วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2564

คำชี้แจง ..........มหาเวสสันดรคำกลอนชุดนี้ กระผมแต่งเล่าเรื่องเพราะเคยเล่าปากเปล่าบ่อย ๆสมัยเทศน์หกกษัตริย์ เป็นหัวหน้าคณะนักเทสน์ ต้องคอยสรุปเนื้อหาให้ญาติโยมได้รู้เรื่องที่พระเทศน์เป็นกัณฑ์ ๆ ก่อนจะขึ้นเนื้อหากัณฑ์ใหม่ จึงต้องจดจำเนื้อเรื่องทั้งหมด ประกอบ กับสมัยเรียนวรรณคดีไทยก็เลือกเรื่องมหาเวสสันดรชาดกเป็นหลัก จึงทำให้ได้เรียนเนื้อหาค่อนข้างละเอียด บวชอยู่เจ็ดพรรษาเทศน์หกกษัตริย์สิบกว่าครั้ง เทศน์มหาชาติบุญเดือนสี่ ห้าหกครั้ง ทำให้อยากเล่าเรื่องเป็นกลอนแปด น่าจะเล่าจนจบเรื่องได้ ทดลองดูก็จบจนได้แหละน่า จึงรวบรวมมานำเสนอออนไลน์ ผ่านมาหลายปีแล้ว ต้นฉบับยังเก็บไว้อยู่ พอดีนึกสนุกอยากอ่านผลงานเก่า ๆ ดูว่ามีฝีมือแค่ไหน อ่านแล้วก็ขำ ๆ เห็นข้อบกพร่องมากมาย ก็ตอนนั้นชัวโมงบินยังน้อยอยู่นี่นา ก็ได้แค่นั้นก็บุญแล้ว พูดมากไปแล้วมาดูฝีมือการเขียนกลอนสมัยวัยรุ่น ดู ----------------------------------------------------------------------------------------------------- ...................กัณฑ์ทศพร ๑๙ พระคาถา กลอนแปด ปฐมบททศพรเจริญคุณ........................สิบเก้าสุนทระกถาสถาพร เริ่มนิทานเล่าถึงแต่ปางก่อน.................ตอนทวยเทพผุสดีสิ้นสุดวาร มีตำนานบอกเล่าก่อรเก่ามา.................คราต้องลงเมืองมนุษย์จุดไขขาน เคยสั่งสมบารมีอธิการ...........................เป็นมารดาโพธิสัตว์เป็นมั่นคง ลางบอกเหตุถึงคราวจักจุติ...................เบื่อวิมานร้อนจิตพิศวง เครื่องประดับงดงามตามที่ทรง..............กลับหมองลงมิงามตามที่เป็น สามภูษาเครื่องทรงผลงกต...................หมดสง่าดูหมองตรองตามเห็น พระเสโทโทรมกายทนยากเย็น..............รังสีเช่นจะอัเฉาชวนเศร้าใจ นิมิตห้าเกิดมาคราสิ้นสุด.....................จักจุตติม่นคงมิสงสัย รีบรุดเฝ้าอินทาเทวราช.........................จักคลาคลาดลงเกิดประเสริฐสมัย ขอพระพรสิบประการพระทรงชัย..........ประทานให้สมประสงค์จำนงนวล หนึ่งขอให้ได้ประทับสีพีราช.................ร่วมครองราชเวียงวังดังสงวน สองมีเนครคมขำงดงามควร..................ชวนชื่นชมดุจนัยนาทราย งามขนงเขียวสดดังสร้อยศอ.................มยุราพอกันคิ้วโฉมฉาย สี่ขอนามผุสดีมิกลับกลาย....................ห้าลูกชายยิ่งใหญ่บารมี ใฝ่กุศลผลบุญคุณประเสริญ................เป็นหนึ่งเลิศน่าชมสมศักดิ์ศรี โพธิสัตส์ยิ่งใหญ่ในปฐพี.......................ขออย่ามีพระครรภ์ป่องมิงดงาม พระถันงามสดสีมิมีเหี่ยว........................มิได้เกี่ยววัยชราน่าเกรงขาม ดังสาวรุ่นรูปทรงของนงราม..................สง่ายามพบเห็นเป็นมงคล แปดเกศาดำดุจปีกแมงภู่......................ฉวีดูดังสุวรรณโดยกุศล มีอำนาจช่วยเหลือเกื้อทุชน..................ให้หลุดพ้นโทษประหารเหลือจำจอง คงตลอดชีวิตก็พอแล้ว..........................ช่วยให้คล้วโทษตายคลายใจผอง กลับมาทำความดีตามครรลอง............สมควรต้องสั่งสอนให้กลับใจ สิบประการขอพรเทวราช.......................มีประกาศประทานมิสงสัย กราบทูลลาพรองค์สหัสสนัย.................จุติไปบังเกิดบุญบันดาล ----------------------------------------------------------- ............................. กัณฑ์หิมพานต์ ๑๓๔ คาถา กลอนแปด เทพบุตรจุติลงมนุษย์โลก......................โชคได้เกิดในวังอลังการ มัทราชราชวังบริพาร.............................ชื่นชมท่านกุมารีถวายพระพร ทรงพระนามผุสดีนารีเลิศ......................งามประเสริฐยอดหญิงมั่งสมร เจริญวัยงดงามสวัสดิ์บวร.....................นาถบังอรเลิศลักษณ์ศิริวิมล ต่อมาชาวสีพีมีประกาศ........................สู่ขอนาถเป็นรานีมิสับสน แห่งพระเจ้าสญชัยเกริกไกรกล............จันทร์เจิดจนส่องสว่างกลางนภา ครองสมับัติรัชกาลสราญ์เลิศ..............สิ่งประเสรฺฐลาภยศปรากฏหนา สรรเสริญสุขแรงหนุนเพราะบุญญา.....เพชรจินดาไหลหลั่งคลังไพบูลย์ สองสุขสองสมสองทรงครองราชย์......พระหน่อนาถบุญใหญ่ครองไอศูรย์ คราหนึ่งเสด็จเลียบกรุงสีพี..................พระผุสดีประสูติราชบุตรวิบูลย์ เวสสนดรพระโอรสอนุกูล.....................ฉัททันต์ทูนถวายเศวตคชาธาร นัยว่าเป็นคู่บุญลงมาเกิด.....................สิ่งประเสริฐสี่แหล่งมหาศาล ขุมทรัพย์ใหญ่เกิดด้วยอำนวยการ....พระกุมารจักเพ็ญบุญบารมี ปัจจนาคนาเคนทร์นามช้างเผือก.....ดังทรงเลือกฟ้าฝนดลวิถี ล้วนอุดมสมบูรณ์พูนทวี......................ชาวธานีสุขสันต์สถาพร เจ้าชายเวสสันดรใจบุญ......................ชอบเกื้อหนุนเพ็ญกุศลสโมสร เปิดโรงทานสี่ทิศทรงบทจร.................ประชากรรอรับบำเพ็ญทาน เสร็จที่หนึ่งจึงผ่านไปที่สอง.................ชาวเมืองจ้องภูวนัยต่างไขขาน อยากจะเห็นพระองค์ยามทรงงาน.....สุขสราญที่ได้ชมพระบารมี กล่าวถึงเรื่องเมืองกลิงคราษฎร์.........ภัยประหลาดผู้คนหม่นหมองศรี เกิดภัยแล้งนับนานถึงเจ็ดปี..............คนไม่มีธัญญาหารลำบากลำบน ยินข่าวเมืองสีพีไม่มีแล้ง.....................ดังเทพแต่งน้ำท่าทุกแห่งหน ล้วนอุดมสมบูรณ์ประชาชน...............ไร่นาผลดีมากมิยากการ ล้วนเพราะบารมีองค์กษัตริย์..............จึงขจัดเภทภัยแผ่ไพศาล ทั้งยังมีปัจจนาคคชาธาร...................ช่วยบัลดาลฟ้าฝนชลธา หากแม้นเมืองกลิงมีบุญบ้าง..............จืดต่อทางสีพีสืบเสาะหา ขอช้างต้นปัจจนาคเดินทางมา........อยู่พาราจักหยุดแล้งได้แน่นอน พระราชาเห็นด้วยให้ช่วยคัด.............พราหมณ์สันทัดการขอเคยฝึกสอน ล้วนระดับพ่อครูไปวิงวอน..................คชาธรขอได้ไม่ยากเย็น คณะพราหมณ์แปดคนรับมอบหมาย.บ่ายหน้าไปสีพีแสนทุกข์เข็ญ หนทางไกลบุกป่าฝ้าดงเป็น..............เจ็บป่วยเห็นลำบากหากอดทน พบแม่น้ำข้ามมาว่าลำบาก................ยิ่งยุ่งยากเขาเขินแลไพรสณฑ์ นานนับเดือนเขตสีพีที่กังวล..............พบผู้คนถามไถ่จนได้ความ พ่อเมืองทานเมตตามหาเวสส์.............เชษฐ์บุรุษยิ่งใหญ่ใครก็ขาม ชอบตรวจตราบ้านเมืองทุกเขตคาม..ยามพบเห็นปวงประชาท่านอาดูร ถามสุขทุกข์บางคนเดือดร้อนหนอ....กราบทูลขอทรงช่วยด้วยเกื้อกูล เมตตาท่านมากมีทวีคูณ......................ท่านเพิ่มพูนบารมีด้วยปรีชา อภิษกเจ้าหญิงมัททราษฎร์..................นามพระนาถมัทรีกนิษฐา งดงามเยี่ยงหญิงงามเทพธิดา.............จุติมาจากสวรรค์กํดุจกัน พระเจ้ากรุงสญชัยสละราชย์...............ให้ฝ่าบาทพระเวสสวิเศษสรรพ์ เป็นราชาสีพีเลิศราชัน........................บ้านเมืองนั้นสงบสุขสถาวร ต่อมามีโอรสและธิดา...........................คือกัณหาชาลีศรีสมร เป็นสุดรักแห่งบิดาพระมารดร............ประชากรชมชื่นพระบารมี กิจวัตรราชามหาเวส...........................ชอบตรวจเขตพาราสาวถี ดูสุขทุกข์ปวงประชาชาวบุรี...............ทุกข์ภัยชี้ช่วยเหลือเกื้อบรรเทา ชาวประชาสรรเสริญเจริญสิ้น.............ยินดียิ่งพระราชาแห่งพวกเขา ทศพิธคุณธรรมล้ำชาญเชาวน์..........ทรงถือเอาเป็นวัตรพิพัฒนา ชาวพาราสีพีสุขีสงบ............................พบกษัตริย์ทรงคุณอุ่นหรรษา สุนติสุขทั่วไปในพารา..........................ปวงประชาแซ่ซ้องพระภูมี กล่าวถึงเมืองห่างกันกลิงคราฎร์........อุบาทว์แห้งแล้งนักดังยักขี มาสาปแช่งแกล้งคนลนอัคคี...............ชีวีแทบดิบดิ้นสิ้นพารา ราชครูผู้คนเสาะทางแก้.......................นับตั้งแต่เรื่องง่ายธรรมดา แหนางด้งนางแมวก็ทำมา...................มัมีท่าฝนจะตกมันแล้งเกิน ข่าวทางเมืองสีพีอุดมสุข.....................ทุกแห่งหนชลธามิขาดเขิน ข่าวลือว่าราชาท่านบังเอิญ................ทรงเจริญช้างทรงมีบุญญา อยู่หนใดน้ำฝนมิเคยขาด....................อาจทำให้หายแล้งได้จริงหนา ควรส่งคนไปขออัญเชิญมา.................ช่วยพาราเมืองกลึงถึงจะดี พระราชาสั่งให้ได้จัดการ.....................พราหมณ์ขอทานสุดยอดำปดูถี แปดยอดพราหมณ์รีบไปมิรอรี...........หลายราตรีมาถึงเมืองปลายทาง พบชาวบ้านสอบถามถึงบ้านเมือง....ได้หลายเรื่องสงสัยได้สรสาง พระราชาเวสันดรชอบเดินทาง...........อ้างตรวจการโรงทานประจำวัน สี่มุมเมืองโรงทานท่านตั้งอยู่................มาตรวจดูประจำคำเขาสรรพ์ เรื่องราชามาเยี่ยมโรงทานนั้น.............คนรู้กันกิจวัตรเวสสันดร โอกาสดีแปดพราหมทำหน้าที่..........พบภูมียามเช้าอุทาหรณ์ บอกเรื่องราวเดินทางหาภูธร.............ด้วยเดือดร้อนบ้านเมืองแห้งแล้งเกิน ทราบเรื่องบุญบารมีพระปกเกศ........องค์พระเวสใจกุศลคนสรรเสริญ เมตตาช่วยผู้คนทรงดำเนิน..............ใคร่จักเชิญปัจจนาคคชาธาร ไปโปรดเราชาวกลึงให้หายแล้ง........ฟ้าดินแกล้งเจ็ดปียากจักขาร เดือดร้อนนักขสดฝนกันมานาน......ขอภูบาลเมตตาทรงปราณี อนุญาตข้างทรงไปปรากฏ.................เป็นเกียรยศชาวกลิงจริงเป็นรศรี บ้านเมืองจักร่มเย็นทั่วธานี................อาจจักมีฟ้าฝนชลธา สมเด็จองค์พระเวสส์ทราบเรื่องราว..โอกาสคราวเพ็ญบุญยากนักหนา ประทานให้ด้ายมีพระเมตตา..............สูจงพาปัจจนาคเดินทางไป เรื่องราวทรงประทานคชาชาติ..........ชนเกรี้ยวกราดโกรธเคืองยิ่งไฉน ยื่นฟ้องร้องพระองค์กรุงสญชัย.........จงขับไล่ราชาเวสส์ทันที ทรงเรียกองค์พระเวสมาปรึกษา.......ยามประชาโกรธเคืองตวรหลบหนี การประจันต่อหน้ายากราวี...............อาจจักมีเหตุร้ายศึกดังไฟ จักขอหลบหลีกหนีลองดูก่อน.........บ้านเมืองร้อนเมื่อเย็นเป็นไฉน คงรู้ดีรู้ขอบตอบต่อไป........................คงจักได้คืนบ้านย่านนคร --------------------------------------------------- ทานกัณฑ์ 209 คาถา กลอนแปด ก่อนจากไปขอบำเพ็ญกุศลกิจ........ตามที่คิดเอาไว้ไม่ทอดถอน สตสัตตกมหาบวร..............................ทานปกรณ์เจ็ดสิ่งเจ็ดร้อยควร ช้างเจ็ดร้อยมารถก็เจ็ดร้อย..............มิใช่น้อยหญิงงามทรามสงวน เจ็ดร้อยนางทาสชายที่คำนวณ........เจ็ดร้อยถ้วนเท่ากันมาทำทาน นางทาสีและโคอย่างเจ็ดร้อย.............