วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2562

รวมบททักทายเดือนกรกฏาคม ๒๕๖๒




ขุนทอง ศรีประจง

.........เขียนบททักทายรายวัน เดือนกรกฎาคม ครบ ๓๑ วัน เลยนำมารวมไว้ที่เพจนี้ จะได้ค้นหาง่ายหน่อย ท่านที่สนใจจะเข้ามาชมก็ยินดีครับ  ขอบพระคุณ
---------------------------



































วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562

วันแม่ผมก็มีแม่เหมือนกัน


ถ่ายกับยาย และแม่บ้าน


นางทองมา ลูกพี่สาวคนโต นางทุม พี่สาวคนเล็ก 

ขุนทอง ศรีประจง
......เดือนเมษายน มะไฟในสวนกำลังสุก สวนเรามีสามแห่ง สวนบ้าน ติดหมู่บ้าน สวนเหล่า
ติดนาเหล่า และสวนโนนยาง อยู่หมู่บ้านร้าง สวนบ้านมีมะไฟสองต้น สวนเหล่ามีต้นเดียว ที่
สวนบ้านต้นใหญ่และดกมาก สวนบ้านกว้างไร่เศษ มีมะม่วง มะไฟ ส้ม ขึ้นเต็มไปหมด มะไฟ
ต้นใหญ่ แตกกิ่งแผ่ไปรอบโคนต้น สูงสักเมตรเดียว พวกเราชอบปีนเล่นกัน ไต่ไปได้ทั่วทุกกิง
มีหล่นลงพื้นก็ไม่ถึงกับบาดเจ็บ แค่จุกครู่เดียวก็ไปต่อได้ เป็นสนามเล่นหมากหนอนของพวก
เรา เลิกเรียนก็ไปเล่นที่สวนบ่อย ๆ เดือนเมษายน โรงเรียนปิดแล้ว แต่มะไฟกำลังสุก มะไฟ
ต้นใหญ่รสดีเปรี้ยวน้อย หวานมาก แม่ขายตะกร้าละบาทเดียว แม่บอกราคาดี มันอร่อยถึงขาย
ได้ มีคนมาขอซื้อประจำ พ่อวางแผนจะเอามะไฟไปขายแลกเกลือที่อำเภอยางตลาด แม่พา
พวกเราไปเก็บมะไฟ พี่สาวสองคน พี่ชายหนึ่ง ผมและแม่ ส่วนพ่อไปเตรียมเกวียน
........เกวียนติดตั้งกะโหลก รูปร่างเหมือนกล่องกระดาษก้นทรงสี่เหลี่ยม วัดขนาดเท่าสาแหรก
เกวียน สูงสัก 70 เซ็นต์ สานด้วยตอกไม้ไผ่ ติดขอบแข็ง เป็นกล่องขนาดใหญ่สำหรับบรรทุก
สิ่งของ เวลาลากขนข้าวเปลือกจากลานไปเก็บยุ้งฉาง กระโหลกเกวียนนี่แหละช่วยได้มาก
จะไปขายมะไฟก็ต้องพึ่งกระโหลก ต้องติดตั้งประทุนกันแดดกันฝนด้วย เพราะแม่กับลูกแหง่
ให้นั่งในกะโหลก ยังกะรถกระบะมีหลังคานั้นแหละ ด้านหน้ากันที่ไว้ให้แม่ลูก ถัดไปก็บรรทุก
มะไฟ ส่วนลูกสาวสองคนเดินตามรอยเกวียนพร้อมหมาแดงตัวหนึ่ง แต่พอออกนอกบ้านเขา
แซงไปเดินนำหน้า เพราะตามหลังฝุ่นเยอะ
.......เกวียนพ่อเป็นเกวียนราชาไม แกะลวดลายทั้งลำ ขนาดกำกงล้อ ยังมีลวดลายสวยงาม
มาก เห็นว่าซื้อหลายร้อย ปี 2492 ราคาสองร้อยห้าสิบบาท แพงมากนะ วัวเทียมก็วัวแม้ว
สีเทา ๆ สูงใหญ่ คู่หูคู่ฮากับผม เพราะชอบขี่หลังมันออกไปปล่อยหากินที่ทุ่งใกล้หมูบ้าน พี่
สาวจูงมันให้เราชี่ มารู้ทีหลังว่าเขารำคาญเราชอบวิ่งไปไกลหูไกลตา จับวางหลังวัวไปไหน
ไม่ได้ ไม่ต้องตามยาก ลงจากหลังวัวก็ไปช่วยมันเล็มหญ้า ดึงหญ้าแพรกได้เต็มกำก็ม้วน ๆ มัด
กองไว้ ได้ไม่กี่กำมันมาแย่งกินหมด หมดแล้วตามมาเลียแขนเราคงขอบใจเรามั้ง หรือไม่ก็บอก 

เกวียนมีประทุนกันแดดกันฝนได้ดี

เอาอีก ๆ นั่นแหละ จึงคุ้นเคยกับพวกมันดีมาก ๆ
........เสียงล้อเกวียนวิ่งบดดินรอยทางเกวียนดังออดแอด ๆ ผสมเสียงกลีบเท้าวัวกุบกับ ๆ มัน
เพราะดี แต่ฝุ่นนี่ไม่ดีเลย เราลงจากเกวียนเดินนำหน้าดีกว่า พี่สาวเขาพาเดินสนุกดี อ้ายหมาแดง
มันวิ่งหายไปไหนไม่รู้ พี่บอกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวมันก็มา เปล่าไม่มาแต่ได้ยินเสียงเห่าคล้ายจะกัด
อะไรซักอย่าง ตานี้พี่ชายวิ่งไปดู เห็นเอาไม้ยาว ๆ ตีอะไรซักอย่าง ไม่นานก็เดินกลับมาอวด
มีงูสิงตัวเท่าแขนคล้องคอมาอวด พี่เก่งจริง ๆ ไม่กลัวงู เราขนลุกกลัวสิ พี่เรียกให้ตามไปก่อไฟ
ช่วยเก็บฟืนไปให้ เขาเผางูแล้ขอดเกล็ด พี่บอกวิธีนี้ได้กินหนังด้วย แต่ทำยากกว่าวิธีลอกหนัง
กว่าจะขอดเกล็ดเสร็จกองเกวียนลับตาไปแล้ว พี่ชายพาเดินลัดทุ่งนาไปไม่นานก็เห็นฝุ่นกอง
คาราวานเกวียน เชื่อไม่นานคงตามทัน ไม่นานนักเราก็แซงกองเกวียนไป ถึงจุดพักเกวียนริม
หนองน้ำใหญ่ ร่มไม้สำรับพักผ่อนอย่างดี มีน้ำให้วัวได้ดื่มกิน มีหญ้าริมน้ำเขียวชะอุ่ม พอพัก
วัวก็ปรี่ลงหนองดื่มน้ำ แล้วก็ขึ้นมาเล็มหญ้ามันคงหิวมากเพราะเดินทางสองสามชั่วโมง พักอยู่
จนทานข้างเที่ยงที่นี่แหละ บ่ายจึงจะเดินทางต่อ
........พ่อลงอาบน้ำในหนอง เรียกให้เราไปหา แกขว้างค้อนขึ้นมาบอกให้เราไปเก็บ อ้าวปลา
ช่อนตัวเท่าแขน เก็บได้แล้ว แกขว้างมาอีก ปลาหมอ ปลาดุก ปลาสมัยก่อนคงหาง่าย เอามาให้
พี่ชายแกเสียบไม้ย่างปักรอบกองไฟ พ่อมาถึงในมือผักเต็ม แกชอบสะเดา เด็ดยอดอ่อนมาเต็ม
กำมือ ใบตอวจาน(กวาวเครือ)ห่อแล้วเผาไฟ สุกแล้วเอาไปล้างน้ำ ยังกะลวกด้วยน้ำร้อน อร่อย
มาก ๆ แก่ผ่าไม้ไผ่ทำครก เทแจ่วบองลงก่อน แกะเนื้อปลาลงไป สากไม้ไผ่ตำ ๆ ๆ กลายเป็น
แจ่วปลา วิธีนี้จำเอามาใช้จนทุกวันนี้ ผมเรียนแบบพ่อมาหลายวิชาเชียวแหละ แต่วิชาจับปลามือ
เปล่าทำได้แต่ไม่ค่อยเก่งเหมือนพ่อ หลักการคือ ดินโคลนไม่ลึกนัก พ่อกดรอยเท้าให้เป็นหลุม
ระยะหลมห่างพอดีก้าว กดรอยไปสัก 6-10 ศอก ควักดินมากำหนึ้ง หว่านกระจาย คล้ายเหวี่ยง
แห ปลาตกใจก็วิ่งไปหลบ เจอรอยเท้าชอบใจแอบบหลบในรอยเท้า ตอนงมก็เบา ๆ สองมือปิด
รอยเท้าให้มิด ปลาก็ติดในกำมือ หลักการก็เท่านี้แหละ ได้สองสามตัวก็ถือว่าเก่งมากแล้ว 


