วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รวมกาพย์กลอนร่วมกิจกรรม



........เพื่อนชาวสมาคมนักกลอน ชวนให้เขียนกาพย์กลอนไปร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตามแต่จะกำหนดกระทู้ให้เขียนไปเขียนมามีเยอะเหมือนกัน เลยรวบรวมมาเก็บไว้ด้วยกัน เดี๋ยวหาไม่เจอ อ้อ..ออกจากสมาคม มาแล้ว เพราะใช้นามแฝง ทำให้คนเข้าใจผิดว่าเราปิดบัง ชื่อจริญญา ยังกะวัยรุ่น ก็ขอโทษและเลิกแล้วไม่ไปยุ่งอีก  ข้อเขียนบางส่วนที่เก็บไว้เป้นที่ระลึก

  ----------------------รอยธรรม รอยทอง--------------------
กลอนแปด
.......เห็นแทกเรื่องรอยธรรมคำรอยทอง.....ยามนั่งมองจับความตามประสา
คำง่ายง่ายแต่ลึกล้ำเหลือคณา...................ยกศาลาหอไตรตอบไม่พอ
รอยธรรมนั่นอยู่ไหนใครรู้จัก...................แลรูปลักษณ์เป็นไฉนกันล่ะหนอ
หลวงปูว่ารอยธรรมงามลออ....................เปรียบดังล้อรถงามวิศิษฐ์ไกร
ดูรอยรถรอยเกวียนเพียรลองเลื่อน............ยามมันเคลื่อนรอยปรากฏหมดสงสัย
อันธรรมเล่าพุทธองค์ทรงเลื่อนไป............พอเข้าใจปวัตติ์ธรรมคำแสดง
เพ็ญเดือนหกตรัสรู้ธรรมพิเศษ..................ล่วงเข้าเขตสองเดือนทรงแถลง
เพ็ญเดือนแปดจวบวารการเปลี่ยนแปลง....โลกได้แจ้งธรรมจักรปวัตติไป
ทรงหมุนล้อแห่งธรรมนำชาวโลก..............สิ้นทุกข์โศกมอดมลายหายสงสัย
นามพระสูตรธรรมจักรชัดเจนนัย..............กงล้อใหญ่แห่งธรรมพระศาสดา
ยามกงจักรหมุนไปได้เห็นชัด..................อริยสัจเชื่อมกงล้อนั่นหนา
หรือจักมองแปดช่องก็มรรคา....................รอยธรรมมามรรคแปดปรากฎมี
แตกสิบหกช่องธรรมก็ทำได้.....................เปลี่ยนมาใช้วิปัสสนาญาณวิถี
ปัจจยาการไปกลับครบพอดี....................สองสิบสี่ช่องธรรมนำเป็นรอย
แต่งจักรงามสามสิบเจ็ดช่วงพร้อมพรัก......โพธิปักษ์สามสิบเจ็ดมิถดถอย
ธรรมจักรงามผ่องลองตามคอย.................ดังแต่งสร้อยพราวเพชรเก็จมณี
จักตามรอยแห่งธรรมนำสิ้นทุกข์...............จำต้องปลุกสติงามตามวิถี
ปัฏฐานธรรมกายาแลจิตมี........................เวทนาชี้อีกตัวธรรมารมณ์
ตั้งสติตามดูให้รู้เห็น................................สติเป็นปัจจุบันทันเหมาะสม
จนแน่วแน่มันคงเอกอุดม..........................ปัญญาคมรูปนามตถาตา
ตามต่อไปไม่หยุดสุดประเสริฐ...................จนก่อเกิดปรีชาญวาสนา
เดินตามมรรคตามรอยพระศาสดา...............ทรงนำพาพ้นทุกข์สบสุขแล ฯ
-------------------
จริญญา แสงทอง โพส  : 19/11/2558
-------------------

