|
กลอนแปด |
|
|
ที่สิบสี่มีนาน่าตระหนก |
เฟซหยิบยกโพสเราเขาสอบสวน |
|
มิรู้เรื่องสงสัยในกระบวน |
มีสิ่งชวนกังขาหรือว่าไร |
|
รอมินานโพสดูรู้ผ่านลง |
ก็ยังงงสอบเห็นเป็นไฉน |
|
นามศรีทองแสงทองนี่คือใคร |
ก็ขอไขออกแสดงแจ้งข้อมูล |
|
ตัวจริงชื่อขุนทองศรีประจง |
บ้านเกิดคงกมลาไสยไม่สิ้นศูนย์ |
|
เมืองคนดีกาฬสินธุ์ถิ่นไพบูลย์a |
เจิดจำรูญบ้านแกแดนธัญญา |
|
จบประถมบ้านแกส่งเสริมวิทย์a |
มิอยากคิดสองสี่เก้าแปดหนา |
|
จบมอต้นโนนสังวิทยาa |
ย้ายเขตมาสังกัดเมืองอุดร |
|
เดียวนี้เป็นหนองบัวลำถูอ้าง |
ปีนั้นช่างวุ่นวายให้ทอดถอน |
|
เป็นไทครัวแปลกถิ่นเราแรมรอน |
ครอบครัวจรอพยพมาอยู่ไกล |
|
หนองลุมพุกนามบ้านย่านหนองเรือ |
ดังดงเสือป่าทึบทึมไฉน |
|
ป่าเต็งรังแดงดู่เรียงรายไป |
เรียกพงไพรเหมาะดีมีเรื่องราว |
|
ทางทิศเหนือภูเก้าเราเพิ่งเห็น |
ใยมิเป็นอย่างที่เรียนนึกสืบสาว |
|
ภูมิศาสตร์แผนที่บอกเรื่องยาว |
สีดำราวตัวบุ้งภูเขามี |
|
เพิ่งเคยเห็นของจริงเป็นครั้งแรก |
ยังแปลกจิตคิดฉงนจ้องดูสี |
|
ออกดังฟ้าทึมเทายืดยาวดี |
ทอดยาวทีทางเหนือคงมิไกล |
|
จากหมู่บ้านเดินไปสองชั่วโมง |
หากทางโล่งหน้าแล้งมิสงสัย |
|
หน้าฝนเพิ่มหนึ่งชั่วโมงคงพอได้ |
ว่างค่อยไปชมดูภูเก้ากัน |
|
อพยพมาอยู่ป่าภูเขา |
นานนักเราค่อยปรับได้ให้นึกขัน |
|
ต้องศึกษาปรับตัวเอาให้ทัน |
เพื่อนบ้านมันหลายคนคอยเอาใจ |
|
ตื่นเช้ามากันแล้วจะเที่ยวป่า |
เขาสั่งว่าห่อข้าวมัดเอวไหน |
|
พลุหนึ่งลำกำลูกดอกสักสิบได้ |
มาไวไวท่องป่าหาสัตว์กัน |
|
เจ้าทองใสทองใบสามกับเรา |
หมาพรานเขาสองตัววิ่งนำขัน |
|
ออกเขตบ้านเป็นป่าไม้สูงชัน |
เรียกโสกนั้นห้วยโจดแนวพงไพร |
|
เสียงหมาของสองสหายวิ่งนำก่อน |
เสียงรุ่มร้อนตามมาชักสงสัย |
|
พากันล้อมต้นรังเห็นแต่ใบ |
หมาเห่าใหญ่จ้องดูบนต้นรัง |
|
ตามไปทันมันว่าหมาไล่บ่าง |
แลไม้ต่างสูงใหญ่ไม่อยากหวัง |
|
คงยากไล่ตามได้ไม้มุงบัง |
เงียบเสียงดังถอดใจเลิกไล่กัน |
|
เพื่อนพาเดินไปต่อฝ่าพงรก |
สักครูตกใจตื่นเพื่อนขบขัน |
|
ได้เวลาแมลงส่งเสียงพลัน |
จั๊กจั่นนับหมื่นตื่นตกใจ |
|
แถมเยี่ยวรดหูหัวน่ากลัวมาก |
แต่ลำบากจักหนีณที่ไหน |
|
เสียงมันอยู่รอบตัวน่ากลัวกระไร |
เพื่อนบอกให้จั๊กจั่นมิต้องกล้ว |
|
เป็นแมลงกินได้ให้ลองจับ |