คาราวานเกวียนเดินทางไกลไปหาแลกข้าวของ

........อาหารเที่ยงก็แจ่วปลา หลามปลา ปลาเผา งูย่าง พี่สาวทำส้มตำให้กินด้วย อร่อยมาก
สุด ๆเลย หลังทานข้าวก็เดินทางต่อ จวนค่ำถึงบึงใหญ่ มีรอยกองเกวียนมาพักสองสามจุด มีร่มไม้
ใหญ่กระจายอยู่ทั่ว พ่อเลือกจุดพักกองเกวียน ใช้เกวียนเป็นกำแพงล้อมวง วัวผูกไว้ด้านใน กลาง
ก่อไฟกองใหญ่มีหมาสี่ห้าตัวช่วยทำหน้าที่เวรยาม ยินว่ามีโจรชุมต้องอยู่เวรยามกันทั้งคืน เรา
นอนกับแม่ที่ใต้ถุนเกวียน หมอกแรง หนาวมาก กว่าจะสว่างนานเหลือเกิน ตืนเช้ามาไม่เห็นแม่
ออกเดินหา แม่กำลังแลกเปลี่ยนและขายมะไฟ ชาวบ้านเขาได้ยินข่าว หอบเกลือมาแลกมะไฟ
ชาวบ้านแถบนี้ทำเกลือสินเธาว์กันแทบทุกบ้าน ดินช้างทางเห็น"ส่าเกลือ" กระจัดกระจาย เขา
มาต้มเกลือกัน ด้วยหลักการคือ เอาดินส่าเกลือไปแช่เอาน้ำเค็มใส ๆ กรองดีแล้วเอาไปต้มให้
น้ำระเหยเหลือแต่เกลือ เขาต้มกันทั้งวัน เกลือที่ได้ก็ใส่กระทอขนาดเท่าโคนขา สูงสัก 60 เซ็นต์
กรุด้วยใบต้อง ตอกมัดแน่น เรียกกระทอเกลือ เกลือที่ยังไม่บรรจุก็กองไว้ มีหลายสิบเจ้า เขา
ทำเป็นอาชีพกัน 

พักกองคาราวาน

......ครึ่งวันมะไฟก็หมด ได้เกลือมากพอ ก็เดินทางกลับกัน ขากลับนั่งสบายหน่อย กะโหลก 
เกวียนว่าง ๆ แม่ปูผ้าให้นอนตลอดทาง ตื่นนอนก็ลงจากเกวียนไปวิ่งเล่น ทางเกวียนลัดเลาะไป 
ตามป่าบ้าง ทุงนาบ้าง กว่าจะถึงบ้านก็มืดค่ำ เดินทางกันทั้งวัน สมัยเรียนหนังสือที่ มหาสารคาม 
เคยกลับไปดู ขับรถผ่านบึงน้ำใหญ่ที่กองคาราวานเคยมาพัก อยู่เขตอำเภอกันทรวิชัยนี่นา 
ขับรถเลยไปนิดหนึ่งถึงแยกอำเภอยาง ตรงนี้เองที่เคยพักเกวียน เลี้ยวขวาไปสามสิบนาที อ้าว 
ป่าดงมะไฟสวนที่เราเคยปีนป่ายอยู่ตรงนี้ การเดินทางสมัยโน้นเดินกันแต่เช้าจนค่ำมืดกว่าจะถึง 
ยางตลาด สมัยนี้เดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว คิดถึงพ่อและแม่นะป่านนี้อยู่ภพภูมิไหนกันบ้างนะครับ 
.......ลูกชายคนนี้แก่แล้วปีนี้ 75 ครับ แต่ก็คิดถึงพ่อแม่ยังรักท่านทั้งสองเสมอ ได้ใช้ความรู้และ 
ประสบการณ์ที่พ่อแม่สอนให้เอามาใช้จนทุกวันนี้ วิธีทำส้มปลาน้อยสูตรของแม่ยอดเยี่ยมอยู่ครับ 
ไปเที่ยวป่ามีครกตำพริกตำป่นปลา แบบตัดกระบอกไม้ไผ่ทำครกที่พ่อเคยทำ ใช้ได้ดีเสมอครับ 
วิธีช้อนอีฮวกที่แม่พาไปเลาะตามทุ่งนา ผมเคยใช้ได้กินหมกอีฮวกอร่อย ลูกเมียก็พลอยได้กิน 
กับผมด้วย เมียผมเป็นครูเขาทำไม่เป็นหรอก ผมเลยยืดใหญ่เลย ไปเที่ยวป่าได้กินแกงผักหวาน 
ด้วยกระบอกไม้ซาง หลามผักหวาน หลามปลาไหล หลามปลาดุก ผมได้กินเพราะทำตามที่พ่อ 
เคยสอนนั่นแหละครับ คั้นส้มผักฝีมือแม่ที่หนึ่งเลย ขนาดผมจำผิดจำถูกเอามาทำยังอร่อยเลย 
คิดถึงพ่อคิดถึงแม่มากครับ จากกันนานแล้ว พ่อแม่ก็คง สังสาระ ไปตามเหตุปัจจัย ไม่รู้เมื่อไร 
จะได้พบเจอกันอีก ได้แต่อธิษฐานจิตขอส่งบุญกุศลไปให้ทั้งสองท่าน ขอให้ท่องไปในวัฏฏะ 
อย่างสะดวกสบาย อย่าได้ขาดเขินเสบียงกรังคือบุญกุศล กระผมขออุทิศไปให้มิได้ขาด ทุกค่ำ 
เช้า ทำวัตรสวดมนต์จบก็อุทิศทันที หวังว่าจะมีผลช่วยให้สองท่านได้รับบุญกุศลเพียงพอสำหรับ 
การท่องไปในวัฏฏสงสารอย่างสะดวกสะบายนะครับ...สาธุ 

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562

คิดถึงแม่นะ



......ใกล้วันแม่แห่งชาติ ๑๒ สิงหาคม นึกถึงแม่เราเอง พ่อผมชื่อจำปา ศรีประจง แม่ชื่อจ้อน ศรีประจง ดูชื่อก็เดาไม่ยากคนนอกเขตเมืองแน่นอน บ้านเกิดห่างจาก ตัวอำเภอกมลาไสย ไม่ถึงสิบกิโลเมตร แต่ปี 2491 อายุ 4 ขวบ แม่พานั่งเกวียน ตามพ่อไปอำเภอ รู้สึกมันไกลมาก พ่อได้รับมอบหมายจากลุงผู้ใหญ่บ้านให้ไปประชุมที่อำเภอ แทน เอาเกวียนไปบรรทุกเหล้าขาวมาขายด้วย ที่บ้านพ่อเป็นตัวแทนจำหน่าย พ่อขับเกวัยน แม่พานั่งในประทุนเกวียน นั่งกันได้ไม่นานเกิดอาการมึนเมาก็แบบคนทุกวันนี้เมารถนั่นแหละ ต้องลงเดินเท้าตามเกวียนไป คนเดินเป็นเพื่อนก็แม่ไง ข้อศอกแม่ห้อยตะกร้าหมากไปด้วยเพราะแม่ชอบเคี้ยวหมาก แต่เดินไปไม่นานแม่ก็เรียกให้ไปหา ป้อนข้าวกับชิ้นกวางย่างให้คำหนึ่ง ลุงไปป่าดงแม่เผด ได้เก้งกวางก็ทำเนื้อย่างรมควันมาฝาก แม่เก็บไว้ วันนี้เอามาป้อนลูก กว่าจะถึงอำเภอก็อิ่มแล้ว


