(14 พย.59 แก้ไขวรรคตอน และภาพประกอบ)
ชีวประวัติปฐมวัย
อ่านบันทึกพระราชประวัติ
|
องค์กษัตริย์ภูมิพลแห่งสยาม
|
ไฉนทรงเกียรติคุณเลื่องลือนาม
|
ลองติดตามศึกษาน่าสนใจ
|
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท
|
ขอโอกาสค้นคว้าความสงสัย
|
บันทึกเป็นร้อยกรองด้วยเหตุใด
|
ชนชาวไทยจึงจงรักมากภักดี
|
ปูมประวัติพระราชสมภพ
|
วารบรรจบธันวาห้าดิถี
|
ศกเจ็ดศุนย์ศักราชสองพันปี
|
หลักร้อยสี่พระเสด็จจุติมา
|
ยามมงคลแปดโมงสี่สิบเศษ
|
พระปิ่นเกศอุบัติครานั้นหนา
|
เม้าท์ออร์เบิร์นโรงหมอบันทึกตรา
|
หมอนามว่าดับบลิวสจ๊วตมี
|
คำวิตมอร์ต่อท้ายผู้ทำคลอด
|
อ่านตลอดหกปอนด์ชั่งทรงศรี
|
เป็นโอรสสมเด็จเจ้าจักรี
|
พระนามที่เจ้าฟ้ามหิดล
|
แรกทรงยศพระวรวงศ์เธอ
|
จำเสมอองค์เจ้าจากเวหน
|
พระนามเดิมก็คือภูมิพล
|
นามพระชนนีศรีสังวาลย์
|
ถิ่นกำเนิดแมสสาจูเซทรัฐ
|
เขตสังกัดอเมริกาตามว่าขาน
|
ห้าชันษาวัยเรียนเพียรทำการ
|
เริ่มเรียนผ่านมาแตร์เดอีสกูล
|
ที่กรุงเทพฯนี่เองเร่งศึกษา
|
คราวต่อมาไปสวิสส์มิเสื่อมสูญ
|
เข้าโรงเรียนเมียร์มองต์ว่าไพบูลย์
|
พระเพิ่มพูนประสบการณ์โลซาน์นคร
|
ศึกษาต่อโรงเรียนนานาชาติ
|
รับประกาศบาเชอลิเยเออักษร
|
รู้อังกฤษฝรั่งเศสพิเศษบวร
|
เรียนบทตอนเยอรมันแลละติน
|
มิน่าทรงรอบรู้หลายภาษา
|
กาลต่อมาเรียนอุดมศาสตร์ทรงศิลป์
|
เลือกเรียนวิทย์วิศวะเพียงได้ยิน
|
องค์บดินทร์สายยากลำบากเรียน
|
มีเรื่องเล่าเยาววัยได้อ่านพบ
|
ยามประจบพระมารดาพาทีเขียน
|
เรียกคุณแม่แปลกคำจนจำเนียร
|
พระพากเพียรสนิทสนมพระมารดา
|
ชนนีภคินีพระเชษฐะ
|
คุณเล็กนะยามเพรียกร้องเรียกหา
|
คือโอรสพระองค์เล็กพระนามา
|
เป็นภาษาส่วนพระองค์ทรงเรียกกัน
|
ฝึกอบรมหนักมาแต่เยาววัย
| |
ไปโรงเรียนค่าขนมให้จำกัด
|
พระชอบจัดรับจ้างช่างเสกสรรค์
|
เก็บพืชผักไปขายนี่สำคัญ
|
ระดับนั้นทำได้ประหลาดใจ
|
อีกทรงชอบเลี้ยงสัตว์จัดหลายอย่าง
|
สุนัขบ้างกระต่ายป่าน่าสงสัย
|
งูก็มีนกขุนทองลิงอย่างไร
|
น้ำพระทัยรักสัตว์มีมานาน
|
สมเด็จย่ารับสั่งฝึกการให้
|
หยอดลงไปออมสินต่างรับขาน
|
คนทำกิจมีกำไรได้เป็นการ
|
ชักสิบด้านเปอร์เซ็นต์สะสมกัน
|
สิ้นเดือนตรวจประชุมกลุ่มในบ้าน
|
มติผ่านไปทำบุญคุณเสกสรรค์
|
การกุศลสั่งสมสานสัมพันธ์
|
พระทัยมั่นเผื่อแผ่แน่วแน่จริง
|
สินประหยัดอดออมแต่ยังเล็ก
|
เห็นพวกเด็กขับขี่รถชายหญิง
|
จักรยานอยากมีแม่ก็ติง
|
ลองนึกนิ่งเก็บเงินได้แน่นอน
|
แปดขวบเองอยากมีกล้องลองออมไว้
|
มินานได้จริงแท้คำแม่สอน
|
บุญได้เห็นพระราชาเอื้ออาทร
|
ประชากรรักพระองค์ทรงติดดิน
|
ทรงรักกิจละเล่นเป็นชีวิต
|
กระทำกิจทุกทางอย่างมีศิลป์
|
พยายามหาทุนเป็นอาจิณ
|
ยอมอดกินอดขนมสะสมเงิน
|
รวมหุ้นกับเชษฐาหาชิ้นส่วน
|
ประมวลสร้างวิทยุน่าสรรเสริญ
|
มิน่าใช้วิทยุเก่งเหลือเกิน
|
เล่นจนเพลินแต่เยาว์ธ เชาวน์ชาญ
|
สมเด็จย่าให้ฝึกเล่นตัวต่อ
|
มิเกินรอแผนที่ที่ไขขาน
|
เป็นภาพเขตทั่วไทยได้เป็นการ
|
พระองค์อ่านจนทะลุแต่เยาว์วัย
|
ครายังเด็กชอบทรงดนตรีมาก
|
เล่นเป็นหลากเครื่องดนตรีตามสมัย
|
ทั้งเปียโนกีต้าเป่าปีไป
|
เป่าเพราะได้แซกโซโฟนพระชำนาญ
|
สิบห้าขวบซื้อแซกพระประสงค์
|
สมเด็จทรงช่วยครึ่งจึงผสาน
|
จัดให้ครูมาสอนให้เชิงชาญ
|
เวย์เบรช์ทท่านคุณครูสอนดนตรี
|
สิบแปดขวบแต่งเพลงแสงเทียนแล้ว
|
พระเป็นแก้วเจียรนัยใส่เสริมศรี
|
เพลงพระราชนิพนธ์นับมากมี
|
ขาดหนึ่งชี้ห้าสิบเพลงนิพนธ์
|
ชอบถ่ายภาพแปดขวบซื้อกล้องใช้
|
มิแปลกใจทรงกล้องทุกแห่งหน
|
ภาพพระศอห้อยกล้องเยี่ยมชุมชน
|
ชินตาจนทรงงานมานานนม
|
บันทึกภาพยนตร์กลฉลาด
|
พระสามารถเชิงชาญงานประสม
|
เคยนำออกเผยแพร่ให้ชนชม
|
คนนิยมแซ่ซ้องพระบารมี
|
รายได้ช่วยการแพทย์แลกาชาด
|
พระประกาศมุ่งบุญคุณราศรี
|
เพื่อประชาทุกการนานนับปี
|
เพราะเหตุนี้ประชารักพระทรงธรรม
|
ทรงกีฬาหลายอย่างต่างเล่นได้
|
แล่นเรือใบเล่นสกีดีพร้อมสรรพ์
|
เคยลงแข่งแหลมทองชนะพลัน
|
เหรียญทองนั้นทรงชนะพระเบิกบาน
|
แบตมินตันก็ชอบตอบสนอง
|
เล่นได้คล่องกีฬาผสมผสาน
|
จะเล่นเดี่ยวเล่นคู่ก็ชำนาญ
|
พระองค์ท่านนักกีฬาทั้งกายใจ
|
ทูลเชิญครองราชย์
| |
…ปีแปดเก้าครองราชสมบัติ
|
รัฐบาลจัดทูลเชิญมิสงสัย
|
วันที่เก้ามิถุนาพระทรงชัย
|
สิบแปดได้ชันษาสถาพร
|
นามสมเด็จองค์พระเจ้าอยู่หัว
|
ทราบกันทั่วภูมิพลเพียงสิงขร
|
อดุลยเดชเกริกไกรขจายขจร
|
ถึงบทตอนเป็นกษัติย์ขัตติยา
|
ทรงตั้งผู้สำเร็จราชการก่อน
|
เพราะยังอ่อนนับวันเยาว์ชันษา
|
ยังต้องกลับไปสวิสเรียนวิชชา
