
กลิ่นตลบอกอวลส่งกลิ่นไกล ถัดไปนั่นอัญชัญนามคีรี
อุดมมด้วยสมุนไพรนานาชนิด ดาบสคิดปรุงยานานาวิถี
มักเที่ยวหาเก็บเอามากมวลมี แถบถิ่นนี้สมุนไพรมีมากมาย
จากนั้นไปอัมวันสวนมะม่วง ผลดอพวงห้อยย้อยมีหลากหลาย
พวกนักพรตคนธรรม์ชอบกรีดกราย รสเลิศคล้ายของทิพน์เทพบันดล
ลัฐิวันสวนตาลแน่นขนัด ขึ้นแออัดมากมายทุแห่งหน
ลูกตาลสุกกลิ่นหอมกระจายสกล ถัดไปต้นมะพร้าวขึ้นเป็นดง
มีลิงค่าบ่างชะนีที่เทียวท่อง บ้างก็จ้องเจาะน้ำมิลืมหลง
เนื้ออร่อยเจาะกินไม่พะวง คนผ่านพงมะพร้าวย่อมยินดี
ลองน้ำหวานชื่นใจยามได้ลิ้ม เยื้ออ่อนชืมติดใจไม่หน่ายหนี
ดงมะพร้าวคนสัตว์ล้วนมากมี ส่งเสียงชี้ชื่นชมภิรมย์ใจ
มะพร้าวอ่อนนุ่มเนื้อละมุนนัก ชิมแล้วมักลุ่มหลงมิสงสัย
อร่อยน้ำอร่อยเนื้อชิมเมื่อใด มักอยากให้มีมากมากอยากลิ้มลอง
นานาสวนผลไม้ใครปลูกไว้ เทพแห่งไพรเสกสรรค์กันทั้งผอง
มิมีคนที่ไหนมาจับจอง ทำสวนต้องเทพไพรให้เกิดมี
นั่นมะม่วงมะขวิดมะชิดประยง ห้อยย้อยลงมะไฟมะฝ่าหนี
มะยมมะยอมะกอกมะกรูด มะพูดมะดันมะปรางมะเกลือ
มะตูมมะนาวมะพร้าวมะปราง มะข่างมะขามมะพลับมะเขือ
มะรุมมุระมขวิดติดเครือ ขมเหลือมะแว้งมะอึกมะฟือง
มะหวดมะหาดประหลาดมะโอ พิลึกมะโหหน้าเชียวหน้าเหลือง
สำเนียงก็ดังลูกตาคงเคือง เดี๋ยวได้เรื่องมะโหพาโลราน
งามแมกไม้ในป่านานาชนิด ใครนิมิตงามแท้แลไพศาล
มีโมกมันโกฐสะค้านบุนนาคลอย  นั่นแคฝอยราชพฤกษ์แลมะเกลือ
ดอกไม้ซีกบานมากแลหลากสี มีต้นไทรรักดำกฤษณา
เถาองุ่นจวงจันทน์มัลลิการ์ โกนทาหนามยามใกล้ให้นึกกลัว
แลหมากไม้นานาสาระพัด ดังใครจัดมาไว้ให้ชวนหัว
มะขามป้อมมะกอกออกลูกทั่ว หูตามัวลองลิ้มสว่างตา
มะขวิดมะปรางห่างมะพลับกับมะกอก มะไฟบอกหวานนักมะนาวหนา
มะปริงเปรียวมะฟืองหวานฟังเขาว่า มะม่วงปามิหล่นมะเขือพวง
มะยมขาวมะนาวเขียวเปรี้ยวมะกรูด หวานมะพูดมะนาวมะพร้าวหวง
มะหวดมะหาดดาดเหลือมะเกลือทวง  มะขือพวงมะรุมมะระมี
มีมะอึกมะดันแลมะแว้ง ตำส้มแตงมะเขือเครือมะนาวสี
มะเขือเปราะมะเขือขื่นชื่นชีวี อร่อยดีมะเขือเทศมะตูมไทย
ต้มดื่มน้ำก็อร่อยมิน้อยหน้า แทนน้ำชาเลิศดีมีที่ไหน
มีแต่คนเรียกหาน่าสนใจ สมุนไพรมะตูมภูมิปัญญา
มากหมู่ไม้มีผลกลใดหนอ พออยากได้โน้มลงตรงมาหา
ให้หยิบจับเด็ดได้ในอุรา แสนปรีดาไพรพงอลงกรณ์
จบจุลพนพรานไพรได้เล่าขาน พอผ่านถึงแดนไกลในสิงขร
ถิ่นฤาษีอจุตะดำเนินจร  คลายรุ่มร้อนไปถึงจึงนมัสการ
---------------------------------------------------------------------------------
จบ ๖. กัณฑ์จุลพน๓๕พระคาถา    เริ่ม ๗. กัณฑ์มหาพน                    
------------------------------------------------------------------------------------
ชูกชกเฒ่าเข้าป่าพนาศรี  บุกพงพีเขาเขินเนินไศล
ตามคำเล่าเจตบุตรนายพรานไพร กระทั่งได้ถึงด่านพระโยคี
อจุตดาบสมันมดเท็จ กล่องแจ่วเผ็ดมันอ้างต่างวิถี
ขอรับพระดาบสสวัสดดี ข้ามีงานจักไปส่งสารา
เชิญพระเวสสันดรแลวงศ์วาร กลับคืนบ้านหนังสือที่ถือมา
ในกระบอกคือสารประทับตรา คือสาราสีพีกูอัญเขิญ
ช่วยบอกทางไปบรรณศาลเจ้า จักไปเฝ้าภูวนัยในเขาเขิน
แรกดาบสสงสัยนัยบังเอิญ มันเก่งเกินเป็นทูตค่อยวางใจ
จัดที่พักหลับนอนมิร้อนจิต ดูสนิทผ่อนตลายหายสงสัย
ขอท่านทูตสุขสมภิรมย์ฤทัย จากนี้ไปหนทางช่างลำเค็ญ
รุ่งเช้ามาวันใหม่ได้พบหน้า พระดาบสยินดีที่พบเห็น
ถามสุขทุกข์ท่านทูตเช้าร่มเย็น จากนี้เป้นหนทางสูแดนไกล
เขาวงกฏแลเห็นโน่นลิบลับ จักจับความบอกเล่าลำเนาไศล
ทางดำเนินลำบากยากกระไร พึงตั้งใจจดจำดำเนินจร
ดูกรท่านชูชกมหาพราหมณ์ ท่านจักตามเข้าไปในสิงขร
หนทางยากลำบากในดงดอน ระวังตอนบุกป่าฝ่าไพรพง
แลลิบโน้นเทิองเขาคันธมานท์ สถานที่เพ็ญเพียรผู้ไหลหลง
กระทำยัญชน์บูชาไตรเพทพงศ์ ผู้มั่นคงศาสตร์เพทพิเศษชน
อาศรมบทศาลาพระยาเวสส์ อยูาเขตเขาวงกฏลำบากหน
มีป่าทึบเขาเขินเกินยากคน จักดั้นด้นไปถึงหนทางไกล
เขาลูกนี้ชื่อว่าคันธมาท์นฺ ยามแลลานหลากศิลาเนินไศล
องค์พระเวสมันทรีอยู่ด้านใน ทรงเป็นไปเพียรพรตพรหมจรรย์
จักเข้าไปเป็นป่ามหาพน ทุกแห่งหนมืดไม้ในไพรสัณฑ์
ล้วนประเภทแบบป่าเบญจพรรณ ไม้สักนั้นโดดเด่นเห็นทั่วไป
มะค่าโมงมิน้อยพลอยเสียดยอด ประดู่สอดแดงแซมแกมไสว
ครบเบญจชิงชันสำคัญนัย จึงได้นามว่าป่าเบญจพรรณ