มิใช่น้อยเจ็ดสิ่งตามกล่าวขาน สตสตกเจ็ดร้อยคำนวนการ..............เจ็ดสิ่งท่านเพ็ญบุญบารมี เลื่องลือไกลมหาทานการกุศล..........ล่วงลุบนแดนสวรรค์ในวิถี ล้วนแซ่ศร้องสรรเสริญทั่วธาตรี.........เฉลิมศรีโพธิสัตว์บำเพ็ญบุญ เสร็จลำลาพระบิดาคราจำจาก..........ถึงคราวพรากอยู่ดีมีพลุงหนุน สุขสวัสดิ์โรคภัยอย่าได้รุน..................รุกรนคุณปิตุเรศจงคลาคลาย พระมารดาสงบสันต์อย่างได้โศก.......ถึงวิโยคยังสนิทเสน่หฺสาย รักบิดามารดาชีวาวาย........................จวบจนตายยังรักมั่นนิรันดร ขอพระคุณบุญคุ้มปิตุเรศ....................ปกปักเกศพระมารดาอย่าทอดถอน กราบลาเสร็จกำหนดบทจร...............จากนครสีพีเคยอยู่เย็น จำจากลาปราสาทเวียงวังแก้ว............จักไกลแล้วห่างไกลสูไพรสณฑ์ คงเงียบเหงาพงไพรไร้ผู้คน...................น่ากังวลคงคะนึงถึงพารา คงเพราะมีบาปกรรมแต่หนหลัง...........จึงจากวังจากเวียงเสียงหรรษา เสียงดนตรีปี่กลองรำมะนา...................เสียงกัญญาร่ำร้องเริงรำบำ กล่มเสนามาส่งให้กลับไป.....................สี่องค์ได้บทจรตามลำพัง จบทานกัณฑ์ 209 คาถา ---------------------------------------------------------- .........๔. กัณฑ์วนประเวศน์ ๕๗ พระคาถา ---------------------------------- กลอนแปด เมื่อรถทรงทรงรถมิได้แล้ว.....................คงมิแล้วบทจรมิอยากหวัง ขึ่คอพระบิดาคราเหนื่อยหนัก..............ชาลีจักเดินยากแล้วแม่จ๋า เกาะหลังพ่อสบายหน่อยจนหลับตา...น้องกัณหาแม่อุ้มสลับเดิน นกอะไรป๊กป๊กมันร่ำร้อง........................ก้องในดงลำเนาล้วนเขาเขิน โพรดกแหละแม่มันเคาพเพลิน.............มันบินเหินหาหนอนจรตระเวน เจอไม้แห้งด้วงหนอชอนไชอยู่..............นกมันรู้สับไม้ไล่จนเห็น จับได้กินหาเหยื่อดูยากเย็น..................ที่แลเห็นนกอะไรหางยาวยาว นั่นนกยูงบินบนยลที่หาง......................ยามย่องยางบนดินอวดสาวสาว จะแผ่หางรำแพนดูแพรวพราว..............เสียงเพราะราวขับเพลงบรรลงพิณ จู้ฮุกกรูนกเขาอารมณ์ดี........................เพราะรู้มีนกสาวอารมณ์ศิลป์ เพลงเพลินเพราะร้องไปให้ได้ยิน..........คงโบยบินมาพบสบคู่ครอง เสียงเซ็งแซ่สาระพันนี่นันนั่น.................สนุกกันต้นไทรสุกทั้งผอง สนุกกินอิ่มแล้วร่ำทำนอง......................ฉันอิ่มท้องลูกไทรอร่อยเกิน ปัก เป้ก เป้ก เสียงไรแปลกนัดนั่น........เสียงเนื้อมันเรียกคู่บนเขาเขิน พวกเก้งกวางมากมายมันคงเพลิน......เดินเล็มหญ้าโน่นไงกวางดาว ละมั่งทรายก็มีดีน่ารัก..............................มิรู้จักกลัวคนเลยสาวสาว กะรอกกะแตไล่เล่นมันไต่ราว..................บ้างเหินหาวไต่เต้นเกาะกิ่งโยน มากหมู่ลิงหมู่ค่างบ่างชะนี......................มากมายมีโลดไล่ไหนห้อยโหน มันแคล่วคล่องว่องไวไล่กระโจน............ปลายกิ่งโอนหนักค่างต่างแย่งไป นับนานเนิ่นเดินดงพ้นพงป่า.................เห็นประชาชาวบ้านพาลสังสัย เก็ยของป่าหาชันยางจากไพร...............ต้นเต็งใหญ่ตันรังหยาดหยดมี เป็นยางไม้หยุดไหลลงสู่พื้น....................นานวันคืนกองใหญ่ในวิถี เก็บเอาไปชาวบ้านเรีกยขี้ซี...................คุณค่ามีปนน้ำมันทำชันงาม ฟังเขาบอกต่อนี้เป็นบ้านป่า..................เขตพาราเจตราชเชิญไถ่ถาม เดินอีกสักสองวันเป็นเขตคาม..............ดำเนินตามเขาบอกออกเดินจร ท่านเจ้าเมืองยินข่าวสี่กษัตริย์...............ทรงพลัดพรากไกลห่างกลางสิงขร ให้คนทูลเชิญสู่นคร.................................แบ่งภูธรปกครองกึ่งธานี ทรงขอบคุณน้ำใจเจตราช.....................ด้วยฝ่าบาทมีกิจตามวิธี โพธิสัตว์เพ็ญเพียรบารมี........................จำต้องหนีห่างไกลในไพรพง พระราชาเจตราชคาดเลื่อมใส................จัดหาให้สิ่งของต้องประสงค์ เรียกพรานไพรเจตบุตรสั่งเจาะจง..........คุ้มครองวงศ์สี่กระบัตริย์บทจร พักผ่อนแล้วอำลาพากันจาก..................มิยุ่งยากเดินไปในสิงขร สี่พระองค์อำลามาแรมรอน......................ฝ่าดงดอนห่างไกลในแดนดง ยินคนเล่าคีรีนามวังกฎ............................มีดาบสฤาษีล้วงไหลหลง ไปบำเพญบารมีเป็นมั่นคง.......................พระประสงค์จักไปคือปลายทาง ดำเนินต่อเข้าเขตป่าดงดิบ.....................เนินเขาแลลิบลิบยากสะสาง นับร้อยเขาพันเขาอินทร์พรหมวาง.........ช่างสลับซับซ้อนทางจักไป นายพรานไพรเจตบุตรก็เป็นห่วง.............เดินนำล่วงนับนานมิสงสัย ทพเครื่องหมายเดินทางกลสงพงไพร.......ล่วงเขตได้เคยเทียวจับเก้งกวาง แต่นี้ไปเขตเขาคีรีวงก์...............................ที่พระองค์จักไปแนวไพรขวาง มีลำธารสายนี้สังเกตทาง..........................ต้นน้ำอ้างไหลจากยุคันธร ผ่านคีรีวงกตเจตราษฎร์...........................ยังพาดผ่าสีพีศรีนคร สุดท้ายลงทะเลใหญ่ใคร่จักจร.................เดินทางย้อนต้นน่ำไปในดง คงจักถึงบรรพตนามวงกฏ.......................ที่ดาบสทั่วไปมักไหลหลง สงบสงัดงดงามพุ่มไพรพง........................ขอโปรดจงดำเนินสวัสดี กัณหาวิ่งนำหน้าเลียบชลธา...................ตามมรรคานำวิถี คล้ายคนมาแต่งแปลงสะดวกมี................กวาดใบไม้เหมือนชี้ให้ดำเนิน ชาลีไล่ตามหลังมิยั้งหยุด..........................ในที่สุดรอก่อนมองผิวเผิน มีโขดหินต้นไว้งดงามเกิน.........................แต่บังเอิญสรรพสัตว์มากมายมี นั่นมดดำมดแดงล้วนแข็งขัน...................ช่างขยันหาบหามอันใดหนี ซากตัวใหญ่อาหารสามัคคี.......................ประจำที่ลากขนจนเคลื่อนไป พวกจิ้งจกตุ๊กแกไปห่างห่าง......................กีดขวางทางอาจตายมิสงสัย ทหารมดพิษสงมดคันไฟ............................รุมเกิดภัยดับแน่ล้วนเหล็กไน พวกกบเขียดมากมายหายมิเห็น.............มันซ่อนเร้นดีนักชักสงสัย เขี่ยใบตองคว่ำอยู่พลิกด้านใน.................เขียดตกใจโดดลงในลำธาร ตามไปดูว่ายมาปลาฝูงใหญ่......................เสียงอะไรลงน้ำทำใจหาญ เลาะมาดูรู้เห็นอาจเป็นการ......................ได้อาหารเสียงดูได้รู้จริง กบเขียดลงดำน้ำมันรีบหลบ....................หามีพบง่ายดอกรีบสู่สิง มีใบไม้ซอกหินหลบแล้วนิ่ง.......................อย่าไหวติงถึงตายวายชีวา ทั้งปูปลางูเงี้ยวเที่ยวเสาะอยู่.....................หากมันรู้จับตายง่ายนักหนา หลบให้ดีปลอดภัยได้คืนมา......................โชคชตาไม่ดับกลับอีกที เห็นทางเดินจงกรมยินดีนัก......................อยากรู้จักไปเฝ้าเจ้าฤาษี อจุตตะนามท่านกระทำพลี.......................เทพอัคคีบนบานมานานนม ถามหนทางจักไปเขาวงกต......................ท่านนักพรตบอกให้ได้ความสม มิไกลดอกเจ็ดวันชนนิยม........................เขตนิคมวงกตมิวุ่นวาย --------------------------------------------------------- จบกัณฑวนประเวศน์ ๒๐๙ พระคาถา เริ่ม5. กัณฑ์ชูชก ๗๙ พระคาถา . -------------------------------------------------------- กลอนแปด ชูชกพราหมณ์เรื่องเล่าคนเขาลือ...........แกยึดถือขอทานเชี่ยวชาญหลาย ได้เงินทองสะสมไว้มากมาย......................มีสหายอยู่บ้านกลิงบุรี ได้ฝากเงินกับเพื่อนเหมือนคลังใหญ่......สบายใจขอทานย่านวิถี วันเวลาผันผ่านนับนานปี........................อยากจักมีบ้านช่องตรึกตรองนาน ไปขอคืนเงินฝากมิยากนัก......................คงพอจักสร้างตนจนเสร็จสาน มีนาสวนก็ดีมีเรือนชาน.............................กลับไปบ้านเมืองกลิงพบเพื่อนยา ขอเงินทองฝากไว้คืนให้ด้วย....................คงจักช่วยตั้งตนจึงด้นหา เพื่อนตกใจแทบตายวายชีวา...................เงินแกข้าลงทุนซื้อของไป คงอีกนานจักคืนแกชูกชก......................หากข้ายกลูกสาวจะรับไหม เป็นเด็กดีรูปงามหนาทรามวัย.................เรียกมาให้รู้จักน่ารักนาง อมิตตาทราบเรื่องมิเคืองขุ่น....................กระทำบุญแทนใจได้สะสาง หนี้สินพ่หลายหมื่นคืนเขาพลาง............ดังทาสข้างตัวเราแทนพระคุณ ข่าวเล่าลือทั่วบางนางสาวน้อย..............หนุ่มหนุ่มคอยฝากรักชักหันหุน เสียทีตาพราหมณ์เฒ่าเขามีบุญ..........ได้เนื้ออุ่นเป็นเมียข้าเสียดาย ฝ่ายอมิตตาน่ารักรู้จักฮีต......................ตามจารีตครองเรือนเหมือนสืบสาย กุลสตรีดีงามยามมีชาย..........................ครองคู่หมายเป็นศรีแห่งครอบครัว ทำกิจบ้านการเรือนเรียบร้อยหมด.......ใครเห็นอดสรรเสริญแม่ทูนหัว เป็นคนดีชั่งกระไรไม่เห็นกลัว................หนักเบาทั่วทำงานตัวเป็นเกลี่ยว เฒ่าชูชกแสนสบายเมียดียิ่ง.................เธอดีจริงงานใดไม่เคยเหลียว หนักก็เอาเบาก็จำทำเก่งเชียว.............ยอดเยี่ยมเทียวแม่เรือนอมิตตา หนุ่มแก่เห็นกลับไปให้แม่บ้าน..............ขยันงานแบบนั้นบ้างสิหนา เมียชูชกตาเฒ่าเราเห็นมา....................ยอดเยี่ยมหาใครเทียบเปรียบนวลนาง ปากสองปากมิกระไรไม่มีผล.................แต่มากคนทั้งเมืองเรื่องจะสาง พวกแม่บ้านโกรธพลันกันทั้งบาง........โกรธเคืองต่างเจ็บใจไปด่าทอ นี่แน่ะเฮ้ยอี่นางมีผัวเฒ่า........................มึงก็เยาว์ยังสาวรุ่นนี่หนอ มิรู้คิดหาผัวหนุ่มหนุ่มพอ......................ใยมึงขอตาเฒ่ามาครองเรือน หน้าตาก็สะสวยหาผัวง่าย....................จับผู้ชายแก่เฒ่าเราว่าเหมือน ได้คางคกขึ้นวอหนอดวงเดือน............ทำแชเชือนมีผัวกลัวอดชาย เจอเป็นด่าค่อนแคะกระแหนะกระแหน...จนย่ำแย่อยากลี้หลบหนีหาย กลับมาเรือนร่ำให้แทบวางวาย.............สุดแสนอายผู้คนหนาพ่อพรามหณ์ ช่วยหาคนรับใช้มาให้หน่อย.................คงจักค่อยดีบ้างช่างน่าขาม ปากผู้คนดุด่าว่าทุกยาม.......................บ้างก็ตามถึงบ้านด่าปาวปาว ชูชกรู้หนักใจไฉนนี่................................ใครจักมีศรัทธาหนาเมียสาว ให้ลูกเต้าทานให้เป็นเรื่องราว...............มาถึงคราวคิดหนักเพราะรักนวล มีบางคนประชดปดตาเฒ่า...................มีคนเขาบอกมาอย่าเพิ่งสรวล ท่านพระเวสทานแน่อย่าเรรวน.............จงรีบด้วนไปขออย่ารอรี มีพลังฮึดสู้ตูไปแน่..................................