|
ค่อยกลับมาสืบสมบัติรัชชกาล
|
ที่สิบเก้าสิงหาปีแปดเก้า
|
ได้ทรงเข้าศึกษาตามว่าขาน
|
เคยเรียนวิทย์วิศวะด้วยเชิงชาญ
|
ปรับมีงานรออยู่ควรรู้ไกล
|
บริหารปกครองทุกทุกศาสตร์
|
ถึงสามารถกฏหมายรัฐศาสตร์ไข
|
อักษรศาสตร์ภูมิศาสตร์ศึกษาไป
|
ล้วนต้องใช้สำคัญครองบัลลังก์
|
ปีเก้าหนึ่งเยือนทูตฝรั่งเศส
|
ทอดพระเนตรงานสำคัญวันความหลัง
|
พบธิดาท่านทูตแทบจังงัง
|
รักแรกครั้งประวัติศาสตร์วาดบทตอน
|
ม.ร.ว. สิริกิตติ์พระนามท่าน
|
สองผสานไมตรีสโมสร
|
สั่งสมรักสองพระองค์เกี่ยวพระกร
|
ฝากคำวอนฝากหทัยไว้แก่กัน
|
มินานเกิดอุบัติเหตุบนถนน
|
ส่งผลให้บาดเจ็บโอ้สวรรค์
|
ทั้งพระพักตร์พระเศียรพระเนตรพลัน
|
บาดเจ็บนั้นหนักหนาพยาบาล
|
อยู่กับหมอนับเดือนเหมือนเคราะห์ซ้ำ
|
เจ็บปวดจำอดทนคนเฝ้าขาน
|
คอยดูแลใกล้ชิดทุกวันวาร
|
จนก้าวผ่านทุกข์เข็นเป็นสายใย
|
ต่อมาคือพระคู่หมั้นสิริกิตต์
|
เป็นนิมิตมั่นคงมิสงสัย
|
ที่สิบสองสิงหาเก้าสองนัย
|
หมั้นเอาไว้แน่นอนพระราชินี
|
เสด็จกลับเมืองไทย
| |
วันสองเจ็ดกุมภาศกเก้าสาม
|
เรื่องงดงามเสด็จกลับตามวิถี
|
ตั้งการถวายพระเพลิงพระภูมี
|
สมเด็จพี่ธรรมเนียมไทยนิยม
|
ยี่สิบแปดสามสิบศกเก้าสาม
|
พระองค์รามสู่สวรรคาลัยสม
|
งามพระเกียรติเรียบร้อยควรชื่นชม
|
ตามบรมขัตติยประเพณี
|
บ้านสงบเมืองร่มเย็นเห็นกษัตริย์
|
ต่างเร่งรัดราชการงานวิถี
|
ประชาชนชื่นชมพระบารมี
|
รอวันดีมงคลจักตามมา
|
ยี่สิบแปดเมษาศักราช
|
ตามประกาศเก้าสามงามจริงหนา
|
อภิเษกสมรสพระราชา
|
งามสง่ากับสตรีศรีจันทร
|
พระนามว่า ม.ร.ว.สิริกิตติ์
|
ผู้ใกล้ชิดร่วมสุขสโมสร
|
ประชาชนแซ่ซ้องยกสองกร
|
ขอภูธรสององค์ทรงพระเจริญ
|
สถาปนาสมเด็จเฉลิมศรี
|
พระนามมีสิริกิตติ์ชนสรรเสริญ
|
ถัดมาอีกหนึ่งเดือนมงคลยิ่ง
|
ถึงวันจริงอภิเษกสโมสร
|
มีพิธีจัดถวายพระนามกร
|
มาถึงตอนจารึกสุพรรณเจริญ
|
ปีสองสี่เก้าสามวันที่ห้า
|
พฤษภาราชกิจควรสรรเสริญ
|
พระบรมราชาภิเษกเชิญ
|
เฉลิมเดินตามราชประเพณี
|
ถวายพระปรมาภิไธยเลิศ
|
นามประเสริฐจารึกพระทรงศรี
|
ลงแผ่นทองนามาธิบดี
|
พระบาทสมเด็จชี้ต้นพระนาม
|
พระปรมินทรมหาภูมิพล
|
อุดลย(ดล)เดช(ลือโลกสาม)
|
มหิตลาธิเบศรรามา(ราม)
|
ธิบดีจักรี(ยาม)นฤบดินทร์
|
(ทรงเป็นเอกราชา) สยามินทร์
|
ทราธิราช(ปิ่น)บรมนาถบพิตร
|
เสร็จเฉลิมทรงราชย์ประกาศสัจ
|
ราชวัตรจักครองแผ่นดินสถิต
|
โดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขเนืองนิตย์
|
เป็นนิมิตมงคลทรงเกื้อกูล
|
มหาชนชาวสยามได้ปรากฏ
|
ได้จำจดพระเกียรติมิเสื่อมสูญ
|
พัฒนาทำให้ไทยพิบูลย์
|
ต่างเทิดทูนเทียมบิดาเพราะบารมี
|
พระโอรสพระธิดา
| |
ต่อมามีพระโอรสแลธิดา
|
คงเพราะฟ้าประทานให้ได้เป็นศรี
|
เป็นสง่าแด่พระองค์วงค์จักรี
|
รวมแล้วสี่พระองค์ทรงพระเจริญ
|
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอสาม
|
นามเจ้าฟ้าอุบลรัตน์เพียงหงส์เหิร
|
สองเจ้าฟ้าสิรินธรงามเหลือเกิน
|
เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์เพลินพิไล
|
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอองค์
|
ทรงเจ้าฟ้าวิชราลงกรณ์ไข
|
ต่อมาเป็นสมเด็จพระบรมใน
|
โอรสาธิราชฯไท้ประทานพร
|
สี่พระองค์แก้วตาประชาราษฎร์
|
ตามรอยบาทพระบิดามารดาสอน
|
ปวงชนชมบารมีพระภูธร
|
ยอสองกรกราบก้มอัญชุลี
|
ประมวลพระราชกรณียกิจ
| |
นับแต่วันพระองค์ทรงครองราชย์
|
พระประกาศคุณธรรมนำวิถี
|
พระดำเนินตามสัจจะกรณี
|
พระเป็นศรีเป็นสง่าประชาไทย
|
พระเสด็จทั่วทุกภูมิภาค
|
จะลำบากกันดารมิหวั่นไหว
|
ทรงพบเป็นปัญหานานาภัย
|
ทรงแก้ไขด้วยปัญญาประชาภิรมย์
|
สี่พันเศษโครงการพระราชดำริ
|
วิริยะพระทรงงานการเหมาะสม
|
ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
| |
จำแนกเป็นหลายด้านงานชื่นชม
|
ชนนิยมแก้ปัญหาทรัพยากร
|
บนดงดอยภูเขาชนลำบาก
|
ฝิ่นปลูกมากทั่วไปในสิงขร
|
ทรงแก้ไขความคิดจิตอาทร
|
ทรงสั่งสอนปลูกป่าอาชีพตน
|
ไม้เมืองหนาวงอกงามตามได้เห็น
|
ชาวเขาเป็นเจ้าของทุกแห่งหน
|
ฝิ่นหายไปทุกกลุ่มในชุมชน
|
พระคุณล้นเหนือเกล้าเขาทั้งปวง
|
ธรรมชาติหลายแหล่งฟื้นฟูได้
|
แล้งเกินไปแดนอีสานโครงการหลวง
|
พลิกความยากความจนล้วนผลพวง
|
ท่านทรงห่วงอาณาประชากร
|
ด้านการศึกษา
| |
พระทรงงานโครงการด้านศึกษา
|
จัดสรรมากองทุนหนุนกิจสอน
|
เลือกคนเก่งเรียนต่อพ่ออาทร
|
กลับมาตอนจบจัดพัฒนา
|
สร้างโรงเรียนไทยคมควรชมยิ่ง
|
เป็นแบบสิ่งยอดงานการศึกษา
|
โรงเรียนต้องเพียบพร้อมจัดสรรมา
|
