วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560

นางผมหอมกลกลอน


 อัพไว้ก่อน ปรับแก้ทีหลัง
วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560
นางผมหอม-กลอนกลบท

แนวคิดทำไมต้องแต่งกลอนกลบท
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiozodLO7oRwbNKktbUDcIgCMw2rS_gz2Y4KFTCb65zgj8pCUIce6fvrsp3ejkDLYLKqyJgOrJZqHID1GbXJ8NweNng1Q5_62-76G42haJRdL7pXPBmuQ9pWbGbXTlORvjjZnGsDzooR1ic/s320/





.........ผมแต่งกลอนมานานจนรู้สึกว่ามันวันเวียนอยู่กับถ้อยคำสำนวนเดิม ๆ แหวกวงล้อม 6/9/2560

ความคิดตัวเองออกไปไม่ได้ กลอนเปล่า กลอนร่วมสมัย เคยศึกษานะแต่ไม่ติด กลอนท่าน

สุนทรภูติดเป็นกาวเลยแหละ วันหนึ่งก็เลยคิดหากลอนที่มันแหวกออกจากแบบเดิม ๆ น่าจะดี

พอดีไปได้หนังสือ กลบทศิริวิบูลย์กิต จากหอสมุดแห่งชาติ ขอสำเนาเขามา  สมัยทำวิทยานิพนธ์

ผมใช้บริการเขาประจำ เพาะเขามีงานวิจัยของทุกมหาวิทยาลัย  อยากได้หนังสือหายาก เลย

ไปแวะ แล้วก็ได้มา อ่านดูแล้วโอ้โหเลย กลบทมากมายจริง ๆ กลอนกลบท 86 ชนิด ให้แต่ง

จนหมดแรงก็คงไม่หมด นี่ไงวิธีแก้เซ็งของกระผม ผมหยิบเอานิทานพื้นบ้านมาเป็นเค้าเรื่อง

จะแต่งกลอนเล่าเรื่องอิงนิทานพื้นบ้าน  แต่ปัญหาคือมีหลายสำนวนเหลือเกิน ก็เลยตกเลงจะ

 ยึดเอาโครงเรื่องเป็นแนวในการเล่า ส่วนรายเอียด เอาพอรู้ว่าเป็นนิทานเรื่องอะไรก็พอ ตกลง

หยิบเรื่องนางผมหอม เพราะคนเมืองเลยชอบเล่าให้ลูกหลานฟัง  การเล่าจะใช้กลอนกลบท

เพื่อเป็นการแนะนำวิธีแต่งไปในตัว


  ขุนทอง ศรีประจง


มิย.2558

เนื้อเรื่องโดยย่อ


หมู่บ้านหนองบัวอยู่ติดเชิงเขาภูหอภูหลวง ปัจจุบันก็มีหมู่บ้านนี้อยู่ เรื่อเล่านาง

ผมหอมมักจะโยงใยมาหาหมู่บ้านนี้  เล่าว่าสามีภรรยาคู่หนึ่งแต่งงานกันมานาน

แต่ยังไม่มีบุตรธิดา ไปทำบุญก็ตั้งความปรารถนาขอให้มีบุตร ที่สุดก็ได้ธิดาตม

ที่หวังได้ตั้งชื่อให้ว่า เทวี  เป็นเด็กใจดีชอบช่วยทำการงาน ช่วยเหลือแบ่งปัน

ของกินของใช้กับเพื่อน ๆ จึงมีเพื่อนรักมากมาย โตเป็นสาวก็ชวนกันไปเล่นทาง

ลำน้ำหากุ้งหอยปูปลา  บาฃทีก็ชวนเข้าป่าหาเก็บเห็ด ผัก ของป่า

........วันหนึ่งชวนเพื่อนสี่ห้าคนไปหาเก็บเห็ดที่เชิงเขาภูหลวง เห็ดออกมาก

เก็บจนเพลิง หลงทางกับเพื่อนหากันไม่เจอ บ่ายมากแล้วร้อนและกระหายน้ำ

เห็นรอยเท้าโคมีน้ำขังอยู่ก็ก้มลงดื่มกิน เดินต่อเพื่อหาทางกลับบ้าน เย็นมากแล้ว

มาเห็นรอยเท้าช้างมีน้ำขังอยู่ ก็ดิมกินอีก รู้สึกมีกำลังวังชากลับมา ในที่สุดก็หา

ทางกลับบ้านได้ พ่อแม่ดีใจจัดทำพิธีรับขวัญให้ 













   ---------------------นางผมหอมกลอนกลบท------------------------





แต่งด้วยกลบทตะเข็บไต่ขอน  

          แบบกลบทจากหนังสือกลบทศิริวับูลย์กิตต์ของกลวงศรีปรีชา (เซ่ง)  ลักษณะเด่น

กำหนดให้แต่โดยใช้คำ ลหุ-ครุ สลับกันไปตลอกวรรค บาทและบท จนจบเนื้อความ

ไหว้ครู


นะโมพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ม กระพุ่มจำนงระลึกพระคุณ

ถวายประทีปและเทียนเพาะบุญ ก็หวังพระหนุนอุดมพลัง

มโนขะเจ้าก็ตริจะขีดจะเขียน จะเพียรลิขิตตริกลก็หวัง

จะอ่านผิยากกุศลปะดัง มโนก็ตั้งมิท้อดำเนิน

ประสงค์ลิขิตสฤษดิ์ลุล่วง เพราะปวงติรัตน์มิขัดมิเขิน

ก็อวยสำเร็จประเสริฐเจริญ จะเชิญพระพรหมสถิตนิรันดร์

 -----------------------






















งูกระหวัดหาง  

.........แบบอย่างจากกลบทศิริวิบูลย์กิตต์ กำหนดให้คำท้ายวรรคกับคำแรกวรรคถัดไปสัมผัส

พยัญชนะกัน ต่อเนื่องไปจนจบเนื้อความ  

 -----------------------


อดีตกาลผ่านพ้นนับนานแล้ว ลูกหลานแก้วเข้ามาพร้อมหน้าสรรพ์

สามสี่คนครบถ้วนชวนมาพลัน พบยายนั้นอยากฟังนั่งให้ดี

ได้เลยลูกเล่าปางนางผมหอม หากมาพร้อมฟังยายอย่าหน่ายหนี

นานมาแล้วแก้วตาใกล้ป่ามี หมู่บ้านที่ยากจนคนทำนา

หนองบัวบกบอกชื่อคือหมู่บ้าน บนทางผ่านไปเนินเขาหลวง

เล่าว่ามีครอบครัวสองเมียผัว พากันกลัวขาดลูกไปวอนสรวง

เสี่ยงทายบ้างบูชาการบำบวง บนเสร็จล่วงผ่านมามิช้านาน

นางเมียได้คลอดลูกตามที่หวัง ว่าลูกชังลูกรักจักประสาน

เสกสมรักครอบครัวได้เบิกบาน บอกทั่วบ้านสูขวัญให้ธิดา ----------------------- 

ได้นามหนูเทวีมีปรากฏ ก็งามงดใครใครใผ่เรียกหา

ให้เป็นเพื่อนเล่นกันนันทิยา ยลโสภาชื่นชมภิรมย์ใจ

 -----------------------


กลอนลิลิต แบบจาก"กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดแต่งกลอน 5 ให้ส่ง ----------------------- 

สัมผัสคำท้ายวรรคไปยังคำที่ 3 วรรคถัดไปและต่อเนื่องจนจบความ สามวรรคท้ายตอนจบ

จะส่งสัมผัสไปคำที่ 5 และว่างปล่อยวรรคสุดท้าย 





O=อันป่าดงเขาหลวง ยามเดินล่วงกังขา

มีนานาพฤก์ไสว มีต้นใหญ่สูงชัน

ไม้โมกมันไม้พลวง ไม้เต็งล่วงแลเห็น

ยูงยางเช่นกระจาย แลหลากหลายดงไผ่

แผ่กิ่งใบรกครึ้ม ดงหวายทึมทบหนา

เสียงชลธาธารตก เสียงหมู่นกร่ำร้อง

เสียงมันก้องกล่อมไพรสณฑ์ เสียงดังคนเล่นดนตรี

ไก่ป่ามีขานขัน นกยูงมันบินร่อนร้อง

ท่วงทำนองเพราะพริ้ง งดงามจริงภูหลวง

คนทั้งปวงชมชื่น ภิรมย์รื่นแซ่ซร้อง

ภูหลวงเป็นหนึ่งห้อง แห่งบ้านชาวประชา ฯ

 -----------------------


กลบทอักษรคมในฝัก แบบเต็มสำนวน แบบ ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน กำหนดให้สามคำแรกกับ