ด้วยรักแท้มากนักรักโฉมศรี พี่จักไปขอทานพระภูมิ..........................หากโชคดีคงจักได้สองกุมาร อมิตตาจัดเสบียงยัดย่ามใหญ่..............ตาเฒ่าได้สะพายคล้ายทหาร ออกเดินทางด้วยหวังจักพบพาน.......ผู้จักทานบุตรธิดาอยู่หนใด ไปสีพีหาข่าวองค์พระเวส......................พอเข้าเขตถามหาเป็นไฉน ถูกชาวเมืองเขาด่าว่าจัญไร..................แกจักไปรบกวนพระภูธร ต้องหลอกลวงหลายเล่ห์จนได้ข่าว......รู้เรื่องราวพระองค์เสด็จจร จากบ้านเมืองสู่ไพรในสิงขร..................พระแรมรอนมุ่งไปในหิมวันต์ แกะรอยตามเส้นทางอย่างถี่ถ้วน.........พระสมควรไปวงกฏกลางพงพี มินานเดินถึงเขตเขตบุตร....................สุดน่ากลัวหมาพรานผ่านวิถี มับเห่าไล่จักกัดฟัดแน่มี.......................แกรีบหนีปีนต้นไม้ไล่หมาไป เจตบุตรยินเสียงหมามันเห่า.................มาเห็นเฒ่าขอทานถามไปไหน จะตามหาพระเวสภูวนัย........................ทรงแรมไพรมานานจากบ้านเมือง คงจะไปรบกวนพระองค์ท่าน...............จักสังหารตกตายให้หายเคือง ชูชกร้องอย่าอย่าเดี๋ยวมีเรื่อง...............มิอยากเปลืองคารมเอ็งจงฟัง ข้าเป็นทูติสีพีมีโองการ.........................อัญเชิญท่านพระเวสเรื่อหนหลัง ล้างมลทินหมดได้ให้กลับวัง.................ข้ารับสั่งมาเชิญพระภูธร กระบอกสารนี่ใงไอ้พรานป่า.................ดูหมิ่นข้าโทษหนักรีบไถ่ถอน ไล่พวกหมาห่างไกลใจรอนรอน...........น่ากลัวตอนมันจะกัดใจจะวาย มันอวดบั้งน้ำพริกเป็นตราสาร............เจ้าพรานไพรก็เชื่อเอาเหลือหลาย เชิญท่านทูติลงมาหมาวุ่นวาย.............เดี๋ยวตีตายท่านทูตกลัวพวกแก พักแรมกับพรานไพรได้คืนหนึ่ง.........รุ่งเช้าจึงจากไปมิแยแส พวกหมาพรานรู้แล้วมันมิแล..............เฒ่าพราหมแถเป็นทูติกรุงสีพี แบกบั้งแจ่วเทิดทูนราชสาส์น............ลับตาพรานยัดลงถุงดีหลี เดินทำเฉยอันตรายย่อมไม่มี...............ขงเขตนี้พรานไพรลาดตระเวณ เดินทางเหนื่อยหลายวันก็พลันถึง.....บ้านตองตึงหลังคาได้มาเห็น คงมีคนอยู่แน่คงจักเป็น.......................ดาบสเช่นนักพรตเป็นแน่นอน เข้ามาใกล้ไหว้ท่านพระฤาษี...............ตัวข้านี้ชูชกนำอักษร ราชสานส์มาส่งองค์ภูธร......................เวสสันดรในดงกลางพงไพร กรุงสีพียกโทษแต่หนหลัง....................มีรีบสั่งคืนธานีมิสังสัย ข้าอัญเชิญตราสารพระทรงไชย..........มามอบให้องค์พระเวสรับบัญชา พระฤาษีรับฟังมิสงสัย...........................ก็ตามใจพักก่อนหนึ่งคืนหนา วันพรุ่งค่อยต่อไปในมรรคา.................อาตมามิติดใจตามสบาย เรื่องจักไปคีรีเขาวงกฏ.........................กำหนดไปพรุ่งนี้ตอนสายสาย ไปทางนี้เลียบธารมิวุ่นวาย..................ผองสัตว์ร้ายมิมีสะดวกจร พรุ่งนี้เช้าอาตมาเข้าป่าลึก..................ตื่นแต่ดึกท่องไปในสิงขร สองสามวันค่อยกลับจากดงดอน.......เชิญพราหม์ก่อนจากไปในคีรี --------------------------------------------------------------- จบ 5. ชูชก 79 คาถา เริ่มกัณฑ์ ๖ จุลพน 35 คาถา ---------------------------------------------------------------- กลอนแปด นายพรานไพรเจตบุตรเจอชูชก.........มันยกบั้งแจ่วงบองมองดูนี่ ราชสาสน์พระเจ้ากรุงสีพี....................มีรับสั่งเชิญพระเวสกลับกรุงไกร กูเดินทางลำบากมากนักนี่................ยังจะมีหมาบ้ามาจากไหน จะกัดกูราชทูติได้อย่างไร....................เดี๋ยวก็ได้โทษคัดหัวชั่วโคตรแก เชื่อสนิทเรียกหมามาห่างห่าง.............ต้องล่ามอ้างมันดูรู้กระแส คนเข้าเล่หฺอยากฟัดให้ดับแด.............หมามันแลดูออกคนหลวกลวง เชิญท่านทูตพักเพิงอยู่ทานนั้น..........มีแบ่งปันข้าวปลาข้ามิหวง ทับข้าพักสบายใจภัยทั้งปวง...............มิอาจล่วงป้องกันหลายชั้นเชิง เพิงอยู่สูงเสือสางโดดมิถึง....................เป็นที่พึ่งพักพิงมานานเหิง ข้าทำไว้ดังเรือนแม้แค่เพิง....................มั่นคงเกิ่งเรือนชานเบิกบานใจ ยามเย็นแล้วข้าจักเที่ยวตระเวณ.........พวกอีเหนเก้งกวางลงที่ไหน หากโชคดีจักจับสักตัวไว้......................จึงจะได้กลับบ้านสะเบียงมี เช้าตืนมาตาพรานบอกชูชก...............ตกเขตนี้เริ่มป่าพนาลี เคยเที่ยวป่าหากินมานานปี.................ทึบพงพีมากมายพฤกษ์พงไพร โน้นคือเขาคันธมาท์นอันลื่อลั่น..........มากมายพันธุ์พืชหอมนานาไฉน กลิ่นตลบอกอวลส่งกลิ่นไกล................ถัดไปนั่นอัญชัญนามคีรี อุดมมด้วยสมุนไพรนานาชนิด..............ดาบสคิดปรุงยานานาวิถี มักเที่ยวหาเก็บเอามากมวลมี................แถบถิ่นนี้สมุนไพรมีมากมาย จากนั้นไปอัมวันสวนมะม่วง....................ผลดอพวงห้อยย้อยมีหลากหลาย พวกนักพรตคนธรรม์ชอบกรีดกราย....รสเลิศคล้ายของทิพน์เทพบันดล ลัฐิวันสวนตาลแน่นขนัด.........................ขึ้นแออัดมากมายทุแห่งหน ลูกตาลสุกกลิ่นหอมกระจายสกล.........ถัดไปต้นมะพร้าวขึ้นเป็นดง มีลิงค่าบ่างชะนีที่เทียวท่อง.....................บ้างก็จ้องเจาะน้ำมิลืมหลง เนื้ออร่อยเจาะกินไม่พะวง........................คนผ่านพงมะพร้าวย่อมยินดี ลองน้ำหวานชื่นใจยามได้ลิ้ม..................เยื้ออ่อนชืมติดใจไม่หน่ายหนี ดงมะพร้าวคนสัตว์ล้วนมากมี.................ส่งเสียงชี้ชื่นชมภิรมย์ใจ มะพร้าวอ่อนนุ่มเนื้อละมุนนัก..................ชิมแล้วมักลุ่มหลงมิสงสัย อร่อยน้ำอร่อยเนื้อชิมเมื่อใด....................มักอยากให้มีมากมากอยากลิ้มลอง นานาสวนผลไม้ใครปลูกไว้......................เทพแห่งไพรเสกสรรค์กันทั้งผอง มิมีคนที่ไหนมาจับจอง............................ทำสวนต้องเทพไพรให้เกิดมี นั่นมะม่วงมะขวิดมะชิดประยง..................ห้อยย้อยลงมะไฟมะฝ่าหนี มะยมมะยอมะกอกมะกรูด.........................มะพูดมะดันมะปรางมะเกลือ มะตูมมะนาวมะพร้าวมะปราง....................มะข่างมะขามมะพลับมะเขือ มะรุมมุระมขวิดติดเครือ.............................ขมเหลือมะแว้งมะอึกมะฟือง มะหวดมะหาดประหลาดมะโอ..................พิลึกมะโหหน้าเชียวหน้าเหลือง สำเนียงก็ดังลูกตาคงเคือง.......................เดี๋ยวได้เรื่องมะโหพาโลราน งามแมกไม้ในป่านานาชนิด.....................ใครนิมิตงามแท้แลไพศาล มีโมกมันโกฐสะค้านบุนนาคลอย.............นั่นแคฝอยราชพฤกษ์แลมะเกลือ ดอกไม้ซีกบานมากแลหลากสี.................มีต้นไทรรักดำกฤษณา เถาองุ่นจวงจันทน์มัลลิการ์.......................โกนทาหนามยามใกล้ให้นึกกลัว แลหมากไม้นานาสาระพัด..........................ดังใครจัดมาไว้ให้ชวนหัว มะขามป้อมมะกอกออกลูกทั่ว...................หูตามัวลองลิ้มสว่างตา มะขวิดมะปรางห่างมะพลับกับมะกอก......มะไฟบอกหวานนักมะนาวหนา มะปริงเปรียวมะฟืองหวานฟังเขาว่า........มะม่วงปามิหล่นมะเขือพวง มะยมขาวมะนาวเขียวเปรี้ยวมะกรูด.........หวานมะพูดมะนาวมะพร้าวหวง มะหวดมะหาดดาดเหลือมะเกลือทวง.......มะขือพวงมะรุมมะระมี มีมะอึกมะดันแลมะแว้ง.................................ตำส้มแตงมะเขือเครือมะนาวสี มะเขือเปราะมะเขือขื่นชื่นชีวี......................อร่อยดีมะเขือเทศมะตูมไทย ต้มดื่มน้ำก็อร่อยมิน้อยหน้า........................แทนน้ำชาเลิศดีมีที่ไหน มีแต่คนเรียกหาน่าสนใจ.............................สมุนไพรมะตูมภูมิปัญญา มากหมู่ไม้มีผลกลใดหนอ...........................พออยากได้โน้มลงตรงมาหา ให้หยิบจับเด็ดได้ในอุรา.............................แสนปรีดาไพรพงอลงกรณ์ จบจุลพนพรานไพรได้เล่าขาน...................พอผ่านถึงแดนไกลในสิงขร ถิ่นฤาษีอจุตะดำเนินจร...............................คลายรุ่มร้อนเดินดงเย็นพงไพร ---------------------------------------------------------------------------- จบกัณฑ์จุลพน ๓๕ พระคาถา เริ่มมหาพน......จนจบให้เพจนี้ ---------------------------------------------------------------------------- กลอนแปด .....ชูกชกเฒ่าเข้าป่าพนาศรี......................บุกพงพีเขาเขินเนินไศล ตามคำเล่าเจตบุตรนายพรานไพร.............กระทั่งได้ถึงด่านพระโยคี อจุตดาบสมันมดเท็จ....................................กล่องแจ่วเผ็ดมันอ้างต่างวิถี ขอรับพระดาบสสวัสดดี...............................ข้ามีงานจักไปส่งสารา เชิญพระเวสสันดรแลวงศ์วาร......................กลับคืนบ้านหนังสือที่ถือมา ในกระบอกคือสารประทับตรา.....................คือสาราสีพีกูอัญเขิญ ช่วยบอกทางไปบรรณศาลเจ้า....................จักไปเฝ้าภูวนัยในเขาเขิน แรกดาบสสงสัยนัยบังเอิญ............................มันเก่งเกินเป็นทูตค่อยวางใจ จัดที่พักหลับนอนมิร้อนจิต..........................ดูสนิทผ่อนตลายหายสงสัย ขอท่านทูตสุขสมภิรมย์ฤทัย........................จากนี้ไปหนทางช่างลำเค็ญ รุ่งเช้ามาวันใหม่ได้พบหน้า..........................พระดาบสยินดีที่พบเห็น ถามสุขทุกข์ท่านทูตเช้าร่มเย็น..................จากนี้เป้นหนทางสูแดนไกล เขาวงกฏแลเห็นโน่นลิบลับ...........................จักจับความบอกเล่าลำเนาไศล ทางดำเนินลำบากยากกระไร.......................พึงตั้งใจจดจำดำเนินจร ดูกรท่านชูชกมหาพราหมณ์........................ท่านจักตามเข้าไปในสิงขร หนทางยากลำบากในดงดอน......................ระวังตอนบุกป่าฝ่าไพรพง แลลิบโน้นเทิองเขาคันธมานท์......................สถานที่เพ็ญเพียงผู้ไหลหลง กระทำยัญชน์บูชาไตรเพทพงศ์...................ผู้มั่นคงศาสตร์เพทพิเศษชน อาศรมบทศาลาพระยาเวสส์.........................อยูาเขตเขาวงกฏลำบากหน มีป่าทึบเขาเขินเกินยากคน.........................จักดั้นด้นไปถึงหนทางไกล เขาลูกนี้ชื่อว่าคันธมาท์นฺ..............................ยามแลลานหลากศิลาเนินไศล องค์พระเวสมันทรีอยู่ด้านใน..........................ทรงเป็นไปเพียรพรตพรหมจรรย์ จักเข้าไปเป็นป่ามหาพน...............................ทุกแห่งหนมืดไม้ในไพรสัณฑ์ ล้วนประเภทแบบป่าเบญจพรรณ................ไม้สักนั้นโดดเด่นเห็นทั่วไป มะค่าโมงมิน้อยพลอยเสียดยอด...................