ยังมีไม้อื่นอื่นขึ้นแกมป่า ต้นรกฟ้าเสลาแดงตะเคียนขัน
มีเปล้าหลวงเปล้าน้อยติ้วแต้วต้น คำแสดชันเคียงคู่ประดู่ลาย
ต้นขี้อ้ายงิ้วผาอินทนิล กระมิบกลิ่นหนามเค็ดดูเป็นสาย
ดอกจิกน้ำห้อยย้อยแลเรียงราย แกว่งกระจายนกกระปีดชอบเกาะโยน
ถัดกันเป็นไผ่นานาสาระพัด แน่นขนัดมืดมุงลิงห้อยโหน
ชะนีค่างบ่างไล่กันกระโจน กะรอกโทนลดเลี้ยวเที่ยวไพรพง
กระแตกระเล็นเต้นไต่ไม้เลาะหนี งูใหญ่รี่ไล่ลัดสะกัดหลง
รอดไปได้โล่งอกตกใขปลง นึกว่าคงมิรอดดีปลอดภัย
จตุบาทดาดดาในผืนป่า เจ้าเลียงผาปีนสูงแนวไศล
นั่นผาสูงมันกลับปีว่องไว สมนามได้เลียงผาน่าชื่นชม
มาฝูงลิงยังคงมาสงกา จะบอกว่าสองตีนหรือสี่สม
สี่นั่นแหละดีแล้วเดียวมีปม เขาจะชมเหมือนคนไม่ค่อยดี
เก้งกวางตัวย่อมย่อมนั่นกระจง ดูรูปทรงดังกวางมากอีหลี
ทั้งแรดช้างเสือดาวซาฟารี อะไรนี่ชมเพลินเกินไปรา
เปล่าหรอกน่านี่มันป่าเขาวงกฏ กำหนดก่อนพุทธศาศน์นานนักหนา
ย่อมมีได้หมู่มวลสัตว์แปลกแปลกตา โน่นเดินมาช้างเผือกเป็นฝูงเลย
อ๋อช้างนอนปลักโคลนจนตัวแห้ง เหมือทาแป้งขาวโพลนมาอวดเฉย
ช้างเผือกปลอมหนอกน่าคงเช่นเคย แค่แกล้งเอ่ยชมป่ามหาพน
พวกสัตว์น้ำเล่ามีให้ชมไหม สบายใจลำธารไหลวกวล
มากมายมีสัตว์น้ำในสายชล มีเรือกลเรือแพชมสบาย
พระดาบสคงมีเรือยืมได้ ล่องเรือไปในธานจนสุดสาย
ขอชมมวลสัตว์น้ำก่อนหญิงชาย จรดฝีพายเบาเบาเอ้าออกเรือ
มาก่อนแล้วอ้างปลิงกระดุดกระดุบ นึกอยากชุบแป้งทอดคงเด็ดเหลือ
ปลากดดำกดคังกดแดงเขือ กดเหลืองเมือชนะขาดรสชาติแกง
ปลากระดี่กระเบนแลกระทิง ว่ายน้ำชิงทสวนน้ำพลังแรง
เผลอเป็นถอยหล่นลงเพื่อนคงแซง ชนะแย่งต้องเก่งเร่งลอยไป
โน่นกระสงกระสูบแลกระโห้ ปลาชะโดอวดหล่อพ่อปลาไหล
กะพงกรีดปลากรายเบี้องย่ายใย เหตุไฉนปลาก้างห่างปลากาดำ
ปลาแค้งัวแค้ยักษ์แถมแค้งู ปลาเค้าขาวคางเบือนจาดดูขำ
ปลาช่อนดำงูเห่าช่อนข้าหลวง ปลาชะโดซิวแก้วปลาดุกมูล
โน่นซิวอ้าวดุกด้านแลดุกอุย ปลาตองลุยปลาฝามันคงสูน
ตะเพียนขาวตะเพียนทองจ้องหินปูน ปลาค้ำคูนปลาเงินแหละปลาทอง
ปลาเทโพเทพาไหนเทพี ปลายักขีราหูอยู่น้ำของ
เขาจับมาอวดกันว่าช่ำชอง  แค่ลองเล่นหาใช่จับไว้กิน
ปลาเนื้ออ่อนเนื้อเย็นอยากเห็นนัก อ้ายหลงฮักนวลหนูเจ้ายุพิน
ทั้งนวลจันทร์ปลาไนใคร่เนื้อนิล เพียงยลยินก็ใคร่จักชิมชม
เพลินมากหนาฟังเพลินท่านดาบส แล้มีบทสกุณาน่ายินสม
มากมวลไหมหนอท่านข้านิยม พนมไพรมากมวลสกุณา
พระดาบสพาทียินดีประสก ท่านชูชกมากนักพวกปักษา
ทั้งเล็กใหญ่จำเรียงเพียงสัททา ครุวณาพงไพรจักกระเทือน
เสียงจิ๊บจ้ิบจกจกแกมก๊อกก๊อก ยินฟักออกเพราะกระไรหาใดเหมือน
มวลปักษาร่อนร้องมิลืมเลือน ฟังดุจเพื่อนสนทนาคราเดินดง
เสียงเซ็งแซ่แน่ใจลูกไทรสุก มีทุกนกแห่มาน่าพิศวง
ใครบอกมันต่างรู้อยู้กลางพง ล้วนบินตรงถูกที่คงปรีดา
ทัดท่าท้านกกระท้าท้าใครเล่า เจ้านกคุ่มอืดอืดยืดหน่อยหนา
จุกกรูกู้เขาขันสนั่นมา นกกกกล้าก๊่กก๊ากหัวเราะใคร
ใครตะแลดแต๊ดแตลงแต้วแวด จิลแล๊ดแล็ดกระเต็นเห็นสิ่งไหน
อ้อหนูนาตังบานหลอกนั่นไง ถลาใส่โดนตะปบจบชีวี
เสียงนกแขกแกรํกแกร็กแยกกบคู่ แหกปากกู่ก้องดงคงไม่หนี
มินานคงกลับมาขอคืนดี ละแวกนี้หมากไทรดกดีเกิน
เจ้าปากห่างก๊ากก๊กาขำอันใด โดนพรานไล่ร้อนเตือนเพื่อนมิเขิน
รีบไปกันมือปืนมันดุ่มเดิน จะมาเชิญไปเมืองผีไม่ดีนา
นกยางร้องกรอกกรอกออกจับกบ สบแกยาวจับได้ยากหลุดหนา
ทั้งกบเขียดกระทั่งพวกปูปลา ขยะนหาจับเหยื่อนกกระยาง
ใครตะโกนกู๊กกูกนกฮูกร้อง เรียกพวกพ้อนค่ำนี้มีกิจสาง
หาเหยื่อยากลำบากกันทั้งบาง ไปลแงต่างถิ่นบ้างหรืออย่างไร
จิลแล้ดแล้วแลดแลดนกกระเต็น โฉบเฮี่ยวเล่นร่อนงามตามที่ไหน
นั่นคือเขตหาเหยื่อมันตาไว เห็นจับได้ตั๊กแตนจิงหรีดงาม
กระทั่งปลาเสร็จมันจับทันได้ เก่งกระไรกระเต็นเห็นนึกขาม
เจอแมงซอนจ้องท่าจะมาตาม แร้สมถุงยามมั่นลิ่นหมดท่าซี
ใครเรียกหาโกต๊กกลางดงดอน โกเขาจรกล้บบ้านนานวิถี
ให้อยู่ป่ามิไหวไม่เข้าที โกแอบหนีกลับบ้านย่านในเมือง
จู้ฮุกกูนกเขาใครล่าฮุก คงเจ็บจุกซิท่าจนตาเหลือง
ร้องปี๊ดปิ๊ดทั่วป่าจนน่าเคือง ขนสีเหลือมแกมดำนกปีดแก
หยุดสดับเสียงนกมันผกผัน ร้องนี่นันต้นไทรไม่แยแส                    
เราย่องไปใตต้นยังไม่แคร์ สองตาแลเล็งหน้าไม้นกเขาคู
เรื่องทำบาปเก่งมากมิยากดอก นกบินออกหนีไปให้อดสู