สามคำถัดไป เป็นคำเดียวกันเพียงอ่านย่อนกลับ ทุกวรรคจนจบ





O=หนองบัวงามงามหนองบัวชื่อหมู่บ้าน ภารสมนายนายสมภารผู้ใหญ่เขา

ผู้ใหญ่บ้านบ้านผู้ใหญ่มีนงเยาว์ นามของเจ้าเจ้าของนามคือธิดา

นามเทวีเทวีนามเพียงนัยน์ตา นวลเติบกล้ากล้าเติบนวลทุกคืนวัน

แม่พ่อรักรักพ่อแม่เฝ้าฟูมฟัก รักห่วงหวงหวงห่วงรักเจ้าจอมจวัญ

มีเพื่อนผองผองเพื่อนมีที่คุ้นกัน สรรไปเที่ยวเที่ยวไปสรรตามทำนอง

ไปเล่นน้ำน้ำเล่นไปก็สนุก บุกเทียวป่าป่าเทียวบุกกันทั้งผอง

ครุ้งทุกมีมีทุกครั้งตามทำนอง จ้องเที่ยวกันกันเที่ยวจ้องชวนกันไป

นี้ช่วงฝนฝนช่วงนี้ตกชุกมาก ลำบากเดินเดินลำบากยากไฉน

แต่บนเขาเขาบนแต่แน่กระไร เห็ดเกิดได้ได้เกิดเห็นนานาพันธุ์

 ---------------------






......ช้างประสานงา  

......หรืออักษรบริพันธ์ก็เรียก จากหนังสือกลบทศิริวิบูลย์กิตตฺ กำหนดให้ สามคำท้ายวรรค กับ

สามคำแรกวรรคถัดไปสัมผัสพยัญชนะกัน ต่อเนื่องไปจนจบความ 

 


สาวเทวีลูกนายบ้านประสานเพื่อน ประสงค์เผื่อคงเหมือนเมื่อก่อนไข

มักเกิดขึ้นเห็ดป่ามาจักไป มาจักปองเก็บได้คงมากมี

คนหมู่มากเข้าป่าแดนภูหลวง เดินภูหลากทั้งปวงล้วนสาวศรี

ลางสาวส่งเสียงเพลงจรลี จะร้องลำเปรมปรีดิ์คงเพลินใจ

คงพร้อมจิตเพื่อนยามาหลายสาว หมายลองสู่ภูหลวงคราวเก็บเห็ดไข

ก็หากข้องเห็ดจักมีในแนวไพร นั่นหนาพุ่มลัดเลาะไปแยกย้ายกัน

ยินอยู่เก็บสนุกนักเห็ดละโงก หาลองง่อนหินตามโตรกเลียบเขาขัน

ลางคนขึ้นเนินสูงเขาสูงชัน คนเสาะเช่นเห็ดเผาะมันเกิดมากมี

ก่อมุ่ยหมากเห็ดดินเก็บสนุก ก็สนานลืมทุกข์ความเหนื่อยหนี

ขาเหน็บนักพักก่อนสาวเทวี ส่องทางไวมิเห็นมีเพื่อนสักคน

พอสับขาเดินได้ตามไปหา แต่แปลกเห็นผิดแผกไปมิรู้หน

มาเรียกหาเงียบเสียงใจหน้ามน จนหน้ามืดด้วยกังวลคงพลัดจร

คงพลัดจากเพื่อนพ้องมองไม่เห็น มองมิดหายเนื้อเย็นยิ่งสังหรณ์

ยังเสี่ยงหาอาจเห็นบางบังอร บังบดเอื้อยซ่อนสาวเพื่อนเทวี

เพื่อนเที่ยววนจงหลงกันไฉน ก่นฉะนี้เป็นไฉนอยู่เดียวดาย

ยอมดุ่มเดินเข้าป่าลึกทวี หลงทางวนเทวีสุดกังวล

สาวก็ไหว้เทวาช่วยลูกด้วย ช่างลองดีหิวหาห้วยก็ไม่เห็น

ก็เมื่อยหากมีน้ำคงดีหนา คงเดินเหนื่อยลำบากแสนยากเข็ญ

สุดยากแค้นเดินเดี่ยวเที่ยวมาเป็น ทางมาปิดจวนเย็นลำบากใจ ฯ

 ---------------------


เทพชุมนุม  

          แบบอย่างจากประชุมจารึกวัดพระเชตุพน กำหนดให้แต่ละบทใช้มาตราสะกดเดียวกัน

ยกเว้นคำท้ายบทที่ทำหน้าที่ส่งสัมผัส ใช้มาตราอื่นได้





เทวีมาแลหามิใช่ที่ จะไปนี่มิเหมาะอะไรหนา

ปีเก่าเล่าก็มีที่ไร่นา ใกล้ภูผาประจำทำไมมน

วอนท่านอินทร์ บนสวรรค์บันดาลก่อน ฉันมันร้อนผันผ่านนานจนผล

มันแสนร้อนเดินนานผ่านหาญทน เตือนฉันจนท่านอินทร์บันดาลปัก

ทุกข์ยากมากจากตกนักนึกหลาก ชักแยกยากอยากปลีกบอกยากหัก

จุกตกตากมรรคบากจิกลากรัก รุกตกจักตากตุกติกตกจม

 ---------------------






กินนรรำ..... จากประชุมจารึกวัดพระเชตุพน กลอน 9 มี 3 จังหวะ คำแรกให้เป็น ลหุ อีกสองคำ

ให้สัมผัสพยัญชนะกัน ระหว่างจังหวะให้มีสัมสระแบบสัมผัสแทรกด้วย

ฉวีวรรณสุนันท์นักพิทักษ์ถี สะดวกเดินเจริญดีวิถีถม 

จะเก็บกันจะหันเห็ดจะเด็ดดม เผือหลงแลแย่ขมขื่นจะยืนยล

เก็บเห็ดแหนแดนขอนขาวสกาวหนอ จะลุล่วงละอออวนละแห่งหน

วิตกตริผิผองเพื่อนจะจากจน กมลมานมิหาญหักประจักษ์ใจ

จะเย็นย่ำจะค่ำคล้อยละห้อยหา จะลีลาจะมาเมืองก็เคืองไข

ระวังวนระคนคิดรึพิษภัย รึใครคิดสะกิดแกล้งสำแดงดู

ดำเนินเนิ่นเลาะเขินเขาลำเนาหนอ ละอออวนก็ป่วนปั่นนะนวลหนู

เพราะหลงเลือนมิเหมือนหมายจะร้ายรู้ จำสู้เสาะจำเพาะไพรคะไลลา ฯ









 ---------------------






บัวบานกลีบ  

.......แบบอย่างจากหนังสือกลบทศิริวิบูลย์กิตติ์ ด้วย จากประชุมจารึกวัดพระเชตุพนด้วย

ลักษณะเด่นคือ  ใช้สองคำเป็นกระทู้ยืนสำหรับทุกวรรค ต่อเนื่องไปจนจบความ





O=กลัวนัก..หลงทางแน่หนอเรา........ กลัวนัก..หนอป่าเขาหาวิถี

กลัวนัก..บ่ายคล้อยในพงพี............. .กลัวนัก..พวกเปรตผีจะหลอกเรา

กลัวนัก..น้ำจะดื่มก็มาหมด กลัวนัก..แสนระทดมันเงียบเหงา

กลัวนัก..รอยโคน้ำนงเยาว์ กลัวนัก..ดื่มเอาจนหมดไป

กลัวนัก..ยังมิหายหิวน้ำเลย กลัวนัก..เดินต่อชักสงสัย

กลัวนัก..คงลึกกลางพงไพร กลัวนัก..ไหนทางกลับบ้านเรา

กลัวนัก..จักกลับบ้านอย่างไร กลัวนัก..เดินไปสุดหงอยเหงา

กลัวนัก..รอยเท้าช้างใหญ่มิเบา กลัวนัก..เห็นมีเงาน้ำในรอย

กลัวนัก...ก้มดื่มน้ำในรอยช้าง กลัวนัก..อิ่มบ้างมิท้อถอย

กลัวนัก...พลันเห็นทางร่องรอย กลัวนัก...จึงค่อยทวนความจำมา

กลัวนัก...เห็นทางเดินกลับย้าน กลัวนัก...รีบเดินนานกลับเคหา

กลัวนัก...แม่พ่อแสนปรีดา กลัวนัก..เทวีว่าหนูหลงทาง

กลัวนัก...รีบเดินเพื่อนมิคอย กลัวนัก...ลงจากดอยยากสะสาง

กลัวนัก..เคยไปใยเลือนลาง กลัวนัก..หิวทุกอย่างแทบวอดวาย

 ---------------------


อักษรสลับล้วน.....  

จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้จังหวะกลอนสัมผัสพยัญชนะ

กลุ่มละ 1 เสียง จะหว่างกลุ่มจังหวะให้มีสัมผัสชิดด้วย





มองมืดมนจนจิตจริงยิ่งยุ่งยาก ต้องตรากตรำกรรมก่อกิจผิดแผกไผ

หลงลืมแล้วแถวทางถิ่นดินแดนใด พงไพรแผกแปลกเป็นปมงมงุนงง

อรอิดอ่อนวอนไหว้วานท่านเทพแถน แสนโศกเศร้าเมามืดมนลนลานหลง

ช่วยชี้ช่องปล่องเปิดป่าผ่าไพรพง จงจุนเจือเอื้ออ่อนอวยทวยเทพไท

หิวโหยหาหน้านวลน้องหมองหม่นหมาย วุนวายเวียนเจียนเจ็บจิตคิดขุ่นไข

น้ำหนอน้ำจำจดจ้องคลองโคใคร รอยไรหรือคือขุ่นคล้ำน้ำนิดเดียว

คงโคคลั่งยังเหยียบย่ำนำนึกหนอ รีรอรู้ดื่มดูดีขี้โคเขียว

ลืมเลยแลแย่อย่างยิ่งทิ้งทอดเทียว รอเรี่ยวแรงแข็งคืนคงเดินดงดาย 

 -----------------


ดวงเดือนประดับดาว.....แต่งเป็นกลอนเจ็ด จังหวะ 2-2-3 แต่ละจังหวะให้สัมผัสพยัญชนะ

ระหว่างจังหวะให้มีสัมผัสชิด  





นวลนางย่างย้ายกรายใกล้ใกล้  ได้ดื่มลืมเลยเคยขุ่นเขียว

เมียงมองจ้องจับทับทางเทียว  เลี้ยวลดคดโค้งโล่งลับแล

นับเนินเดินดูภูผาแผก แปลกไปใข่ขมคมคำแข

ส่องแสงแยงยลพนพอแผ่ แปรป่าน่าเนินดุ่มเดินดี

นานนักมักเมื่อยเฉื่อยโฉมฉาย หิวหากมากมายภายพงพี

นั่นน้ำช้ำช้างย่างเหยียบยี ยังอยู่ดูดีมีมากมวล

ดืมด่ำน้ำนั่นพลันเพ่งไพร ใจจำนำนางสร่างโศกสรวล

คงเขาเยาว์ผ่านนานนักนวล จวนเจียนเวียนวนลนลานแล

ดุ่มเดินเพลินพิศทิศถูกทาง  นางนึกดึกดื่นคืนคอยแข

เลือนลางทางเทียวเดี่ยวดวงแด  แน่นอนก่อนกลับคับข้องใจ

ทางเทียวเดี่ยวเดินเขินเขาคุ้น  ปุนแปลกแผกเผยเลยหลงไหล

หลงลืมดื่มด่ำค่ำคลาไคล  ใยยุ่งนุงนังวังเวงวน

 -----------------------


รักร้อย.....กลอนแปด ให้ใช้คำซ้ำตรงรอยต่อจังหวะแรกกับจังหวะ 2  ส่วน

จังหวะสองกับสามใช้สัมผัสสระ เช่นนี้ทุกวรรคจนจบความ









กลับมาบ้านบ้านรอพ่อใจหาย ความวายวุ่นวุ่นนักประจักษ์ไข

ยินดีนักนักหนูเจ้าอยู่ไพร มีภัยพาลพาลต้องน้องบ้างฤๅ

ไหนแม่ดูดูหน้าดูตาหน่อย เรียบร้อยดีดีล้นคนเขาถือ

พวกผีป่าป่าใหญ่ให้ระบือ จะยื้อแย่งแย่งเอาคนเราไป

พักก่อนลูกลูกน้อยกลอยจิตแม่ นับแต่นี้นี้ระวังนั่งนอนไหน

แม่จักดูดูลูกผูกสายใย มิให้มีมีเหตุเภทภัยพาล

ทานข้าวเสร็จเสร็จแล้วแก้วตาแม่ จะดูแลแลหนูอยู่ใกล้ขาน

จะขับกล่อมพร้อมเพลงบรรเลงการ สราญรื่นรื่นรมย์ชมลูกยา ฯ













มธุรสวาที.....  

        แบบอย่างจากหนังสือกลบทศิริวิบูลย์กิตต์ กำหนดให้มีสัมผัสสระในวรรคแถวหน้า 2 แห่ง

ได้แก่คำที่ 3กับคำที่ 4 และคำที่ 5กับคำที่ 7 วรรคหลัง คำที่ 5 กับคำที่ 7 นิยมแทรก

สัมผัสพยัญชนะคำที่ 3กับ4 เพิ่มเข้าไป มิใช้กำหนดเดิม เพิ่มเพื่อให้เพราะเฉย ๆ





O= จนดึกดื่นคืนนั้นค่อยผันผาย...............บ้านวุ่นวายเวียนถามเที่ยวตามหา

ไปบ้านเพื่อนเหมือนมิรู้ยายหนูนา..............โอ้กานดาเดินเดี่ยวให้เสียวทรวง

จนดึกแล้วแก้วตาก็มาถึง........................ พ่อแม่จึงจักถามเพราะความหวง

เทวีเล่าเอาเรื่องที่เคืองใจ........................หลงกลางไพรแผกหลังระวังดี

ป่าเดิมเดิมเติมต่อชะลออยู่.......................แต่พอหนูนานไปรูปไพรหนี

มิเหมือนก่อนตอนไปจำได้มี.....................เป็นป่าที่ทำการมานานวัน

ไปเลี้ยงวัวมัวเล่นก็เย็นจิต.......................มิเคยคิดคาดหลงพะวงสรรพื

แต่วันนี้มีประหลาดมิคาดครัน....................ป่าหลอกฉันชวนหลงพะวงใย

พ่อกับแม่แท้จริงก็ยิ่งห่วง.........................ปลอบลูกล่วงเลยดีกก็ตรึกไฉน

ถึงวันพรุ่งรุงเช้าจัดเอามา........................เครื่องบูชาชักขวัญให้หันคืน

ลูกไปป่าน่าขวัญจะผันผาย......................หนีห่างกายกวนนักยากจักฝืน

พ่อหมอเพรียกเรียกขวัญให้มั่นยืน.............ค่อยสดชื่นฉับพลันล่วงวันเวลา 

 -------------------


เนื้อเรื่องย่อ  

.............นางเทวีมีความสุขอยู่กับครอบครัวมาหลายเดือนเกิดอาการแพ้ท้อง พ่อแม่ถาม


http://upic.me/i/i5/,http://upic.me/i/i5/,http://upic.me/i/i5/


ก็ตอบไม่ได้ จำได้ว่าเคยดื่มน้ำรอยเท้าโคกับรอยเท้าช้างในป่า แล้วจะเกี่ยวกับการมีท้อง

ได้อย่างไร พ่อแม่เข้าใจคิอว่าเรื่องบุญทำกรรมแต่ง อะไรจะเกิดก็จงเกิดมาเถอะ เพราะแน่

ใจว่าลูกสาวมิใช่คนชอบเที่ยวเตร่ปล่อยกายปล่อยใจ ที่สุดเทวีก็คลอดลูกแฝด คนแรกให้

ชื่อนางลุน คนหลังชื่อนางหล่า แฝดคลอดก่อนให้เป็นน้อง คนคลอดหลังให้เป็นพี่ เด็กสองคน

เลี้ยงง่าย เล่นกับเพื่อนฝูงลูกชาวบ้านคนอื่น ๆ คราวหนึ่งก็ล้อเลียนกันถูกด่าว่าลูกไม่มีพ่อ

สองคนจึงมาถามตายายและแม่ และได้รู้ความเป็นมา จึงตั้งใจว่าสักวันหนึ่งจะเข้าไปในป่า

เพื่อตามหาพ่อ  









ก้านต่อดอก.....  

แบบอย่างจากหนังสือกลบทศิริวิบูลย์กิตต์  กำหนดให้แต่งสองคำท้ายวรรคทุกวรรค

สัมผัสสระกัน ต่อเนื่องไปจนจบความ  





O= ผ่านมาได้หลายเดือนเหมือนเรื่องเคือง สาวเกิดแพ้จนเปลืองข้าวปลาหา

กินเข้าไปโอ้กอ้ากยากนาค่า เหมือนดังว่าคนท้องนั่นเจียวเชียว

เชิญแม่หมอตำแยมาเข้าเช้า แกบอกเล่าท้องแน่ทีเดียวเสียว

อยู่แต่บ้านท้องกับใครจักเกี่ยวเหลียว แม่ลองเที่ยวถามเพื่อนไม่รู้ดู

สุดท้ายปลอบถามเทวีเป็นไรไหม เธอบอกได้แค่มิทราบจริงอยู่หนู

มันอึดอัดมิทราบหมดอดสูตู อยากจักรู้เช่นกันมันไหนใคร

จึงเล่าเรื่องหลงป่าครานั้นครั้น กลางดงพลันหิวกระหายไฉนไข

ดื่มน้ำรอยเท้าโคก่อนไปใน อีกมิไกลรอยช้างน้ำดีสี

ดื่มจนหมดสงสัยจะท้องน้อง ดื่มน้ำต้องติดลูกฤดีศรี

ใครจักเชื่อน่าอายวายชีวี นับแต่นี้จะดูหน้าใครเขาเรา

ยากจะบอกออกไปใยเหลือเชื่อ จนนึกเบื่อโชคชตานงเยาเขลา

จึงเก็บเรื่องปิดปกอกเยาว์เอา ยากบรรเทาสุดอายสายใจใย

สิบเดือนครบจบแล้วลูกน้อยสร้อย เกิดมาพลอยลืมทุกข์สุขใยใส

เป็นลูกสาวคราวนี้มีชัยไกร เงินทองไหลหลั่งมาว่าบุญคุณ

ยายตั้งชื่ออีหล่าว่าเหมาะเพราะ ฟังเสนาะน่ารักเทพปุนหนุน

รูปก็งามนามเพราะการุณจุน ครอบครัวอุ่นสุขสันติ์ภิรมย์ชม

 ---------------


กินนรเก็บบัว.....  

จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้แต่งโดยมีคำซ้ำ 1 คู่ในทุกวรรค 

ไม่ระบุตำแหน่ง  





แฝดผู้น้องคลอดก่อนน้องหลังพี่ ประเพณีเช่นนี้มาแต่เดิม

ตั้งชื่อลุนนางลุนมากบุญเสริม เทพท่านเติมบุญเติมสุขสกาว

นานนับวันถึงวันก็เติบใหญ่ ก็ปลอดภัยปราศภัยได้ลูกสาว

ชื่อหล่าลุนหนูลุนบุญดังดาว งามราวเดือนดุจเดือนเหมือนดวงใจ

เลี้ยงลูกน้อยหนูน้อยพลอยเติบกล้า สองหน้ามนดังมนต์เสกสดใส

เจ้างามพักตร์ผ่องพักตร์พิศพิไล เติบใหญ่มีมากมีเสน่ห์นาง

คนเขาล้อหยอกล้อพ่อมิมี คนดีจ๋าหนูจ๋ามาสะสาง

เคยสงสัยนึกสงสัยไฉนต่าง เขาอ้างพ่อแล้วพ่อเรามิเห็นมี

กลับไปบ้านถึงบ้านไปหาแม่ ถามถึงแต่พ่อหนูพ่อนวลศรี

เป็นใครแม่ใครคือบอกหนูที เทวีนางนวลนางพลอยเศร้าใจ

จำบอกเล่าแม่เล่าเท้าความหลัง จับแต่ครั้งเมื่อครั้งเก็บเห็ดไฉน

ดื่มน้ำขังที่ขังรอยโคไพร รอยช้างใหญ่ยิ่งใหญ่มีน้ำนอง

กระหายน้ำดื่มน้ำแก้กระหาย ถายหลังมีครรภ์มีเจ้าทั้งสอง

อาจเป็นลูกโคหรือลูกช้างตรอง ทั้งผองนี้แค่นี้แม่จำมา

 ---------------------






อักษรสังวาส.....จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง)

กำหนดให้สองคำแรกและสองคำท้ายวรรคสัมผัสสระกัน

   

ทางนางหล่าล่วงวันพลันใหญ่ใส งามทรามวัยดังเดือนนิยมสม

จำคำถามถึงบิดาตากลมคม แม่แพ้ลมลูกถามตามคำจำ

นางช่างคิดคำบอกฟังดูหนู คิดคิดรู้เรื่องช้างช่างขำถลำ

เป็นเช่นพ่อแผกคนเพราะกรรมนำ หนูรู้ทำไฉนหนอพอดีมี

จำคำแม่หมายใจวันหน้าหนา ตามถามหาให้เห็นดูทีผี

ในไพรพงคงอวยช่วยชีวี ผูกลูกนี้พบบิดาป่าดงพง

สองน้องและพี่หาแม่แล  อรวอนที่แท้ประสงค์ตรง

ไปในป่าหาพ่อมันคงจง คาดอาจทวยเทพคงปรานีมี





อักษรนกกางปีก กลอักษรซ่อนคำ คือคำที่ 2-3 อ่านย้อนใช้เป็นคำที่ 4-5

   

หล่าลุนน้อง(น้องลุน)วุ่นวายหนอ..........ขอไปป่า(ป่าไป)ไพรระหง

ตามหาพ่อ (พ่อหา) ตายายจง..................คงได้ไป(ไปได้)แม่ตามใจ

สองพี่น้อง(น้องพี่)ยินดีนัก....................จักเดินป่า(ป่าเดิน)เนินเขาไข

มุ่งดงหลวง(หลวงดง)พิศพงไพร...........ในภูหลวง(หลวงภู)ดูยากเย็น

เดินสบาย(สบายเดิน)เพลิดเพลินจิต......พิศพงหนา(หนาพง)ดงได้เห็น

หล่ากับลุน(ลุนกับ)สลับเป็น...................เล่นร้องรำ(รำร้อง)ก้องกลางไพร

ออกจากบ้าน(บ้านจาก)อยากเที่ยวป่า.......หาพ่อตนตนพ่อพ่ออยู่ไหน

สองพี่น้องน้องพี่ต่างมีใจ......................ไปเนินเขาเขาเนินเพลินอารมณ์

งามไม้ดอกดอกไม้ไพรพิลาส.................สองนุชนาถนาถนุชสุดสุขสม

ลึกเข้าไพรไพรเข้าเจ้าเอวกลม................น่าชื่นชมชมชื่นยืนหยัดไป









เนื้องเรื่องย่อ  

สองสาวน้อยอำลาตายายและแม่เข้าป่าภูหลวง เมื่อทุกคนทราบความตั้งใจแน่วแน่ก็ไม่ห้าม

เดินทางเข้าป่ามาหลายวัน ก็บังเอิญพบพญาช้าง เพราะรู้ว่าตนเองน่าจะเป็นลูกช้าง จึงอ้อนวอน

ช้างป่าอย่าได้ทำร้ายพวกตน พวกตนเข้าป่ามาตามหาพ่อ แม่เล่าว่าพ่อเป็นพญาช้างอยู่ในป่านี้

พญาช้างได้ยินนึกสงสัย หรือจะเป็นสายเลือดของตน จึงให้เสียงทาย โดยไต่จากงวงไปนั่งหลัง

ช้าง ถ้าไม่หล่นก็แสดงว่าเป็นลูกพญาช้าง ไม่งั้นจะถูกฆ่าตาย นางหล่าเสี่ยงก่อน 3 รอบปีน

ไปนั่งได้สบาย ๆ ส่วนนางลุน หล่นแล้วหล่นอีกจึงถูกฆ่าตาย

.....พญาช้างนำนางหล่าไปอยู่อาศัยที่ถ้ำที่สร้างไว้อย่างงดงาม หาสิ่งอำนวยความสะดวกมา

ให้ หาผลไม้ให้รับประทานไม่ขาด นางอยู่อาศัยกับพ่อช้างมีความสุขสบายสืบมา





















ดำเนินนางสระ แบบจากประชุมจารึกวัดพระเชตุพน กำหนดให้แต่งมีคำสัมผัสพยัญชนะ 3 คู่ในแต่

ละวรรค และให้มีสัมผัสชิดจะหว่างจังหวะต่อจังหวะ





นวลน้องสองสาวผ่องพราวพักตร์ จักจรร้อนแรงคงแข็งไข

นานเนิ่นเดินดงเจาะจงใจ ใคร่คบพบพ่อหนอเนื้อนวล

ล่วงล้ำถ้ำถิ่นเดินดินดุ่ม พุ่มพฤกษ์ลึกล่วงห้วงเหหวน

แดงดู่ลู่ลมจันทน์จมจวน มวลมีสีสันพรรณพฤกษ์ไพร

เขาเขินเดินดงพงไพรพฤกษ์ ลึกล้ำน้ำนองคลองคูไข

นกหนูกู่ก้องร้องเรไร เซ็งแซ่แน่ใจได้ดุ่มเดิน

โขดหินดินแดงแทงเท้าถม ตมติดชิดชัดขัดเขาเขิน

ลัดเลาะเกาะแก่งแกล้งกีดเกิน ยุ่งยากมากเมินดุ่มเดินไป

หากเห็นเช่นช้างแตกต่างตรอง น้องนางห่างเห็นขุกเข็ญไข

เมียงมองตรองแต่งจึงแจ้งใจ ใหญ่ยิ่งจริงเจียวเล็งเหลียวแล





 --------------------


 กบเต้นต่อยหอย  จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง)

คำ 1 2 3 สัมผัสพยัญชนะ ให้มีสัมผัสชิดระหว่างจังหวะ 1-2

   