ทั้งวิชชานวัตกรรมนำเชี่ยวชาญ
|
อีกมากมายโครงการพระเสกสรรค์
|
เอกอนันต์ชนฉลาดแลอาจหาญ
|
กระทำกิจพัฒนานานับประการ
|
ทรงสร้างบ้านแปลงเมืองเรืองอุไร
|
ทรงดำริโครงการด้านภาษา
|
ผลิตสารานุกรมคมไฉน
|
รวมปัญญาสาระบรรจุไป
|
นักเรียนใช้ศึกษาวิชชาการ
|
ทรงนำเรื่องการใช้ถ้อยภาษา
|
พัฒนาเยาวชนกลประสาน
|
ให้รักไทยรักษ์ภาษาให้ยืนนาน
|
พระคุณท่านล้นเหลือเพื่อชาวไทย
|
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข
| |
กรณียกิจการแพทย์สำคัญยิ่ง
|
รู้ทุกสิ่งสุขภาพชนไหนไหน
|
มีปัญหาพึงช่วยด้วยทันใด
|
เสด็จไปมีแพทย์ตามขบวน
|
เฉพาะหน้าปัญหาช่วยแก้ไข
|
ระยะไกลทรงตริดำริหวน
|
ผลิตทั้งหมอพยาบาลให้ทุนชวน
|
คนเก่งล้วนมีทุนอุดหนุนไป
|
โครงการแพทย์ชาวบ้านงานดีเด่น
|
เคยพบเห็นศูนย์ศึกษาน่าสงสัย
|
มากมายยิ่งแปลงปลูกสมุนไพร
|
ชวนวิจัยศึกษามานานปี
|
โครงการแพทย์เคลื่อนที่ดีมากมาก
|
เพราะจนยากชาวบ้านย่านวิถี
|
ยากจักได้พบหมอพบแพทย์ดี
|
เมื่อพ่อมีโครงการเบิกบานใจ
|
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
| |
พระองค์ชอบวิทยาศาสตร์ประกาศชัด
|
จักเร่งรัดเล่าเรียนเพียรส่องไข
|
ยังมิจบจำเป็นต้องเปลี่ยนไป
|
เพราะชาวไทยทูลเชิญครองราชย์มา
|
กระนั้นทรงสนพระทัยใฝ่วิเคราะห์
|
เรื่องใดเหมาะติดตามยามศึกษา
|
จนรอบรู้รวบรัดพัฒนา
|
พระปัญญาประยุกต์ทุกทุกงาน
|
ทำฝนเทียมสำเร็จใช้งานได้
|
ช่วยแก้ไขฝนขาดราชประสาน
|
อำนวยกิจฝนเทียมพระเชิงชาญ
|
พระองค์ท่านรักวิทย์ประสิทธ์กล
|
ทรงสื่อสารวิทยุโทรศัพท์
|
สามารถรับข่าวสารทุกแห่งหน
|
มีข้อมูลเดือนร้อนประชาชน
|
เรียนรู้จนเชี่ยวชาญชำนาญมี
|
คอมเนตไลน์สาระพัดทรงรอบรู้
|
ทรงใช้ดูข้อมูลพูนวิถี
|
ประกอบการราชกิจวิวิธดี
|
เป็นแบบชี้ชวนชนให้พัฒนา
|
ทุกข์น้ำท่วมแก้มลิงทรงคิดไว้
|
แก้จนได้ทรงรู้ดูปัญหา
|
พบน้ำเน่าอากาศขาดมากมา
|
ใช้ปัญญาเติมอากาศทำฉันใด
|
เกิดกังหันเติมลมแก้น้ำเน่า
|
นากุ้งเขาทำตามยามไหนไหน
|
เห็นชอบกันทุกบ้านทำกันไป
|
กังหันชัยพัฒนาสถาพร
|
โลกจักขาดเชื้อเพลิงใช้กันมาก
|
พระลำบากคิดหนักอุทาหรณ์
|
คิดไบโอดีเซลหลายบทตอน
|
ด้วยอาทรสัมฤทธิ์ประสิทธิ์ดี
|
ด้านการเกษตรและอาชีพ
| |
ทรงเสด็จทั่วไทยได้แลเห็น
|
บ้านเราเป็นเมืองเกษตรเขตวิถี
|
ต้องพึ่งน้ำมากมายแต่ไม่มี
|
หน้าแล้งชี้ลำบากยากทำการ
|
ทรงดำริโครงการด้านแหล่งน้ำ
|
มากยิ้งล้ำด้านใดในข่าวสาร
|
สามพันหนึ่งสี่แปด ธ บันดาล
|
ก่อเกิดงานมากมายเหลือคณา
|
พัฒนาเกษตรหนึ่งหกหก
|
ที่หยิบยกโครงการกิจศึกษา
|
ทำเป็นแบบเป็นอย่างพระปรีชา
|
กระทำมามากมายด้วยสายใย
|
ทรงห่วงหาอาทรประชาราฎร์
|
ยังประกาศส่งเสริมอาชีพไข
|
สามสามแปดโครงการส่งเสริมนัย
|
อาชีพให้ราษฎรหายร้อนรน
|
นำเสนอทฤษฎีการเกษตร
|
หลายแขวงเขตทำได้ไม่สับสน
|
เศรษฐกิจพอเพียงเยี่ยงผู้คน
|
มิอับจนกินอยู่รู้จักพอ
|
ทุกโครงการเพื่ออาณาประชารัฐ
|
ช่วยขจัดยากจนแท้จริงหนอ
|
พระขยันทรงงานมิรีรอ
|
มิเคยท้อตลอดชีพคือทรงงาน
|
ด้านการศาสนา
| |
ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก์
|
เป็นผู้นำปฏิบัติทุกสถาน
|
พระทรงศีลทรงธรรมมานับนาน
|
ทั้งทรงผ่านออกผนวชประเพณี
|
ทรงทนุบำรุงทุกศาสนา
|
พระเมตตาเผื่อแผ่ทุกวิถี
|
ให้ทุกชนทุกศาสน์ได้อยู่ดี
|
สบสุขมีกิจกรรมตามชุมชน
|
ทรงส่งเสริมกิจศาสนศึกษา
|
พัฒนาวัดไว้ทุกแห่งหน
|
พัฒนายศเกียรติพระสกล
|
ตั้งพัดยลงดงามตามพิธี
|
พระดำริพุทธมณฑลสถาน
|
จัดโครงการก่อสร้างสมศักดิ์ศรี
|
สมเป็นเมืองพุทธแท้ไทยธานี
|
มายมายมีสั่งบุญกุศลกรรม
|
อารามหลวงจัดทรัพย์ไว้อุดหนุน
|
พระสั่งบุญเทียนพรรษามานานฉนำ
|
กฐินหลวงมิขาดจัดประจำ
|
ทั้งทรงธรรมเพ็ญเพียรพระบารมี
|
สิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์คิดค้นในหลวง
| |
ขอชื่นชมพ่อหลวงยอดนักคิด
|
สิ่งประดิษฐ์ควรชมสมศักดิศรี
|
เป็นสง่าแก่พระองค์วงศ์จักรี
|
สุดจักที่พรรณนาได้ครบครัน
|
กังหันชัยพัฒนาเติมอากาศ
|
เมื่อน้ำขาดออกซิเจนจักแปรผัน
|
จนเน่าเสียแก้เสริมเติมให้ทัน
|
ด้วยกังหันนามชัยพัฒนา
|
เครื่องกลเติมอากาศแบบกดอัด
|
ดูดน้ำชัดใต้ผิวน้ำนำไปหา
|
ออกซิเจนเติมลึกเต็มอัตรา
|
ประทับตราสิทธิบัตรพระเชี่ยวชาญ
|
ทรงคิดค้นพลังงานทดแทนไว้
|
คงต้องใช้สักวันเสกสรรค์สาน
|
น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ลองใช้งาน
|
ทดลองผ่านเครื่องยนต์กลดีเซล
|
สิทธิบัตรจดแล้วปีสี่สี่
|
เพราะทรงมีแนวคิดที่เล็งเห็น
|
ยามขาดแคลนสิ่งนี้จักจำเป็น
|