เคี้ยวหยับหยับแปลกใจจึงได้หัว |
|
ลองดูบ้างรสแปลกลองหนึ่งตัว |
หลับตามั่วกินดูอร่อยดี |
|
เหมือนกุ้งสดรสอร่อยเพื่อยค่อยบอก |
ใช่จะหลอกลาบอร่อยแท้ดีหลี |
|
สักสามสิบทำลาบมะม่วงมี |
ต่อมาที่เดินป่าเพื่อนพาลอง |
|
ไปเจอเห็นเต็มขอนท่อนไม้ใหญ่ |
เห็ดอะไรเพื่อนสั่งระวังของ |
|
ค่อยค่อยเก็บคอยดูกูรับรอง |
เราจะต้องได้อิ่มลองชิมกัน |
|
ไปพักเถียงก่อไฟได้ทำเห็ด |
ล้างดีเสร็จใส่เกลือผักพร้อมสรรพ์ |
|
ห่อให้แน่นปิ้งไฟไม่นานพลัน |
สุกเพื่อนมันบอกชิมอร่อยดี |
|
ในป่าดงของกินมันมีมาก |
มิยุ่งยากรู้จักริมวิถี |
|
พวกยอดไม้ใบไม้กินได้มี |
เพื่อนมันชี้สอนให้ได้รู้ความ |
|
หน่อไม้ซางโผล่ดินสักสองสอก |
ตัดไม่ปอกเผาไฟไม่ต้องถาม |
|
จนกาบดูมันไหม้ก็มิปาน |
ราดน้ำผ่านปอกเปลือกเอาทิ้งไป |
|
เนื้อสุกเหลืองน่ากินรออีกหน่อย |
ปล่อยเพื่อนล้างน้ำเย็นอย่าสงสัย |
|
ล้างรสขมออกบ้างดีกระไร |
ชิมหน่อไม้หอมหวานอร่อยดี |
|
ขูดเขี่ยนเส้นเหลืองอร่ามช่างงามตา |
เพื่อนตัดมาเขาสับสลับสี |
|
แล้วทำก้อยหน่อไม้รสแซบมี |
กลางป่ามีก้อยกินยินชอบใจ |
|
ได้เที่ยวป่าเดินดงฝ่าพงรก |
ทางเดินวกเวียนวนจนสงสัย |
|
มีแต่ป่ามิหลงทางหรือไร |
กูจำได้แถบนี้มาประจำ |
|
เพื่อนบอกเล่ารู้เรื่องมิเคืองขัด |
เขาสันทัดแถบนี้ดีนึกขำ |
|
คงอีกนานกว่าตูจะรู้นำ |
มากเรื่องพร่ำบ่นยากหลากวิธี |
|
หมดเวลาเที่ยวเล่นโรงเรียนเปิด |
ช่างประเสริฐชอบใจไม่หลบหนี |
|
ได้เรียนต่อมัธยมสมใจดี |
พ่อปรานีฝากฝังตั้งใจเรียน |
|
เข้าโรงเรียนโนนสังวิทยา |
ปีต่อมาแปลกนามตามเขาเขียน |
|
ศิริภูธรวิทยามาพากเพียร |
ปีสามเวียนคืนกลับไปชื่อเดิม |
|
สามปีจบมอสามตามคาดหวัง |
แต่ก็ยังอยากเพียรเรียนต่อเสริม |
|
สองพันห้าชัยภูมิเรียนต่อเติม |
เกษตรเพิ่มเมืองพ่อพญาแล |
|
เกษตรกรรมชัยภูมินามโดดเด่น |
สอบคัดเฟ้นสี่สิบห้าว่ากระแส |
|
แข่งกันมากภาคอีสานเป็นตัวแปร |
มาสอบแท้สักร้อยห้าสิบคน |
|
ทุนเรียนดีมีแล้วห้ารายครบ |
เอามาลบเหลือสี่สิบชักฉงน |
|
รอดไม่รอดสอบแข่งแรงกังวล |
ประกาศผลสามสิบเก้าแทบใจวาย |
|
เป็นนักเรียนกินนอนอยู่หอพัก |
ได้รู้จักชาวหอก็หลากหลาย |
|
กิจกรรมเด็กเกษตรมีมากมาย |
เช้ามืดคล้ายตีห้ารีบตื่นคุณ |
|
เพียงสามสิบนาทีกิจส่วนตัว |
พร้อมกันทั่วเข้าแถวแทบหัวหมุน |
|
มีการงานฝึกฝนเป็นต้นทุน |