เห็นช้างป่าหาใช่เป็นดังเช่นหมาย ช้างเจ้าขาช้าจงคลายเดือดดวงแข

พวกหนูมาพาน้องมาดวาดดวงแด ตามช้างลองตรองเช่นแลหาพ่อกัน

เขาบอกช้างข้างบนชี้คีรีมาศ เป็นพ่อน้องปองเพราะนาถเล็งแลสรรพ์

เห็นท่านหลากหากทักเล่นเป็นพ่อพลัน หลงทักท้วงล่วงโทษทัณฑ์โปรดอภัย

ช้างได้ฟังชั่งดูฝ่ายค่อยคลายโกรธ นางลองดูหนูลองโดดป่ายปีนไหม

ขี่หลังมั่นขั้นลองหมายสบายใจ คือลูกช้างข้างหล่นใช่จะต้องตาย

เสี่ยงลองดูสูลองได้จะได้สอบ ชอบทำได้ใช่ทีเด็ดเสร็จโฉมฉาย

จะลองมาจ้าลงมืองวงเสาะสาย คงมิง่ายคล้ายมึนงงตกลงกัน

หล่าเธอก่อนหลอนถูกกดทดลองป่าย หากสบายหายสบบทกฏของฉัน

ยากให้แกแย่หากกลคนแบ่งปัน ตามนั้นหนาตานี่หนูหล่างลองเลย

หล่าทำได้ไล่ถูกดีไต่ถึงหลัง ลองนั่งพักลักนอนแผ่รู้สึกเฉย

สามเที่ยวครบสบที่ควรนวยเสบย ช้างเอ่ยว่าช้าออกเวียนเพียรพักนา

เจ้าทำได้ใจเที่ยงดีมีมานะ จะเป็นบุตรจุดเป็นบุญวาสนา

รออีกนางร่างอ้วนนักจักลองมา ลุนตั้งท่าล่าตรงที่ที่เห็นนวล ฯ

 -------------------


กบเต้นสลักเพชร จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กลอน 3 จังหวะ

แต่งสัมผัสพยัญนะกันทั้ง 3 กลุ่มจังหวะ  ระหว่างกลุ่มจังหวะให้มีสัมผัสสระแบบสัมผัสชิด

เห็นน้องง่ายหายนวลงัดหัดน่างง ปีนตรงงวงป่วงตกง่ายป่ายตัวหงอ

ตกสามคราตาสบคิดติดสวมคอ พอจักวับพับเจ็บไวภัยจับวาย

นางลุนลองน้องหล่นลงนงเลยลับ ถูกช้างโหดโทษชนหับทับฉิบหาย

นางหล่าขี่นี้ลงคล่องน้องเลยคลาย พ่อช้างหาพาชวนหายผายชิดเฮือน

สร้างถ้ำใหญ่ใสถิ่นเย้าเสาทองใย วอนลูกเนาว์เว้าลูกนัยรักใคร่เหมือน

เพียงดวงตาพาได้ติดพิศดูเตือน รักลูกเยาว์เร้าลูกเยือนเรือนหล่าเยาว์

หาผลไม้ให้พอมากหากผลามวล สบายน้อยสร้อยบอกนวลส่วนบ้านเนาว์

สุขใจกายสายจิตก่องส่องแจ้งเกลา หลายวันเคลื่อนเลื่อนวันเข้าเล่าวันคืน

 -----------------






พยัคฆ์ข้ามห้วย


จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้คำที่ 3 เป็นคำซ้ำกับคำท้ายวรรค

ทุกวรรคไป


ก่อถ้ำสร้างกลางเขาลำเนาสร้าง ยากลูกฝืนพญาช้างยากจักฝืน  

ทุกวันชื่นนางหล่าพักตราชื่น เช้ามากมีเมื่อยามตื่นของกินมี

พ่อจัดให้มากมวลขวานขวายให้ ผลหลากสีหมากไม้แลหลากสี

สรงวารีเย็นค่อยลอยวารี ลงน้ำเลยสายนทีนามน้ำเลย

ชมบัวขาบนิลุบลยลเข้มขาบ บัวบานเผยผ่องทราบยามกลีบเผย

ชายฝั่งเตยตูมตั่งต้างต่างเตย ลมพัดพานพรมรำเพยยามพัดพาน





  ---------------------






ละลอกแก้วกระทบฝั่ง จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) และประชุมจารึก

วัดพระเชตุพน  แต่งกลอน 3 จังหวะ จังหวะที่ 1 สัมผัสพยัญชนะกับช่วงที่ 2 ให้มีสัมผัสแทรก

ระหว่างจังหวะที่ 1 กับ 2 และให้มีสัมผัสแทรก ระหว่างจังหวะ 2 กับ

.....มองมัจฉามวลมาช่อนสลอนสลิด ตะพาบเวียนตะเพียนวิดประชิดสาน 

กระดี่โลดกระโดดไล่วิไลลาน ปลาหลดคาดปลาหลาดคลานมุดผ่านตม 

ปลาซิวอ้วนปลาส่วนอ้างสำอางนัก มองน่ารักมันนักรำสวยขำสม 

พวกปลากัดแผกปัดกรายแพรวพรายชม ปลาหมูรอปลาหมอรมนิยมรำ 

กระทิงงงกระทงงามมาตามติด ปลานิลควรปลานวลคิดสะกิดถลำ 

ฝูงปลากรายฝ่าปลายกลุ่มพวกกลุ่มดำ กระโห้ควรก็หวนขำโอ้กรรมปลา 

 -----------------------






ครอบจักรวาล กลบทนี้ ปรากฏทั้งใน "กลบทศิริวิบุลกิตติ์"  และ   "จารึกวัดพระเชตุพนฯ

กำหนดให้คำแรกและคำท้ายวรรคเป็นคำซ้ำ ต่อเนื่องไปจนจบเนื้อความ





แจ้งแล้วพ่อพาไปในดงแจ้ง หาชมแสงอรุณรุ่งมุ่งแลหา 

มาชมไม้มืดมนวนเวียนมา ดูผลาหมากไม้ได้ชมดู 

หลากไผ่พงปรงเปราะลัดเลาะหลาก หนูหล่าอยากชมไม้ได้เลยหนู 

ภูหลวงรกพ่อช้างย่างผ่านภู ไพรชวนดูบุษบาบานเต็มไพร 

กุ่มแกมจันทน์เล็บเหยี่ยวเกี่ยวกกกุ่ม ไหนฮางสุ่มเล็บมือนางอยู่ทางไหน 

ใยกระพ้อกระเจียวเที่ยวชมใย ชมมิ่งไม้เพลิดเพลินดังเดินชม 

 ---------------------






กบเต้นสามตอน แบบจาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้ แต่ง

กลอนหก สัมผัสพยัญชนะกันทั้ง 3 คู่ ระหว่างจังหวะให้มีสัมผัสสระแบบสัมผัสชิด





....ยามเช้าเยาว์ช้างย่างชวน มาสาวมาสรวลเหมาะสม 

นกกกนกกาหน้ากลม กระยางกลางยมก้มยืน 

กระสากาสรก่อนสรรพ์ ยังใฝ่ใยฝันยันฝืน 

จับกบจบใกล้ใจกลืน ควายชื่นคืนเช้าเขาเชย 

นกเขาเนาว์ขันนั่นใคร กระเรียนเกรียนไรไก่เฉย 

กาบบัวกลัวบ้างกร่างเสบย กระสากาเสยเกยซวนฯ 





 ------------------------


สุรางค์ระบำ  แบบจาก ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ แต่สัมผัสพยัญชนะสามคู่ในแต่ละวรรค

ระหว่างจังหวะให้มีสัมผัสสระแบบสัมผัสชิด ระหว่าจะงหวะ 1 กับ 2 ส่วน 2 กับ 3 ให้ใช้

สัมผัสแทรก


.....นับนานเข้าเนาว์ข่วงนับหน่วงเข้า...… สิบเจ็ดให้ใจหายขจายหวน 

เป็นสาวน้อยสร้อยองค์ประสงค์นวล......... หอมกลิ่นยวนกวนยันหอมกัลยา 

ป่วนจิดได้ใจดอมเจ้าจอมแด เฝ้ามองแน่แม้นึกระทึกหนา 

เจ้าเพียงเดือนเพื่อนดาวพะพราวสุดา........ ดังเทพาถ้าพิศสถิตพรหม 

สงสัยนักสักหน่อยหนอสร้อยนวล...........  จับใจป่วนจวนป่นก็จนปม

พารัญจวนรวนจิตเมาฤทธิ์จม มากคนชมคมชื่นทุกคืนชาย 

 --------------------------






นารายณ์ทรงเครื่อง าก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้แต่งกลอน แปด

แต่แจกจังหวะเป็น 4 คู่ สองคูแรกสัมผัสพยัญชนะกัน สองคู่หลังเปลี่ยนคู่ใหม่

จังหวะ 1 สัมผัสชิดกับจังหวะ 2 และจังหวะ 2 กับ 3 สัมผัสแทรก

.....นวลสาวน้าวศรีสะรีสุรางค์ นางป่วนนวลปรางก็จางกระจาย 

พักตร์ผ่องพ้องพรรณกระสันกระสาย........ ยลพิมพ์ยิ้มพรายมิคลายมิคลา 

งามองค์งงอรสมรสมาน นวลคงนงคราญสวยนานสิหนา 

น่ารักนักรื่นควรตื่นคงตรา สายใจใสจาคณาคะนึง 

ชายเห็นเช่นหายุพายุพิน ดีใจได้จินต์ก็ทินก็ถึง 

สุขยิ่งสิ่งเย้าต่างเล้าตะลึง  .ต่างแจ้งแต่งจึงรำพึงรำพัน

 ----------------------------






นาคราชแผลงฤทธิ์  แบบจาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนด

สามคำท้ายวรรคกับสามแรกวรรคถัดไปสัมผัสพยัญชนะกัน จังหวะ 1 สัมผัสชิดกับจังหวะ 2

จังหวะ 2 สัมผัสสระกับจังหวะ 3 มีทั้งแบบชิดและแทรก คำท้ายบทสัมผัสสระกับคำแรกบทถัดไป