พระเฉกเช่นเทพจุติโปรดประชา
|
น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ใช้หล่อลื่น
|
มิต้องฝืนสองจังหวะเครื่องยนต์หนา
|
ทดลองดูได้ผลพระปัญญา
|
ทรงได้มาสิทธิบัตรจัดการ กล
|
ทรงเสด็จไปเหนือฤๅอีสาน
|
ได้พบพานความแล้งทุกแห่งหน
|
ป่าก็มีเมฆก็มากยากสายชล
|
พระกังวลหากคุมได้คงจักดี
|
ทรงดำริจักก่อนับนานเนิ่น
|
ค่อยเจริญก้าวไปในวิถี
|
ทรงวิเคราะห์วิจัยประมวลมี
|
ที่สุดชี้ทำได้ไทยปรีดา
|
ทรงคิดค้นฝนเทียมในอากาศ
|
ให้สามารถคุมเมฆเสกเสาะหา
|
บังคับให้แปรผันตกลงมา
|
เป็นธาราสายฝนชนชื่นชม
|
สิทธิบัติงานนี้ปีสี่ห้า
|
ประทับตราพ่อหลวงดูเหมาะสม
|
คินค้นมานานปีคามนิคม
|
ล้วนนิยมสรรเสริญพระบารมี
|
ทรงคิดเรือผลักน้ำในลำคลอง
|
ยามน้ำนองไหลช้าน่าหน่ายหนี
|
เรือผลักดันช่วยได้ระบายดี
|
ทุกถิ่นที่น้ำท่วมร่วมจัดการ
|
ทรงคิดค้นแกล้งดินถิ่นที่เปรี้ยว
|
ยากนักเทียวปลูกไม้ได้ว่าขาน
|
ปล่อยให้เปรี้ยวจัดนักค่อยระราน
|
ชะล้างนานกลับกลายเป็นดินดี
|
ปลูกพืชได้งอกงามตามเหมาะสม
|
ชนนิยมเอาอย่างต่างวิถี
|
ดินที่เสียกลับได้ประโยชน์มี
|
จดแล้วชี้สิทธิบัตรพ่อหลวงเรา
|
สมาพันธ์นักประดิษฐ์นานาชาติ
|
ได้ประกาศกิจกรรมของพวกเขา
|
ยกย่องท่านเป็นบิดาผู้ชาญเชาวน์
|
สามารถเอาเป็นอย่างสร้างผลงาน
|
ฮังการีหน่วยนี้เขามีอยู่
|
ทั่วโลกรู้เลื่องลือเขาสื่อสาร
|
ห้าธันวาห้าศูนย์ประกอบการ
|
ยกย่องท่านพ่อหลวงปวงประชา
|
อีกมากหลายรางวัลเกียรติบัตร
|
ต่างชาติจัดถวายท่านเราหรรษา
|
ต่างชื่นชมพระบารมีชวนปรีดา
|
พระปัญญาเสกสรรค์บารมี
|
พระอัจฉริยภาพด้านอื่น ๆ
| |
มากเรื่องเล่าเบ็ดเตล็ดเรื่องพ่อหลวง
|
ชนทั้งปวงอยากรู้พระทรงศรี
|
ทรงงานหนักมากไปในธานี
|
เรื่องราวที่เบาเบาอย่างไรฤๅ
|
พระทรงเป็นนักเขียนรู้หรือไม่
|
รู้เอาไว้นายอินทรงหนังสือ
|
อีกติโตทรงเขียนด้วยลายมือ
|
ที่เลืองชื่อมหาชนกขจายขจร
|
เส้นเกสาตัดออกบอกรวมไว้
|
บรรจุใส่ธงทหารชาญสมร
|
คือธงชัยเฉลิมพลศึกรานรอน
|
ดังพระร้อนร่วมศึกกับชายชาญ
|
ที่ยี่สิบกอคอปีสี่เก้า
|
จะทรงเข้าผ่ากระดูกสันหลังขาน
|
ให้ติดตั้งคอมไว้ออนไลน์งาน
|
พายุผ่านเข้าไทยนัยกังวล
|
หมอผ่าตัดเรียบร้อยปลอดภัยยิ่ง
|
มิยอมนิ่งติดตามข่าวลมฝน
|
น้ำพระทัยเหลือเฟือเพื่อปวงชน
|
ลืมตัวตนพระองค์ป่วยช่วยประชา
|
เล่ากันว่าปลานิลมิเสวย
|
เมื่อก่อนเคยได้รับของขวัญหนา
|
จักรพรรดิญี่ปุ่นประทานมา
|
ประมาณว่าปีศูนย์แปดห้าสิบตัว
|
ทรงเพาะเลี้ยงเอาไว้ที่สวนจิตรฯ
|
ทรงใกล้ชิดชอบปลาน่าชวนหัว
|
ขยายพันธุ์เร็วนักชักพันพัว
|
กระจายทั่วสำคัญเจ้าปลานิล
|
ประทานให้กรมประมงไปขยาย
|
จนมันกลายเป็นปลาไทยกระแสสินธุ์
|
เติบโตไวทุกแหล่งแอ่งอาจิณ
|
เจ้าแผ่นดินพระองค์ท่านประทานมา
|
เขาจัดทำทอดกรอบนิลถวาย
|
ทรงให้ย้ายออกไปไม่แตะหนา
|
ฉันเลี้ยงมันเหมือนลูกผูกพันปลา
|
จักให้ข้าลองกินได้อย่างไร
|
พระทรงเขียนดินสอปีละโหล
|
ฟังแล้วโอ้พ่อหลวงมิสงสัย
|
ทรงอบรมมาดีเจียรนัย
|
มิทรงใช้ฟุ่มเฟือยเหมือนชาวเรา
|
คนใช้คอมรู้ฟอนท์กันไหมนา
|
จิตรลดาภูภิงค์ติงอย่าเขลา
|
ฝีมือท่านพ่อหลวงมิใช่เบา
|
รีบหาเอามาใช้ได้มงคล
|
ทำไมเขาเรียกท่านว่าในหลวง
|
คนทั้งปวงจำได้ไม่สับสน
|
คนเหนือขานนายหลวงภูมิพล
|
เปลี่ยนจนเป็นในหลวงปวงประชา
|
พ่อหลวงท่านมิชอบการแบ่งแยก
|
ถึงผิดแผกโดยชาติวาสนา
|
คราวหนึ่งนั่งคอปเตอร์เสด็จมา
|
คนรอท่าห้วยสัตว์ใหญ่มีมากมาย
|
บังเอิญฝนห่าใหญ่ตกมาพร้อม
|
ผู้คนน้อบรับเสด็จมิห่างหาย
|
รับสั่งเก็บร่มไว้ให้เปียกกาย
|
ทรงทักทายกลางฝนชนชื่นชม
|
ทรงประชวร
| |
พระทรงงานตรากตรำด้วยลำบาก
|
ทรงงานมากกิจการงานเหมาะสม
|
เพื่อประชามากมวลควรนิยม
|
น่าขื่นขมลำบากพระวรกาย
|
นับนานเข้าเหน็ดเหนื่อยพระเมื่อยล้า
|
พระฉายาเห็นได้จนใจหาย
|
พระเสโทหยดไหลไม่คลาคลาย
|
มิสบายทรงห่วงปวงประชา
|
ทรงงานได้ทุกวันไร้วันหยุด
|
ตื่นรีบรุดแน่วแน่แก้ปัญหา
|
ยามหนุ่มแน่นทำได้การนานา
|
ล่วงเลยมาสูงวัยภัยคุกคาม
|
พระอาพาธิเล็กน้อยเริ่มรานรุก
|
ยากอยู่สุขพบหมอก็ไต่ถาม
|
พระอาการใส่ใจทุกทุกยาม
|
คนติดตามพระอาการตลอดมา
|
ข่าวเสด็จประทับศิริราช
|
มีประกาศเป็นช่วงช่วงยังห่วงหา
|
ไหว้คุณพระคุณเจ้าได้เมตตา
|
ช่วยรักษาทรงรอดปลอดโรคภัย
|
ปีห้าแปดห้าเก้าเข้าถี่มาก
|
ชนเหลือหลากเข้ากรุงมุ่งหลั่งไหล
|
ถวายพระพรแด่องค์พระทรงชัย
|
ขอทรงได้หายโรคทุกข์เบียดเบียน
|
เขาจัดมีบันทึกจารึกไว้
|
ผ่านเข้าไปกราบไหว้ก็ได้เขียน
|
ถวายพระพรถ้วนหน้ามาจำเนียร
|
มิอาเกียรณ์ซาบซึ้งพระเมตตา
|