ฝึกจนวุ่นหลายหลากกิจกรรม |
|
งานบุกเบิกเจ็ดวันค่อยผัดเปลี่ยน |
ครานี้เรียนเรื่องสวนก็ชวนขำ |
|
ต่อไปเรียนผลไม้สวนลองทำ |
เปลี่ยนอีกนำเลี้ยงไก่อยู่เจ็ดวัน |
|
สนุกหน่วยเลี้ยงวัวเนื้อวัวนม |
เลี้ยงหมูสมลุยคลองเด็ดผักขัน |
|
ยอดผักตบในคลองแย่งเด็ดกัน |
เต็มถังนั้นล้างดีไปที่แปร |
|
เข้าเครื่องปั่นหั่นซอยเรียบร้อยแล้ว |
ไปเทแถวโรงงานตามกระแส |
|
ภารโรงรอพอแล้วคลุกรำแล |
เศษข้าวแน่ปนลงคลุกกันไป |
|
เสร็จแกตักลงถังส่งนักเรียน |
เฝ้าพากเพียรหอบหิ้วจักไปไหน |
|
เลี้ยงคุณหมูเป็ดห่านย่านนั้นไง |
เขาเรียกใช้แรงเด็กทำการงาน |
|
กะเช้าเย็นทำกันไร้วันหยุด |
พืชสวนชุดรดน้ำครูเรียกขาน |
|
เสาร์อาทิตย์รดน้ำครูอาจารย์ |
มาตรวจผ่านดูงานการตรวจตรา |
|
พวกพืชไร่ไม้ผลก็มีเวร |
เด็กถูกเกณฑ์เข้างานเป็นกลุ่มหนา |
|
มีเจ็ดคนต่อกลุ่มครูบัญชา |
เช้าตีห้ารับงานไปทำกัน |
|
หกโมงครึ่งเลิกงานพักกันได้ |
โมงครึ่งให้ทานข้าวมาพร้อมสรรพ์ |
|
แปดโมงครึ่งเข้าแถวเสาธงพลัน |
เก้าโมงนั้นเริ่มเข้าไปห้องเรียน |
|
สี่โมงเย็นเลิกเรียนเริ่มรับงาน |
ไปทำการเรียนรู้ครูเกษียน |
|
มีคำสั่งกำกับให้พากเพียร |
นับจำเนียรสามปีเกษตรกรรม |
|
จบมอหกมีฉลองกันถ้วนหน้า |
ถึงเวลาออกบินยินแล้วขำ |
|
มีประกาศรับคนเข้าประจำ |
ทุกตำบลเจ้าหน้าที่ผู้ชาญการ |
|
ทางเกษตรมอหกคือคุณวุฒิ |
วิเศษสุดเพื่อนเราเขาบอกขาน |
|
ไปสอบกันบรรจุพนักงาน |
ด้านเกษตรตำบลคนสำคัญ |
|
แต่กระผมเสียใจไม่มีสิทธิ์ |
อย่าเพิ่งคิดสอบเลยเพื่อนเขาขัน |
|
สิบหกขวบพอดีเลยอดกัน |
สิบแปดนั้นเกณฑ์รับราชการ |
|
ต้องรออีกสองปีถึงจะได้ |
แต่ช้าไปสองปีมีคำขาน |
|
ยกเลิกหมดมอหกไม่รับงาน |
เกณฑ์ต้องผ่านมอปลายจึงรับรอง |
|
ถึงคราวต้องตกงานมานานนัก |
มันหักเหชีวิตเราทั้งผอง |
|
เริ่มต้นใหม่เรียนรู้ตามครรลอง |
ชาวบ้านต้องทำการงานอันใด |
|
ใช้ชีวิตแบบคนชนบท |
เรียนรู้กฎชาวบ้านเป็นไฉน |
|
จะทำมาหากินกันอย่างไร |
ทำนาไร่เริ่มเรียนพากเพียรไป |
|
ลูกผู้ชายต่อไปต้องออกเรือน |
ยังเลอะเลือนมิรู้เรื่องอันไหน |
|
เริ่มศึกษาฝึกฝนจนแจ้งใจ |
เริ่มงานไม้จักสานการถักทอ |
|
หัดถากไม้เสากลมแลเสาเหลี่ยม |
งานยอดเยี่ยมแปรรูปไม้สิหนอ |
|
หัดดึงเลื่อยสองคนอดทนพอ |
ผลงานต่อเติมบ้านการจำเป็น |
|
เครื่องมือทำนาไร่พวกไถคราด |