.....ความในจ้าวสาวหล่าขุ่นคาจิต คิดครุ่นใจใคร่สมหวังดังใฝ่ฝัน 

ดั้นเจตน์ส่งตรงชู้เคียงคู่กัน ครั้นคิดกรรมทำพลันจะสรรลอง 

จองเสกล้วนควรคู่แลผู้เกิด เลิศเพราะกรรมนำเกิดประเสริฐสอง 

ประสมส่วนล้วนบุญครุ่นคิดคลอง ข้องคงควรนวลตรองทำนองกล 

ทนนั่งเก็บเส้นผมม้วนกลมได้ ไม้กลัดดีสอดผอบจนจบผล 

จงจิตแผ่แต่บุญพระคุณดล พลคงเดชเพทย์มนต์กุศลตรง ฯ 

 --------------------  

กลบทบวรโตฎก แบบจาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง)  เป็นการเอาแบบฉันท์

โตฏก มาเริ่ม 4 วรรคกลอน ถ้ารวม คำต้อนวรรค 12 คำ ก็จะตรงกับบังคับ ลหุครุโตฏกฉันท์ 12

วรรคที่1 ให้ใช้ ล - ล - ค  วรรคที่ 2 ให้ใช้ ล - ล - ค    วรรคที่ 3 ให้ใช้ ล - ล - ค 

วรรคที่1 ให้ใช้ ล - ล - ค  






....ยุวดี ดีใจจะไปเที่ยว ชลเชี่ยว น้ำเลยเคยประสงค์ 

ยุวภา ลาพ่อจะขอลง ชลคง อาบน้ำในลำธาร 

คชพ่อ พาไปใกล้ลำน้ำ คชพร่ำ รีบอาบทราบคำขาน 

คชบอก ไปธุระจะมินาน คชท่าน มารับกลับถ้ำทอง 

สิรินุช อธิษฐานต่อเทพไท้ สิรินาถ วอนไว้ได้สนอง 

สิรินวล วอนดูนวลละออง สิรินง ขอให้พบผอบนาง 

 ----------------------






บัวบานกลีบขยาย  แบบจาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้แต่

สองคำแรกทุกวรรคเป็นคำซ้ำ ต่อเนื่องไปจนจบเนื้อหา

....ดีใจ...มากพ่อช้างหากเดินจากไป ดีใจ...ยิ่งน้ำเลยใสได้สะสาง 

ดีใจ...ล้ำชำระกายโฉมสะอาง ดีใจ....พลางมองตามผอบทอง 

ดีใจ...หวังตั้งจิดสัมฤทธิ์ผล ดีใจ.....จนอิ่มอกโอกทั้งผอง 

ดีใจ...ดูชมพูล้วนน่ามอง ดีใจ....น้องนางหล่าสุขารมณ์ 

ดีใจ...พ่อมารับกลับถ้ำพัก ดีใจ.....นักของกินยินดีสม 

ดีใจ...กลับพักผ่อนอ่อนยังจม ดีใจ.....ปมอยากมีรักนวลพักตร์รอ 

 ----------------










คุณบท จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้แต่งวรรคละ 3 คำ(อาจมี4

พยางค์ได้) สัมผัสต่อเนื่องกันไปวรรคต่อวรรค แบบการต่อคำวรรคละ 3 คำ จนจบความ





เมืองฮ่มขาว จ้าวปกครอง

.หนองบัวงาม ตามนที

มีลูกชาย อ้ายวรจิต

.มิตรมากมาย ชายใจดี.

มีศีลธรรม คำเขาลือ

คือเจ้าเมือง.. เรืองใจราษฎร์

ปราชญ์ชื่นชม สมคำยอ

พ่อเมืองพร้อม ยอมยกให้

 -----------------------


สะบัดสะบิ้ง  จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง)  กำหดนให้  สัมผัสสระ

คำท้ายจังหวะที่ 2 เป็นสัมผัสแทรก กับ สี่คำสุดท้ายวรรค ตกประมาณคำที่ 2 และให้ สี่คำสุดท้าย

เป็นสัมผัสพยัญชนะกันสองคู่ และคำแรกเป็นคำซ้ำ

....วรจิตคิดคลายทุกข์สนุกสนาน.....… ใคร่ชมธารเขาเขินพินิจพินัย

ลาบิดาชวนเพื่อนก็เคลื่อนก็ไคล......... น้ำเลยใสหลากธารก็ลานก็แล 

ลงน้ำเก็บบัวแดงแสลงสลวย บัวหลวงสวยงามดอกผิจอกผิแหน 

กระทุ่มน้ำกระเทือนก็เชื่อนก็แช......... ลอยเป็นแพกอสวะกระจัดกระจาย 

แลลิบลิบหยิบได้ไฉนฉะนี้ ผอบสีแปลกนะสหสหาย 

กลับถึงบ้านชอบกลกระวนกระวาย...... แปลกเหลือหลายผอบมาศพิลาสพิไล 

เปิดเห็นผมชมชืนระรื่นระรวย...........  อกระทวยหลงนุชพิสุทธิ์พิสัย  

อยากพบนวนป่วนจิตประพิศประไพ..... ตัดสินใจจักตามดูพธูผกา   

 -----------------------










สิงหฬวาท จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้แต่งโดยมีคำบาลีอยู่ต้น

บาททุกบาท ควรเป็นวรรคแรกของบาท วรรคหลังว่างแต่งตามสบาย แต่กระผมแทรกวรรคหลัง

ด้วย จะได้ดูสมดุลกัน






......อหํ ข้าวรจิตคิดถึงเสน่ห์  ตุมเห น้องกลางไพรอยู่ไหนหนา 

ภัทท พี่ได้พบผอบมา เกสา นางสุดหอมกล่อมดวงใจ 

กนิฎฐา น้องเอ๋ยอยากเชยชิด หทยัง พี่พินิจพิสมัย 

พนฺธนัง ผูกพันมั่นหมายใน ทาริกา...ทรามวัยเพียงคนเดียว 

กุมารี ยอดพธูอยู่หนไหน คจฉติ...จะไปป่าพนาเขียว 

จินเตติ หวังชมชื่นกลมเกลียว.......... เคหํ เทียวจักรับเจ้ากลับมา 

คณฺหาติ...เก็บผอบดังพบรัก ตกฺเกติ..ตรองตริสิเนหา 

คจฺฉสิ...ลอยไปในธารา วนิดา คืนไวไปหานวล 

 ----------------------






ฉัตรสามชั้น จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้สามคำแรก สลับที่

แล้วใช้เป็นคำปลายวรรค ทุกวรรค ต่อเนื่องไปจนจบความ





มวลไผ่กอ .มากหนอ กอไผ่มวล ซางแกมล้วน ไผ่นวล ล้วนแกมซาง 

หนามหนานัก ขีดข่วน นักหนาหนาม ถางเงี่ยงดุก ลุมพุก ดุกเงี่ยงถาง 

กางเล็บเหยี่ยว เกาะเกี่ยว เหยี่ยวเล็บกาง กุนทาง้าง...แหวกทาง ง้างกุนทา 

มากเถาววัลย์ ดงหวาย วันเถาว์มาก หายากทาง เครือมุง ทางยากหา 

ยานางเครือ ส้มลม เครือนางยา หลากหลายป่าเถาวัลย์มาป่าหลายหลาก 

 --------------------------






อักษรกลอนตาย (แก้ไขเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรค)จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง)

กำหนดให้ใช้คำตายทั้งวรรค ทั้งบาทและบท






.......พระบาทออกสืบเสาะเกาะติดบก ผอบตกหลุดติดคิดทุกข์มาก 

รกชัฏนักจักบุกทุกหุบหลาก ผอบหากลับมิดติดขัดนัก 

เจ็บจุกอกวิตกมากหากลับหมด สุดเก็บกดรุกอีกจำเพาะรัก 

เลาะเลียบหาดจุกเจ็บเหน็บจับกัก แทบจะปักมุดมิดติดเดือดดูด 

ผอบวับลับอีกหลีกลัดเลาะ ติดตรึกเกาะหกลุกกะโหลกปูด 

หลุดปลักเตะหลักแปลกแหลกยากพูด.......... .เก็บผักกูดจับหลุดยวบมิดลด ฯ 

 -----------------------------  





เบญจวรรณห้าสี  จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้แต่งสัมผัส

พยัญชนะ 5 คำติดกันในต้นวรรคทุกวรรค ต่อเนื่องไปจนจบ





 