รอนานหน่อยกลับมาเราก็รู้ รออยู่ยิงจนคำค่อยเลิกรา
สี่ห้าตัวยินดีได้ทำบาป เพราะได้ลาบได้แกงนั่นแหละหนา
เราลูกทุ่งห่กินเน่ินนานมา อยู่ดงป่าหากินแบบคนดง
เพลินชมป่ามหาพนบ่นแลหา สกุณามากมายพิศวง
ยังมีอีกหลายอย่างในไพรพง คงเลาะเที่ยวชมไปให้รื่นรมย์
----------------------------------------------------------------------------------
จบ ๗.  กัณฑ์มหาพน เริ่ม ๘.  กันฑ์กุมาร
----------------------------------------------------------------------------------
สดับคำบอกเล่าพระดาบส กำหนดได้ดำเนินตามวิถี
มุ่งไปยังวงกฏแดนคีรี สถานที่องค์พระเวสพำนักไพร
นานนับเดือนแต่บุกฝ่าดง ยังมั่นคงมิท้อเพราะเหตุไหน
อมิตตาเมียรักมันห่วงใย หาคนใช้ฝากนางช่างยากเย็น
ตัวก็เก่งขอทานเขาลือทั่ว มิใช่ชั่วลำบากยากจักเห็น
ขอคนไปรับใช้ยากจะเป็น คนยากเข็ญยังยากจะทำทาน
เขาบอกว่าพระยาเวสทำได้ ขอสื่งใดมิพลาดท่านอาจหาญ
ช้างตัวโตคนขอแค่วอนวาน สำเร็จการพระองค์ให้ไม่ยายเลย
นานนับเดือนล่วงถึงเขตวงกฏ กำหนดมองอากาศเช้าเปิดเผย
เห็นอาศรมดาบสมิคุ้นเคย ไปเอ่ยขอเกรงอาจผิดพลาดไป
จำพักผ่อนแรมคืนดูดีก่อน เข้าขอตอนพระมารดาอยู่มิไหว
คงยุงยากผู้หญิงจักทำใจ ทานลูกได้รอก่อนคงจักดี
ชูชกปีต้นไม้ผูกอู่ผ้า พักรอท่าโอกาสฉลาดวิถี
ยอดขอทานชั้นครูดูสตรี ล้วนมักมีใจอ่อนยากรบกวน
กล่าวถึงพระมัทรีศรีสมร ดึกดื่นนอนฝันร้ายชายหนึ่งหวน
ตัวสูงใหญ่ผิวดำกำยำชวน กิ่งเกรงล้วนดุร้ายหมายฆ่าฟัน
มันทิ่มแทนตาทั้งสองข้าง ควักตานางเจ็บปวดรวดร้าวสรรพ์
ผ่าทรวงอกล้วงเอหัวใจพลัน ตกใจนั้นตื่นมาน่ากังวล
เช้าไปเฝ้าพระเวสส์เชษฐบุรุษ มัทรีสุดโศหาพาทีสับสน
ทูลเรื่องร้ายเรื่องฝันเกิดกับตน อัดอั้นจนร่ำไห้เช้โศกาดูร
พระเวสสฟังลอกเล่าเข้าใจเหตุ อาเภทแจ้งเป็นลางอาจเสื่อมสูญ
บุตรธิดาคงพรากพรตไพบูลย์ มุ่งจำรูญจำเริญพระบารมี
ดูกะระมัทรีศรีสวัส อัตคัตเป็นอยูาดอกโฉมศรี
ส่งผลให้วิปริตธาตุอัคคี บังเกิดชีแปรปรวนธรรมดา
ขอพระนางพักผ่อนให้มากมาก เจ้าลำบากสองกุมารหนักนักหนา
เฝ้าเลี้ยงลูกด้วยดีตลอดมา เป็นบุญญาพี่ได้รับกัยเจ้ามวล
ขอบคุณเจ้าเป็นพลังมิเคยขาด สามารถดูเรื่องยากมิให้หวน
กลับมาทำร้ายเราเพราะเนื้อนวล รบกวนเจ้าแล้วหนาแม่มัทรี
ฟัสพระเวสสปลอบใจยังไม่หาย  เกรงเรื่องร้ายลำบากยากหลบหนี
มันจะเกิดอันใดร้ายหรือดี เข้าพงพีมิอยากไปให้กัวล
เรียกสองหน่อแก้วตามาหาแม่ จำให้แน่ลูกยาอย่าสับสน
จะเที่ยวเล่นเล่นกันอย่าซุกซน จงเวียนวนใกล้อาศรมพระบิดา
แม่เดินดงเสาะเผือกผลไม้ พวกมันไพรเป็นสะเบียงนะลูกหนา
คงบ่ายคล้อยเย็นลงคงกลับมา ขอลูกยาใกล้ชิดพระบิดดา
จะวิ่งเล่นไล่ก็ก็แถวนี้ หากภัยมีเร็วไวรีบไปหา
กราบทูลให้ท่านพ่อพิจารณา คงมิข้าแม่กลับรับขวัญนวล
สั่งเสร็จแม่มัทรีศรีสมร พระนางจนเข้าป่ามานึกหวน
เรื่องสุบินมิดีนี้มันชวน มารบกวนคิดมากช่างยากเย็น
จะมีเหตุอันใดภัยหรือสุข คงเรื่องทุกข์หรือภัยคงได้เห็น
ประหลาดแท้วันนี้ช่างมาเป็น หมากไม้เช่นวันก่อนมันมากมี
วันนี้หายว่าเปล่าหาลำบาก ขุดเผือกยากดินแข็งจนต้องหนี
ย้ายไปเรื่อยสายเกินจรลี จะกลับมีเสือร้ายมาขวางทาง
จะถอยหลัวตัวใหญ่มันไม่หลบ ซ้ายก็พบอีกตัวยากจะสาง
หลับไปขวาต้วร้ายมองมวาง กลัวนักนางร้ำร้องก้องพงไพร
ไปมิได้นั่งลงปลงชีพด้วย ถึงจักม้วยขอทางโปรดจงไข
จะส่งผลกระยาหารพระทรงชัย สองลูกได้รับประทานอาหารกัน
แล้วจักกลับคืนมาเป็นอาหาร  ของพวกท่านพยัคฆาทุกท่านสรรพ์
ด้วยสัจจริงโปรดให้ทางไปพลัน พยัคฑ์นั้นนอนยิ้มสบายใจ
มินมิขู่ขบกัดทำไรหรอก เพียงมิออกขวางทางนางไฉน
อันธพาลนักเลงมิเกรงใคร เพียงขู่ให้หยูดอยู่มันรู้ดี
กล่าวถึงเจ้าชูชโกพราหม์นักจอ มันรอจนพระมารดาเดินป่าหนี
ไปหาเผือกหามันหมากไม้มี ภาระนี้นางทำประจำวัน
รีบไปเฝ้าถึงองค์พระทรงยศ ย่อมปรากฏลีลาพาทีสรรค์
พรรณนาความยากลำบากมัน ครอบครัวนั้นขาดคนรับใช้งาน
ลำบากเมียอมิตตาภาระหนัก จับหาคนช่วยนางทางประสาน
รับใช้กิจที่เรือนประจำการ อยู่ที่บ้านทำแทนการหนักเบา
ทราบพระองค์มีสองบุตรธิดา มุ่งหมายมาขอทานโฉมเฉลา
โปรดเมตตาข้าจักขอรับเอา พระบุตรเจ้าไปไว้รับใช้งาน
สองชาลีกัณหากังขาอยู่ แอบฟังรู้พรามเฒ่าแกไขขาน
ขอพวกตนเป็นทางคาดทำการ ไปอยู่บ้านรับใช้เมียเฒ่าพราหมณ์