ประดู่สอดแดงแซมแกมไสว ครบเบญจชิงชันสำคัญนัย............................จึงได้นามว่าป่าเบญจพรรณ ยังมีไม้อื่นอื่นขึ้นแกมป่า................................ต้นรกฟ้าเสลาแดงตะเคียนขัน มีเปล้าหลวงเปล้าน้อยติ้วแต้วต้น.................คำแสดชันเคียงคู่ประดู่ลาย ต้นขี้อ้ายงิ้วผาอินทนิล...................................กระมิบกลิ่นหนามเค็ดดูเป็นสาย ดอกจิกน้ำห้อยย้อยแลเรียงราย....................แกว่งกระจายนกกระปีดชอบเกาะโยน ถัดกันเป็นไผ่นานาสาระพัด...........................แน่นขนัดมืดมุงลิงห้อยโหน ชะนีค่างบ่างไล่กันกระโจน.............................กะรอกโทนลดเลี้ยวเที่ยวไพรพง กระแตกระเล็นเต้นไต่ไม้เลาะหนี....................งูใหญ่รี่ไล่ลัดสะกัดหลง รอดไปได้โล่งอกตกใขปลง.............................นึกว่าคงมิรอดดีปลอดภัย จตุบาทดาดดาในผืนป่า................................เจ้าเลียงผาปีนสูงแนวไศล นั่นผาสูงมันกลับปีว่องไว................................สมนามได้เลียงผาน่าชื่นชม มาฝูงลิงยังคงมาสงกา.....................................จะบอกว่าสองตีนหรือสี่สม สี่นั่นแหละดีแล้วเดียวมีปม..............................เขาจะชมเหมือนคนไม่ค่อยดี เก้งกวางตัวย่อมย่อมนั่นกระจง......................ดูรูปทรงดังกวางมากอีหลี ทั้งแรดช้างเสือดาวซาฟารี..............................อะไรนี่ชมเพลินเกินไปรา เปล่าหรอกน่านี่มันป่าเขาวงกฏ....................กำหนดก่อนพุทธศาศน์นานนักหนา ย่อมมีได้หมู่มวลสัตว์แปลกแปลกตา............โน่นเดินมาช้างเผือกเป็นฝูงเลย อ๋อช้างนอนปลักโคลนจนตัวแห้ง..................เหมือทาแป้งขาวโพลนมาอวดเฉย ช้างเผือกปลอมหนอกน่าคงเช่นเคย...........แค่แกล้งเอ่ยชมป่ามหาพน พวกสัตว์น้ำเล่ามีให้ชมไหม...........................สบายใจลำธารไหลวกวล มากมายมีสัตว์น้ำในสายชล..........................มีเรือกลเรือแพชมสบาย พระดาบสคงมีเรือยืมได้..................................ล่องเรือไปในธานจนสุดสาย ขอชมมวลสัตว์น้ำก่อนหญิงชาย..................จรดฝีพายเบาเบาเอ้าออกเรือ มาก่อนแล้วอ้างปลิงกระดุดกระดุบ................นึกอยากชุบแป้งทอดคงเด็ดเหลือ ปลากดดำกดคังกดแดงเขือ..........................กดเหลืองเมือชนะขาดรสชาติแกง ปลากระดี่กระเบนแลกระทิง............................ว่ายน้ำชิงทสวนน้ำพลังแรง เผลอเป็นถอยหล่นลงเพื่อนคงแซง...............ชนะแย่งต้องเก่งเร่งลอยไป โน่นกระสงกระสูบแลกระโห้...........................ปลาชะโดอวดหล่อพ่อปลาไหล กะพงกรีดปลากรายเบี้องย่ายใย...................เหตุไฉนปลาก้างห่างปลากาดำ ปลาแค้งัวแค้ยักษ์แถมแค้งู............................ปลาเค้าขาวคางเบือนจาดดูขำ ปลาช่อนดำงูเห่าช่อนข้าหลวง ....................ปลาชะโดซิวแก้วปลาดุกมูล โน่นซิวอ้าวดุกด้านแลดุกอุย........................ปลาตองลุยปลาฝามันคงสูน ตะเพียนขาวตะเพียนทองจ้องหินปูน...........ปลาค้ำคูนปลาเงินแหละปลาทอง ปลาเทโพเทพาไหนเทพี.................................ปลายักขีราหูอยู่น้ำของ เขาจับมาอวดกันว่าช่ำชอง..........................แค่ลองเล่นหาใช่จับไว้กิน ปลาเนื้ออ่อนเนื้อเย็นอยากเห็นนัก..............อ้ายหลงฮักนวลหนูเจ้ายุพิน ทั้งนวลจันทร์ปลาไนใคร่เนื้อนิล....................เพียงยลยินก็ใคร่จักชิมชม เพลินมากหนาฟังเพลินท่านดาบส..............แล้มีบทสกุณาน่ายินสม มากมวลไหมหนอท่านข้านิยม......................พนมไพรมากมวลสกุณา พระดาบสพาทียินดีประสก............................ท่านชูชกมากนักพวกปักษา ทั้งเล็กใหญ่จำเรียงเพียงสัททา......................ครุวณาพงไพรจักกระเทือน เสียงจิ๊บจ้ิบจกจกแกมก๊อกก๊อก...................ยินฟักออกเพราะกระไรหาใดเหมือน มวลปักษาร่อนร้องมิลืมเลือน.........................ฟังดุจเพื่อนสนทนาคราเดินดง เสียงเซ็งแซ่แน่ใจลูกไทรสุก............................มีทุกนกแห่มาน่าพิศวง ใครบอกมันต่างรู้อยู้กลางพง........................ล้วนบินตรงถูกที่คงปรีดา ทัดท่าท้านกกระท้าท้าใครเล่า......................เจ้านกคุ่มอืดอืดยืดหน่อยหนา จุกกรูกู้เขาขันสนั่นมา....................................นกกกกล้าก๊่กก๊ากหัวเราะใคร ใครตะแลดแต๊ดแตลงแต้วแวด......................จัลแล๊ดแล็ดกระเต็นเห็นสิ่งไหน อ้อหนูนาตังบานหลอกนั่นไง........................ถลาใส่โดนตะปบจบชีวี เสียงนกแขกแกรํกแกร็กแยกกบคู่..............แหกปากกู่ก้องดงคงไม่หนี มินานคงกลับมาขอคืนดี..............................ละแวกนี้หมากไทรดกดีเกิน เจ้าปากห่างก๊ากก๊กาขำอันใด....................โดนพรานไล่ร้อนเตือนเพื่อนมิเขิน รีบไปกันมือปืนมันดุ่มเดิน.............................จะมาเชิญไปเมืองผีไม่ดีนา นกยางร้องกรอกกรอกออกจับกบ.............สบแกยาวจับได้ยากหลุดหนา ทั้งกบเขียดกระทั่งพวกปูปลา......................ขยะนหาจับเหยื่อนกกระยาง ใครตะโกนกู๊กกูก นกฮูกร้อง.......................เรียกพวกพ้อนค่ำนี้มีกิจสาง หาเหยื่อยากลำบากกันทั้งบาง...................ไปลแงต่างถิ่นบ้างหรืออย่างไร จิลแล้ดแล้วแลดแลดนกกระเต็น..................โฉบเฮี่ยวเล่นร่อนงามตามที่ไหน นั่นคือเขตหาเหยื่อมันตาไว..........................เห็นจับได้ตั๊กแตนจิงหรีดงาม กระทั่งปลาเสร็จมันจับทันได้..........................เก่งกระไรกระเต็นเห็นนึกขาม เจอแมงซอนจ้องท่าจะมาตาม.......................แร้วถุงยามมั่นลั่นหมดท่าซี ใครเรียกหาโกต๊กกลางดงดอน...................โกเขาจรกล้บบ้านนานวิถี ให้อยู่ป่ามิไหวไม่เข้าที...................................โกแอบหนีกลับบ้านย่านในเมือง จู้ฮุกกูนกเขาใครล่าฮุก.................................คงเจ็บจุกซิท่าจนตาเหลือง ร้องปี๊ดปิ๊ดทั่วป่าจนน่าเคือง.........................ขนสีเหลือมแกมดำนกปีดแก หยุดสดับเสียงนกมันผกผัน........................ร้องนี่นันต้นไทรไม่แยแส.. เราย่องไปใตต้นยังไม่แคร์..............................สองตาแลเล็งหน้าไม้นกเขาคู เรื่องทำบาปเก่งมากมิยากดอก...................นกบินออกหนีไปให้อดสู รอนานหน่อยกลับมาเราก็รู้..........................รออยู่ยิงจนคำค่อยเลิกรา สี่ห้าตัวยินดีได้ทำบาป..................................เพราะได้ลาบได้แกงนั่นแหละหนา เราลูกทุ่งห่กินเน่ินนานมา.............................อยู่ดงป่าหากินแบบคนดง เพลินชมป่ามหาพนบ่นแลหา.......................สกุณามากมายพิศวง อีกมากมายหลายอย่างในไพรพง.................คงเลาะเที่ยวชื่นชมรมณีย์ -------------------------------------------------------------------------- .......จบกัณฑ์มหาพน เริ่ม.มหาเวสันดรชาดก กัณฑ์กุมาร --------------------------------------------------------------------------- เริ่มกันฑ์กุมาร สดับคำบอกเล่าพระดาบส.........................กำหนดได้ดำเนินตามวิถี มุ่งไปยังวงกฏแดนคีรี...................................สถานที่องค์พระเวสพำนักไพร นานนับเดือนแต่บุกฝ่าดง...........................ยังมั่นคงมิท้อเพราะเหตุไหน อมิตตาเมียรักมันห่วงใย..............................หาคนใช้ฝากนางช่างยากเย็น ตัวก็เก่งขอทานเขาลือทั่ว...........................มิใช่ชั่วลำบากยากจักเห็น ขอคนไปรับใช้ยากจะเป็น...........................คนยากเข็ญยังยากจะทำทาน เขาบอกว่าพระยาเวสทำได้.......................ขอสื่งใดมิพลาดท่านอาจหาญ ช้างตัวโตคนขอแค่วอนวาน......................สำเร็จการพระองค์ให้ไม่ยายเลย นานนับเดือนล่วงถึงเขตวงกฏ..................กำหนดมองอากาศเช้าเปิดเผย เห็นอาศรมดาบสมิคุ้นเคย.........................ไปเอ่ยขอเกรงอาจผิดพลาดไป จำพักผ่อนแรมคืนดูดีก่อน.........................เข้าขอตอนพระมารดาอยู่มิไหว คงยุงยากผู้หญิงจักทำใจ...........................ทานลูกได้รอก่อนคงจักดี ชูชกปีต้นไม้ผูกอู่ผ้า....................................พักรอท่าโอกาสฉลาดวิถี ยอดขอทานชั้นครูดูสตรี.............................ล้วนมักมีใจอ่อนยากรบกวน กล่าวถึงพระมัทรีศรีสมร..............................ดึกดื่นนอนฝันร้ายชายหนึ่งหวน ตัวสูงใหญ่ผิวดำกำยำชวน........................กิ่งเกรงล้วนดุร้ายหมายฆ่าฟัน มันทิ่มแทนตาทั้งสองข้าง............................ควักตานางเจ็บปวดรวดร้าวสรรพ์ ผ่าทรวงอกล้วงเอหัวใจพลัน.......................ตกใจนั้นตื่นมาน่ากังวล เช้าไปเฝ้าพระเวสส์เชษฐบุรุษ....................มัทรีสุดโศหาพาทีสับสน ทูลเรื่องร้ายเรื่องฝันเกิดกับตน.................อัดอั้นจนร่ำไห้เช้โศกาดูร พระเวสสฟังลอกเล่าเข้าใจเหตุ.................อาเภทแจ้งเป็นลางอาจเสื่อมสูญ บุตรธิดาคงพรากพรตไพบูลย์..................มุ่งจำรูญจำเริญพระบารมี ดูกะระมัทรีศรีสวัส........................................อัตคัตเป็นอยูาดอกโฉมศรี ส่งผลให้วิปริตธาตุอัคคี..............................บังเกิดชีแปรปรวนธรรมดา ขอพระนางพักผ่อนให้มากมาก.................เจ้าลำบากสองกุมารหนักนักหนา เฝ้าเลี้ยงลูกด้วยดีตลอดมา........................เป็นบุญญาพี่ได้รับกัยเจ้ามวล ขอบคุณเจ้าเป็นพลังมิเคยขาด................สามารถดูเรื่องยากมิให้หวน กลับมาทำร้ายเราเพราะเนื้อนวล................รบกวนเจ้าแล้วหนาแม่มัทรี ฟัสพระเวสสปลอบใจยังไม่หาย..................เกรงเรื่องร้ายลำบากยากหลบหนี มันจะเกิดอันใดร้ายหรือดี..........................เข้าพงพีมิอยากไปให้กัวล เรียกสองหน่อแก้วตามาหาแม่..................จำให้แน่ลูกยาอย่าสับสน จะเที่ยวเล่นเล่นกันอย่าซุกซน..................จงเวียนวนใกล้อาศรมพระบิดา แม่เดินดงเสาะเผือกผลไม้...........................พวกมันไพรเป็นสะเบียงนะลูกหนา คงบ่ายคล้อยเย็นลงคงกลับมา.................ขอลูกยาใกล้ชิดพระบิดดา จะวิ่งเล่นไล่ก็ก็แถวนี้....................................