                                                   เกวียนติดประทุน(หลังคา)

.....พ่อเป็นนักหาปลา เก่งหลายเรื่อง เช่นทำต้อนดักปลาด้วยการทำ ฝาเผียก ไปกั้นทาง น้ำไหล ให้น้ำไหลตกลงอีกฟากของคันนา เกิดเสียงดัง เรียกความสนใจของกุ้ง ปูปลา นึกว่าเสียงน้ำไหลลงลำห้วย เจอต้อนที่มีฝาเผียกกั้น ก็เลาะหาทางผ่าน มี แต่ช่องที่เจาะไว้ใส่ ลอบ ไซ ว่ายไปก็ถูกดักขังในลอบ ในไซ อันนี้เรียกต้อน ใกล้ ต้อนนิยมทำหลุมดักปลา จอบถากหลังคันนาลงใกล้ระดับน้ำ โคลนตมลาดละเลง ยังกะทาซีเมนต์ กลิ่นโคลนทำให้ปลานึกว่าอีกฟากคงเป็นแม่น้ำ พยายามปีนข้าม ก็เจอหลุมขุดดักไว้ หล่นลงไปก็ขึ้นไม่ได้ ตอนเช้า ๆ ไปเยี่ยมยาม ยังกับปลา เอาไปขังไว้  ที่บ้านมีปลาสดปลาย่างกินตลอดปีเราก็จดจำเอาวิธีจับปลาของพ่อมาใช้ไนเวลาต่อมา 



ต้อนดักปลา 

.....แม่ล่ะจับปลาเก่งไหม วันฝนตกปรอย ๆ ใกล้เข้าพรรษา ทุ่งนาข้าวเขียวชะอุ่ม แม่ชวนให้ตามไปทุ่งนาบอกจะไป ก่อง (ดัก) ปลา ด้วยผ้า แหย่ง คำนี้อีสานแท้ น่าจะออกเสียงได้ ตัว ยอ นาสิก ครับ เป็นผ้าฝ้ายทอตาห่าง ๆ ผ้าขาวธรรมดา ๆ แบบผ้าด้ายดิบ หูกที่ทอ ฟันฟืมจะถี่หน่อย แต่ถ้าจะทอ ผ้าแหย่ง เส้นยืนจะห่าง สองเท่าของฟืมทอผ้าขาวปกติ ผมเคยไปยืนเฝ้าแม่ สืบหูก เลยมีความรู้เรื่องพวก นี้ดี ทอเสร็จจะได้ ผ้าแหย่ง แบบ ผ้ามุ้งนั่นแหละ ผ้าแหย่งส่วนหนึ่งสงวนไว้ใช้เวลา ช้อนแมลง ช้อบกบเขียด ก่องปลา ช้อนปลา เห็นแม่จับปลาก็ตอนน้ำท่วมทุ่ง พ่อเสริมคันนา บังคับน้ำให้ไหลไปที่ต้อน เปิดข้าง ๆ ต้อน ให้แม่ก่องปลาด้วยผ้า แหย่ง ผ้าแหย่งสองผื่น ยาวสักห้าศอก ปากม้วนด้วยไม้ไผ่แล้วดัดโค้งปักส่วนโคง
กดลงคันนา ปล่อยน้ำไหลลงมีผ้าแหย่งเป็นทางน้ำไหล ปลายสุดแม่ผูกเป็นถุงมัดปลายที่หลักไม้ไผ่  ผมแย่งพี่สาว คอยตักเอาปลาที่ก้นถุง สนุกมาก เขาปล่อยให้เล่นครู่เดียวก็ต้องเลิก มันหนาว พ่อก่อกองไฟรอที่เถียงนา วิ่งไปหาพ่อ พ่อก็รู้ดี จี่ปู หอย ไว้รอ จ้างก็ไม่หนีไป ไหน หนาว นั่งผิงไฟ กินปูเผาที่พ่อแกะให้ อร่อยมาก ๆ

ก่องปลา

.....หายหนาววิ่งไปหาแม่อีก โอ้โห แม่กำลังคัดปลาอีด ตัวสีชมพู ออกจากปลา อื่น ๆ แม่บอกจะเอาไปทำ "ส้มปลาน้อย" ก็ปลาจ่อมนั่นแหละ เราก็ไปช่วยเก็บกุ้ง กินเล่น สักครูหนาวก็กลับมาผิงไฟอีก สักห้าโมงแม่ก็เลิก ได้ปลาครึ่งครุสำหรับ ปลารวม ปลาอีดได้ซักสองถ้วย ไม่นานก็มีส้มปลาน้อย(ปลาจ่อม)กินกัน สุดยอดความ อร่อย จำได้ไหมแม่ทำปลาจ่อม จำได้ดีแน่ เจอแม่ทำทุกปี พี่สาว 4 คน เขาทำเก่งทุกคน ส่วนเราลูกชายคนเล็กด้วยนะ ก็แค่จำว่าทำอย่างไร ไม่ได้ทำเองหรอก มีคนช่วย แม่ทำตั้ง 4 คน เราอันดับหก ไม่มีโอกาสได้ทำหรอก แล้วทำเป็นไหม ก็ทำได้สิ พวกพี่ ๆ ซะอีก ทำเป็นแต่โม้ไม่เป็น ส่วนเราหรือโม้เก่งแต่ไม่ค่อยได้ทำ ปลารวม แม่เอาไปทำปลาร้า ปลาจ่อมได้กินก่อน รสเปรี้ยว ๆ แม่จะแปลงก่อน ซอยหอม กระเทียม ขิง มะเขือขื่น ปนลงไป เพิ่มปริมาณปลาจ่อมด้วย ปรุงรสปรุงกลิ่นด้วย อ้อ ข้าวคั่วขาดไม่ได้ เวลากิน ถามหาพริกขี้หนูสวน มะเขือเปราะ ข้าวเหนียวร้อนๆ นั่นแหละสวรรค์บ้านทุ่งละ มันอร่อยมาก ยิ่งมีกุ้งปนซัก 5-10 เปอร์เซ็นต์ละก็เยี่ยม


ส้มปลาน้อย

ปลาแดก
......แม่เป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้าชั้นเยี่ยม กางเกงหัวรูด (หัวฮูด) คือกางเกงที่ต้องใช้ประจำแต่ตื่นนอน อ้อตอนนอนไม่ต้องใส่ มีผ้าห่ม แต่ผู้ใหญ่เขาใส่กางเกงนะ เราเป็นเด็กเปิดเผยดี เย็บเสร็จแม่ก็ย้อมครามให้ เป็นสีครามนั่นแหละ อ้อ คราม แม่ก็ทำเองนะ จอมปลวกใหญ่ ๆ ที่กลางนา แม่ปลูกครามไว้ ยังไม่พอที่สวน ก็มี เวลาครามโตเต็มที่สูงท่วมหัวเชียวแหละ ผมชอบไปเดินดูหาจับแมงแคงขาโป้ มันชอบมากัดกินยอดคราม มีเท่าไรไล่จับเอาหมด กินดิบ ๆ ด้วย อร่อยมากขอบอก แมงแคงกัดยอดครามเป็นความรับผิดชอบของเรา ชอบมากเพราะอร่อย ครามโต ได้ที่จะถูกตัดไปแช่น้ำให้เปื่อย แล้วนำมาขยี้เอาเปลือกและใบให้ล่อนออกจากลำต้น ขยี้ต่อจนสีหลุด ปล่อยให้ตกตะกอน รินน้ำใสทิ้ง เหลือแต่เนื้อคราม เอาไปใช้ย้อมผ้า เห็นแม่ไปขอน้ำหม้อนิน(หม้อย้อมคราม)จากเพื่อนบ้านมาก่อหม้อนินของ ตนเอง พอติดก็ใช้ย้อมผ้าได้ ใช้ครามละลายในหม้อนิน ได้ที่แล้วก็เอาผ้าขาวลงย้อม เสร็จก็เอามาตาก แล้วเอาลงย้อมอีก หลายรอบจนได้สีพอใจ  ลืมบอก กางเกงหัวรูดนี่เป็นชุดประจำกายนะ เสื้อไม่ต้องใช้ ท่อนบนเปลือย วิ่งเล่นได้ทั่วหมู่บ้าน เด็กผู้หญิงก็เปลือยนะ เล่นด้วยกันไม่เห็นอายนะ โน่นแหละเข้าเรียนแล้ว ถึงใส่เสื้อ แต่ผู้ชายยังเปลือยท่อนบนอยู่ มานึกดูสมัยนี้สู้สมัยก่อนไม่ได้ สมัยนั้นสนุกกันสุด ๆ จริง ๆ