.........หลุดแล้วลองเล็งแล ผอบหนอ เพียงพบพอผ่องแผ้ว พอจักทด 

ติดตามต่อต่างตา ป่าปลงปลด จวงจันทน์จดจิกจ่อง จ้องตูมกา 

พิศผองไผ่ไพรเพก ลำเล็กใหญ่ แหนหันให้หากเห็น นุ่นหนามหนา 

ยลยางใหญ่ยืนยิ่ง ยามย่างมา หลงแล้วหล่าหลากหลาย เจ้าสายใจ 

หุบห้วยหอมหากเห็น เป็นผอบ พอพี่พบเพ่งพิศ จิตสงสัย 

นวลนางเนาว์แน่นอน ทางนั้นนัย ทวยเทพไททิศทาง ช่างเมตตา ฯ 

 ---------------------














จาตุรงคนายก จาก "กลบทศิริวิบุลกิตติ์" โดยหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) กำหนดให้แต่งกลอนแปด วรรค

ละ 4 จังหวะ คำต้นจังหวะ ให้ใช้คำซ้ำ ตลอดจนจบเนื้อความ

 


O-ยามบ่ายยามหล่ายามมายามเที่ยว ชมน้ำชมเดี่ยวชมเกี่ยวชมชลา 

ลอยล่องลอยล้ำลอยน้ำลอยมา เห็นกล่องเห็นท่าเห็นน่าเห็นงาม 

หยิบดูหยิบอ่านหยิบผ่านหยิบมอง รู้เรื่องรู้คลองรู้ช่องรู้ขาม 

เห็นแล้วเห็นหล่าเห็นหน้าเห็นนาม ยิ้มยั่วยิ้มยามยิ้มตามยิ้มนำ 

พี่เหนื่อยพี่หายพี่ชายพี่พาน นงนุชนงคราญนงต้านนงขำ 

รักเจ้ารักมากรักจากรักจำ จักกอปรจักทำจักกำจักกอง 

สาวหล่าสาวนวลสาวชวนสาวสม พี่ทุกพี่ตรมพี่งมพี่ผอง 

นวลรู้นวลชอบนวลตอบนวลตรอง เรานี้เราสองเราต้องเราควร 

เป็นคู่เป็นบุญเป็นคุณเป็นปูรณ์ เหมาะเพิ่มเหมาะพูนเหมาะคูณเหมาะหวน 

รักกันรักน้องรักครองรักป่วน คู่เราคู่นวลคู่ชวนคู่กรรม 

 -------------------------














อักษรบริพันธ์ หรือ ช้างประสานงา   จากกลบทศิริวิบูลย์กิตต์และประชุมจารึกวัดพระเชตุพน

กำหนดให้สามคำท้ายวรรค กับสามคำแรกวรรคถัดไปสัมผัสพยัญชนะกัน ต่อเนื่องไปจนจบความ





O-วรจิตชิดน้องปองสวาท ปองแสวงแต่งมาดอาจถลำ 

อรแถลงแปลงสารพี่อ่านจำ เพราะอ่านเจอนางพร่ำร่ำพรรณนา 

เรื่องผองนางเสี่ยงทายหมายเลือกคู่ มาเลือกคนคิดดูประกาศหา 

ประกาศให้พบคู่แต่ก่อนมา ตรงกับหมายอักษราพี่ยานวล 

เพียงยลน้องปองรักอยู่เต็มอก ยอมตามอ่อนไม่วกกลับคืนหวน 

กล้าขอให้รับรักพี่ชักชวน พี่ชิดเชยรบกวนนวลตอบมา 

นางตอบหมายมอบใจให้พี่รัก หากพี่รู้นวลภักดิ์วาสนา 

ว่าสองนี้คู่กันเพราะบุญญา เพราะบุญใหญ่สองรามาพบกัน ฯ 

------------------------- 










ดุริยางคจำเรียง จากกลบทศิริวิบูลย์กิตต์และประชุมจารึกวัดพระเชตุพน

กลอน 9  สองคำแรกทุกจังหวะใช้คำซ้ำ ให้มีสัมผัสชิดระหว่างจังหวะต่อจังหวะ

 


O-หนุ่มหนุ่มอึ้งถึงถึงหล่าข้าข้าเขิน เจ้าเจ้าเกินเหินเหินห่างช่างช่างสรรค์ 

แผ่แผ่ให้ไมไมตรีดีดีพลัน อ้ายอ้ายนั้นฝันฝันหรือคือคือจริง 

สาวสาวหยิกจิกจิกแขนแสนแสนสอด.......... บ่าวบ่าวกอดยอดยอดชู้ดูดูหญิง 

ฮักฮักเจ้าเท่าเท่าฟ้ามามาอิง ไม่ไม่ทิ้งนิ่งนิ่งนวลอวลอวลอร 

สองสองชื่นรื่นรื่นรมย์สมสมสวาท เคียงเคียงคาดวาดวาดฝันสันติ์สรรพ์สมร 

หอมหอมนักพักตร์พักตร์นวลยวนยวนวอน........ รักรักร้อนศรศรกามตามตามทะลวง 

 -----------------------  









วิสูตรสองไข แบบจากประชุมจารึกวัดพระเชตุพน กำหนดให้ช่วงแรกและช่วงท้ายช่วงละ 4 คำ

สองจังหวะ คำแรกจังหวะเป็นคำซ้ำ คำสองกับคำสี่สัมผัสพยัญชนะกัน คำท้ายช่วงกลางสัมผัส

สระกับช่วงท้าย


 


O=สนิทสนมชมชื่นระรื่นระรมย์ พระชื่นพระชมสมซึ้งก็หีงก็หวง 

พระนุชพระน้องต้องใจมิไล่มิลวง จะเหนี่ยวจะหน่วงดวงเราพะเน้าพะนอ 

จะนำจะนวลควรพักประจักษ์ประเจิด ก็ล้ำก็เลิศประคองณห้องณหอ 

ก็หลบก็หลีกปลีกเลี่ยงมิเพียงมิพอ ละอ่อนละออทุกคำสำเริงสำราญ 

ลุล่วงลุกาลนานเข้าเฉลาฉลวย ก็เออก็อวยอรสุขสนุกสนาน 

ละวังละเวียงเลี่ยงกิจก็ผิดก็พลาด พระคงพระคาดควรกลับประคับประคอง 

จะชักจะชวนนวลหล่ายุพายุพักตร์ ประแจงประจักษ์สมัครเสมอเสนอสนอง 

พระพี่พระนวลชวนลับก็จับก็จอง คะไลคะลองล่องลับก็กลับก็ไกล ฯ 

 ------------------------------  













กลบทจตุรงคประดับ  จากกลบทศิริวิบูลย์กิตต์  กำหนดให้แต่ละบท ใช้คำกระทู้สองคำยืนทั้ง 4 วรรค

วรรคหน้าคำที่ 3 สัมผัสชิดกับคำที่ 4  คำที่ 5กับคำที่ 7 ใช้คำซ้ำ คำที่ 6 กับ 8 สัมผัสพยัญชนะ





O=กลับเมือง...แล้วแก้วยุพินยุพาพักตร์ กลับเมือง...จักป่าวประสิทธิ์ประสาทสมัย 

กลับเมือง...จักรักษ์ ประเทศประทักษ์ ไกร กลับเมือง...ไซร้สมสวาทสวัสดิ์มี 

ฮ่มขาว...เมืองเรืองฉลองเฉลิมราช ฮ่มขาว...คาด สุขกระสันเกษมศรี 

ฮ่มขาว...ชนคน พิธานพิทักษ์ดี ฮ่มขาว...ชี้นางเสงี่ยมสง่านวล 

ปรีดา...ด้วยอวยสมรสมรรถงาน ปรีดา...หานแก้ววิสิทธิ์วิเศษหวน  --------------------------- 

ปรีดา...ชนพลทะแกล้วทกล้าควร ปรีดา...ล้วนทุกสกุลสกลนคร ฯ 

 ----------------------










กลบทตรียมก  จากกลบทศิริวิบูลย์กิตต์  กำหนดให้แต่ละวรรค ใช้คำซ้ำ 3 คำ เช่นคำ 2-5-7

คำถัดกันใช้สัมผัสพยัญชนะ  ทุกวรรคต่อเนื่องจนจบความ





O=คชสาร คชศรี  คชเศร้า เพราะนางเล่า  เพราะนางลี้ เพราะหนีหลอน

คิดถึงนวล ครวญถึงนาง  คร่ำถึงนอน เจ็บยิ่งตอน   เจ็บยามเตรียม   เจ็บยิ่งตน

หาลูกไม้   ให้ลูกมอบ หอบลูกมาก   ลูกหนีหาก หลากหนีหาย   หลายหนีหน

ตกใจสม     ตรมใจสุด   ตรอมใจซน หลายเดือนปน  ล้วนเดือนแปลก  แลกเดือนปลง

เจ้าล้มลุก จุกล้มแล้ว  จักล้มลับ รอยบุญสับ ฤาบุญสิ้น   ไร้บุญสง

ขอเทพช่วย   ขอทวยชี้ ขอเทพชง กายเป็นทอง กองเป็นธง  กรงเป็นธรรม

 ----------------------------






อักขระโกศลจากกลบทศิริวิบูลย์กิตต์   กำหนดให้แต่ละวรรค คำที่ 1 กับ 3 ใช้คำซ้ำ  ส่วนคำ