หากภัยมีเร็วไวรีบไปหา กราบทูลให้ท่านพ่อพิจารณา.....................คงมิข้าแม่กลับรับขวัญนวล สั่งเสร็จแม่มัทรีศรีสมร...................................พระนางจนเข้าป่ามานึกหวน เรื่องสุบินมิดีนี้มันชวน..................................มารบกวนคิดมากช่างยากเย็น จะมีเหตุอันใดภัยหรือสุข...............................คงเรื่องทุกข์หรือภัยคงได้เห็น ประหลาดแท้วันนี้ช่างมาเป็น.......................หมากไม้เช่นวันก่อนมันมากมี วันนี้หายว่าเปล่าหาลำบาก.........................ขุดเผือกยากดินแข็งจนต้องหนี ย้ายไปเรื่อยสายเกินจรลี...............................จะกลับมีเสือร้ายมาขวางทาง จะถอยหลัวตัวใหญ่มันไม่หลบ......................ซ้ายก็พบอีกตัวยากจะสาง หลับไปขวาต้วร้ายมองมวาง.........................กลัวนักนางร้ำร้องก้องพงไพร ไปมิได้นั่งลงปลงชีพด้วย..............................ถึงจักม้วยขอทางโปรดจงไข จะส่งผลกระยาหารพระทรงชัย.....................สองลูกได้รับประทานอาหารกัน แล้วจักกลับคืนมาเป็นอาหาร......................ของพวกท่านพยัคฆาทุกท่านสรรพ์ ด้วยสัจจริงโปรดให้ทางไปพลัน....................พยัคฑ์นั้นนอนยิ้มสบายใจ มินมิขู่ขบกัดทำไรหรอก...............................เพียงมิออกขวางทางนางไฉน อันธพาลนักเลงมิเกรงใคร.............................เพียงขู่ให้หยูดอยู่มันรู้ดี กล่าวถึงเจ้าชูชโกพราหม์นักจอ...................มันรอจนพระมารดาเดินป่าหนี ไปหาเผือกหามันหมากไม้มี...........................ภาระนี้นางทำประจำวัน รีบไปเฝ้าถึงองค์พระทรงยศ............................ย่อมปรากฏลีลาพาทีสรรค์ พรรณนาความยากลำบากมัน......................ครอบครัวนั้นขาดคนรับใช้งาน ลำบากเมียอมิตตาภาระหนัก.........................จับหาคนช่วยนางทางประสาน รับใช้กิจที่เรือนประจำการ..............................อยู่ที่บ้านทำแทนการหนักเบา ทราบพระองค์มีสองบุตรธิดา..........................มุ่งหมายมาขอทานโฉมเฉลา โปรดเมตตาข้าจักขอรับเอา...........................พระบุตรเจ้าไปไว้รับใช้งาน สองชาลีกัณหากังขาอยู่.................................แอบฟังรู้พรามเฒ่าแกไขขาน ขอพวกตนเป็นทางคาดทำการ.....................ไปอยู่บ้านรับใช้เมียเฒ่าพราหมณ์ ชวนกันหาหลบดีที่ตรงไหน.............................แอบลงไปในสระยังเข็ดขาม กลัวเหน็บหนาวลับตายากจักตาม................หักห้ามใจแอบใต้ใบบัวกัน ฝ่่ายพระเวสสันดรฟังชูชก..............................ที่หยิบยกนานามาอ้างสรรพ์ พระประสงค์ทำทานคุณอนันต์......................ในจิตนั้นนึกทานบารมี โอกาสอุปทานระดับสอง................................ตามครรลองยากยิ่งมักหลบหนี ทำมิได้หากใจมิคงที่.......................................พระยินดีบริจาคมหาทาน ระลึกถึงบารมีโพธิสัตว์...................................พึงวิวัฒนอุดมสัจประทัสถาน พัฒนาบารมียิ่งยินนาน..................................ได้พ้นผ่านลุถึงพุทธธรรม ดูกะระชูชกเรายกให้........................................สองบุตรได้แก่เจ้าเอ้างามขำ อยู่ไหนลูกรีบมาพาก่อกรรม...........................พ่อบำเพ็ญโพธิมรรคประจักษ์ใจ ชูชกรู้สองกุมารอยู่สระบัว................................คงจะกลัวแอบซ่อนมิสงสัย ทูลทรงธรรมให้ทราบเป็นนัยนัย......................ที่สุดได้สองกุมารประทานมา สองกุมารเศร้าสร้อยละห้อยหนัก....................จำใจจักพรากไปไกลเคหา จากบิดรจากบ้านจากมารดา..........................รออำลาแม่ก่อนเถิดพระองค์ นั่นสินะมินานคงกลับแล้ว.................................ขอลูกแก้วพบนางอย่างประสงค์ แล้วค่อยไปกันเถิดดีมั่นคง................................ชูชกจงใจแกล้งพิโรธแรง อุเหม่ทานร่ำลือใจกุศล.....................................ทุกผู้คนสรรเสริญทุกเขตแขวง กระทำทานกลับมีข้อพลิกแพลง.....................หรือจะแกล้งล้มเลิกมีทำทาน มิอยากทานอย่าทานก็สิ้นเรื่อง........................มาขัดเคืองหน่วงไว้เพียงบอกขาน มิเต็มใจก็เลิกกระทำการ...................................ข้าก็หาญยกเลิกตามพระทัย เปล่าเปล่าน่าพ่อพรเหมณ์มิใช่ดอก...............อยากจะบอกเด็กกลัวอย่าสงสัย หากพูดจาพาทีคงเข้าใจ.................................ได้ยินแล้วขึ้นเถิดสองลูกยา พ่อตั้งใจบำเพ็ญโพธิสัตว์..................................ทานวิวัฒน์อุปจารนัานแหละหนา ปรมัตถ์ทานด้วยด้วยต้องพึ่งพา......................ทั้งบุตราบุตรีมีคุณธรรม ช่วยพ่อสานบารมีนะลูกรัก..............................แล้วเราจักข้ามโอฆะได้วามขำ ไปสู่แดนพุทธเขตพิเศษกรรม.........................ที่กระทำครั้งนี้ตึงสมควร สองกุมารได้ยินคำพ่อไข.................................ย่อมเข้าใจรำตรึกตรึกได้หวร มาคิดได้ยอมขึ้นแลชักชวน............................กราบบาทล้วนยินดีมิโศกา เพราะลูกน้อยช่วยพ่นี้สิหนอ..........................บุญของพ่อทำทานยากนักหนา อุปทานปรมัตถ์ใกล้เข้ามา.............................เพราะลูกยาเกื้อกูบุญเหลือเกิน พระสั่งเสียลูกยารับฟั่งเฒ่าชูชก....................ผู้ปกครองต่อไปใช่ผิวเผิน ติดตามไปรับใช้ตั้งใจเดิน.................................เชิญพ่อพราหมณ์รับไว้สองกุมาร มันหาเชือกผูกมือสองหน่อนาถ...................กระทืบบาทอวดโอ่ทำโวหาร ต่อจากนี้ข้าคือผู้บันดาล................................หลานจักตายหรือเป็นอยู่ที่เรา ตามมาเสียดีดีตีก็เบื่อ......................................ถ้าเหลืออดตีแรงอย่าทำเขลา ทำข้าโกรธระวังอย่าดูเบา...............................มาสองเจ้าเดินตามแต่โดยดี มันกระชากสองคะมำล้มคว่ำหน้า.................พระบิดาทำเลือนเบือนหน้าหนี ทรงร่ำให้ในอกโศกโศกี...................................นับแต่นี้ห่างกันแล้วหนอแก้วตา ชูชกเฒ่าอำลาพระยาเวสส.............................จากเหตุนี้แม้พระองค์ปรารถนา จะไถ่คืนยินดีมีทรัพย์มา...................................คณนาอย่างละร้อยถึงจะยอม ทาสทาสีช้างม้าโคกระบือ.................................เงินคำถือหน่วยร้อยต้องมีพร้อม เสร็จสั่งความันกะชากมิประนอม.....................มิยากกล่อมมีแต่ขูดูน่ากลัว บัดดลเกิดพยับเมฆมืดมัวมิด...........................ฟ้าก็ปิดแปลบปลาบเสียววาบหัว ครืนครืนก้องกำปนาทฟ้าฟาดทั่ว...................มันฟาดมั่วมีเรื่องมันเคืองใคร สักครู่หายกลายเป็นปกติ..................................ทรงดำริฟ้าดินมิสงสัย อำนวยพรบารมีทานเข้าใจ................................พระองค์ได้สาธุการด้วยเปรมปรีดิ์ สาธุธรรมนำมาซึ่งปราโมทย์..............................ยังประโยชน์พุทธธรรมนำวิถี พึงสำเร็จสมประสงค์จงเกิดมี..............................บุญนำชี้อมตะนิพพานพลันฯ ------------------------------------------------------------------------ .......จบกุมารกัณฑ์ที่ ๘ และ เริ่มกัณฑ์ที่ ๙ กัณฑ์มัทรี ------------------------------------------------------------------------ กลอนแปด กล่าวถึงพระมัทรีศรีสวัสดิ์....................................เดินป่าลัดไพรพงศ์จำนงสรรพ์ ผลหมากรากไม้ดังทุกวัน......................................อัศจรรย์แปลกใจให้สงกา วานนี้มีผลมากหลากเต็มต้น...............................วันนี้หล่นเสียหายไปหมดหนา ดูต้นอื่นนิดหน่อยปลิดเอามา...............................จนเหนื่อยล้าจักกลับอาศรมไพร นองขวางหน้าพยัคฆาเจ้าเสือเหลือง...................ยังนึกเคืองหวาดกลัวหลบทางไหน ลองไปซ้ายลายโคร่งปิดทางไป...............................ทางขวาไซร้เสือดำตาลุกวาว หนทางถอยเสือดำสองตัวเฝ้า...............................ไหว้แหละเจ้าเปิดทางห่วงลูกสาว หนูกัณหาชาลีคงหิวคราว......................................แม่อยู่ยาวเวลาช้าเกินการ ขอเทพไทรุกขาปราณีด้วย....................................โปรดจงช่วยมัทรีที่ไขขาน จำเป็นมากอยากลับจนลนลาน.............................จงประทานทางให้ไปด้วยเทอญ นางร่ำไห้โศกาคราหมดหวัง...................................นางถูกขังกับที่ที่เขาเขิน ไปมิได้มันขวางหนทางเดิน.....................................เชิญเจ้าที่เมตตาปล่อยข้าไป เสือมันเฉยดูหน้าท่าแบบยิ้ม....................................แต่ก็พิมพ์อย่างเสือดุไฉน คงมิกล้าฝ่าแนวกลัวเภทภัย.....................................หนักอกใครจะมาเท่าเจ้ามัทรี จนเลยเที่ยงอ้าวโคร่งโย่งโย่ย่าง................................ลุกเปิดทางเปิดช่องย่องหลบหนี เจ้าเสือเหลืองเสือดาวมิรอรี......................................เดินตามพี่คุณโคร่งโล่งอุรา คุณเสือดำสองตัวหายไปแล้ว...................................ค่อยผ่องแผ้วในอกวาสนา คงกลับได้แล้วหนอมิรอช้า........................................ดำเนินมากลับคืนสะอื่นฤทัย เขามาเขตศาลาเลียบอาศรม...................................ก่อนภิรมย์ลลูกยามารับไฉน วันนี้เงียบมิเห็นสองทรามวัย......................................เล่นกันไกลอาศรมพระบิดา วู้ลูกรักมิเห็นรับกับแม่หนอ........................................นวลละออเที่ยวไกลไฉนหนา กลับคืนเถิดลูกน้อยเร็วแม่มา....................................ผลผลาเผือกมันแม่มากมี ล้วนอร่อยแม่สรรมันมาฝาก.......................................เจ้าลำบากแสบท้องแน่สองศรี มาแม่มารีบมาอย่ารอรี................................................เงียบมิดีภัยทุกข์มาคุกคาม พระมัทรีร่ำไห้แทบใจขาด...........................................เฝ้าพระบาทสวามีพาทีถาม เห็นสองหน่อบ้างไหมพระองค์ราม............................ข้าติดตามทุกที่มิเห็นเลย โพธิสัตว์เวสสันดรร้อนในอก.....................................หากจะยกเรื่องราวมาเปิดเผย ทุกข์มหันต์ระทบจิตทรามเชย...................................