พึงฉลาดทำได้ก็ได้เห็น |
|
ลูกผู้ชายหลายหลากงานยากเย็น |
ถึงยากเข็ญมิท้อขอฝ่าฟัน |
|
สามปีผ่านงานมาทำนาไร |
จนเจ้าใจงานยากลำบากสรรพ์ |
|
ประเมินผ่านระดับดีนี่สำคัญ |
เข้ารู้กันชาวนามัธยม |
|
จบมอหกเกษตรวิเศษนัก |
ย่อมรู้จักพัฒนาไร่นาสม |
|
จนเพื่อนบ้านชอบใจได้ชื่นชม |
เข้าสังคมชาวบ้านสราญใจ |
|
ชีวิตอยู่บ้านนอกก็ราบรื่น |
ผ่านวันคืนเจ็ดปีมิสงสัย |
|
เป็นชาวบ้านแถมขยันการใดใด |
ค่อยเป็นไปพัฒนาน่าชื่นชม |
|
ปีสองห้าหนึ่งศูนย์พูนสวัสดิ์ |
ชีวิตผัดเปลี่ยไปได้เหมาะสม |
|
อายุควรบวชเรียนเพียรภิรมย์ |
อุปสมบทภิกขุพระขุนทอง |
|
ฉายาสุขุมาโลโหแปลกแปลก |
เพราะแผกกับนิสัยไม่สนอง |
|
คนใจร้อนสุขุมได้คงไต่ตรอง |
เราจักลองฝึกฝนตนให้ดี ฯ |
|
|
|
|
ลุสองห้าหนึ่งศูนย์พูนสวัสดิ์ |
ชีพพิพัฒน์สังสารกาลวิถี |
|
บวชเป็นพระอยู่วัดก็หลายปี |
หลายเรื่องมีแปลกต่างทางงดงาม |
|
ต้องทำวัตรสวดมนต์เช้าและเย็น |
เลิกการเล่นทุกอย่างช่างน่าขาม |
|
คนชอบเล่นชอบสนุกมาทุกยาม |
น่าติดตามเลิกได้หรือพ่อคุณ |
|
นั่นก็ผิดนี่ไม่งามตามแบบแผน |
มันยากแสนศีลพระจะเกื้อหนุน |
|
ขัดเกลากายวาจาอ่อนละมุน |
มุ่งหมายบุญสั่งกุศลผลมากมาย |
|
จะยืนเดินนั่งนอนสำรวมไว้ |
ระวังใจดีงามความมากหลาย |
|
ต้องศึกษาปฏิบัติวัตรแพรวพราย |
มิใช่ง่ายเป็นพระจะจำเริญ |
|
ตื่นตี่สี่ทำวัตรที่ห้องนอน |
จากนั้นจรทำวัตรมิขัดเขิน |
|
ตื่นแต่เช้าพร้อมกันกิจดำเนิน |
เสร็จแล้วเชิญลานวัดปัดกวาดกัน |
|
ตีห้าครึ่งทำกิจส่วนตัวได้ |
เสร็จพร้อมไปบิณฑบาตรมิขาดสรรพ์ |
|
ทุกทุกเช้ากิจกรรมประจำวัน |
จิตมุ่งมั่นสำรวมดำเนินไป |
|
พบญาติโยมทำบุญอบอุ่นจิต |
แผ่ความคิดโมทนาจะหาไหน |
|
ท่านทำบุญเกิดกุศลผลเกริกไกร |
ขอจงใด้ผลบุญจัตตุรพร |
|
อายุมั่นขวัญยื่นสดชื่นขวัญ |
โสภาพรรณสุขสมสโมสร |
|
เพียบพลังจรูญจรัสวิวัฒน์บวร |
ทุกบทจรแผ่บุญกรุณใจ |
|
เจ็ดโมงครึ่งกลับวัดพักถิ่นมี |
ยินเสียงตีระฆังเรียกมิสงสัย |
|
บนศาลาญาติโยมเรียกลงไป |
รับไทยทานภัตตาตามเกิดมี |
|
พระเณรสิบนับดูก็ไม่มาก |
แต่ลำบากชาวบ้านย่านวิถี |
|
ห่วงพระเณรจัดหาภัตตาดี |
เลือกสรรที่เลิศค่ามาทำบุญ |
|
จัดสำรับสิบที่มีคาวหวาน |
ถวายทานนิมนต์คนเกื้อหนุน |
|
ถ้าวันพระเจริญไชยมงคลคุณ |
ฟังเทศน์อุ่นอกใจไตรบำเพ็ญ |
|