ชวนกันหาหลบดีที่ตรงไหน แอบลงไปในสระยังเข็ดขาม
กลัวเหน็บหนาวลับตายากจักตาม หักห้ามใจแอบใต้ใบบัวกัน
ฝ่่ายพระเวสสันดรฟังชูชก ที่หยิบยกนานามาอ้างสรรพ์
พระประสงค์ทำทานคุณอนันต์ ในจิตนั้นนึกทานบารมี
โอกาสอุปทานระดับสอง ตามครรลองยากยิ่งมักหลบหนี
ทำมิได้หากใจมิคงที่ พระยินดีบริจาคมหาทาน
ระลึกถึงบารมีโพธิสัตว์ พึงวิวัฒนอุดมสัจประทัสถาน
พัฒนาบารมียิ่งยินนาน ได้พ้นผ่านลุถึงพุทธธรรม
ดูกะระชูชกเรายกให้ สองบุตรได้แก่เจ้าเอ้างามขำ
อยู่ไหนลูกรีบมาพาก่อกรรม  พ่อบำเพ็ญโพธิมรรคประจักษ์ใจ
ชูชกรู้สองกุมารอยู่สระบัว คงจะกลัวแอบซ่อนมิสงสัย
ทูลทรงธรรมให้ทราบเป็นนัยนัย ที่สุดได้สองกุมารประทานมา
สองกุมารเศร้าสร้อยละห้อยหนัก จำใจจักพรากไปไกลเคหา
จากบิดรจากบ้านจากมารดา รออำลาแม่ก่อนเถิดพระองค์
นั่นสินะมินานคงกลับแล้ว ขอลูกแก้วพบนางอย่างประสงค์
แล้วค่อยไปกันเถิดดีมั่นคง ชูชกจงใจแกล้งพิโรธแรง
อุเหม่ทานร่ำลือใจกุศล ทุกผู้คนสรรเสริญทุกเขตแขวง
กระทำทานกลับมีข้อพลิกแพลง หรือจะแกล้งล้มเลิกมีทำทาน
มิอยากทานอย่าทานก็สิ้นเรื่อง มาขัดเคืองหน่วงไว้เพียงบอกขาน
มิเต็มใจก็เลิกกระทำการ ข้าก็หาญยกเลิกตามพระทัย
เปล่าเปล่าน่าพ่อพรเหมณ์มิใช่ดอก อยากจะบอกเด็กกลัวอย่าสงสัย
หากพูดจาพาทีคงเข้าใจ ได้ยินแล้วขึ้นเถิดสองลูกยา
พ่อตั้งใจบำเพ็ญโพธิสัตว์ ทานวิวัฒน์อุปจารนัานแหละหนา
ปรมัตถ์ทานด้วยด้วยต้องพึ่งพา ทั้งบุตราบุตรีมีคุณธรรม
ช่วยพ่อสานบารมีนะลูกรัก แล้วเราจักข้ามโอฆะได้วามขำ
ไปสู่แดนพุทธเขตพิเศษกรรม ที่กระทำครั้งนี้ตึงสมควร
สองกุมารได้ยินคำพ่อไข ย่อมเข้าใจรำตรึกตรึกได้หวร
มาคิดได้ยอมขึ้นแลชักชวน กราบบาทล้วนยินดีมิโศกา
เพราะลูกน้อยช่วยพ่นี้สิหนอ บุญของพ่อทำทานยากนักหนา
อุปทานปรมัตถ์ใกล้เข้ามา พราะลูกยาเกื้อกูบุญเหลือเกิน
พระสั่งเสียลูกยารับฟั่งเฒ่าชูชก ผู้ปกครองต่อไปใช่ผิวเผิน
ติดตามไปรับใช้ตั้งใจเดิน เชิญพ่อพราหมณ์รับไว้สองกุมาร
มันหาเชือกผูกมือสองหน่อนาถ กระทืบบาทอวดโอ่ทำโวหาร
ต่อจากนี้ข้าคือผู้บันดาล หลานจักตายหรือเป็นอยู่ที่เรา
ตามมาเสียดีดีตีก็เบื่อ ถ้าเหลืออดตีแรงอย่าทำเขลา
ทำข้าโกรธระวังอย่าดูเบา มาสองเจ้าเดินตามแต่โดยดี
มันกระชากสองคะมำล้มคว่ำหน้า พระบิดาทำเลือนเบือนหน้าหนี
ทรงร่ำให้ในอกโศกโศกี นับแต่นี้ห่างกันแล้วหนอแก้วตา
ชูชกเฒ่าอำลาพระยาเวสส จากเหตุนี้แม้พระองค์ปรารถนา
จะไถ่คืนยินดีมีทรัพย์มา คณนาอย่างละร้อยถึงจะยอม
ทาสทาสีช้างม้าโคกระบือ เงินคำถือหน่วยร้อยต้องมีพร้อม
เสร็จสั่งความันกะชากมิประนอม มิยากกล่อมมีแต่ขูดูน่ากลัว
บัดดลเกิดพยับเมฆมืดมัวมิด ฟ้าก็ปิดแปลบปลาบเสียววาบหัว
ครืนครืนก้องกำปนาทฟ้าฟาดทั่ว มันฟาดมั่วมีเรื่องมันเคืองใคร
สักครู่หายกลายเป็นปกติ ทรงดำริฟ้าดินมิสงสัย
อำนวยพรบารมีทานเข้าใจ พระองค์ได้สาธุการด้วยเปรมปรีดิ์
สาธุธรรมนำมาซึ่งปราโมทย์ ยังประโยชน์พุทธธรรมนำวิถี
พึงสำเร็จสมประสงค์จงเกิดมี บุญนำชี้อมตะนิพพานเทอญฯ
---------------------------------------------------------------------------------------
 จบ ๘. กุมารกัณฑ์                            เริ่ม ๙. กัณฑ์มัทรี
---------------------------------------------------------------------------------------
กล่าวถึงพระมัทรีศรีสวัสดิ์ เดินป่าลัดไพรพงศ์จำนงสรรพ์
ผลหมากรากไม้ดังทุกวัน อัศจรรย์แปลกใจให้สงกา
วานนี้มีผลมากหลากเต็มต้น วันนี้หล่นเสียหายไปหมดหนา
ดูต้นอื่นนิดหน่อยปลิดเอามา จนเหนื่อยล้าจักกลับอาศรมไพร
นองขวางหน้าพยัคฆาเจ้าเสือเหลือง ยังนึกเคืองหวาดกลัวหลบทางไหน
ลองไปซ้ายลายโคร่งปิดทางไป ทางขวาไซร้เสือดำตาลุกวาว
หนทางถอยเสือดำสองตัวเฝ้า ไหว้แหละเจ้าเปิดทางห่วงลูกสาว
หนูกัณหาชาลีคงหิวคราว แม่อยู่ยาวเวลาช้าเกินการ
ขอเทพไทรุกขาปราณีด้วย โปรดจงช่วยมัทรีที่ไขขาน
จำเป็นมากอยากลับจนลนลาน จงประทานทางให้ไปด้วยเทอญ
นางร่ำไห้โศกาคราหมดหวัง นางถูกขังกับที่ที่เขาเขิน
ไปมิได้มันขวางหนทางเดิน เชิญเจ้าที่เมตตาปล่อยข้าไป
เสือมันเฉยดูหน้าท่าแบบยิ้ม แต่ก็พิมพ์อย่างเสือดุไฉน
คงมิกล้าฝ่าแนวกลัวเภทภัย หนักอกใครจะมาเท่าเจ้ามัทรี
จนเลยเที่ยงอ้าวโคร่งโย่งโย่ย่าง ลุกเปิดทางเปิดช่องย่องหลบหนี
เจ้าเสือเหลืองเสือดาวมิรอรี เดินตามพี่คุณโคร่งโล่งอุรา