จำจักเอ่ยบริภาษให้หวาดกลัว ให้นางโกรธเสียก่อนค่อยย้อนบอก..........................หลอกให้โกรธแกล้งด่าว่าน่าหัว ปล่อยลูกหายไปเที่ยวไปแต่ตัว...................................มิห่วงผัวห่วงลูกเลยหรือไร หรือแอบเจอคนธรรพ์หรือดาบส................................กลับมาปดลูกหายหรือไฉน เจ้ามัทรีเจ้าดื้อหรือทรามวัย........................................นางร่ำไห้นึกเคือพระสามี ที่สุดองค์พระเวสบอกความจริง.................................แน่ะน้องหญิงตั้งจิตให้มั่นถี วันนี้พราหม์มาขอพระชาลี.........................................และน้องพี่ได้ประทานกัณหาไป ด้วยหวังเพญบารมีเป็นที่สุด......................................บรรลุพุทธโพธิญาณสว่างไสว พระมัทรีคับแค้นแน่นหทัย..........................................กรรแสงได้จนสลบชวนเวทนา พระหยิบผ้าชุบชลวนซับพัตร์....................................โอน้องรักร่วมแรงแสวงหา โพธิธรรมบารมีด้วยบุญญา........................................เจ้าฟันฝ่ากับพี่มิท้อเลย ปรมัตทานบุตรสุดยากยิ่ง..........................................พี่ทำจริงเพ๊ญธรรมนำเปิดเผย ฟื้นมาเถิดแม่งามเจ้าทรามเชย..................................มาเอื้อนเอ่ยความในใจเนื้อนวล สักครูใหญ่พระมัทรีมีสติ..............................................นาดำริเรื่องราวคราวแย้มสรวล ประทานโทษพี่ยาข้ารบกวน.......................................ทำพี่ป่วนในอกยกโทษนาง ทำทานลูกน้อยน้องกัฒหา.........................................พ่อชาลีอีกด้วยช่วยสะสาง เป็นมรรคาโพธิธรรมนำเบิกทาง................................พึงสว่างส่องแจ้งชัชวาลย์ สาธุาะอนุโมทนาด้วย...................................................บุญจงช่วยแผ่ไกลจงไพศาล บรรลุถึงโพธิธรรมเริงสราญ.........................................บันดาลให้บรรลุเพราะบุญดล ฯ ------------------------------------------------------------------------ จบกัณฑ์ที่ ๙ กัณฑ์มัทรี เริ่มกัณฑ์ที่ ๑๐ กัณฑ์สักกบรรพ์ ------------------------------------------------------------------------ กลอนแปด ...สักบรรพ์บั้นองค์มฆวาน..............................................เกษมศานต์ชื่นชมบุญกุศล องค์พระเวสสันดรเพ้ญเพียรพล....................................จนฟ้าดินกัมปนาทโมทนา. มากังวลวันหนึ่งในอนาคต..............................................ใครกำหนดหวังได้พระชายา จักทูลขอก็ได้ทรงเมตตา................................................เกิดปัญหาแก่พระองค์ผู้ทรงญาณ มิมีผู้ดูแลจัดสรรหา...........................................................เตรียมภัตตาจัดให้จักไขขาน หาผู้ใดจักรู้พระภูบาล......................................................เท่านงคราญแม่มัทรีมิมีเลย ขากมัทรีมีปัญหาฝ่าพระบาท........................................ชะตาขาดแน่ใจไม่อาจเฉย ต้องลงไปจัดการเหมือนดังเคย......................................จักไปเอ่ยทูลขอพระชายา จำแลกายเป็นพราหมณ์ดูแก่เฒ่า..................................ขอนงเยาว์พระมัทรีสิเนหา อยากได้นางขอองค์พระราชา.........................................ประทานข้าเป็นบุญทูลทรงไชย ลำดับนั้นโพธิสัตว์เวสสันดร...........................................เรียกงามงอนพระมัทรีอยู่ที่ไหน มาหาพี่มีเรื่องฟนาทรามวัย.............................................มีคนใคร่รับเจ้าเป็นบริวาร พี่รักเจ้ามากมายดังดวงเนตร.........................................เพียงเพราะเหตุพี่รักจักประสาน บารมีพุทธธรรมดำเนินการ.............................................สุดยอดทานปรมัตถบารมี บุตรทั้งสองทานไปได้สิ้นสุด...........................................อุตรทานยิ่งนวลฉวี เจ้าเป็นเมี่ยดีเยี่ยมเทียมใจพี่...........................................มัทรีเจ้านางแก้วแท้แก้วตา พี่นี้รักแหนหวงดังดวงจิต................................................มิเคยคิดทอดทิ้งเจ้าดอกหนา ปรมัตถแก่งทานบุตรภรรยา...........................................ทานชีวาปรมัตถ์อรรถแห่งทาน อยากฟังเจ้าคิดไหนในกุศล............................................นฤมลบอกพี่พาทีขาน พระมัทรีเห็นไฉนหนอนงคราญ......................................วานบอกพี่จักพินิจพิจารณา พระนาถน้อยสร้อยเศร้าเข้ากราบทูล..............................พระพูนเพ็ญมัทรีนี่หรรษา คอยส่งเสริมเพิ่มพูนแต่เดิมมา........................................ข้ายืนดีส่งเสริมพระทรงชัย แม้ชีวิตยินดีมอบพระองค์...............................................หากประสงค์ขอถวายมิสงสัย จะประทานแก่พราหมณ์ก็ย่อมได้..................................ยินดีไปเป็นทาสตาเฒ่าพรหมณ์ โพธิสัตว์รับฟังทรงยิ้งคิด................................................เจ้าขวัญจิตมัทรีศรีบุญสม สหชาติภริยาน่าชื่นชม...................................................ภิรมย์นักรักเจ้าเทียมชีวา เพื่อเพ๊ญทานปรมัตถ์.......................................................จำตัดรักทั่งปวงคักห่วงหา จำใจทานเจ้าให้พราหมณา............................................สาธุธรรมนำเกิดประเสริฐคุณ บัดดลเกิดวิปริตแห่งอาเภท............................................ยามพระเวสส์เพ็ญทานที่เกื้อหนุน ภริยาเป้นทานยอดแห่งบุญ.............................................ฟ้ามืดมิดทั่วไปในจักรวาล ปฐพีหวั่นไหวกัมปนาท....................................................เฉลิมบาทบารมีศรีผสาน โพธิธรรมมรรคาพุทธญาณ.............................................มั่นคงปานรัตนามรรคาเพ็ญ ปกติทานบารมีกระทำแล้ว...............................................ดังลาดแก้วอุปทานที่ได้เห็น สุดยอดทานปรมัตถมิยากเย็น........................................พระทำเช่นปกติบริบูรณ์ พราหม์จำแลงแปลงกายคืนมา......................................เป็นอินทาเทวราชอวยพรพูน แปดประการพรเกิดเจิดจำรูญ.........................................อนุกูลแก่องค์พระทรงชัย หนึ่งทรงเป็นปิตุเรศเปี่ยมเมตตา.....................................กลับพารานิรโทษคนคุกไข โทษหนักเบารับล้วนควรอภัย..........................................ผ่อนปรนได้ทั่วถ้วนควรแก่การ พึงได้ทำอนุเคราะห์คนยากจน.........................................มิกังวลบทสตรีที่อาจหาญ บุตรธิดาอายุมั่นยืนนนาน................................................เจ็ดประการฝนแก้วพึงเกิดมี ตกในเขตแห่งเมืองเรืองรุ่งเลิศ.........................................ประเสริฐยิ่งชาวประชาเกษมศรี ร่ำรวยรัตนชาติทั่วบุรี........................................................สิ้นชีพนี้ขอกลับดุสิตวิทาน อมรินทร์อวยพรจงสมหมาย..............................................เคราะห์คลาคลายบุญประสาน อีกมีช้าคงจักได้พบพาน...................................................สงบศานติ์ด้วยแรงบุญบารมี เสร็จอำลากลับไปดาวดึงส์................................................พระเวสจึงไคร่ครวญธรรมวิถี ทุกสิ่งทำบำเพ็ญเป็นกรรมดี..............................................เป็นช่องชี้โพธิญานสานมรรคา ฯ ------------------------------------------------------ จบกัณฑ์ที่ ๑๐ สักบรรพ์ เริ่มกัณฑ์ที่ ๑๑ กัณฑฺ์มหาราช --------------------------------------------------------- กลอนแปด ..........ย้อนกล่าวถึงชูชกรัประทาน..................................สองกุมารจากพระเวสเชษฐบิดา มันสำแดงอำนาจเปล่งวาจา............................................แต่นี้ข้าเป็นนายจำให้ดี สองเจ้าเป็นทาสชั่วชีวี......................................................รับหน้าที่กิจการงานนานา ไปถึงบ้านจักมีนายผู้หญิง...............................................นายตัวจริงรูออยู่ที่เคหา ต่อนี้ไปเดินทางหลายเวลา..............................................ข้าจักพาไปบ้านด่านปลายดง สองกุมารขัดขืนฝืนตัวไว้.................................................สองร่ำไห้พ่อจ๋าอย่าลืมหลง ยังมิได้ลาแม่ไปไพรพง......................................................น้องยังคงหิมนมโปรดเมตตา เสียงลูกน้อยละห้อยได้จุกใมนอก....................................ชลนัยน์ตกห่วงใยเจ้านักหนา เพราะเพียรเพ็ญบารมีดอกลูกยา....................................จำต้องมาพลัดพรากจากกันไป พ่อพราหมณ์จ๋าค่อยจาอย่าดุด่า....................................สองกำพร้าเป็นทาสแล้วไฉน ต้องพึ่งพาตาพรหมณ์ยามห่างไกล.................................ขอจงได้เมตตาอย่าด่าตี มันเตรียมไว้แซ่หวายได้ลายหลัง......................................จงระวังเดินมาอยาหลบหนี ต่อหน้าพระบิดาข้าก็ตี......................................................หวดสองมีเดินมาช้าอยู่ใย มองบืดาผินพระพักตร์หันหลังให้....................................เจ็บปวดใจหกล้มหัวคะมำ ชกมันกระชากลากไม่หยุด..............................................เดนสะดุดยังตีสองขามขำ รอยแส้เป็นเส้นเส้นสีดำคล้ำ...........................................ห้อเลือดจำต้องเดินตามมันไป ตกกลางคืนสองกุมารมัดสองมือ...................................เอ็งอย่าดื้อดิ้นหลุดดูหนไหน มันป่าทึกเสือสางล้วนเป็นภัย.........................................หลับหนีได้เป็นเหยือพวกเสือมัน นอนอยู่ที่โคนไม้นี่แหลดี................................................บารมีข้าคุ้มได้พร้อมสรรพ์ ทั้งเสือสางภูติผีมนต์ข้ากัน............................................แค่ร่มไม้ตรงนี้อย่าหนีเลย ส่งเสริจมันปีนขึ้นบนต้นไม้............................................