ทานมัยสีลมัยได้ฟังเทศน์ |
ครบสามเขตกิริยาบุญที่เห็น |
|
แล้วค่อยฉันหลังเพื่อนมิยากเย็น |
โยมจัดเป็นชุดพิเศษคนเทศน์มี |
|
บวชพร้อมกันหลายคนสนใจเรียน |
ยากจักเพียรขาดครูรู้วิถี |
|
ถึงเวลาจัดส่งตรงบัญชี |
นักธรรมมีรวมสิบใหม่แปดคน |
|
นักธรรมโทมีสองเคยบวชเณร |
จึงเข้าเกณฑ์ชั้นโทมิสับสน |
|
ส่งบัญชีเรื่องเรียนยังกังวล |
จนหลวงพ่อพระครูท่านแนะนำ |
|
วัดท่านห่างสองกอมอพอสอนได้ |
ส่งชื่อไปได้เลยเผยแล้วขำ |
|
ท่านก็สอนวัดท่านเป็นประจำ |
กิจกรรมวัดเราเรียนสบาย |
|
มิต้องรอครูมาพากันเรียน |
พวกเราเพียรไม่ท้อรอใจหาย |
|
อ่านหนังสือกันเองมิวุ่นวาย |
เรียนสบายตามใจคนอยากเรียน |
|
ปีนั้นส่งเข้าสอบสี่รูปไป |
สอบผ่านได้สองรูปผลอ่านเขียน |
|
ช่วยบันทึกไว้นามสำนักเรียน |
มีคนเพียรสอบผ่านการประเมิน |
|
อยากเรียนต่อพอใจได้ศึกษา |
เมื่อบวชมาเล่าเรียนมิขัดเขิน |
|
พึงพอใจศึกษาพาเจริญ |
ทางดำเนินถูกต้องดำเนินการ |
|
ว่างจะออกแสวงหาที่อ่านเขียน |
สำนักเรียนจริงจังหวังประสาน |
|
เรื่องเทศน์ธรรมสำคัญเกินประมาณ |
ออกจากบ้านเที่ยวไปในตำบล |
|
จากโนนสังนากลางก็หลายวัด |
หลายแห่งจัดนักธรรมคำสับสน |
|
แต่เลิกไปไม่มีครูบวชกังวล |
หลายแห่งหนร้างราน่าเสียดาย |
|
วันต่อมากระนวนคือที่สอง |
ก็จำต้องพลาดหวังน่าใจหาย |
|
รับไว้เต็มจำนวนมีมากมาย |
เชิญท่านย้ายไปหาที่ใหม่ดู |
|
กลับมาที่น้ำพองหนองหานจาง |
แปลกอยู่บ้างยินข่าวมาเต็มหู |
|
พระปราชญ์ท่านเทศน์ธรรมชนเชิดชู |
นามพ่อครูเหลาทองชื่อโด่งดัง |
|
ไปถึงวัดพบพานเจ้าอาวาส |
พระยังขาดรับได้ตามที่หวัง |
|
คุณคำภาถอนตัวจะกลับยัง |
สำนักหลังเคยอยู่แต่ก่อนมา |
|
สามรูปคงสมัครเรียนกันที่นี่ |
หลวงพ่อมีการุณบุญนักหนา |
|
หลวงพ่อเสาร์อภินันโทบุญญา |
กราบท่านตราเป็นศิษย์สนิทใจ |
|
ท่านเป็นศิษย์ต้นเค้าท่านเหลาทอง |
ภาระครองสำนักมิสงสัย |
|
สืบสถานศึกษามาเกริกไกร |
รักษาไว้สำนักเทศน์พิเศษคุณ |
|
ปีสองห้าหนึ่งหนึ่งเรียนบาลี |
แถมยังมีสอนเทศน์อาจารย์หนุน |
|
ส่วนนักธรรมเรียนโทต่อเป็นบุญ |
เพื่อนมากอุ่นรัตนะคุณพระเณร |
|
สองปีผ่านสอบได้นักธรรมเอก |
บาลีเสกประโยคสองสอบผ่านเห็น |
|
หกกระษัตริย์เทศน์ได้อาจารย์เป็น |
ครูฝึกเข็นจนผ่านการประเมิน |
|
พาออกงานประมาณสักสิบครั้ง |
พอใจตั้งเป็นผู้นำมิขัดเขิน |
|