คุณเสือดำสองตัวหายไปแล้ว ค่อยผ่องแผ้วในอกวาสนา
คงกลับได้แล้วหนอมิรอช้า ดำเนินมากลับคืนสะอื่นฤทัย
เขามาเขตศาลาเลียบอาศรม ก่อนภิรมย์ลลูกยามารับไฉน
วันนี้เงียบมิเห็นสองทรามวัย เล่นกันไกลอาศรมพระบิดา
วู้ลูกรักมิเห็นรับกับแม่หนอ นวลละออเที่ยวไกลไฉนหนา
กลับคืนเถิดลูกน้อยเร็วแม่มา ผลผลาเผือกมันแม่มากมี
ล้วนอร่อยแม่สรรมันมาฝาก เจ้าลำบากแสบท้องแน่สองศรี
มาแม่มารีบมาอย่ารอรี เงียบมิดีภัยทุกข์มาคุกคาม
พระมัทรีร่ำไห้แทบใจขาด เฝ้าพระบาทสวามีพาทีถาม
เห็นสองหน่อบ้างไหมพระองค์ราม ข้าติดตามทุกที่มิเห็นเลย
โพธิสัตว์เวสสันดรร้อนในอก หากจะยกเรื่องราวมาเปิดเผย
ทุกข์มหันต์ระทบจิตทรามเชย จำจักเอ่ยบริภาษให้หวาดกลัว
ให้นางโกรธเสียก่อนค่อยย้อนบอก หลอกให้โกรธแกล้งด่าว่าน่าหัว
ปล่อยลูกหายไปเที่ยวไปแต่ตัว มิห่วงผัวห่วงลูกเลยหรือไร
หรือแอบเจอคนธรรพ์หรือดาบส กลับมาปดลูกหายหรือไฉน
เจ้ามัทรีเจ้าดื้อหรือทรามวัย นางร่ำไห้นึกเคือพระสามี
ที่สุดองค์พระเวสบอกความจริง  แน่ะน้องหญิงตั้งจิตให้มั่นถี
วันนี้พราหม์มาขอพระชาลี และน้องพี่ได้ประทานกัณหาไป
ด้วยหวังเพญบารมีเป็นที่สุด บรรลุพุทธโพธิญาณสว่างไสว
พระมัทรีคับแค้นแน่นหทัย กรรแสงได้จนสลบชวนเวทนา
พระหยิบผ้าชุบชลวนซับพัตร์ โอน้องรักร่วมแรงแสวงหา
โพธิธรรมบารมีด้วยบุญญา เจ้าฟันฝ่ากับพี่มิท้อเลย
ปรมัตทานบุตรสุดยากยิ่ง พี่ทำจริงเพ๊ญธรรมนำเปิดเผย
ฟื้นมาเถิดแม่งามเจ้าทรามเชย มาเอื้อนเอ่ยความในใจเนื้อนวล
สักครูใหญ่พระมัทรีมีสติ นาดำริเรื่องราวคราวแย้มสรวล
ประทานโทษพี่ยาข้ารบกวน ทำพี่ป่วนในอกยกโทษนาง
ทำทานลูกน้อยน้องกัฒหา  พ่อชาลีอีกด้วยช่วยสะสาง
เป็นมรรคาโพธิธรรมนำเบิกทาง พึงสว่างส่องแจ้งชัชวาลย์
สาธุาะอนุโมทนาด้วย บุญจงช่วยแผ่ไกลจงไพศาล
บรรลุถึงโพธิธรรมเริงสราญ ผลบันดาลบรรลุอนุโมทนา ฯ
---------------------------------------------------------------------------------------
จบ ๙.  กัณฑ์มัทรี                         เรื่ม ๑๐.  กัณฑ์สักกบรรพ์
---------------------------------------------------------------------------------------
สักบรรพ์บั้นองค์มฆวาน เกษมศานต์ชื่นชมบุญกุศล
องค์พระเวสสันดรเพ้ญเพียรพล  จนฟ้าดินกัมปนาทโมทนา                    
มากังวลวันหนึ่งในอนาคต ใครกำหนดหวังได้พระชายา
จักทูลขอก็ได้ทรงเมตตา เกิดปัญหาแก่พระองค์ผู้ทรงญาณ
มิมีผู้ดูแลจัดสรรหา เตรียมภัตตาจัดให้จักไขขาน
หาผู้ใดจักรู้พระภูบาล เท่านงคราญแม่มัทรีมิมีเลย
ขากมัทรีมีปัญหาฝ่าพระบาท ชะตาขาดแน่ใจไม่อาจเฉย
ต้องลงไปจัดการเหมือนดังเคย จักไปเอ่ยทูลขอพระชายา
จำแลกายเป็นพราหมณ์ดูแก่เฒ่า ขอนงเยาว์พระมัทรีสิเนหา
อยากได้นางขอองค์พระราชา ประทานข้าเป็นบุญทูลทรงไชย
ลำดับนั้นโพธิสัตว์เวสสันดร เรียกงามงอนพระมัทรีอยู่ที่ไหน
มาหาพี่มีเรื่องฟนาทรามวัย มีคนใคร่รับเจ้าเป็นบริวาร
พี่รักเจ้ามากมายดังดวงเนตร  เพียงเพราะเหตุพี่รักจักประสาน
บารมีพุทธธรรมดำเนินการ สุดยอดทานปรมัตถบารมี
บุตรทั้งสองทานไปได้สิ้นสุด อุตรทานยิ่งนวลฉวี
เจ้าเป็นเมี่ยดีเยี่ยมเทียมใจพี่ มัทรีเจ้านางแก้วแท้แก้วตา
พี่นี้รักแหนหวงดังดวงจิต มิเคยคิดทอดทิ้งเจ้าดอกหนา
ปรมัตถแก่งทานบุตรภรรยา ทานชีวาปรมัตถ์อรรถแห่งทาน
อยากฟังเจ้าคิดไหนในกุศล นฤมลบอกพี่พาทีขาน
พระมัทรีเห็นไฉนหนอนงคราญ วานบอกพี่จักพินิจพิจารณา
พระนาถน้อยสร้อยเศร้าเข้ากราบทูล พระพูนเพ็ญมัทรีนี่หรรษา
คอยส่งเสริมเพิ่มพูนแต่เดิมมา ข้ายืนดีส่งเสริมพระทรงชัย
แม้ชีวิตยินดีมอบพระองค์ หากประสงค์ขอถวายมิสงสัย
จะประทานแก่พราหมณ์ก็ย่อมได้ ยินดีไปเป็นทาสตาเฒ่าพรหมณ์
โพธิสัตว์รับฟังทรงยิ้งคิด  เจ้าขวัญจิตมัทรีศรีบุญสม
สหชาติภริยาน่าชื่นชม ภิรมย์นักรักเจ้าเทียมชีวา
เพื่อเพ๊ญทานปรมัตถ์ จำตัดรักทั่งปวงคักห่วงหา
จำใจทานเจ้าให้พราหมณา สาธุธรรมนำเกิดประเสริฐคุณ
บัดดลเกิดวิปริตแห่งอาเภท ยามพระเวสส์เพ็ญทานที่เกื้อหนุน
ภริยาเป้นทานยอดแห่งบุญ ฟ้ามืดมิดทั่วไปในจักรวาล
ปฐพีหวั่นไหวกัมปนาท เฉลิมบาทบารมีศรีผสาน 
โพธิธรรมมรรคาพุทธญาณ มั่นคงปานรัตนามรรคาเพ็ญ
ปกติทานบารมีกระทำแล้ว ดังลาดแก้วอุปทานที่ได้เห็น
สุดยอดทานปรมัตถมิยากเย็น พระทำเช่นปกติบริบูรณ์