หม้อนิน

.......แม่มีสวนหม่อนเอาไว้เลี้ยงไหม พ่อกับพี่ชายจึงได้นุ่งผ้าโสร่ง สวยงามมาก พี่สาวได้นุ่งซิ่นหมี่ไหม หนุ่ม ๆ มองตามตาเป็นมันเลยแหละ ส่วนผมไม่ได้ใช้หรอก เด็กเกิน แต่ก็รู้จักดี แม่ไปขอฝักไหมเพื่อนบ้านมาเพาะไข่ จากฝักไหมสีเหลือง ๆ ก็เห็นตัวบี้ แม่จับตัวบี้ไปวางบนเศษผ้า เอาขันครอบไว้ ไม่กี่วันก็ได้ตัวไหมเล็ก ๆ รวมกันเป็นวงกลม ทำแบบนี้ซักสิบวงก็พอ ชั้นเลี้ยงตัวไหมสิบกระด้งถือว่ามาก สำหรับการเลี้ยงแต่ละชุด แรก ๆเห็นแม่หั่นใบหม่อนให้ตัวเล็ก ๆ กิน จนมันโต ขึ้นถึงให้กินใบโดยไม่ต้องหั่น ผมชอบนั่งดูแต่ไม่กล้าจับหรอก เพราะมันเหมือน ตัวบุ้ง โน่นแหละตอนมันแก่มีสีเหลืองค่อยน่าจับหน่อย ช่วยจับไปวางบนจ่อให้ มันทำรัง จากนั้นแม่ก็เอารังไหมไปสาวหลอก ได้เส้นไหมสำหรับทอผ้าไหมต่อไปส่วนตัวไหมก็กลายเป็นดักแด้ เลิกเรียนมาทันแม่เก็บหม้อสาวหลอกพอดี ก้นหม้อ ดักแด้เต็ม แม่เอาไปคั่วใช้ไม้คน ๆ เอาเส้นไหมออกตัวดักแด้ล่อนออกเกินครึ่ง มี บางส่วนยังมีรังไหมผนังบาง ๆ หุ้มอยู่ ก็แยกออก ส่วนที่ล่อนแม่เอาไปทำกับข้าว ที่เหลือก็ยกให้เด็ก ๆไปแกะกินกันเอาเอง อร่อยดีครับ


สาวหลอก

........ยังมีอีกมากครับที่ผมได้เรียนรู้จากแม่ เป็นวิชาความรู้ที่หายาก สามารถ แนะนำคนอื่นได้ สมัยเป็นครูเคยเปิดสอนวิชาการทอผ้าด้วยกี่กระตุก ผมก็กลาย เป็นผู้อำนวยการสอนโดยปริยาย เพราะรู้จักระบวนการทอผ้าเป็นอย่างดี ก็ได้ มาจากแม่ผู้มีพระคุณนั่นแหละ ครูเขาถามว่าท่านไปรู้เรื่องการฆ่าฝ้าย ย้อมสี มาจากไหน พอเราโม้ให้ฟังก็อ้าปากค้างสิครับ ขอบพระคุณแม่ที่ให้วิชา ความรู้และประสบการณ์อันมีคุณค่ายิ่ง ทำให้กระผมโม้ได้จนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณ มากครับ
........วันแม่มาถึงขอน้อมระลึกถึงคุณของแม่ ตั้งใจจะดูแลพ่อแม่ที่กระผมได้รับมา ก็คือตัวตนที่แหละ รับรองจะไม่นำไปใช้ในทางไม่ดีงาม ไม่พาตัวตนที่พ่อแม่ให้ ไปเกี่ยวข้องกับอบายมุข คือ ไม่เป็นนักเลงเจ้าชู้ ไม่เล่นการพนัน ไม่เป็นนักเลง สุรา ไม่คบคนชั่ว จะประพฤติตนเป็นคนมีศีลมีธรรม ยึดมั่นในคุณธรรมจริยธรรม ไม่คบคนชั่ว ฝักใฝ่การทำบุญกุศลสืบไป

ขอบคุณภาพจากกูเกิลครับ ไม่ได่ถ่ายเองหรอก 

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2562

กาพย์ปู่สอนหลาน...ขุนทอง ประพันธ์


......................ผมแต่งกาพย์ปู่สอนหลาน โดยพยายามเลือกใช้กาพย์ทุกชนิดในสาระคำร้อยกรองไทย ที่มีกาพย์ ๒๔ ชนิด ทั้งที่เคยเรียนมาไม่กี่ชนิดเอง เลยตั้งใจแต่งให้ครบ ๒๔ ชนิดนั่นแหละ  แล้วนำมาโพสไว้ที่เวบนี้ครับ เพื่อท่านที่สนใจอาจแวะเข้ามาดูได้  ขอบคุณครับ