----------------สนทนาเรื่อง ร่ม-----------------------

ครูชวนคุยเรื่องร่มคมจริงหนอ............. แค่จักขอนิยามเมื่อถามถึง
คิดมิออกบอกมิได้ใจคะนึง................. จนตะลึงร่มมันกว้างความกระจาย
แดดมิส่องเกิดร่มชมว่าใช่................... กลางคืนไร้แดดส่องมองร่มหาย
เออมันมืดมิใช่ร่มหรือครับนาย............. อีกมากมายนิยามร่มชวนงงงวย
หนึ่งร่มฉัตรเครื่องสูงเจ้านายใช้........... อีกร่มใหญ่สับปทนยลก็สวย
ร่มกระดาษขายดีมีคนรวย................... ร่มผ้าด้วยหลากสีชี้เชิญชม
อีกร่มผ้าหน้าแหกแหวกมิได้................ กลากมันใส่คันคะเยอชักขื่นขม
มีชูชีพกางให้ไล่ลอยลม....................... เขาเรียกร่มโดดได้สบายใจ
ส่วนทำการโดดร่มมิสมศักดิ์ .................เดี๋ยวโดนหักคะแนนแสนแสบไฉน
ร่มจ้องงามชวนจ้องน้องทรามวัย........... คนสวยได้กางจ้องมองรื่นรมย์
ร่มไม้เย็นแดดกล้าได้อาศัย .....................ร่มเกล้าใหญ่บารมีสุดดีสม
ปกประชาเขตนามคามนิคม.................... เย็นพระพรมกิตติคุณอุ่นประชา
ร่มโพธิ์เย็นเพราะธรรมอันล้ำเลิศ........... ร่มไทรเกิดคำสร้อยปริศนา
พรหมวิหารปิตุเรศปกเกศมา ...................เราเรียกว่าร่มโพธิแลร่มไทร
ขออีกร่มเย็นนักใคร่จักรู้.......................... บรมครูประกาศชี้มิสงสัย
คือร่มธรรมควรถึงจะซึ้งใจ ......................ยึดเอาไว้ปฏิบัติสัจการ
ร่มมีไว้กั้นเงาแดดแลฝน ........................ช่วยให้คนเย็นจิตประสิทธิ์ประสาน
เงากิเลสตัณหามาระราน ........................ยากจักผ่านร่มธรรมจำได้ดี
ขอละร่มเพียงย่อพอได้รู้ ........................ขอโทษครูผิดพลั้งต่างวิถี
เพียงอยากร่วมกิจกรรมทำวจี................ ผูกกลอนชี้เรื่องร่มขมจริงจริง ฯ

....................ว่าเรื่องคลื่นกัน...............................

มองตามคลื่นคุณครูแดงแสงหายวับ....... หนูเพิ่งกลับจากเที่ยวเหลียวแลหา
โหคุณครูแลคลื่นมันตื่นตา..................... เหลือคณานักคลื่นแตกตื่นใจ
คลื่นรู้จักรอบตัวกลัวมันโถม................... ยามจู่โจมลำบากยากไฉน
ทั้งคลื่นลมคลื่นน้ำอุทกภัย..................... แถมคลื่นไฟความร้อนยากผ่อนคลาย
วิทยุแม่เหล็กไฟฟ้าด้วย ........................คลื่นเสียงช่วยสร้างสรรค์คุณค่าหลาย
ควบคุมดีมีค่ามองมากมาย.................... จักชั่วร้ายคุมมิดีมีเภทภัย
คลื่นหลายอย่างก่อนนั้นยังไม่รู้............. มันวิ่งไปตามสายแบบไหนกัน
พอเก่งกล้าวิทยาปัญญาเกิด .................ล้วนประเสริฐเสาะไว้ให้เห็นจขัน
วิทยุมือถือทีวีนั้น ..................................ขาดแล้วพลันหมดสุขทุกข์แทบตาย
คลื่นที่มองมิเห็นเช่นที่เล่า.................... ตอนนั้นเราขาดวิชชานึกว่าหาย
มันมีอยู่รอบตัวมิกลับกลาย................. มีมากมายเมื่อฉลาดอาจพบมัน
อีกหลายคลื่นยังไล่ไปมิถึง................. ยังตราตรึงผีหลอกบอกแล้วขัน
เรื่องนรกสงสารสาระพัน...................... เรื่องสวรรค์อีกด้วยช่วยตรองดู
อริยะหลายท่านพบพานแล้ว .................ดังส่องแก้วงามงดนึกอดสู
ไฉนเล่าเราฝึกนตรึกตามครู .................ยังมิรู้มิเห็นเป็นฉันใด
คลื่นความถี่สูงมากยากจักเห็น................. ต้องฝึกเช่นอริยะจึงจะไข
เรื่องภูติเทพพระพรหมพึงพัฒน์ไว........ ส่องสุกใสอภิญญากล้าจึงควร
คงเลียบคลื่นนิดหน่อยปล่อยกระแส .......ยามได้แลความหลังยังนึกสรวล
ยังไม่รู้บอกไม่มีชี้กระบวน....................... เจอเองชวนคนตื่นคลื่นทีวี
วิทยุพูดได้เชื่อไหมเล่า........................ เด็ดเด็กเขาคุยกันขันนวลฉวี
ขอดูหน้าดูใจเป็นไรมี............................ มันแบบนี้เหรอคลื่นน่าตื่นจริง ฯ