2 และ 4 สัมผัสพยัญชนะ  และมีสัมผัสพยัญชนะชิดกัน ตรงคำ 5 และ 6

 


O=พระน้องพระนางช่างสบสุข มิทุกข์มิทนค้นคลองขำ 

ถือศีลถือสัตย์จัดแจงจำ ยามค่ำยามคืนชื่นชิดเชย 

สามีสามารถอาจองเอก คอยเสกคอยสร้างพ่างแผกเผย 

รักนวลรักนางข้างเคียงเคย มิเลยมิเลือนเดือนดุจดาว 

มีลูกมีหลานสานสืบสกุล อบอุ่นอบอวลสรวลสืลสาว 

เทวีเทวาย่ายายยาว พบท้าวพวชบที่ชี้ชมเชย 

ย้ายเลี้ยงยายแลแขควรไข เปลไกวเปลแกว่งแห่งหาเหย 

เพลงรำเพลงร้องล่องลอยเลย หวานนักหวานเอ่ยเคยค่ำครวญ ฯ 

 -------------------------------


















ยายกล่อมหลาน    (เพลงกล่อมเด็ก)


------------------------


O=เออ เอ่อ เอ้อ อือ อื่อ อื้อ นอนสาหล่า แม่ใหญ่สิพานอน 

นอน เอ้า นอน หลับตาแม่สิกล่อม เจ้าบ่นอนบ่ให้กินกล้วย 

แม่ไปห้วยหาปูหาปลา แม่ไปนาจับปลาข่อใหญ่ 

แม่ไปไฮ่เก็บเห็ดล่ะโงก แม่ไปโคกเก็บเห็ดแทดเห็ดทา 

กลับคืนมาแกงปล่าข่อใหญ่ อย่าฮ้องไห่แมวเป้าแมวโพง 

ฟ้าวนอนสาแมวมันมาแล้ว อย่าสุแอ่วมันสิจกตา 

เจ้านอนซ้ามันสิจกหำ นอนยามค่ำมันสิจกก้น 

เออ เอ่อ เอ้อ อือ อื่อ อื้อ นอนสาหล่า แม่ใหญ่พานอน 

แม่ไปไฮ่ได้แตงหน่วยหนา แม่ไปนาหาของมาฝาก 

ได้หมากหว่าหมากเหว่อหมากหวาย มีอีกหลายหมากไฟหมากส่าน 

สุกคาฮ้านแตงจิงแตงโม ปาดทิโทหลายซายหลับแล้ว 

ได้หน่วยแก้วพระอินทร์พระพรหม อมนะโมพุทธโธเป็นเค้า 

ขอให้เจ้าใหญ่กล้าหน้าบาน เป็นทหารมีฤทธิ์มีเดช 

ในขงเขตให้ซ่าให้ลือ อื้อ ฮึ อือ ฮึ อื้อ ฮึ อือ ฯ 

 ---------------------------






 กินนรรำ


แบบจากประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ลักษณะเด่นคือกำหลดให้คำแรกของจังหวะกลอนใช้ลหุ

คือคำที่ 1 4 และ7 (กลอน 9) อีกสองคำในจังหวะให้สัมผัสพยัญชนะกัน ระหว่างจังหวะให้

มีคำสัมผัสสระกันแบบสัมผัสแทรก






O=พระหากหวนพระนวลนึกพระตรึกติด....  .คะนึงนิจก็คิดใคร่จะให้หวน

จะงอยเหงาจะเศร้าซมจะขมควร เสาะสืบสวน มิรวนเรจะเหว่ไว 

จะเยี่ยมยามจะถามถึงก็พึงพร้อม พระอ้อมอ้อนพระกรกาง ก็ครางไข 

ก็สามทรงก็คงคาคะลาคะไล เสด็จได้ไสวสว่าง พะพร่างพรม 

ประทับถ้ำประจำจักประทักเทิด ก็ก่อเกิดประเสริฐสิทธิ์ ลิขิตขม 

ก็คิดคุณธปุนปลอบธชอบชม ภิรมย์รักษ์พิทักษ์ธาตุพิลาสลาน 

ขมาหมายสลายโลดละโทษเทศ เพราะหากเหตุเพราะเลศล่วงเพราะห้วงหาญ 

ลุถึงทัณฑ์จะพลันเพลินจะเนิ่นนาน. ก็ทำทานประมาณไหม อภัยพลี ฯ 

 -----------------


















 กลบทเลวงวางตรวจ จากประชุมจารึกวัดพระเชตุพน กำหนดให้แต่ละวรรค สามคำแรกสัมผัส

พยัญชนะ สามคำท้ายวรรคก็สัมผัสพยัญชนะ


 


O= กราบกรานก่อขอขมาลาลับแล้ว ก่องเก็จแก้วแวววับสับแสงสี 

ซากศพสิ้นจินดามามวลมี ทองถ้วนถี่มวลมากหลากเหลือแล 

ขอบคุณค่าตราตรึงซึ้งทรัพย์สรรพ์ พ่อผูกพันหากให้ใคร่ครองแข 

คิดขนของทองแท่งแปลงปลอบแปร พูนเพียบแพเรืองรุ่งมุ่งเมือเมือง 

สองเสกสร้างฮ่มขาวคราวครั้งไข รังรองไร้อริรานลานแลเหลือง 

เฮือนหอฮ้านย่านยาวฮาวฮองเฮือง ปองปุนเปลืองใจเตือนเงื่อนงดงาม 





สิงห์โตเล่นหาง  จากกลบทศิริวิบูลย์กิตต์  กลอน 3 จังหวะ ให้สัมผัสสระแบบสัมผัสิดรอยต่อจังหวะ

2 กับ 3 ส่วนจังหวะ 1 กับ 2 ไม่บังคับ มีก็ได้ 


กลอนแปด บังคับสัมผัสสระชิดช่วงกลางกับคำแรกช่วงท้ายวรรค เดิมกำหนดแค่นี้

เติมเพื่อให้ไพเราะยิ่งขึ้น สัมผัสสระ คำที่ 3 กับ คำที่ 4  วรรคแถวหน้า





O= สองครองเมืองเรืองรุ่งคุ้งเขตแขวง ฮ่มขาวแกร่งเกรียงไกรใครก็ขาม 

ชุมชนรักภักดีมีใจตาม สุขสมสามโลกลือชื่อกำจร 

วรจิตท้าวจ้าวราชอาจองนัก นางหล่าอัครเทวีศรีสมร 

สุขสืบสานนานเนิ่นเพลินบวร ประชากรชื่นชมนิยมการณ์ 

ตอนสุดท้ายหมายจบครบเนื้อหา พรรณนาถ้วนครบจบตอนสาร 

ขอบพระคุณอุ่นใจได้เบิกบาน พระคุณท่านมากได้ให้พลัง 

ขอขมาลาโทษโปรดอย่าขึ้ง ล่วงเกินถึงผู้ใดในแผนผัง 

เล่าผิดพลาดคาดไว้ไม่ระวัง ลดโทสังอภัยข้อยผู้น้อยเทอญ ฯ 

























240617


สรุป


42 กลบท + 1 เพลงกล่อมลูก รวม 290 คำกลอน         จำนวนกลบทที่ใช้ / ความยาวบท

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 1 โพสเมื่อ.....9/9/2558..... 13/78

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 2 โพสเมื่อ.....19/9/2558.....4/24

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 3 โพสเมื่อ.....3/10/2558..... 3/18

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 4 โพสเมื่อ.....3/10/2558..... 3/18

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 5 โพสเมื่อ.....ข้ามไป6เลยไม่มี5

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 6 โพสเมื่อ.....6/10/2005..... 3/18

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 7 โพสเมื่อ.....7/10/2558.....3/18

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 8 โพสเมื่อ.....8/10/2558.....3/22

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 9 โพสเมื่อ.....9/10/2558..... 3/18

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 10 โพสเมื่อ.....10/10/1558.....3/24

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 11 โพสเมื่อ.....11/10/2558.....3/20

นางผมหอมกลกลอนตอนที่ 12 โพสเมื่อ.....12/10/2558..... 4/28

นางผมหอมกลกลอนตอนจบ  โพสเมื่อ.....13/10/2558.....2/14





เริ่มแต่ง 5 กันยายน 2558 โพสครั้งแรก  9 กันยายน 2558  ครั้งสุดท้าย 13 ตุลาคม 2558

รวม 25 + 13 = 38 วัน 


สรุปใช้ 46 กลบท 1 เพลงกล่อมลูก ความยาว 300 คำกลอน  150 บท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น