ขุนทอง ศรีประจง
๔ สิงหาคม ๒๕๖๒


กาพย์ปู่สอนหลาน
โดยขุนทอง
๒.๒ กาพย์รัสสปักข์
o..กาพย์ปู่สอนหลาน.......... ตั้งใจ
ตรองแต่งดูเป็นไร เลือกกาพย์
รัสสปักข์พิไล งามแบบ
บาทเจ็ดคำสามไว ตรองแต่ง
บาทสี่เก้าคำใช้ แปลกแท้ลองดู
o..เอกโทมิต้องชู ชักชอบ
ห้าคำลงตามกรอบ ดีแน่
วรรคหลังสองทุกรอบ เจนจัด
สัมผัสบาทแรกครอบ ที่ห้าสามบาท
o..มิขาดส่งต่อบท ถัดไป
ปลายบทบาทแรกไว สัมผัส
ที่เหลือเชิ่นเดิมใคร อยากเล่น
ลองเถิดเหมือนโคลงไซร้ แต่ไร้เอกโท
o..ปูหวังขีดเขียนเรื่อง สั่งสอน
ฝากแก่ลูกหลานตอน มาเยี่ยม
ลางคนชอบมานอน เป็นเพื่อน
ฟังนิทานอ่อนอ้อน เล่าให้สนุกกัน
o..อ้ายเปมันอยากฟัง คำกาพย์
สอนลูกหลานซึมซาบ นะปู่
เอาเถิดนอนพังพาบ ฟังเล่า
จักสอนพวกแกทาบ ทามแล้วปองปุน
o..หนึ่งเรื่องคุณพระแก้ว สามดวง
ลูกหลานเป็นพุทธพวง ผุดผ่อง
พุทธมามกะปวง นอบถือ
พุทโธธัมโมดวง รัตน์แก้วแวววาม
o..สังโฆแนวงดงาม ถือมั่น
ทำวัตรสวดมนต์สรรค์ เสร็จสรรพ
สมาทานกัน ตัวข้า
ยึดที่พึ่งพลัน พทธธรรมสังโฆ
o..พุทธังมโนนอบ สักการ
ธัมมังสังฆังขาน ครบเครื่อง
นับถือดั่งดวงมาลย์ นบนอบ
คุณจักมีนับนาน ร่มเย็นในธรรม
๒.๑ กาพย์ทีฆปักข์
o..คำสอนเย็นนักยิ่ง ซึ้งใจ
ละชั่วบาปทำไป หมองหม่น
ทำแต่บุญผ่องใส ดวงจิต
สุขสกลที่ใคร่ สุขจริง
o..สิกขาศีลชัดยิ่ง สำคัญ
ละฆ่าส่ำสัตว์สรรพ์ ปาณา
อทินน์ห่างไกลกัน กลัวบาป
ละกามาบุญพลัน เพิ่มพูน
o..มุสาเว้นค้ำคูณ ควรยิ่ง
เลือกสรรคำพูดจริง สัจจะ
ชนชมชื่นชายหญิง ยกย่อง
เชื่อสาระตำล้วน ค่าแพง
o..สุราดีกรีแรง ฤทธิ์มาก
ติดเข้าเลิกยิ่งยาก เมาหนัก
เขาด่าเป็นขี้กลาก นามเหล้า
คนที่รักตนให้ ห่างมัน
o..อิมานิปัญจะ สิกขา
ตั้งใจยึดนำมา ปฏิบัติ
เป็นกิจประจำพา ขัดกล่อม
ใจผ่องพัฒนา งามยิ่ง
o..ละบาปมวลทิ้งได้ ใจดี
ดังแต่งเครื่องทรงมี วาดยิ่ง
วาดงามนักคนที ศีลแต่ง
เหล่าชายหญิงแซ่ซร้อง ชื่นชม
o..กุสลัสสูปนิยม สั่งมาก
อุปสรรคลำบาก ฟันฝ่า
หวั่งแต่ดีถึงยาก ทนอยู่
บุญกุศลจักได้ มากมี
o..ดีจิตปริโย ทปนัง
ชะกิเลสก็มลัง หมดจด
ครบสามหลักยัง จำแม่น
ถือดังกฏทำได้ มงคล
๒.๓ กาพย์ตรังคนที
o..ฝึกตนสีลสิกขา ถือศีลห้าทำไฉน
ปาณาเว้นฆ่าได้ มิกระทำบาปกรรมมวล
o..ข้อสองอทินนา ของเขาอย่าหยิบน่าสรวล
เขาเรียกโจรมิควร เราผู้ดีมีศีลธรรม
o..กาเมสุมิจฉา เจ้าชู้อย่าพบงามขำ
เกี้ยวพาเขาบาปกรรม หัวงูโผล่มิค่อยงาม
o..มุสาวาทาเวร พูดจาเน้นคนไถ่ถาม
สัจจริงเหมาะควรยาม สนทนาน่าชื่นชม
o..สุราเมรยะ ละเสียได้จึงจักสม
ผู้คนเขานิยม ส่วนขี้เมามิค่อยดี
o..ห้าเวรเว้นเพราะบาป จรรยาหยาบเสื่อมเสียศรี
เขาหมิ่นค่าด้อยมี เสื่อมเสียหายอับอายคน
o..ถือศีลใส่ใจไว้ จะเที่ยวไปมิสับสน
มีบาปอย่ากังวล ศีลละเว้นเวรไม่มี
๒.๔ กาพย์มหาตรังคนที
o..สิกขาสองเรื่องจิต สติชิดอย่าหลุดหลบหนี
สมถะนั่นแหละดี ฝึกฝนจิตสนิทใจ
o..สมัยสิทธัตถะ ครั้งท่านละบ้านเมืองไฉน
โมกขธรรมมุ่งไป จักฝึกตนพ้นทุกข์เวร
o..กราบอาราฬดาบส ได้จำจดสิ่งที่เห็น
กรรมฐานที่ฝึกเป็น ทางแห่งฌานสี่ประการ
o..บารมีโพธิเพ็ญมา แก่กล้าเกินแค่ไขขาน
สี่ขั้นทรงเชี่ยวชาญ เรียนจบสิ้นวิชาครู
o..ไปพบสำนักสอง ตามครรลองศึกษาดู
สี่ขั้นครบแปดรู้ สมาบัติแปดครับครัน
o..มิลุโมกขธรรม จำลาจากเสาะสืบสรรพ์
มากมายวิธีนั้น ยิงมิใช่สิ่งมุ่งมา
o..ปัญจวัคคีย์พบ  ยามท่านจบสิ่งที่หา
เป็นศิษย์ตามตำรา ทักทายไว้เมื่อยังเยาว์
o..ล่วงถึงอุรุเวล เส้นทางดูจะเปลี่ยวเหงา
ริมน้ำจึงยึดเอา ที่พักพิงอิงไทรงาม
o..บำเพ็ญเกือบหกปี ยังมิมีสิ่งใคร่ถาม
ล่วงพ้นตายนิยาม โมกขธรรมเป็นฉันใด
o..ทุกกรกิริยา กระทำมายิ่งยวดไฉน
มิอาจบรรลุได้ จนนึกหน่ายหยุดพักรอ
o..หันมารับอาหาร ทรมารมากเกินหนอ
อ่อนแรงคงมีพอ จะทำกิจการใดใด
o..ปัญจวัคคีเห็น นึกว่าเป็นท้อสงสัย
พากับละจากไป อุรุเวลสงบพลัน
o..บำเพ็ญบารมี ณโพธิ์ศรีพิเศษสรรค์
มินานพบมรรคอัน พิเศษสุดพุทธคุณ
o..สรุปทางที่สิกขา กระทำมาจนเกื้อหนุน
สมถะทางแห่งบุญ สมาบัติผลชัดเจน
o..จนเมื่อเพียรทางใจ ใช้สติจนแลเห็น
รูปนามนั่นคือเกณฑ์ วิปัสสนาพาลุญาณ
o..อรหันต์สัมพุทโธ ภิญโญยิ่งองอาจหาญ
กิเลสริดรอนราน หมดจดสิ้นผุดผ่องใจ
o..กรรมฐานจึงแจกสอง ครองสมถะมิสงสัย
ผลฌานสิ่งที่ได้ มิใช่สิ้นกิเลสคุณ
o..ทรงฌานใจสงบ มิได้พบกิเลสวุ่น
ออกฌานมันรุกรุน โลภโกรธหลงคงเหมือนเดิม
o..ส่วนทางวิปัสนา ลุโสดาพาส่งเสริม
อรหันต์สุดทางเติม ดับกิเลสหมดสิ้นไป
o..มรรคาพิเศษนี้ ชี้กระจ่างสว่างไข
ล่วงโมกขธรรมได้ เส้นทางนี้พิเศษจริง