เลือกเหมาะได้ผูกเปลผ้านอนเฉย ผ่านคืนวันหลายวันก็เช่นเคย......................................โอ้เด็กเอ๋ยหอดหิวแทบเป็นลม มันมาหาอะไรให้เด็กบ้าง.................................................ดีแต่อ้างรีบไปน่าขื่นขม ฮุดกระชากจนต้องร้องระงม...........................................สุดระทมสองกุมารจากบ้านมา รุกขเทพสงสารเฝ้าติดตาม............................................ยามคำคืนเป็นคนเข้าไปหา ให้ดื่มนมกินเผือกกินมันพา..........................................กล่อมสองราหลับนอนด้วยอ่อนเพลีย หลายวันล่วงมาไกลในไพนสณฑ์..................................จนมาถึงทางแยกพราหม์หัวเสีย มันหลงลืมหนทางคงห่วงเมีย..........................................มึนงัวเงียขวาซ้ายไปไหนดี มันหลงทางกระชากลากสองน้อย..................................เดินตาลอยไปผิดอผกวิถี มินัมิรู้เป็นทางไปสีพี..........................................................เห็นชาลีเขาจำได้ไปกราบทูล ปู่สญชัยและย่าปรีดานัก.................................................ได้หลานรักกลับมาหาได้สูญ ถามชูชกรู้เรื่องโศกาดูร...................................................พ่อพราหมณ์พูนสวัสดิ์จรัสเจริญ ขอไถ่หลานตามคาดแกมาดไว้......................................เงินทองได้ร้อยตำลึงมิขาดเขิน ทั้งผ้าผ่อนแพรพรรณมิขากเดิน....................................ร้อยพับเชิญตรวจตรามากมวลมี ช้างกับม้าเพียงพอให้ใช้สอย..........................................อย่างละร้อยสัตว์เลี้ยงเอาเยี่ยงไหน วัวควายหมูสรรมาหาเป็ดไก่...........................................นับร้อยให้ไถ่หลานเรายินกี ชูชกบอกหิวมากอยากกินข้าว.....................................สญชัยเจ้านึกขำทำไมเล่า สั่งพ่อครัวจัดการอาหารเยี่ยม........................................เทียมทิพยฺโภชจัดมาอย่าดูเบา ปล่อยชูกชกสำราญอาหารเรา.....................................จัดใหเจาเต็มที่อย่างดีเลย สั่งเสร็จปู่ย่าพาหลันรัก....................................................เข้าที่พักเวียงวังฟังเปิดเผย เหตุไฉนชอบทานเหมือนดังเคย.....................................สองทรามเชยทำทานได้อย่างไร สองหลานน้อยเล่าเรื่องแล้วเคืองนัก..............................ลูกมักจักบ้าทานกันถึงไหน ช่างเถอะหลานตอนนี้อย่่าสนใจ.....................................เมืองเราไซร้ยินดีหลานคืนมา ให้สมโชรับขวัญสองหลานรัก........................................คนรู้จักชื่นชมพระนัดดา ครบสามวันสามคืนฉลองใหญ่.......................................จัดของกินเลือกได้มากมายหนา มีหมูเนื้อวัวควายแลปูปลา...............................................ผลผลามากมีเลี้ยงผู้คน สามวันผ่านรางวัลพราหม์ยังอยู่......................................มิมีผู้มารับชวนฉงน เขามาทูลชูชกเฒ่ากังวน.................................................กินเสียจนท้องแทบแตกจนวางวาย จนรุ่งสางดิบดิ้นสิ้นสังขาร์...............................................จึงรีบมากราบทูลเกรงเสียหาย ให้ประกาศทายาททั้งหญิงชาย.......................................ทรัพย์ทั้งหลายของชูชกมาเอาไป นับเวลาเจ็ดวันมาเอาเถิด.................................................เกิดมิมาจักเก็บอย่าสงสัย คืนเข้าคลังคราต่อไป........................................................ขอจงได้แสดงสิทธิ์ลูกหลานพราหมณ์ รั่งสั่งเจ็ดวันงานศพให้สมเกียรติ.....................................เจียดทรัพย์สินจัดงานการงดงาม เรียบร้อยกิจกระทำดำเนินตาม.....................................ทุกเขตคามชื่นชมพระทรงชัย สองชาลีกัณหาอยู่กับย่า................................................วิ่งหาปู่ตามประสาอายุขัย ปู่และย่าเพลิดเพะลินเจริญใจ..........................................ได้ทราบข่าวพระโอรสกำสรดครวญ นานแล้วหนาจากไปในไพรสณฑ์...................................เงืนไขคนโกรธเคืองก็กลับหวน ช้างปัจจนาคเขาคืนมาทั้งมวล.......................................พร้อมสินทรัพรางวัลมากมวลมี บ้านเมืองเขาฟื้นฟูอยู่เย็นแล้ว........................................นำช้างแก้วคืนมาแสนเปรมปรีด์ ชาวเมืองต่างสำนึกทำมิดี...............................................อยากไปที่เขาวงกฏขอโทษภัย พระบิดายินดีมีรับสั่ง.........................................................ตั้งกรมการเตรียมทัพจักเดินไป เชิญพระเวสมัทรีกลับเร็วไว..............................................เจ็ดวันให้เคลื่อนตรงเข้าพงพี ------------------------------------------------------------- จบกัณฑ์ที่ ๑๑ กัณฑ์มหาราช และเริ่ม ๑๒. กัณฑ์ฉักขัตติ โดยขุนทอง ศรีประจง ------------------------------------------------------------- ได้เวลาจักเสด็จไปแดนดง..............................................เขาวงกฏเชิญพระเวสกลับธานี ทั้งสองหลานกัณหาพระชาลี...........................................ต่างยินดีนั่งรถกำหนดจร ขบวนธงนำริ้วให้นั่งม้า......................................................ควบอาชางดงามตามสลอน สี่สิบม้าสี่แถวครบสิบตอน................................................ธงปลิวว่อนงดงามตามกันไป ขบวนช้าวสิบเชือกขนาบข้าง.........................................เดินขอบทางเคียงราชรถไฉน ระวังมวลศัตรูราชภัย..........................................................มิยอมให้ทำร้ายพระราชา ต่อท้ายรถมหาดเล็กยกทั้งกอง........................................ถัดไปผองบริพารเหล่าเสนา ตามถัดด้วยทวยราษฏร์มาดไปเฝ้า...................................พระหน่อเจ้าองค์พระเวสพระเขษฐา หกสิบโยชน์ทางไกลในพนา..............................................ประมาณว่าแปดเดือนถึงพอดี จนล่วงเข้าขอบเขตเขาวงกฏ............................................ทรงกำหนดยับย้ังหว่างวิถี วันรุ่งขึ้นค่อยไปในคีรี..........................................................เจ้าชาลีบอกโน้นบรรณสาลา จากนี้ไปเกือบเที่ยงคงถึงได้...............................................ถึงมิไกลขบวนเราใหญ่เกินหนา ค่อยค่อยไปก็คงจักเชื่องช้า...............................................พระเจ้าตาอยากเห็นแม่มัทรี พระเจ้ากรุงสญชัยเข้าใจหลาน.........................................บอกมินานได้เพิ่มเฉลิมศรี ได้พบหน้ามารดาแน่ชาลี....................................................นั่งรถซีนั่งม้าอันตราย ฝ่าป่าพงดงดอนรอนแรมไป................................................ป่าดงใหญ่รุกขชาติดาดาดหลาย ขบวนม้าคนรถต่างกระจาย...............................................เลาะเลียบย้ายหาทางเยื้อย่างไป มัทรีตื่นตระหนกเสียงอื้ออึง.................................................มัวนึกถึงพายุหรือไฉน แลท้องฟ้ายังโปร่งโล่งกระไร................................................หามีไม่เมฆหมอกมาหลอกตา สักครูเสียงคนร้องเรียกแม่แม่..............................................ชะแง้มองจริงหรือคือกัณหา จนได้กอดแน่ใจโนลูกยา....................................................พ่อชาลีกอดด้วยร่ำโศกี ท่านปู่ยามาถึงได้ทักทาย....................................................พ่อบุตรชายพระเวสพิเศษหนี ต้องโทษขับจากบ้านจากบุรี..............................................เพราะพ่อนี้โง่เขลาเบาปัญญา ต่างรำพึงรำพันจนรันทด.....................................................โสกสลดเศร้าสร้อยน้อยหรือหนา สลบไสลใจวับดังดับคา.........................................................ล้มพับมาระเนระนาดประหลาดใจ ฝ่ายไพร่คนพลเมืองรู้เรื่องเห็น............................................สงสารเป็นเรื่องเร้าเศร้าไฉน ต่างร่ำร้องสงสารพระภูวนัย................................................สลบไปทั้งหมดกำลังพล ร้อนถึงองค์อมรินทร์ปิ่นสวรรค์..........................................วันนี้ใยบัลลังยังสับสน บัดเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นกังวล.........................................ฤๅมีคนเดือดร้อนร้อนถึงเรา จังสอดส่องเรดาทิพยเนตร..................................................ตาวิเศษส่องทั่วทุกป่าเขา ส่องไปโลกมักมีพวกผู้เยาว์..................................................พวกขาดเขลาต้องช่วยเป็นประจำ อ้อเจอแล้วอาศรมพระยาเวส...............................................มันเกิดเหตุล้มตายแต่น่าขำ แค่ดีใจพบหน้ากันเกิดกรรม...............................................ดีใช้ซ้ำสลบไสลขาดใจตาย แม้นมิช่วยม้วยแน่สมน้ำหน้า..............................................มิเข้าท่าเป็นเทพจักเสียหาย เขาจะหมิ่นอินทร์อะไรเจอเรื่องร้าย.....................................มิช่วยคลายปัดเป่าก็เข้าใจ จะตักน้ำสาดใส่คนละขัน.......................................................คงมิทันตายแน่ทำไฉน มนต์เสกเป่าฝนทิพย์ตกลงไป..............................................ใช้ฝนโบกขรณีแหละสมควร เป่าพรวดเดียวฝนมาเป็นห่าใหญ่......................................สหัสสนัยน์เก่งมากอยากให้หวน ไปทางบ้านเราบ้างอยากจะชวน.........................................เป่าสักม้วนมนตราให้ฝนลง ฝนพิเศษอินทาโปรยมาให้..................................................จำชื่อได้ฝนโบกขรคง เม็ดสีแดงหล่นลงเป็นเม็ดเม็ด..............................................เด็ดใบไม้มารองพิศวง มันมิเปียกกลิ้งไปจนหล่นลง.................................................สำคัญตรงมิเปียกเพียงชุ่มเย็น ใครอยากเปียกย่อมได้มันไหลอาบ.....................................กำซาบซ่านสดใสได้มาเห็น ฝนประหลาดหล่นใส่คนได้เป็น............................................