นำคณะสี่รูปออกดำเนิน |
ไปเจริญเทศนาเวสสันดร |
|
โยมนิมนต์สองธัมมาสน์ก็รับไว้ |
เทศน์กันไปงานกฐินอุทาหรณ์ |
|
งานแจกข้าวสงกรานต์ชื่อขจร |
เทียวแรมรอนเทศนาสุขารมณ์ |
|
ปีสองห้าหนึ่งสามตามพ่อครู |
ย้ายมาอยู่เลยบุรีศรีสุขสม |
|
สอนนักธรรมบาลีค่านิยม |
วิชาคมแก่กล้าน่ายินดี |
|
ปอธอสามที่ชอบก็สอบได้ |
ยากยิ่งนัยพอกอศอมิหน่ายหนี |
|
สอบได้อีกสองโชคประโยคมี |
พลังชี้ชวนขยันสรรค์สร้างตน |
|
ล่วงเข้าปีสองห้าหนึ่งห้าเสร็จ |
กิจสำเร็จปอธอสี่มิสับสน |
|
สมัครสอบพอมอไม่กังวล |
จนสอบได้ครบชุดในปีเดียว |
|
พิลึกหน่อยได้ชุดวิทยาศาสตร์ |
ดูประหลาดลำบากยากหวาดเสียว |
|
พวกโยมไปอบรมไม่ผ่านเชียว |
แรกสอบเทียวผ่านได้แบบไหนกัน |
|
ก็ยากบอกไม่รู้ดูหนังสือ |
สอบมีชื่อผ่านได้ให้งงฉัน |
|
มิรู้ดอกสอบไปก็งงงัน |
ผ่านได้นั่นพอใจก็ยินดี |
|
โหอาตมามอหกโรงเรียนเกษตร |
ยากพิเศษเรียนวิทย์ตามวิถี |
|
แยกสัตว์พืชลึกซึ้งตรึงตรามี |
พอได้ชี้คำตอบสอบผ่านกัน |
|
ได้วุฒิพอมอก็เหมาะสม |
ค่านิยมสอบบรรจุคุรุสรรพ์ |
|
ลาสิกขาสิบเอ็ดเมยอนั้น |
ไปสอบทันที่สนามจังหวัดเลย |
|
วุฒิอนุปริญญาวิชาครู |
ลำดับอยู่ที่หนึ่งจึงนิ่งเฉย |
|
รายงานตัวเลือกโรงเรียนก็ตามเคย |
เลือกก่อนเอ่ยออกนามตามพอใจ |
|
เลือกโรงเรียนศอสอวอพอประจักษ์ |
รู้สึกรักชื่นชมนิยมสมัย |
|
อยู่ทำการนานนักจนผ่านไป |
ถึงคราวได้โยกย้ายเข้าเมืองเลย |
|
เขาก่อตั้งสำนักงานสามัญศึกษา |
วิชาการศูนย์กลางต่างเปิดเผย |
|
อยากให้เราช่วยประสานการดังเคย |
มีคนเอ่ยปากชวนก็ยินดี |
|
ได้ทำงานส่วนกลางกิจประสาน |
วิชาการจังหวัดมิหน่ายหนี |
|
กระทำอยู่นับนานผ่านหลายปี |
จนวันที่ครบเกษียณราชการ |
|
สามสิบกันยายนคนเกษียณ |
นับจำเนียรสองห้าสี่เจ็ดขาน |
|
วันสิ้นสุดอำลามาจากงาน |
กลับมาบ้านพักผ่อนสบายใจ |
|
ขอบพระคุณทุกท่านที่เกี่ยวข้อง |
ตามครรลองหัวหน้าอัชฌาสัย |
|
มากพระคุณกูลเกื้อเอื้อเฟื้อนัย |
ส่งเสริมให้ทำการงานจำเริญ |
|
ขอบพระคุณเพื่อนพ้องทั้งน้องพี่ |
ต่างก็มีน้ำใจใคร่สรรเสริญ |
|
เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกิจดำเนิน |
พระคุณเกินกล่าวอ้างขอขอบคุณ |
|
สาธคุณไตรรัตน์จรัสจรูญ |
พึงเกื้อกูลอวยชัยได้นำหนุน |
|
ขอทุกท่านสมหวังพลังบุญ |
กิจปองปุนพีงสัมฤทธิ์วิศิษฐเทอญฯ |