o..สัตถาประกาศสอน นรากรเหล่าชายหญิง
บริษัทสี่พึ่งพิง สัตถุศาสตร์ของศาสดา
โพสที่ ๓
๑.๓ กาพย์จิตลดา
o..เป็นพุทธสาวกา เรียกขาน
อุบาสกสีกา หญิงชาย
ถือไตรรัตน์นานนัก เพราะคุณ
ปกปักใจกายมั่น เดชา
o..สองสีลานิปอง ปฏิบัติ
กระทำการเป็นวัตร ทุกวัน
ยามเข้าจักจัดอ้าง สมาทาน
จริยะสรรค์ศีล มั่นคง
o..มิถือมงคลตื่น ตูมตาม
มีเหตุมีผลยาม รับรู้
รัตนะสามสรรพ ที่พึ่ง
ถือมั่นทุกผู้ล้วน ทราบดี
o..สี่แสวงบุญด้วย พุทธธรรม
ตามกอปรบุญบาปกรรม ชัดแจ้ง
ปุญญเขตจดจำ เจนจัด
หมดจดมิแสร้งสร้าง อื่นใด
o..ส่งเสริมศาสนาใจ ก่อเกื้อ
บำรุงพระเณรใน อาวาส
กุฏศาลาเรื้อร้าง ซ่อมแซม
ใจบุญองอาจน้อม นบไตร
o..เบญจคุณครบในตน งามยิ่ง
กิจวัตรสรรพสิ่ง สมภาพ
ประสกใจจริงดู ประเสริฐ
คนทั่วถิ่นทราบได้ ชื่นชม
๑.๔ กาพย์มหาจิตลดา
o..สมบัติอื่นอีกมี ควรรู้
ดูแลพระเณรเถร เคารพ
ละอายบาปสู้หลีก ผลากเสีย
สัตย์ซื่อเจนจบ มาดมั่นคุณธรรม
o..ท่องบ่นจำจดคำ สวดได้
สมาธิฝึกเสมอ มิขาด
ขยั่นหมั่นฝึกให้เชียว ชาญเชาวน์
สติมั่นมิพลาดการ ฝึกฝนจัดเจน
o..ศึกษาเห็นอรรถธรรม ถูกต้อง
วิเคราะห์เหตผลควร พึงเชื่อ
ละบาปบุญปองเกื่อ ก่อกูล
แจ่มใจอ่อนเอื้อใฝ่ ธรรมคุณ
o..นานากิจคิดครุ่น ควรทำ
กิจก่อคุณทุกกรรม บุญส่ง
จิตพัฒน์พึงบำเพ็ญ เพียรมาก
กิจชั่วละปลงไว้ อย่าทำ
o..บุพพกรรมพึ่งสั่งไว้ มากมวล
คือกิจเกิดคุณควร สั่งสม
นานาประมวลบุญ มีค่า
ควรกระทำสมสร้าง เสกสร้างสุดสม
โพสที่ ๔
๑.๕ กาพย์สินธุมาลี
o..พรหมแห่งบุตรชายหญิง ปิตุ
มาตาพระคุณห้า สถาน
ความชั่วบาปอย่าลุ ทำหนา
ดีงามควรบรรจุ มากทำ
o..วิชชาจำสั่งไว้ มีคุณ
ดังกุศลผลบุญ เลอค่า
ถงคราวเลือกดรุณ ดูช่วย
มีครอบครัวสกุล มั่นคง
o..สินทรัพย์เจาะจงมอบ บุตรธิดา
มิมากมายแต่มากค่า คูณควร
ครบครันคุณมาตา ปิตตุ
พึงกราบพรหมทังหน้า แลหลัง
o..บำรุงตอบท่านตั้ง ใจจง
เจ็บป่วยมิลืมหลง ใฝ่เฝ้า
ทำตามท่านสอนคง ห่างชั่ว
กรรมที่งามค่ำเช้า เสกงาม
o..สินทรัพย์ตามที่ได้ รับมา
จักแจงเพิ่มพัฒนา ดียิ่ง
บุญกุศลสืบเสาะหา เสริมส่ง
ยามท่านอยู่ดีจริง บุญบอก
o..ออกดียิ่งยินเจ้า ทำดี
พ่อแม่สุดสุขขี อิ่มเอื้อ
ยิ่งรักยามเจ้ามี บุญก่อ
บุญเกิดแม่อิ่มด้วย อิ่มใจ
o..กายจิตพ่อแม่ให้ เรามา
ดูแลตนนั่นหนา ดีอยู่
ดีเพิ่มดีเลิศพา ท่านชื่น
ทำตนดีควรคู่ ค่าควร
ครูอาจารย์และศิษย์
๑.๖ กาพย์มหาสินธุมาลี
o..ครูหวังชวนศิษย์ได้ ดิบดี
จึงสั่งสอนวิชชามี มวลมาก
เปิดเผยสรรพสิ่งชี้ ทางบอก
ยกย่องชื่นชมอยาก ให้ได้ดีงาม
o..เป็นศิษย์ตามรับใช้ คุณครู
เรียนท่องจดจำดู จดแจ้ง
ละชั่วทำดีตรู ประพฤติ
พัฒนาคนไม่แย้ง เพราะได้ครูสอน
สามีและภรรยา
o..สามีเขาเรียกด้วย เสมอนาย
นำครอบครัวโดยพาย เดินหน้า
หลบหลีกภัยเสียหาย ปลอดโปร่ง
เป็นสุขครอบครัวถ้า เก่งกล้าสามี
o..ภรรยาเพราะเธอเลี้ยง ครอบครัว
กินอยู่ของลูกผัว จัดแต่ง
เป็นแม่ทุกคนกลัว เกรงแม่
มีคุณธรรมเสกแสร้ง แม่ล้ำเลิศคน
มิตรสหาย
o..เพื่อนมีดีชั่วล้วน คบกัน
คบง่ายคนดีสรรค์ เสริมส่ง
มีดีประคองกัน ไกลบาป
มิปลอยปละประสงค์ ช่วยพ้นบาปเวร
o..เพื่อนดีเป็นดังแก้ว ส่องทาง
รักใคร่มิจืดจาง แม่นหมั้น
แนะนำมรรคกระจ่าง ดีชั่ว
คุณมิตรดีใฝ่ฝั้น ฝ่ายข้างทางดี
นายและลูกน้อง
o..เป็นนายมีพวกพ้อง จัดการ
มอบกิจควรบริหาร รอบคอบ
จัดกิจเหมาะสมสาน เสริมส่ง
ประมวลกำกับชอบ เช่นนี้จึงควร
o..มีนายรับมอบด้วย กิจควร
ศึกษากระทำชวน ชืนได้
ผลงานครบกระบวน ดียิ่ง
ทุกสิ่งชวนชื่นไซร้ ลูกน้องทำดี
โพสที่ ๕ ปูสอนหลานอิทธิบาท ๔
๑.๗ กาพย์นันททายี
o..ทักกันสองเจ็ดแล้ว กรกฎา
หมายส่งญาติกา ทั่วถ้วน
อีกมิตรสหายา ทุกท่าน
เจริญสุขสวัสดิล้วน อยู่เย็น
o..บารมีที่สร้าง ปางบรรพ์
บุญก่อปัจจุบัน สั่งสร้าง
รวมพลังส่งพรสรรค์ เสริมส่ง
ทุกท่านสบสุขอ้าง เพราะพรหม
o..สมควรจักเอ่ยอ้าง อิทธิบาท
ฉันทะชอบกิจอาจ ทำได้
วิริยะขยันคาด งานเสร็จ
จิตตะรอบคอบใคร่ คิดทำ
o..วิมังสารอบด้าน พิจัย
อิทธิบทส่องไข กิจสร้าง
สัมฤทธิ์สฤษดิ์นัย หมายมาด
ยึดมั่นคุณธรรมอ้าง คู่ควร
ขุนทอง ประพันธ์
ปู่สอนหลานด้วย พรหมวิหาร ๔
๑.๘ กาพย์มหานันททายี
o..ลุวันยี่สิบเก้า กอคอ
เทพพรหมอวยพรพอ สุขเกื้อ
ลาภยศที่รอจง สำเร็จ
รมย์รื่นพรเอื้อให้ เกษมสันต์เกษมศรี
o..พรหมวิหารสี่ข้อ คุณธรรม
ควรก่อกิจเกิดสรรพ์ มากไว้
เมตตาจิตนำนัย โอยอ่อน
กรุณจับใจเอื้อ โอบเอื้ออำนวย
o..มุทิตาชอบด้วย ยินดี
คนเขาสุขเรามี จิตเอื้อ
อุเบกขาที่ใจ สงบ
เขาเข้มแข็งเกื้อด้วย นิ่งด้วยสงบใจ