พราหม์จำแลงแปลงกายคืนมา เป็นอินทาเทวราชอวยพรพูน
แปดประการพรเกิดเจิดจำรูญ อนุกูลแก่องค์พระทรงชัย
หนึ่งทรงเป็นปิตุเรศเปี่ยมเมตตา  กลับพารานิรโทษคนคุกไข
โทษหนักเบารับล้วนควรอภัย ผ่อนปรนได้ทั่วถ้วนควรแก่การ
พึงได้ทำอนุเคราะห์คนยากจน มิกังวลบทสตรีที่อาจหาญ
บุตรธิดาอายุมั่นยืนนนาน เจ็ดประการฝนแก้วพึงเกิดมี
ตกในเขตแห่งเมืองเรืองรุ่งเลิศ ประเสริฐยิ่งชาวประชาเกษมศรี
ร่ำรวยรัตนชาติทั่วบุรี สิ้นชีพนี้ขอกลับดุสิตวิทาน
อมรินทร์อวยพรจงสมหมาย เคราะห์คลาคลายบุญประสาน
อีกมีช้าคงจักได้พบพาน สงบศานติ์ด้วยแรงบุญบารมี
เสร็จอำลากลับไปดาวดึงส์ พระเวสจึงไคร่ครวญธรรมวิถี
ทุกสิ่งทำบำเพ็ญเป็นกรรมดี เป็นช่องชี้โพธิมรรคจักจำเริญ ฯ
---------------------------------------------------------------------------------------
จบ ๑๐.กัณฑ์สักบรรพ์                    เริ่ม ๑๑.  กัณฑ์มหาราช
---------------------------------------------------------------------------------------
ย้อนกล่าวถึงชูชกรัประทาน สองกุมารจากพระเวสเชิษฐบิดา
มันสำแดงอำนาจเปล่งวาจา  แต่นี้ข้าเป็นนายจำให้ดี
สองเจ้าเป็นทาสชั่วชีวี รับหน้าที่กิจการงานนานา
ไปถึงบ้านจักมีนายผู้หญิง นายตัวจริงรูออยู่ที่เคหา
ต่อนี้ไปเดินทางหลายเวลา ข้าจักพาไปบ้านด่านปลายดง
สองกุมารขัดขืนฝืนตัวไว้ สองร่ำไห้พ่อจ๋าอย่าลืมหลง
ยังมิได้ลาแม่ไปไพรพง น้องยังคงหิมนมโปรดเมตตา
เสียงลูกน้อยละห้อยได้จุกใมนอก  ชลนัยน์ตกห่วงใยเจ้านักหนา
เพราะเพียรเพ็ญบารมีดอกลูกยา  จำต้องมาพลัดพรากจากกันไป
พ่อพราหมณ์จ๋าค่อยจาอย่าดุด่า สองกำพร้าเป็นทาสแล้วไฉน
ต้องพึ่งพาตาพรหมณ์ยามห่างไกล  ขอจงได้เมตตาอย่าด่าตี
มันเตรียมไว้แซ่หวายได้ลายหลัง จงระวังเดินมาอยาหลบหนี
ต่อหน้าพระบิดาข้าก็ตี หวดสองมีเดินมาช้าอยู่ใย
มองบืดาผินพระพักตร์หันหลังให้ เจ็บปวดใจหกล้มหัวคะมำ
ชกมันกระชากลากไม่หยุด เดนสะดุดยังตีสองขามขำ
รอยแส้เป็นเส้นเส้นสีดำคล้ำ ห้อเลือดจำต้องเดินตามมันไป
ตกกลางคืนสองกุมารมัดสองมือ เอ็งอย่าดื้อดิ้นหลุดดูหนไหน
มันป่าทึกเสือสางล้วนเป็นภัย หลับหนีได้เป็นเหยือพวกเสือมัน
นอนอยู่ที่โคนไม้นี่แหลดี บารมีข้าคุ้มได้พร้อมสรรพ์
ทั้งเสือสางภูติผีมนต์ข้ากัน แค่ร่มไม้ตรงนี้อย่าหนีเลย
ส่งเสริจมันปีนขึ้นบนต้นไม้ เลือกเหมาะได้ผูกเปลผ้านอนเฉย
ผ่านคืนวันหลายวันก็เช่นเคย โอ้เด็กเอ๋ยหอดหิวแทบเป็นลม
มันมาหาอะไรให้เด็กบ้าง ดีแต่อ้างรีบไปน่าขื่นขม
ฮุดกระชากจนต้องร้องระงม สุดระทมสองกุมารจากบ้านมา
รุกขเทพสงสารเฝ้าติดตาม  ยามคำคืนเป็นคนเข้าไปหา
ให้ดื่มนมกินเผือกกินมันพา กล่อมสองราหลับนอนด้วยอ่อนเพลีย
หลายวันล่วงมาไกลในไพนสณฑ์ จนมาถึงทางแยกพราหม์หัวเสีย
มันหลงลืมหนทางคงห่วงเมีย มึนงัวเงียขวาซ้ายไปไหนดี
มันหลงทางกระชากลากสองน้อย  เดินตาลอยไปผิดอผกวิถี
มินัมิรู้เป็นทางไปสีพี เห็นชาลีเขาจำได้ไปกราบทูล
ปู่สญชัยและย่าปรีดานัก ได้หลานรักกลับมาหาได้สูญ
ถามชูชกรู้เรื่องโศกาดูร พ่อพราหมณ์พูนสวัสดิ์จรัสเจริญ
ขอไถ่หลานตามคาดแกมาดไว้ เงินทองได้ร้อยชั่งมิขาดเขิน
ทั้งผ้าผ่อนแพรพรรณมิขากเดิน ร้อยพับเชิญตรวจตรามากมวลมี
ช้างกับม้าเพียงพอให้ใช้สอย อย่างละร้อยสัตว์เลี้ยงเอาเยี่ยงไหน
วัวควายหมูสรรมาหาเป็ดไก่ นับร้อยให้ไถ่หลานเรายินกี
ชูชกบอกหิวมากอยากกินข้าว สญชัยเจ้านึกขำทำไมเล่า
สั่งพ่อครัวจัดการอาหารเยี่ยม เทียมทิพยฺโภชจัดมาอย่าดูเบา
ปล่อยชูกชกสำราญอาหารเรา จัดใหเจาเต็มที่อย่างดีเลย
สั่งเสร็จปู่ย่าพาหลันรัก เข้าที่พักเวียงวังฟังเปิดเผย
เหตุไฉนชอบทานเหมือนดังเคย สองทรามเชยทำทานได้อย่างไร
สองหลานน้อยเล่าเรื่องแล้วเคืองนัก ลูกมักจักบ้าทานกันถึงไหน
ช่างเถอะหลานตอนนี้อย่่าสนใจ เมืองเราไซร้ยินดีหลานคืนมา
ให้สมโชรับขวัญสองหลานรัก คนรู้จักชื่นชมพระนัดดา
ครบสามวันสามคืนฉลองใหญ่ จัดของกินเลือกได้มากมายหนา
มีหมูเนื้อวัวควายแลปูปลา ผลผลามากมีเลี้ยงผู้คน
สามวันผ่านรางวัลพราหม์ยังอยู่  มิมีผู้มารับชวนฉงน
เขามาทูลชูชกเฒ่ากังวน กินเสียจนท้องแทบแตกจนวางวาย
จนรุ่งสางดิบดิ้นสิ้นสังขาร์ จึงรีบมากราบทูลเกรงเสียหาย
ให้ประกาศทายาททั้งหญิงชาย ทรัพย์ทั้งหลายของชูชกมาเอาไป