คอยนับกาลแปรผันวันเดือนผ่าน
|
ตามข่าวสารนับวันขวัญผวา
|
เกรงสักวันพระองค์ท่านจักอำลา
|
ปวงประชาคงเศร้าเหงาอาลัย
|
ปีห้าศูนย์ผ่านมาถึงห้าเก้า
|
เสด็จเข้าศิริราชมิสงสัย
|
คงเพราะโรคาพาธอาจเป็นภัย
|
มินานได้เสด็จกลับค่อยยินดี
|
มินานก็เสด็จมาศิริราช
|
โรคาพาธิระรานนานวิถี
|
บ่อยเสียจนคนไทยใจไม่ดี
|
บ้างก็มีสวดมนต์ถวายพระพร
|
วันที่หนึ่งกันยาปีห้าเก้า
|
ได้ทรงเข้ารักษาน่าสังหรณ์
|
ฟังแถลงพระอาการโรครานรอน
|
พระทรงอ่อนกายหทัยเรื้อมานาน
|
เฝ้าติดตามแถลงการสามสิบสี่
|
ข่าวว่าดีแต่ยังรอหมอประสาน
|
เฝ้าระวังรอดูพระอาการ
|
ก็ทรงผ่านเดือนกันยามาด้วยดี
|
หนึ่งตอคอแถลงการณ์สามสิบหก
|
ค่อยโล่งอกปลอดไข้ในวิถี
|
แพทย์ยังตามเฝ้าระวังทุกยามมี
|
มิอาจชี้ทุกอย่างยากวางใจ
|
เก้าตุลาแถลงการณ์สามสิบเจ็ด
|
ที่สิบเอ็ดแลสิบสองแถลงไข
|
แถลงการณ์สามสิบแปดร้อนรุ่มใน
|
ดังฟอนไฟแผดเผาเศร้าในทรวง
|
พระอาการหนักหนาคราวิกฤต
|
หมอใกล้ชิดดูแลด้วยห่วงหวง
|
ผองประชาสวดมนต์ทั้งบำบวง
|
ช่วยพ่อหลวงพวกเราจงพ้นภัย
|
ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
|
ที่สิบสามตุลาม่านฟ้าปิด
|
เมฆหมอกมิดมืดครึ้มทึบทึมไฉน
|
พระพายนิ่งยิ่งเย็นจับจิตใจ
|
สายฟ้าไฟวูบวาบแปลบปลาบทรวง
|
จนบ่ายคล้อยฝนโปรยลมโชยช่วย
|
อกระทวยใจระทึกตรึกพ่อหลวง
|
ติดตามข่าวทุกทางพลางบำบวง
|
เทพทั้งปวงพรหมช่วยอวยฤทธี
|
ยามพ่อป่วยจงคลายอย่าได้เจ็บ
|
อย่าหนาวเหน็บอวยอุ่นคุณวิถี
|
เราสวดมนต์ภาวนาทุกราตรี
|
ขอจงมีพลังพอช่วยพ่อเรา
|
เสียงฟ้าฟาดกึกก้องนภากาศ
|
เม็ดฝนหยาดพงพีคีรีเขา
|
เย็นฉ่ำฝนสายฟ้ามิบางเบา
|
จนสั่นเทาหนาวเหน็บเจ็บดวงใจ
|
เขาประกาศพระบิดาลาลับแล้ว
|
ร่มโพธิ์แก้วชาวประชาจะหาไหน
|
พระเสด็จสู่สวรรค์ ธ ครรไล
|
สิบห้าได้นาฬิกาบอกนาที
|
ห้าสิบสองเศษมาได้จำจด
|
ศกสลดห้าเก้าเราหมองศรี
|
ทั้งแผ่นดินทุกข์ระทมตรมชีวี
|
นับแต่นี้ขาดพ่อคลอน้ำตา
|
ยกมือไหว้พระรูปแล้วลูบไล้
|
โอ้ดวงใจแผ่นดินสิ้นแล้วหนา
|
พระผู้ทรงปรานีมีเมตตา
|
ทุกข์ประชาคือกิจ ธ จัดการ
|
วาตภัยอุทกมีอัคคีเภท
|
ยามมีเหตุรุมรัฐจัดประสาน
|
ให้บรรเทาเบาบางพระเชิงชาญ
|
ผองภัยผ่านพระเกื้อเอื้ออาทร
|
พระสถิตแนบในทัยราษฎร์
|
ยามพระคลาดแรมไกลให้ทอดถอน
|
สู่สวรรค์ห่างไกลใจอาวรณ์
|
ขอส่งพรโดยเสด็จสวัสดี
|
รวมพลังบุญกุศลผลเคยก่อ
|
จงมากพอเป็นยานทิพย์วิถี
|
รองพระบาทโดยสะดวกจรลี
|
ขอทรงมีเกษมสุขสถาพร
|
จัตตาโรธัมมาอภิวัฒน์
|
คุณไตรรัตน์เทพสมสโมสร
|
รวมประสิทธิ์อิทธิบาทประสาทวอน
|
พระบิดรสบสันติ์นิรันดร์เทอญ ฯ
|
น้อมรำลึกและอาลัยครบสตมวาร
| |
ครบเจ็ดวันพระบิดาได้ลาจาก
|
ฟันฝ่ายากโศกเศร้าเทียมเขาเขิน
|
ยามกลิ้งทับปวงชนเจ็บปวดเกิน
|
ยากเจริญเจ็บจิตจำทุกข์ทน
|
ที่สิบสามตุลาคมอารมณ์ถวิล
|
นับแต่ยินข่าวเสด็จสู่เวหน
|
ยังสวรรคาลัยในกมล
|
อัดอั้นจนยากบอกออกความนัย
|
เคยเคารพศรัทธามหาบุรุษ
|
จิตพิสุทธ์ตริตามงามไฉน
|
ปฏิปทาทรงกิจการใดใด
|
ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์มหาชน
|
ทรงทำยิ่งโพธิสัตว์บำเพ็ญกิจ
|
ทศพิธบารมีเพิ่มพูนผล
|
ขอประทานวโรกาศบาทยุคล
|
บันทึกกลแจงอรรถชัดคดี
|
อันพระผู้บำเพ็ญโพธิสัตว์
|
กระทำวัตรเพื่อโพธิวิถี
|
หวังบรรลุโมกขธรรมปัจเจกมี
|
สัมมาชี้สัมพุทธสองประการ
|
ผู้บรรลุเฉพาะตนเรียกปัจเจก
|
พุทธเฉกยากสอนยากจักสาน
|
จึงมิใคร่จักมีบริวาร
|
จำเพาะท่านบรรลุพุทธิธรรม
|
ส่วนสัมมาสัมพุทธบุรษเลิศ
|
สุดประเสริฐตรัสรู้ยังมิหนำ
|
ยังสั่งสอนประกาศก่อกิจกรรม
|
สมนามคำสัมพุทธศาสดา
|
ผู้ปรารภพุทธภูมิสองประเภท
|
จิตพิเศษโพธิสัตว์นั่นแหละหนา
|
จักสำเร็จบารมีพากเพียรมา
|
จนแก่กล้าสามสิบพระบารมี
|
สิบชนิดจำแนกสามประเภท
|
ล้วนพิเศษปกติในวิถี
|
อุปะสองปรมัตถสามพอดี
|
เพ็ญเพียรชี้สามสิบทัศน์บริบูรณ์
|
สังเกตพระทรงธรรม์ดำเนินกิจ
|
ทั่วทุกทิศถิ่นไทยไม่เสื่อมสูญ
|
แก้ปัญหาทวยราษฎร์เรืองจำรูญ
|
อนุกูลทุกเขตถิ่นเทศไทย
|
คล้ายทรงเพียรบารมีโพธิสัตว์
|
อนุวรรตโพธิเห็นเป็นพิสัย
|
หนึ่งทานังสีลังปัญญานัย
|
ขันติได้เนกขัมมะวิริยา
|
มากสัจจะอธิษฐานพระเพ็ญยิ่ง
|
บางครานิ่งจิตจับอุเบกขา
|
ที่พบเห็นมากมายพระเมตตา
|
บารมีสามสิบทัศน์ทรงพากเพียร
|
ปวงข้าบาทร่วมถิ่นแผ่นดินเกิด
|
สุดประเสริฐโอกาสมิพลาดเขียน
|
จารึกคุณพ่อทำมาจำเนียร
|
ชาติวิเชียรโชติช่วงเพราะบารมี
|
ขอตั้งสัจอธิฐานตั้งมั่นไว้
|
เป็นเครื่องใช้บูชาพระทรงศรี
|
จักยึดมั่นกระทำแต่กรรมดี
|
ยึดเอาตรีรัตนะประจำใจ