o..คนเป็นผู้ใหญ่ล้วน บำเพ็ญ
ครบสี่ธรรมดีงาม แบบอย่าง
พฤติกรรมเป็นศรี  งามสง่า
ควรชื่นชมอ้างได้ แบบผู้เป็นพรหม
ขุนทอง ประพันธ์
ปู่สอนหลานด้วย สังคหวัตถุ ๔
๑.๙ กาพย์วชิรปันตี
o..ชมรมชุมชนนั้น ต่างผูกพันมั่นหมาย
ญาติกันสายเลือดมี ต่างดูดีจริงเชียว
o..บ้างก็เกี่ยวดองกัน ผูกสัมพันธ์ใกล้ชิด
สมสนิทพึงใจ ต่างรักใครกลมกลืน
o..สงเคราะห์ชื่นธรรมสี่ ทานังมีแบ่งปัน
สองสำคัญพาที งามวจีน่ารัก
o..สามก็มักทำตน ให้เป็นคนมีค่า
อัตถจรรยามากมาย ดูสบายวางตน
o..ให้เป็นคนสม่ำเสมอ จักพบเจอก็ง่าย
มีหลากหลายน้ำจิต มั่นมากมิตรไมตรี
o..ชนยินดีคบหา วาสนายิ่งนัก
ผูคนมักนอบน้อม ผูกมิตรพร้อมอำนวย
o..มีกิจช่วยแบ่งเขา อาสาเข้าให้แรง
ช่วยเข้มแข็งชุมชน ต่างมีมนต์คุณธรรม
o..อวยเอื้อนำเกษมสุข หายไกลทุกข์ภัยเข็ญ
อยู่รมเย็นสังคม ต่างนิยมคุณธรรม ฯ
ขุนทอง ประพันธ์
ปู่สอนหลานด้วย วุฒิ ๔
๑.๑๐ กาพย์มหาวชิรปันตี
o..ต่อไปธรรมสำคัญ คนเข้ารู้กันวุฒิสี่
สัปปบุรุชี้ คนกันจึงดีจะเจริญ
o..ชีพดำเนินมงคุณ คบได้คือบุญทุกยาม
โอกาสตามตนจรรยา กายใจวาจาแบบงาม
o..คู่ควรตามฝึกเป็นคุณ กุศลอดุลย์พัฒนา
ธรรมศึกษาเพราะฟัง คำสอนจีรังภิญโญ
o..โยนิโสใคร่ครวญ เหตุผลแหละชวนพิจารณ์
สัพธัมมหาญปฏิบัติ จึงจะจำรัสจำรูญ
o..พึงเพ็ญพูนกล่าวมา ชื่อพัฒนาธรรมวุฒิ
ประเสริฐสุดจำเริญ ชีวิตดำเนินอริยา
o..โชคชัยมาเอกอุดม จึงจักดีสมวุโฒ 
การภิญโญจำเริญ ชีพจักดำเนินอริยา ฯ
ขุนทอง ประพันธ์
สอนหลานเรื่องอคติ ๔
๑.๑๑ กาพย์พรหมคิติ
เรื่องถัดไปลำเอียง เหตุมีเพียงสี่ประการ
เพราะรักใคร่บันดาล บ้างโทสะจึงเบี่ยงเบน
บางทีก็โง่เขลา จึงทำเอาเสียหลักเกณฑ์
ข้อสี่ลำเอียงเวร เพราะเกรงกลัวจนลนลาน
ความยุติธรรมพลอยเพี้ยน เพราะอาเกียรณ์คนเล่าขาน
ด้วยเหตุสี่ประการ ทำเสียชื่อเสียคุณธรรม
แม้อยากบริหาร บริวารมีประจำ
ปกครองคนยึดคำ เที่ยงตรงนำจึงจักดี
ยึดหลักแห่งเหตุผล จักเลือกคนตามวิถี
วิทยาปัญญามี ขยันกิจจรรยางาม
สาธุคุณธรรม นำประพฤติมิต้องถาม
เที่ยงตรงแหละทุกยาม ปฏิบัติจำรัสแล ฯ
 ขุนทอง ประพันธ์ 
สอนหลานเรื่อง ปธาน ๔
๑.๑๒ กาพย์มณฑกคติ
o..สวัสดีนะครับคุณ นับเป็นบุญได้ทักทาย
บารมีเทพทังหลาย แลพรหมช่วยอำนวยพร
o..ขอจงสุขเกษม เอิบอิ่มเอมสโมสร
ปธานหนึ่งสังวร ระวังบาปมิกวนใจ
o..บาปมีปหานะ ลดเลิกละดีไฉน
กุศลผลดีให้ ภาวนาจงเกิดมี
o..เกิดแล้วอนุรักษ์ ความงามจักมิห่างหนี
ครบหลักปธานสี่ พึงบำเพ็ญเป็นประจำ
o..ผลบุญที่ก่อเกิด ล้วนประเสริฐควรกระทำ
ดีงามจะกน้อมนำ ดำเนินไปทางมงคล
o..ห่างไกลภัยเคราะห์เข็ญ สบร่มเย็นมิสับสน
โชลาภมิกังวล ย่อมบังเกิดประเสริฐแล ฯ
ขุนทอง ประพันธ์
กาพย์สอนหลาน ปาริสุทธิศีล ๔
๑.๑๓ กาพย์ตุรังคธาวี
o..ปาริสุทธิสีลาอุตตมะจริยากร
หนึ่งปาฏิโมกข์ริฝึกฝนตอนปฏิบัติขจัดบาปบำเพ็ญ
สองอินทรีย์สังวรณ์ก็มีสำรวมระวังเห็น
อาชีวะก็จะพิสุทธิ์เป็นปัจจัยพิจารณ์จิตารมณ์ควร
o..เช้าสมาทานศีลเบญจาทุกสิกขาบททวน
ปาณาติบาทมิฆาตสัตว์ล้วนละเวรสงบมิพบขุ่นเคืองใจ
อทินนามิหยิบนำพาสิ่งของคนอื่นไป
กาเมเว้นกามเวรลูกเมียใครมีควรวุ่นจะขุ่นหมองฤดี
o..ศึกษาสิ้นอรรถก็มียินแล้วเข้าใจเนื้อความ
ปฏิบัติศีลวัตรมานะตามสติก่อจะพอละบาปเวร
สำรวมอินทรีตาหูยินดีระวังตามกฏเกณฑ์
บาปกรรมปะก็ละดุจจะเห็นกองขยะก็ละหลบหลีกไป ฯ
ขุนทอง ประพันธ์
๑.๑๔ กาพย์มหาตุรังคธาวี
 o..จะบันทึกและน้อมนำตรึกระทึกขวัญจะขาน
กรรมจะทำสติปัฎฐานสี่จะพบคำรพกายานุปัสนา
สติตามบทบาททุกยามและงามจริยา
คิดและติดสติตามมาจะเคลื่อนไหวก็ให้สติตามรู้
 o..ยืนอยู่อ้อจะเดินแหละหนอมิรอจะตามดู
เดินแหละเพลินสติก็สู้ติดตามเห็นและเย็นสบายอารมณ์
ย่างแล้วหนอละเอียดละออแหละพอจักชื่นชม
งามติดตามกายาภิรมย์อนุสิทธิ์วิจิตรอิริยาบทงาม ฯ
 o..บางคราวขัดเจ็บปวดก็จัดแทบรัดคุกคาม
รู้แหละดูเวทนาตามมิปล่อยวางจะสางจนเข้าใจ
เจ็บมันเหน็บพอรู้ก็เจ็บและเก็บเวทนาไว
เป็นก็เห็นและหายห่างไกลสติติดและจิตตานุปัสนา ฯ
ขุนทอง ประพันธ์
กาพย์สอนหลาน เรื่องสติปัฏฐาน ๔ (ต่อ)
๑.๑๕ กาพย์กากคติ
 o..บางคราวอารมณ์ก็บมิสมจากนอกมิไกล
กลับเกิดที่จิตเองคิดแจ่มใสแหละควรจักใช้เหนี่ยวนำอารมณ์
เรียกขานธัมมานุปัสนาหลายท่านนิยม
จักใช้ก็ดีและมีอารมณ์วิริยะสมปฏิบัติชาญ
 o.. สติปัฏฐานสี่วิริยะมีมิท้ออาจหาญ
สมาธิเข้มและเต็มคนขานวิริยะวารอุดมพิไชย
อารมณ์สี่อย่างสายเกิดมาทางกายกายานุปัสนา
สุขทุกข์เย็นร้อนก็วอนจะหาจับเป็นอารมณ์