นับเวลาเจ็ดวันมาเอาเถิด  เกิดมิมาจักเก็บอย่าสงสัย
คืนเข้าคลังคราต่อไป ขอจงได้แสดงสิทธิ์ลูกหลานพราหมณ์
รั่งสั่งเจ็ดวันงานศพให้สมเกียรติ เจียดทรัพย์สินจัดงานการงดงาม
เรียบร้อยกิจกระทำดำเนินตาม  ทุกเขตคามชื่นชมพระทรงชัย
สองชาลีกัณหาอยู่กับย่า วิ่งหาปู่ตามประสาอายุขัย
ปู่และย่าเพลิดเพะลินเจริญใจ ได้ทราบข่าวพระโอรสกำสรดครวญ
นานแล้วหนาจากไปในไพรสณฑ์  เงืนไขคนโกรธเคืองก็กลับหวน
ช้างปัจจนาคเขาคืนมาทั้งมวล พร้อมสินทรัพย์รางวัลมากมวลมี
บ้านเมืองเขาฟื้นฟูอยู่เย็นแล้ว นำช้างแก้วคืนมาแสนเปรมปรีด์
ชาวเมืองต่างสำนึกทำมิดี อยากไปที่เขาวงกฏขอโทษภัย
พระบิดายินดีมีรับสั่ง ตั้งกรมการเตรียมทัพจักเดินไป
เชิญพระเวสมัทรีกลับเร็วไว เจ็ดวันให้เคลื่อนทัพรับลูกยา
----------------------------------------------------------------------------------
๑๒. กัณฑ์ฉักขัตติ              ถัดไป  ๑๓. กัณฑ์ นคร
---------------------------------------------------------------------------------
ได้เวลาจักเสด็จไปแดนดง เขาวงกฏเชิญพระเวสกลับธานี
ทั้งสองหลานกัณหาพระชาลี ต่างยินดีนั่งรถกำหนดจร
ขบวนธงนำริ้วให้นั่งม้า ควบอาชางดงามตามสลอน
สี่สิบม้าสี่แถวครบสิบตอน ธงปลิวว่อนงดงามตามกันไป
ขบวนช้าวสิบเชือกขนาบข้าง เดินขอบทางเคียงราชรถไฉน
ระวังมวลศัตรูราชภัย มิยอมให้ทำร้ายพระราชา
ต่อท้ายรถมหาดเล็กยกทั้งกอง ถัดไปผองบริพารเหล่าเสนา
ตามถัดด้วยทวยราษฏร์มาดไปเฝ้า พระหน่อเจ้าองค์พระเวสพระเขษฐา
หกสิบโยชน์ทางไกลในพนา ประมาณว่าแปดเดือนถึงพอดี
จนล่วงเข้าขอบเขตเขาวงกฏ ทรงกำหนดยับย้ังหว่างวิถี
วันรุ่งขึ้นค่อยไปในคีรี เจ้าชาลีบอกโน้นบรรณสาลา
จากนี้ไปเกือบเที่ยงคงถึงได้ ถึงมิไกลขบวนเราใหญ่เกินหนา
ค่อยค่อยไปก็คงจักเชื่องช้า พระเจ้าตาอยากเห็นแม่มัทรี
พระเจ้ากรุงสญชัยเข้าใจหลาน บอกมินานได้เพิ่มเฉลิมศรี
ได้พบหน้ามารดาแน่ชาลี นั่งรถซีนั่งม้าอันตราย
ฝ่าป่าพงดงดอนรอนแรมไป ป่าดงใหญ่รุกขชาติดาดาดหลาย
ขบวนม้าคนรถต่างกระจาย เลาะเลียบย้ายหาทางเยื้อย่างไป
มัทรีตื่นตระหนกเสียงอื้ออึง มัวนึกถึงพายุหรือไฉน
แลท้องฟ้ายังโปร่งโล่งกระไร หามีไม่เมฆหมอกมาหลอกตา
สักครูเสียงคนร้องเรียกแม่แม่ ชะแง้มองจริงหรือคือกัณหา
จนได้กอดแน่ใจโนลูกยา พ่อชาลีกอดด้วยร่ำโศกี
ท่านปู่ยามาถึงได้ทักทาย พ่อบุตรชายพระเวสพิเศษหนี
ต้องโทษขับจากบ้านจากบุรี เพราะพ่อนี้โง่เขลาเบาปัญญา
ต่างรำพึงรำพันจนรันทด โสกสลดเศร้าสร้อยน้อยหรือหนา
สลบไสลใจวับดังดับคา ล้มพับมาระเนระนาดประหลาดใจ
ฝ่ายไพร่คนพลเมืองรู้เรื่องเห็น สงสารเป็นเรื่องเร้าเศร้าไฉน
ต่างร่ำร้องสงสารพระภูวนัย สลบไปทั้งหมดกำลังพล
ร้อนถึงองค์อมรินทร์ปิ่นสวรรค์ วันนี้ใยบัลลังยังสับสน
บัดเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นกังวล ฤๅมีคนเดือดร้อนร้อนถึงเรา
จังสอดส่องเรดาทิพยเนตร ตาวิเศษส่องทั่วทุกป่าเขา
ส่องไปโลกมักมีพวกผู้เยาว์ พวกขาดเขลาต้องช่วยเป็นประจำ
อ้อเจอแล้วอาศรมพระยาเวส มันเกิดเหตุล้มตายแต่น่าขำ
แค่ดีใจพบหน้ากันเกิดกรรม ดีใช้ซ้ำสลบไสลขาดใจตาย
แม้นมิช่วยม้วยแน่สมน้ำหน้า มิเข้าท่าเป็นเทพจักเสียหาย
เขาจะหมิ่นอินทร์อะไรเจอเรื่องร้าย มิช่วยคลายปัดเป่าก็เข้าใจ
จะตักน้ำสาดใส่คนละขัน คงมิทันตายแน่ทำไฉน
มนต์เสกเป่าฝนทิพย์ตกลงไป ใช้ฝนโบกขรณีแหละสมควร
เป่าพรวดเดียวฝนมาเป็นห่าใหญ่  สหัสสนัยน์เก่งมากอยากให้หวน
ไปทางบ้านเราบ้างอยากจะชวน เป่าสักม้วนมนตราให้ฝนลง
ฝนพิเศษอินทาโปรยมาให้ จำชื่อได้ฝนโบกขรคง
เม็ดสีแดงหล่นลงเป็นเม็ดเม็ด  เด็ดใบไม้มารองพิศวง
มันมิเปียกกลิ้งไปจนหล่นลง สำคัญตรงมิเปียกเพียงชุ่มเย็น
ใครอยากเปียกย่อมได้มันไหลอาบ กำซาบซ่านสดใสได้มาเห็น
ฝนประหลาดหล่นใส่คนได้เป็น กลับฟื้นเช่นสุขสมสถาพร
จนต้องมีบันทึกจารึกไว้ ฝนยิ่งใหญ่หนึ่งครั้งครานี้หนอ
คราวพระเจ้าสญชัยไปคอยรอ ชวนพระหน่อบุตรชายให้กลับเมือง
เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญกังวาลนัก แผ่นดินมักสะเทือนเลือนลั่นเคือง
ไยเงียบเสียงเสียเล่ามาเข้าเรื่อง ดินกระเดื่องพสุธาสั่นทั่วไป
คงเริ่มได้แม่พระธรณี อวยฤทธีโลกสั่นมิสงสัย
ฉะนี้ไซร้ฟ้าดินกระเทือนไกล ครั้งที่ได้เชิญพระเวสกลับพารา
พนักงานกราทูลความแต่เค้า ตามพระเจ้าสญชัยปรารถนา