|
จักปฏิบัติศีลห้าตลอดชาติ
|
มิยอมพลาดจนสิ้นอายุขัย
|
สมาธิฝึกฝนจนรู้นัย
|
ปัญญาไขด้วยอบรมภาวนา
|
ขออำนาจไตรรัตน์บุญกุศล
|
สั่งสมจนมากมายสืบเสาะหา
|
ประมวลรวมเป็นพลังด้วยเดชา
|
จากปวงข้าถวายบาทพระภูมี
|
เป็นพระราชกุศลผลอันเลิศ
|
พึงก่อเกิดยานทิพย์ภูมิวิถี
|
รองพระบาทยามเสด็จจรลี
|
สบสุขีสู่สวรรคาลัยเทอญ ฯ
|
น้อมรำลึกและอาลัยครบปัณณรสมวาร
| |
สิบห้าวันแล้วหนอพ่อมาจาก
|
สวรรค์พรากพระองค์ไปในเขาเขิน
|
สรวงสวรรค์ไกรลาศไกลเหลือเกิน
|
ขอน้อมเชิญส่งเสด็จทิพย์พิมาน
|
ทั้งปวงข้ารองบาทปราถนา
|
พร้อมใจมาด้วยรักสมัครผสาน
|
กระทำบุญสั่งสมศีลทาน
|
ฝึกองค์ฌานสมาธิบำเพ็ญบุญ
|
หวังสะสมกุศลผลอันเลิศ
|
สุดประเสริฐมากพลังหวังเกื้อหนุน
|
น้อมถวายแด่พ่อผู้การุณ
|
ทดแทนคุณเอื้ออาณาปรากร
|
ขอพระองค์พ้นโศกโรครุมเร้า
|
พ้นจากเศร้าสบสุขสโมสร
|
เสวยสุขสบสันติ์นิรันดร
|
ปวงข้าวอนจงสฤษดิ์ประสิทธิ์ชัย
|
ขอตั้งจิตสัจจอธิษฐาน
|
จักทำการทำกิจสิ่งไหนไหน
|
จักยึดตามโอวาทพระภูวนัย
|
ที่อยากให้ปวงข้าเป็นคนดี
|
ดำรงตนในศีลมีความสัตย์
|
จักเริ่งรัดการขยันขมันขมี
|
ความพอเพียงจักขยายทั่วธานี
|
พวกเรานี้จักลงมือให้ลือชา
|
จักรู้รักสามัคคีที่พ่อสอน
|
มิอาทรตามรอยบาทปรารถนา
|
จักสร้างตนสร้างอาชีพด้วยศรัทธา
|
ปรัชญาพ่อทำนำแนวทาง
|
จักยึดถือคุณธรรมพุทธศาสน์
|
ขอประกาศอกุศลจักสะสาง
|
ละเว้นบาปอธรรมจักละวาง
|
โดยนัยอ้างปาปัสสะอกรณัง
|
กุสลัสูปสัมมาพร้อม
|
น้อมจิตนำสู่กุศลเป็นมนต์ขลัง
|
สะสมบุญคุณงามตามพลัง
|
จงจิตตั้งสมาธิภาวนา
|
จักวางตนเป็นคนรู้หน้าที่
|
เป็นบุตรดีของพ่อแม่เฝ้าแลหา
|
คุณบิดรตอบแทนคุณมารดา
|
ยามแก่มาเป็นพ่อแม่มีคุณธรรม
|
เป็นลูกน้องที่ดีของนายจ้าง
|
เมื่อกลับข้างเป็นนายไม่ถลำ
|
บริหารกิจการงานที่นำ
|
ยุติธรรมครองการงานครองคน
|
เดชะบุญเกิดมาในหล้าโลก
|
นับเป็นโชคยิ่งแล้วมิสับสน
|
ในแผ่นดินทรงธรรมมิ่งมงคล
|
ภูมิพลมหาราชปราชญ์แผ่นดิน
|
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
|
คารวะทรงธรรมล้ำเลิศศิลป์
|
รำลึกถึงพระคุณเป็นอาจิณ
|
จวบจนสิ้นชีพวายมิคลายแล ฯ
|
------------------
|
อาลัยครบสตมวาร | |||
ครบเจ็ดวันพระบิดาได้ลาจาก | ฟันฝ่ายากโศกเศร้าเทียมเขาเขิน | ||
ยามกลิ้งทับปวงชนเจ็บปวดเกิน | ยากเจริญเจ็บจิตจำทุกข์ทน | ||
ที่สิบสามตุลาคมอารมณ์ถวิล | นับแต่ยินข่าวเสด็จสู่เวหน | ||
ยังสวรรคาลัยในกมล | อัดอั้นจนยากบอกออกความนัย | ||
เคยเคารพศรัทธามหาบุรุษ | จิตพิสุทธ์ตริตามงามไฉน | ||
ปฏิปทาทรงกิจการใดใด | ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์มหาชน | ||
ทรงทำยิ่งโพธิสัตว์บำเพ็ญกิจ | ทศพิธบารมีเพิ่มพูนผล | ||
ขอประทานวโรกาศบาทยุคล | บันทึกกลแจงอรรถชัดคดี | ||
อันพระผู้บำเพ็ญโพธิสัตว์ | กระทำวัตรเพื่อโพธิวิถี | ||
หวังบรรลุโมกขธรรมปัจเจกมี | สัมมาชี้สัมพุทธสองประการ | ||
ผู้บรรลุเฉพาะตนเรียกปัจเจก | พุทธเฉกยากสอนยากจักสาน | ||
จึงมิใคร่จักมีบริวาร | จำเพาะท่านบรรลุพุทธิธรรม | ||
ส่วนสัมมาสัมพุทธบุรษเลิศ | สุดประเสริฐตรัสรู้ยังมิหนำ | ||
ยังสั่งสอนประกาศก่อกิจกรรม | สมนามคำสัมพุทธศาสดา | ||
ผู้ปรารภพุทธภูมิสองประเภท | จิตพิเศษโพธิสัตว์นั่นแหละหนา | ||
จักสำเร็จบารมีพากเพียรมา | จนแก่กล้าสามสิบพระบารมี | ||
สิบชนิดจำแนกสามประเภท | ล้วนพิเศษปกติในวิถี | ||
อุปะสองปรมัตถสามพอดี | เพ็ญเพียรชี้สามสิบทัศน์บริบูรณ์ | ||
สังเกตพระทรงธรรม์ดำเนินกิจ | ทั่วทุกทิศถิ่นไทยไม่เสื่อมสูญ | ||
แก้ปัญหาทวยราษฎร์เรืองจำรูญ | อนุกูลทุกเขตถิ่นเทศไทย | ||
คล้ายทรงเพียรบารมีโพธิสัตว์ | อนุวรรตโพธิเห็นเป็นพิสัย | ||
หนึ่งทานังสีลังปัญญานัย | ขันติได้เนกขัมมะวิริยา | ||
มากสัจจะอธิษฐานพระเพ็ญยิ่ง | บางครานิ่งจิตจับอุเบกขา | ||
ที่พบเห็นมากมายพระเมตตา | บารมีสามสิบทัศน์ทรงพากเพียร | ||
ปวงข้าบาทร่วมถิ่นแผ่นดินเกิด | สุดประเสริฐโอกาสมิพลาดเขียน | ||
จารึกคุณพ่อทำมาจำเนียร | ชาติวิเชียรโชติช่วงเพราะบารมี | ||
ขอตั้งสัจอธิฐานตั้งมั่นไว้ | เป็นเครื่องใช้บูชาพระทรงศรี | ||
จักยึดมั่นกระทำแต่กรรมดี | ยึดเอาตรีรัตนะประจำใจ | ||
จักปฏิบัติศีลห้าตลอดชาติ | มิยอมพลาดจนสิ้นอายุขัย | ||
สมาธิฝึกฝนจนรู้นัย | ปัญญาไขด้วยอบรมภาวนา | ||
ขออำนาจไตรรัตน์บุญกุศล | สั่งสมจนมากมายสืบเสาะหา | ||
ประมวลรวมเป็นพลังด้วยเดชา | จากปวงข้าถวายบาทพระภูมี | ||
เป็นพระราชกุศลผลอันเลิศ | พึงก่อเกิดยานทิพย์ภูมิวิถี | ||