 o..เรียกเวทนาอนุปัสสาสติปัฏฐาน
ตามจิตที่คิดและติดต่อการผสมผสานจิตแหละตามดู
เขาเรียกจิตตาอนุปัสสนาสติตามรู้
อารมณ์นึกคิดสนิทใจอยู่สติก็สู้ติดตามมิเลือน
 o..จัดเป็นธัมมานุปัสสนาสติตักเตือน 
สติเป็นใหญ่ มิให้จะเคลื่อนและหลงเลอะเลือนมั่นในอารมณ์
พฤติกรรมกายก็ตามดูหมายติดตามนิยม
เวทนาเกิดก็เลิศแลสมปัฏฐานชื่นชมช่องทางปัญญา
                        ขุนทอง ประพันธ์                                                                         
กาพย์สอนหลาน เรื่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔
กาพย์ยานี ๑๑
ถึงคราวสอนกัมมัฏฐาน จะคิดอ่านอารมณ์ไหน
ยึดถือจึงดีไซร้ ท่านบอกว่าเลือกตามควร
บางคนชอบธาตุดิน บ้างยลยินอาโปหวน
บางคนมิเรรวน เลือกเตโชเป็นอารมณ์
ยายชอบวาโยค่ะ วิริยะตามเหมาะสม
บริกรรมตามนิยม เตรียมตัวพร้อมก่อนจึงดี
ยามเช้าฤๅยามเย็น เห็นไหว้พระก่อนเสริมศรี
แล้วนั่งภาวนามี สมาธิเกิดง่ายดาย
บริกรรมว่าอาโป หรือวาโยตามสืบสาย
ท่องไปไม่วุ่นวาย สมาธิก่อเกิดมา
จิตตกสู่ภวังค์ บังเกิดมีนิมิตหนา
ยามหลับท่านเรียกว่า คือการฝันนั่งแหละคุณ
ยามทำสมาธิ วิริยะพาเกื้อหนุน
นิมิตเกิดเป็นบุญ สามระดับเรียกต่างกัน
แรกเริ่มจิตแนบนิ่ง สิ่งที่เป็นอารมณ์สรรพ์
นิ่งด้วยสื่อสัมพันธ์ กับอารมณ์บังเกิดมี
บริกรรมสมาธิ ยังมิมั่นนานวิถี
เสื่อมง่ายยังมิดี พึงพากเพียรฝึกต่อไป
ภวังค์ระดับสอง ครองนิมิตจิตแจ่มใส
หลับตายังเห็นได้ ดวงนิมิตติดตรีงตรา
นิมิตอุคคหะ จะช่วยให้ใจมั่นหนา
ฝึกฝนจนก้าวหน้า ระดับสามควรชื่นชม
ปฏิภาคเป็นนิมิต จิตแนบแน่นนิมิตสม
ควบคุมตามนิยม เปลี่ยนรูปสีตามพอใจ
สมาธิระดับนี้ ก้าวหน้าดีมิสงสัย
หยั่งลงอัปณาได้ ระดับสูงน่ายินดี
อารมณ์กัมมัฎฐาน  ท่านกล่าวมามากวิถี
สี่สิบกลมากมี เลือกกระทำตามอารมณ์
ผลฝึกอย่างเดียวกัน มีสามชั้นสมาธิ์สม
สมถะชนนิยม สมาบัติคือปลายทาง ฯ
ขุนทอง ประพันธ์             
กาพย์สอนหลาน เรื่องอริยสัจ ๔
๓.๒ กาพย์ฉบัง ๑๖
o..อริยสัจสี่อ้าง มรรคคือเส้นทาง
ปฏิบัติธรรมแปดประการ
o..สัมมาทิฐิประสาน เห็นชอบชำนาญ
รู้เหตแหละผลชั่วดี
o..สัมมาสังกัปคุณมี ดำริชอบที่
คิดอ่านถูกต้องคลองธรรม
o..สัมมาวาจาถ้อยคำ สุจริตน้อมนำ
พูดจาพาทีงดงาม
o..สัมมากันมันตะยาม ชอบธรรมกิจการ
สุจริตมิผิดบาปกรรม
o..สัมมาอาชีพที่ทำ ดีงามศีลนำ
มิผิดศีลวัตรจรรยา
o..วิริยะสัมมา สติแก่กล้า
สมาธิมั่นคงจำเริญ
o..มรรคแปดดำเนิน ครบถ้วนดีเกิน
เกิดอริยสัจจา
o..สมุทัยปัญหา ก็จักมีมีมา
ระงับด้วยมรรคบริบูรณ์
o..ตัณหาระงับดับสูญ มรรคดังกองกูณฐ์
เผาผลาญจนดับระงับไป
o..เหตุดับทุกข์ดับดังไฟ หมดเชื้อดับได้
หมดร้อนสงบสนิทเย็น
o..เยเกจิสมุทยังเห็น ดับเหตุจึงเป็น
ความดับสนิทแท้จริง ฯ
ขุนทองประพันธ์
กาพย์สอนหลาน เรื่องอธิษฐานธรรม ๔
๓.๓ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
o.. อธิฐานธรรม
จิตใจผู้นำ ตั้งไว้ทางดี
ห่างฝ่ายบาปกรรม น้อมนำส่งศรี
คุณงามมากมี สั่งไว้เป็นคุณ
o.. หนึงคือปัญญา
ฉลาดวิทยา สั่งสมเกื้อหนุน
เหตุผลควรชอบ สอบสวนเป็นบุญ
จำเริญการุณ จำรัสพัฒนา
o.. สัจจะจริงใจ
ฝังอยู่เนื้อใน หนักแน่นอุรา
สามกรรมแน่ชัด วิวัฒนา
ซื่อสัตย์นำพา เชื่อมั่นคุณธรรม
o.. จาคะอุปสรรค
ทำดีชอบหัก ขัดขวางกิจกรรม
ละเลยเสียหาย กับกลายถลำ
ปละปล่อยอาจนำ เสียหายมากมี
o.. อุปสมะใจ
สงบเสียได้ จักมิเสื่อมศรี
มองเห็นทางเดิน จำเริญดูดี
คุณธรรมนำชี้ ที่ถูกที่ควร
ขุนทอง ประพันธ์
กาพย์สอนหลาน ความไม่ประมาทในที่ ๔ สถาน
๓.๔ กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒
o..อันการวางตน คนเก่าชี้ชวน
ลูกหลานก็ล้วน เชื่อฟังยินดี
ทำบุญตักบาตร มิขาดนวลศรี
กตเวที ผู้มีพระคุณ
o..ถือศีลห้าข้อ มิรอวันศีล
บาปมาถึงตีน ยกข้ามเป็นบุญ
มดแมงก็รอด ปลอดภัยใคร่หนุน
งดงามสกุล จรรยาน่าชม
o..อทินนาทาน เรื่องการรับเอา
สิ่งของที่เขา มิให้ไม่สม
เหมือนโจรนั่นไง มิใช่นิยม
ข้อสามคำคม อย่าหลงเมียใคร
o..ลูกสาวเขาหวง อย่าล่วงลุเกิน
อย่าจีบจนเพลิน มิงามสดใส
เขาเรียกเจ้าชู้ อดสูจริงไหม
ละเว้นห่างไกล มงคลจรรยา
o..วจีทุจริต นึกคิดไถ่ถาม
พูดดีทุกยาม ละทุวาจา
พูดปดส่อเสียด รังเกียจมุสา
สัจจะปัญญา คุณค่ามากมี
o..มโนทุจริต กรรมคิดสำคัญ
จำแนกต่างกัน หนึ่งโลภวิธี
สองโทสอาฆาต พยาบาทกาลี
โมหะท่านชี้ ลุ่มหลงงมงาย
o..สุดไม่ประมาท องอาจงดงาม
ทิฐิจริต นึกคิดสัมมา
ถูกต้องดีไซร้ ห่างไกลมิจฉา
กุศลพัฒนา รุ่งเรืองจำเริญ
ขุนทองประพันธ