กลับฟื้นเช่นสุขสมสถาพร จนต้องมีบันทึกจารึกไว้........................................................ฝนยิ่งใหญ่หนึ่งครั้งครานี้หนอ คราวพระเจ้าสญชัยไปคอยรอ..............................................ชวนพระหน่อบุตรชายให้กลับเมือง เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญกังวาลนัก..........................................แผ่นดินมักสะเทือนเลือนลั่นเคือง ไยเงียบเสียงเสียเล่ามาเข้าเรื่อง.............................................ดินกระเดื่องพสุธาสั่นทั่วไป คงเริ่มได้แม่พระธรณี...............................................................อวยฤทธีโลกสั่นมิสงสัย ฉะนี้ไซร้ฟ้าดินกระเทือนไกล.................................................ครั้งที่ได้เชิญพระเวสกลับพารา พนักงานกราทูลความแต่เค้า...............................................ตามพระเจ้าสญชัยปรารถนา อัญเชิญพ่อพรเวสกลับเมืองมา............................................เป็นราชาสีพีจึงเหมาะควร พระบิดามารดาไม่ว่าแล้ว.......................................................ทานช้างแก้วตัวหนึ่งซึ่งพอหวน มันโง่เขลาเกินไปใยมาชวน...................................................ป่วนให้เราขับลูกจากพารา ชาวกลึงนำช้างมาคืนแล้ว.....................................................บ้านเมืองแผ้วสร่างทุกข์สุกหรรษา มีแก้วแหวนแพรพรรณเป็นบรรณา.......................................เขานำมาบอกนบจบสักการ มัทรีน้อมภูษามาถวาย..............................................................จงคลาคลายลาสึกขอไขขาน หากมิสึกอาจเจอภัยคนพาล.................................................ปลุกปล้ำท่านนักบวชให้ปวดใจ นางแค่คิดในใจเท่านั้นดอก...................................................เราเอ่ยออกพระเวสมิสงสัย ยินยอมลาสิกขา ณ ทันใด...................................................กอดเอาไว้แม่ลูกล้วนผูกพัน กระบวนทัพพักผ่อนหลายเพลา............................................ค่อยกลับมาสีพีมีสุขสันต์ เถลิงราชสมบัติอีกครั้งพลัน....................................................ฉลองกันด้วยปิติพระทรงชัย นับเจ็ดวันเจ็นคืนล้วนชื่นสุข..................................................พระปัดทุกข์ทวยราษฎร์ทุกสมัย อุดมด้วยฟ้าฝนชุ่มชลไป..........................................................ชาวบ้านได้ทำเกษตรจำรูญจำเริญ ---------------------------------------------------------- จบกัณฑ์ที่ ๑๒ และเริ่มกัณฑ์ที่ ๑๓ กัณฑ์นคร ----------------------------------------------------------- ความโดยย่อ เมื่อพระเวสสันดรราชฤาษีได้สดับคำพระราชดำรัสเชื้อเชิญให้ลาผนวชออกไปครองราชย์สมบัติ ก็รับสั่งทูลพ้อพระราชบิดา ประวิงการรับอาราธนาไว้พลางก่อนว่าเมื่อกระหม่อมฉันปฎิบัติราชกรณียกิจโดย ทศพิธราชธรรม ไฉนพระราชบิดาจึงลงโทษเนรเทศจากพระนคร มารับความทุกข์ยากแค้นแสนสาหัสในพงไพร ไม่สมควรเลยพระเจ้าข้า? กลอนแปด .........สมเด็จเจ้าสญชัยมหาราช.......................................ประกาศจักมุ่งไปในเขาเขิน ไปพบพักตรลูกยาว่าจักเชิญ............................................ชวนดำเนินเป็นอัครราชา เป็นมหาจักรพรรดิราชเจ้า.................................................เสด็จเข้ากรุงศรีเถิดลูกยา ทรงดำรัสตอบึพระบิดา.......................................................ข้าพระบาทยังงุนงงก่อนทำคุณ ดำรงในทศพิธราชธรรม.....................................................นำบ้านเมืองเรืองรุ่งมุ่งเพ็ญบุญ กลับเกิดโทษเป็นภัยไล่รุกรุน..............................................คนเคืองขั่นขับไสไล่จากเมือง บัดนี้กลับมาชวนกลับปีอีก.................................................จะหลบหลีกบาปกรรมที่ขุ้นเคือง กลัวจักมาฟ้องร้องจักเอาเรื่อง............................................เกรงจักเปลืองคุณธรรมยากนำพา ของพระคุณพระบิดาเมตตานัก..........................................ลูกก็รักสองพระองค์มากนักหนา ยังคำนึงถึงพระคุณอุ่นเมตตา..............................................กลับพารายังมิคิดโปรดทุเลา สญชัยเจ้ากรุงไกรได่สดับ....................................................พ่อยอมรับทำการอันขาดเขลา เพียงเพ็ญทานเป็นบุญคุณของเจ้า...................................มิควรเอาเป้นโทษเพราะเป็นบุญ เป็นเพราะฟังคำสอพลอพวกคนพาล................................มันกล่าวขานเป็นโทษจนเคืองขุ่น ขับเจ้าออกจาเมืองเรื่องทารุณ............................................บาปกระตุ้นรุมเร้าร้อนรุกรน อยู่บ้านเมืองเคืองขุ่นมิอุ้นอก...............................................ยากจักยกบาปกรรมทำสับสน ไฉนพ่อใจร้ายเกินผู้คน.........................................................ลูกของตนผลักไสไม่ปราณี พ่อทำผิดคิดได้ก็สายแล้ว....................................................ขอลูกแก้วคาดโทษมิหลบหลี้ ยิมรับหมดลูกยาพ่อยินดี.....................................................กลับสีพีเถิดหนาช้าอยู่ใย พระอม่เจ้าผุสดีวอนลูกรัก....................................................ยามนี้จักพึ่งเจ้าแล้วไฉน มีลูกเต้าเฒ่ามามองหาใคร.................................................มาจอมใจกลับบ้านเวสสันดร ทั้งกัณหาลีก็กลับแล้ว...........................................................สองลูกแก้วมัทรีศรีสมร อยู่ป่าดงลำบากนักบังอร....................................................กลับนครครองเมืองรุ่งเรืองรมย์ มิต้องหาเผือกมันผลไม้........................................................เพียงอยากได้คนหามาเสร็จสม ประกอบเป็นอาหารหวานคาวจม.....................................มาแม่ชมคิดถึงเจ้าซึ้งใจ พระนางสอดสะใภ้ร่ำไห้หนัก...............................................อกแทบหักเศร้าสร้อยหนักไฉน พลับสลบดังหลับคอพับไป.................................................สององค์ได้กอมกันพลอยล้มลง สี่กษัตริย์อัดอั้นตันดวงจิต.................................................พอได้พิศสองพระนางพิศวง นึกว่าทิวคีพปลดปลง..........................................................ทุกพระองค์โสกาแทบวายปราณ จนหมดแรงสลบสไลไปทั้งสิ้น................................................ทุกผู้ยินยลกันพลันไขขาน ต่าร่ำร้องโศกาใจแหลกราน.................................................สลบเต็นลานล้วนพวกไพร่พล ร้อนถึงท่านอินทาเทวราช ...................................................เกิดอุบาทอันใดอีกฉงน ส่อง้รดาทืพยเนตรท่วสากล.................................................พบผู้คนสลบไสลชาวะารา บริเซณอาศรมพระยาเวส......................................................จู้แจ้งเหตุอีกแล้วจริงสิหน้า ต้องฝนโบกขรพัสตร์กันอีกครา..........................................เสกมนตราโปรยโบกขรณี ชึ่มพื้นพสุธานานาสัตว์.........................................................ตื่นสลัดมึนงงหลงวิถี เป็นออะไรมาหลับกลางพงพี................................................ก็พอดีเห็นพระเวสนมัสการ สนทนพาทีถามสุขทุกข์........................................................ปลุกปลอบใจคลายเศร้าเข้าผสาน ขออภัยเรื่องราวแต่ก่อนกาล.................................................เกษมศานต์สวบสันต์สถาพร สญชัยเจ้าจัดการอภิเษก.......................................................ให้เป็นนเอกอัครราชเวสสันดร ครองสีพรกรุงไกรผ่านนคร.....................................................ประชากรแซ่ซ้องพระบารมี ครบสามวันยกขบวนชวนกันกลับ.........................................ยาตราทัพยิ่งใหมญ่ในวิถี มหาราชเวสสันดรกลับบุรั.......................................................เถลิงศรีราชสมบัติวิวัฒนา พระมัทรีศรีสมรราชินี.................................................................ชาวบุรีชื่นชมแลหรรษา ถวายพรทุกวันสุขสันต์มา.........................................................อีกชาลีกัฒนาสุขารมย์ พระปกเกล้าอาณาประชาสุข..................................................นิรทุกข์ผ่องแผ้วสงบสม บารมีแผ่ไกนไทนิยม..................................................................ล้วนชื่นชมจักรพรรดิเวสันดร เป็นกษัตริ์ย์ทรงคุณอันประเสริฐ.............................................นับเป็นเลิศทศพิธราษฎร์ทุกถอน แผ่นดินรุ่งวัฒนาสถาวร..........................................................ประชากรน้อบนบจบพระบาท พระบารมีทศพิราชธรรม...........................................................นำให้เกิดพายุฝนรัตนชาติ ตกทั่วเมืองสีพีเชิญทวยราษฎร์.................................................ใครสามารถเก็บได้ให้พอดี เมื่อเหลือแล้วเก็บเข้าพระคลังไว้................................................อาจต้องใช้วันหน้าแท้ดีหลี ประชาช่วยเก็บกวาดส่งคลังมี...................................................ล้วนปรีดาบ้านเมืองรุ่งเรืองเกิน จบบริบูรณ์ เมื่อพระเวสสันดรเสด็จขึ้นปราสาทแล้วรับสั่งประกาศให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขังไว้ให้หมด ครั้นเวลาราตรีก็ทรงรำพึงว่า พรุ่งนี้ประชาชีต่างก็จะแตกตื่นกันมาคอยรับพระราชทานแล้วจะได้สิ่งใด แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั้งหลายเหล่านั้นทันใดนั้นท้าวโกสีย์ทรงทราบความปริวิตกของพระเวสสันดรแล้ว ก็ทรงบันดาลฝนแก้ว ๗ ประการให้ตกลงในพระนครสีพีสูงถึงหน้าแข้ง เฉพาะในพระราชวังท่วมถึงเอวพระ เวสสันดรทรงประกาศให้ประชาชนมาขนเอาไปตามปรารถนาเหลือนั้นก็ให้ขนเข้าท้องพระคลังหลวง