รองพระบาทยามเสด็จจรลี | สบสุขีสู่สวรรคาลัยเทอญฯ | ||
โพส30ตุลาคม2559 | |||
ครบรอบ1ปีนับแต่เสด็จสู่สวรรคาลัย | |||
จำเนียรกาลครบหนึ่งปี | พระภูมีสู่สวรรคาลัยไป | ||
ยังทรงอยู่ด้วยคุณพระภูวนัย | ประชาไทยน้อมระลึกคุณานันต์ | ||
นานาคำพ่อนสอนทรงคุณค่า | ผองประชาน้อมนำคำสอนสรรพ์ | ||
ได้ศึกษาปฏิบัติตามพ่อพลัน | สอนผูกพันเพื่อประชาสถาพร | ||
จงดูแลสุขภาพพลานามัย | ใจเข้มแข็งเยือกเย็นสโมสร | ||
คุณสมบัติทั่วไปไทยนิกร | พระอาทรห่วงหาประชาไทย | ||
ประเทศชาติเจริญมากหลากคนดี | ยากจักมีทั้งมวลชวนสงสัย | ||
ขอคนดีมีอำนาจชาติเดินไป | คนส่วนใหญ่คนดีนี่สมควร | ||
ทรัพยากรมากมายใช้คุ้มค่า | ควรศึกษารู้รอบรู้สอบสวน | ||
ทำไฉนจักใช้งานนานกระบวน | พระชักชวนรู้จักใช้รู้จักพอ | ||
เป็นคนไทยพึงขยันหมั่นเพียรมาก | การงานหลากคนขยันนั่นแหละหนอ | ||
จักกระทำสำเร็จมิรีรอ | อย่าได้ท้อมานะพยายาม | ||
พึงฝึกตนอ่อนโยนใช่อ่อนแอ | คนไทยแท้ฝึกไว้ได้ทุกนาม | ||
มีคุณค่าน่ารักน่าติดตาม | ทุกเขตคามเป็นมิตรชิดไมตรี | ||
รักพูดจริงทำจริงสิ่งถูกต้อง | ตามทำนองคนไทยไว้ศักดิ์ศรี | ||
กระทำได้ตามจริงทุกสิ่งมี | นั่นแหละชี้ผองไทยประชากร | ||
พระตรัสว่าหนังสือคือออมสิน | เคยได้ยินเงินทองออมคนสอน | ||
ในหนังสือฝากวิชชานานาปกรณ์ | ทุกบทตอนค่าล้ำเลิศวิชชา | ||
เบิกก็ง่ายหยิบกันเลือกสรรอ่าน | จักบันดาลเฉลียวฉลาดปราชญ์แนะหา | ||
ขยันอ่านรอบรู้เรืองปัญญา | พระเมตตาบอกทางกระจ่างใจ | ||
ทุกคนมีหน้าที่พึงกระทำ | พึงจดจำหลายอย่างกระจ่างไข | ||
หน้าที่เป็นพ่อแม่นั่นอย่างไร | เป้นบุตรไซร้พี่น้องผองประชา | ||
เป้นญาติมิตรเพื่อนพ้องหรือน้องพี่ | ต่างก็มีหน้าที่สืบเสาะหา | ||
กระทำให้ดีเยี่ยมการนานา | จะนำพาสงบสรรพ์สูงสังคม | ||
ทุกคำสอนพ่อสั่งยังดีเลิศ | สุดประเสริฐงามเพราะล้วนเหมาะสม | ||
เป็นพระคุณยิ่งใหย่ไทยนิยม | ต่างชื่นชมบารมีพระภูธร | ||
พวกเราต่างศรัทธาพระโอวาท | บ้างประกาศตามรอยมิทอดถอน | ||
กระทำดีเพื่อพ่อมิตัดรอน | จะบทจรเพียรเสมอมิเลิกรา | ||
สาธุคุณแม้พระองค์ทรงนาราศ | ประชาชาติจากไกลในมรรคา | ||
สู่สวรรคาลัยสวรรยา | ปวงประชาขอถวายพระพรชัย | ||
ขออุทิศบุญกุศลผลอันเลิศ | จงก่อเกิดมรรคผลดลส่องไข | ||
เป็นมรรคาดำเนินคตินัย | เสด็จไปถึงนิพพานคติเทอญฯ | ||
โพส13ตุลาคม2560 | |||
26ตุลาคม2560วันถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9 | |||
สืบเนื่องงานถวายบังคมพระบรมศพ | ก็ได้พบศรัทธาน่าสรรเสริญ | ||
ประชาไทยจงรักภักดีเกิน | เดินทางจากทุกทิศตลอดมา | ||
แต่ละวันนับหมื่นคลื่นทวยราษฎร์ | ดังประกาศพระยศทศทิศา | ||
ล้วนมีใจใคร่พบพระบิดา | ขอวันทานอบนบพระภูมี | ||
จนสมควรเวลาทางการงด | กำหนดให้เป็นภาพพระทรงศรี | ||
ประดับชิดกำแพงวังพอดี | เลยเป็นที่สักการะพระบิดา | ||
ไม่เคยขาดแห่เข้าเฝ้าเคารพ | ต่างขอจบอภิวันทน์ช่างสรรหา | ||
ธูปเทียนทองกรองกันฑ์คันธ์มาลา | ขอบูชาด้วยใจในพระคุณ | ||
มีประกาศทางการกำหนดวัน | กิจเสกสรรค์ถวายพระเพลิงเถกิงหนุน | ||
ยี่สิบหกตุลาหกศูนย์ปุน | อภิบุญส่งเสด็จครั้งสำคัญ | ||
ได้เห็นชาวประชาพากันคิด | กระทำกิจบูชานานาสรรพ์ | ||
บ้างขอทำความดีบูชากัน | บ้างขยันทำกิจพ่อแนะนำ | ||
บ้างสัญญากิจที่ดีพ่อสอน | เอื้ออาทรแก่ใจไม่ถลำ | ||
พ่อโอวาทเสมอให้ไทยจดจำ | รักกันคำสามัคคีดีต่อใจ | ||
ดีต่อชาติบ้านเมืองเรืองวิเศษ | การประเทศกิจกรรมนำสมัย | ||
อีกมากมายกิจบูชาพระทรงชัย | ประชาไทยเทิดทูน ธ บูชา | ||
งานพระเมรุมาศประกาศแล้ว | พระดวงแก้วครรไลในเวหา | ||
สรวงสวรรค์เนื่องในดุสิดา | ยิ่งใหญ่คราครั้งนี้ยากพบพาน | ||
งามอาคารบุษบกเมรุมาศ | ดารดาษทุ่งพระเมรุสี่สถาน | ||
งดงามยิ่งเที่ยมเทียบเทพพิมาน | ช่างบันดาลสมพระเกียรติพระจักรี | ||
รายรอบทำเป็นสระอโนดาต | รอบปราสาทสัตว์ป่าเสือสิงห์สีห์ | ||
ล้วนแบบจากหิมพานต์ย่านพงศ์พี | เทพทั้งสี่มหาราชิกา | ||
บริวารเทพไทในลำดับ | งามระยับประณีตศิลป์ช่างเสาะหา | ||
จงเจตน์ทำจารึกเพื่อบูชา | พระบิดาชาวไทยสมใจจริง | ||
ความยิ่งใหญ่หาใช่เพียงแค่นี้ | แต่ยังมีผองไทยทั้งชายหญิง | ||
จัดพระเมรุมาศงดงามยิ่ง | จำลองสิ่งบูชาทุกถิ่นไทย | ||
แพร่กระจายต่างประเทศก็มีด้วย | ต่างจัดสวยงดงามตามวิสัย | ||
มีคนนับพันร้อยแห่งทำไป | วางดอกไม้บูชาวันเดียวกัน | ||
คาดเป็นงานยิ่งใหญ่มหาศาล | พระองค์ท่านบารมีทรงเสกสรรค์ | ||