อัญเชิญพ่อพรเวสกลับเมืองมา เป็นราชาสีพีจึงเหมาะควร
พระบิดามารดาไม่ว่าแล้ว  ทานช้างแก้วตัวหนึ่งซึ่งพอหวน
มันโง่เขลาเกินไปใยมาชวน ป่วนให้เราขับลูกจากพารา
ชาวกลึงนำช้างมาคืนแล้ว บ้านเมืองแผ้วสร่างทุกข์สุกหรรษา
มีแก้วแหวนแพรพรรณเป็นบรรณา เขานำมาบอกนบจบสักการ
มัทรีน้อมภูษามาถวาย จงคลาคลายลาสึกขอไขขาน
หากมิสึกอาจเจอภัยคนพาล ปลุกปล้ำท่านนักบวชให้ปวดใจ
นางแค่คิดในใจเท่านั้นดอก เราเอ่ยออกพระเวสมิสงสัย
ยินยอมลาสิกขาณทันใด กอดเอาไว้แม่ลูกล้วนผูกพัน
กระบวนทัพพักผ่อนหลายเพลา ค่อยกลับมาสีพีมีสุขสันต์
เถลิงราชสมบัติอีกครั้งพลัน ฉลองกันด้วยปิติพระทรงชัย
นับเจ็ดวันเจ็นคืนล้วนชื่นสุข พระปัดทุกข์ทวยราษฎร์ทุกสมัย
อุดมด้วยฟ้าฝนชุ่มชลไป ชาวบ้านได้ทำเกษตรจำรูญจำเริญ
----------------------------------------------------------------------------------------
 ๑๓.   นครกัณฑ์                                     กัณฑ์สุดท้าย
----------------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จเจ้าสญชัยมหาราช ประภาษเชิญพระเวสให้นิวัตร
กลับสีพีกรุงไกรเจิดจรัส ผ่านสัมบัติเอกอัครราชา
เป็นมหาจักรพรรดิราชเจ้า เสด็จเข้ากรุงศรีเถิดลูกยา
ทรงดำรัสตอบึพระบิดา ข้าพระบาทยังงุนงงก่อนทำคุณ
ดำรงในทศพิธราชธรรม นำบ้านเมืองเรืองรุ่งมุ่งเพ็ญบุญ
กลับเกิดโทษเป็นภัยไล่รุกรุน คนเคืองขั่นขับไสไล่จากเมือง
บัดนี้กลับมาชวนกลับปีอีก จะหลบหลีกบาปกรรมที่ขุ้นเคือง
กลัวจักมาฟ้องร้องจักเอาเรื่อง เกรงจักเปลืองคุณธรรมยากนำพา
ของพระคุณพระบิดาเมตตานัก ลูกก็รักสองพระองค์มากนักหนา
ยังคำนึงถึงพระคุณอุ่นเมตตา กลับพารายังมิคิดโปรดทุเลา
สญชัยเจ้ากรุงไกรได่สดับ พ่อยอมรับทำการอันขาดเขลา
เพียงเพ็ญทานเป็นบุญคุณของเจ้า มิควรเอาเป้นโทษเพราะเป็นบุญ
เป็นเพราะฟังคำสอพลอพวกคนพาล มันกล่าวขานเป็นโทษจนเคืองขุ่น
ขับเจ้าออกจาเมืองเรื่องทารุณ บาปกระตุ้นรุมเร้าร้อนรุกรน
อยู่บ้านเมืองเคืองขุ่นมิอุ้นอก ยากจักยกบาปกรรมทำสับสน
ไฉนพ่อใจร้ายเกินผู้คน ลูกของตนผลักไสไม่ปราณี
พ่อทำผิดคิดได้ก็สายแล้ว ขอลูกแก้วคาดโทษมิหลบหลี้
ยิมรับหมดลูกยาพ่อยินดี กลับสีพีเถิดหนาช้าอยู่ใย
พระอม่เจ้าผุสดีวอนลูกรัก ยามนี้จักพึ่งเจ้าแล้วไฉน
มีลูกเต้าเฒ่ามามองหาใคร มาจอมใจกลับบ้านเวสสันดร
ทั้งกัณหาลีก็กลับแล้ว สองลูกแก้วมัทรีศรีสมร
อยู่ป่าดงลำบากนักบังอร กลับนครครองเมืองรุ่งเรืองรมย์
มิต้องหาเผือกมันผลไม้ เพียงอยากได้คนหามาเสร็จสม
ประกอบเป็นอาหารหวานคาวจม มาแม่ชมคิดถึงเจ้าซึ้งใจ
พระนางสอดสะใภ้ร่ำไห้หนัก อกแทบหักเศร้าสร้อยหนักไฉน
พลับสลบดังหลับคอพับไป สององค์ได้กอมกันพลอยล้มลง
สี่กษัตริย์อัดอั้นตันดวงจิต พอได้พิศสองพระนางพิศวง
นึกว่าทิวคีพปลดปลง ทุกพระองค์โสกาแทบวายปราณ
จนหมดแรงสลบสไลไปทั้งสิ้น ทุกผู้ยินยลกันพลันไขขาน
ต่าร่ำร้องโศกาใจแหลกราน สลบเต็นลานล้วนพวกไพร่พล
ร้อนถึงท่านอินทาเทวราช เกิดอุบาทอันใดอีกฉงน
ส่อง้รดาทืพยเนตรท่วสากล พบผู้คนสลบไสลชาวะารา
บริเซณอาศรมพระยาเวส จู้แจ้งเหตุอีกแล้วจริงสิหน้า
ต้องฝนโบกขรพัสตร์กันอีกครา เสกมนตราโปรยโบกขรณี
ชึ่มพื้นพสุธานานาสัตว์ ตื่นสลัดมึนงงหลงวิถี
เป็นออะไรมาหลับกลางพงพี ก็พอดีเห็นพระเวสนมัสการ
สนทนพาทีถามสุขทุกข์ ปลุกปลอบใจคลายเศร้าเข้าผสาน
ขออภัยเรื่องราวแต่ก่อนกาล เกษมศานต์สวบสันต์สถาพร
สญชัยเจ้าจัดการอภิเษก ให้เป็นนเอกอัครราชเวสสันดร
ครองสีพีกรุงไกรผ่านนคร ประชากรแซ่ซ้องพระบารมี
ครบสามวันยกขบวนชวนกันกลับ ยาตราทัพยิ่งใหญ่ในวิถี
มหาราชเวสสันดรกลับบุรี เถลิงศรีราชสมบัติวิวัฒนา
พระมัทรีศรีสมรราชินี ชาวบุรีชื่นชมแลหรรษา
ถวายพรทุกวันสุขสันต์มา อีกชาลีแลกนิษฐอิฎฐารมย์
พระปกเกล้าอาณาประชาสุข นิรทุกข์ผ่องแผ้วสงบสม
บารมีแผ่ไกลไทนิยม ล้วนชื่นชมจักรพรรดิเวสันดร
เป็นกษัตริ์ย์ทรงคุณอันประเสริฐ นับเป็นเลิศทศพิธราษฎร์ทุกข์ถอน
แผ่นดินรุ่งวัฒนาสถาวร ประชากรน้อบนบจบมากคุณ
พระทรงมีทศพิธราชธรรม นำให้เกิดฝนรัตนหนุน
ตกทั่วเมืองสีพีเชิญแปลงปุน ล้วนอบอุ่นเก็บได้ให้พอดี
เมื่อเหลือแล้วเก็บเข้าพระคลังไว้ อาจต้องใช้วันหน้าแท้ดีหลี
ประชาช่วยเก็บกวาดส่งคลังมี ล้วนปรีดาบ้านเมืองรุ่งเรืองเกิน
จบแล้วนะ