เพื่อประชามากมายนับอนันต์ | บันดาลให้ผองรักแลศรัทธา | ||
กระบวนงานพระเมรุมาศจะเริ่มแล้ว | อัญเชิญแก้วจอมจักรในมรรคา | ||
ยี่สิบหกสามขบวนชวนทัศนา | นามว่าพระบรมราชอิสสริยยศ | ||
ถามผู้รู้บอกให้ได้ความว่า | คราพระโกศทองใหญ่เคลื่อนกำหนด | ||
พระยานมาศสามลำคานใช้แทนรถ | บทจรจากดุสิตมหาปราสาทจร | ||
พระมหาพิชัยราชรถรอ | ส่งเสร็จก็ริ้วหนึ่งจึงจะถอน | ||
ขบวนริ้วที่สองรับต่อตอน | ยาตรารอนแรมทางกลางมรรคา | ||
จากวัดเชตุพนกระบวนใหญ่ | แห่แหนไปทุ่งพระเมรุเส้นนั้นหนา | ||
งดงามเช่นขบวนเทพยุรยาตรา | เป็นมนตราแห่งราชประเพณี | ||
ส่งไปถึงทุ่งพระเมรุเสร็จภาระ | จะส่งมอบริ้วที่สามตามวิถี | ||
อัญเชิญสู่ราชรถปืนใหญ่มี | แห่ไปที่พระเมรุมาศพลัน | ||
จัดเวียนอุตตราวัฏครบสาม | ถูกต้องตามธรรมเนียมราชรังสรรค์ | ||
ส่งพระโกฏขึ้นสู่พระเมรุพลัน | ก็จบกันการแห่สามกระบวน | ||
จากนั้นเป็นพระราชพิธี | ประเพณีงดงามตามสอบสวน | ||
ถวายพระเพลิงพระบรมศพชวน | ขื่นชมล้วนสมพระเกียรติพระภูมี | ||
ไทยน้อมส่งเสด็จสวรรคาลัย | รวมใจหนึ่งกุศลส่งพระทรงศรี | ||
บุญฤทธิ์อุทิศพระจักรี | ขอทรงมีอภิภพภูมิดำเนิน | ||
เยี่ยงองค์พระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ | ทางส่องใสบารมีควรสรรเสริญ | ||
ทางแห่งโพธ์แม้นหวังจงเจริญ | ขอเชิญชวนส่งเสด็จดำเนินไป | ||
ปวงข้าบาทอยู่หลังขอตั้งจิต | ปติชญามั่นคงมิสงสัย | ||
จักศึกษาโอวาทพระทรงชัย | นำมาใช้ปฏิบัติสัจจการ | ||
งานพระราชทานปริญญาบัตร | ธทรงตรัสโอวาทให้อาจหาญ | ||
ปีสองสี่เก้าหกชนชื่นบาน | ไทยดวงมานพึงอ่อนโยนใช่อ่อนแอ | ||
นักศึกษาประชาชนล้วนสาธุ | คุรุวาทยอดยิ่งพระกระแส | ||
ทันสมัยซึมซับมากนักแล | สาธุแท้มากคุณบุญประชา | ||
ที่สิบสองธอคอปีหนึ่งสาม | ช่างงดงามโอวาททรงสรรหา | ||
บางสิ่งการฝ่ายชั่วกลัวไว้นา | ข่มใจพาหลบเลี่ยงมิกระทำ | ||
กิจฝ่ายดีถึงยากหากใจหนัก | มิยอมพักอดไว้ใจสู้นำ | ||
จนการเสร็จผลดีมีประจำ | กุศลกรรมเกิดได้พยายาม | ||
แม้นทุกคนใฝ่บุญคุณกุศล | จักบันดลสันติสุขยิ่งโลกสาม | ||
โลกเจริญสงบสนิทจิตงดงาม | มงคลตามก่อเกิดประเสริญคุณ | ||
สมนามคำเอาชนะใจตนได้ | พระองค์ให้โอวาทประกาศหนุน | ||
ยุวพุทธชาวไทยผู้ใคร่บุญ | ทรงการุณอยากให้ใจเบิกบาน | ||
ห้องสมุดจัดงานปีหนึ่งสี่ | พระทรงมีโอวาทให้อาจหาญ | ||
บรรณารักษ์จักเป็นผู้จัดการ | ออมสินสารวิชชาสะสมมี | ||
ให้ผู้คนเลือกใช้ไม่คิดค่า | ได้ปัญญาฉลาดคุณอุ่นราศี | ||
เพราะออมสินวิทยาค่าคือดี | สะสมชี้จักฉลาดเป็นปราชญ์ชาญ | ||
อีกครั้งเดือนตุลาปีหนึ่งหก | พระทรงยกความเพียรให้สืบสาน | ||
จักสร้างตนสร้างคนคนชำนาญ | ทำกิจการหนักเบาลุล่วงไป | ||
สัมฤทธิ์ผลพัฒนาสารพัด | เพียรเร่งรัดมิท้อต่อกิจไหน | ||
เพียรเข้มแข็งแกร่งขลังพลังใจ | ร่วมกันได้ดังคาดชาติวัฒนา | ||
วันเด็กปีสองหนึ่งซาบซึ้งจิต | บพิธราชประทานลายเลขา | ||
หนังสือเด็กเผยแพร่โอวาทา | โอบุตราจงตรองดูรู้จักตน | ||
มีสติเสมอชื่อรู้จัก | รักกายจิตคิดได้ไม่สับสน | ||
ละทางชั่วใฝ่ดีจึงมีมนต์ | เป็นมงคลแก่ชีวิจจิตเจริญ | ||
พระราชทานปริญญาบัตรมอขอ | ตรงพอศอสองหนึ่งซึ้งสรรเสริญ | ||
รู้จักรับรู้จักให้ได้ดีเกิน | จึงดำเนินชีวิตวัฒนา | ||
รับใช้ชาติบ้านเมืองก็เรืองรุ่ง | จักผดุงกิจตนก็หรรษา | ||
กิจใดช่วยยินช่วยด้วยเมตตา | เป็นประชาชนไทยใจอารี | ||
วันเด็กศกสามหนึ่งยังซึ้งจิต | บพิธให้ซื่อสัตย์เป็นศักดิ์ศรี | ||
ขอชาวไทยสัตย์ซื่อถือความดี | ธ ปราณี โอวาทประกาศธรรม | ||
ทรงแนะนำเศรษกิจพอสมควร | จึงจักชวนพัฒนาอย่าถลำ | ||
ก้าวเกินไปสะดุดได้ทุรกรรม | ก่อเกิดคำเศรษฐกิจที่พอเพียง | ||
สอนนิสิตเข้ารับปริญญาบัตร | จุฬาฯจัดโอวาทประกาศเสียง | ||
เป็นบัณฑิตพูดจริงค่อยจำเรียง | กระทำเพียงที่พูดเป็นมงคล | ||
ทุกถ้อยคำมากคุณกรุณค่า | พระเมตตาผู้ฟังทุกสถล | ||
ก่อปัญญาก่อคุณบุญทุกชน | เมธิดลแซ่ซร้องพระบารมี | ||
แม้เสด็จสวรรคาลัยแล้ว | ยังเป็นแก้วเป็นสง่าเลิศราศี | ||
แห่งแผ่นดินประชาไทยทั่วธาตรี | จอมจักรีจักรพรรดิ์วิวัฒน์บวร | ||
ขอทรงพระเจริญอมตรัชต์ | ศิริสวัสดิ์เกษมศรีสโมสร | ||
นิรทุกข์ประสบสันต์พิพิธพร | ณ อัมมรพิมานแมนนิรันดร์เทอญ ฯ | ||
ข้าพระพุทธเจ้า นายยขุนทอง ศรีประจง ประพันธ์
| |
โพส 4 พฤศจิกายน 2559
| |
14 พย 59 ตรวจแก้ไขคำผิด และแก้วรรคตอนที่ตกสัมผัส
28 ตค..60 โพสต่อ สตมวาร และช่วงภวายพระเพลิง |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น