.....................วันพุธพิสุทธิ์ด้วยพุทธคณ........................

O=อิติปิโสภควา............................พระสัตถาทรงคุณบุญราศี
อรหังไกลจากกิเลสมี.......................บรรลุที่โมกขธรรมจำขึ้นใจ
สัมมาสัมพุทโธภิญโญยิ่ง...................รอบรู้จริงฟ้าดินสิ้นสงสัย
ตรัสรู้ด้วยพระองค์เกริกเกียรติไกร.........ทุกภพไตรแจ่มแจ้งกระจ่างจินต์
วิชชาจรณะสัมปันนะ.........................ปุพเพนิวาสะศาสตร์และศิลป์
จตูปปาตะจะโบยบิน........................จากแดนดินใดเห็นเจนแจ้งใจ
อาสวักขยะญาณหมด.......................ปลดกิเลสตัณหาผุดผ่องใส
อีกสิบห้าจรณะพระทรงชัย.................กระทำได้แจ่มแจ้งมิแคลงคลาง
อาทิสีลสัมปทาสัทธาจรัส...................อินทรีย์วัฒน์สังวรชาครสาง
โภชเนมัตตัญหิริทาง........................โอตตัปปะวางวิริยะสติเดิน  
อีกพาหุสัจจะปัญญากล้า....................ภาวนาจบฌานชวนสรรเสริญ
สิบห้าข้อจรณะ ธ เจริญ......................งดงามเกินสมคำสุคโต
ทรงรอบรู้โลกาปัญญาแจ้ง...................ทรงแสดงโลกธาตุชาติอักโข
แจกแจงภูมิชาติภพอนุตตโร.................โลกะธรรมโลกวิวัฒน์อรรถแสดง
ปุริสธัมมสารถีเลิศ.............................ครูประเสริฐสอนคนทุกเขตแขวง
สอนเทพพรหมลุธรรมนำแจกแจง...........สมนามแห่งพุทโธผู้เบิกบาน
ภควาผู้เจริญสั่งสอนสัตว์.......................สารพัดพระคุณยากจักขาน
มากพระคุณยิ่งนักขอสักการ................อธิษฐานปฏิบัติจัดบูชา
สัพพะบาปทั้งหลายมิกรายใกล้ ............กุศลแจ้งจำได้จักเสาะหา
ชำระจิตปลอดมลทินด้วยศัทธา............ปฏิญญาปฏิบัติตลอดไป ฯ

-----------------------ปฏิบัติศีล-------------------------

เป็นชาวพุทธบริษัทวัดด้วยศีล...........อย่าปีนป่ายปล่อยปละละห่างหนี
จักขาดคุณสมบัติวัตรไม่ดี................คนจักชี้บาปกรรมทำไม่งาม
ภิกษุภิกษุณีมีศีลวัตร.....................ปฏิบัติตลอดไปอย่าได้ถาม
หลับค่อยวางศีลไว้เพียงชั่วยาม.........ตื่นต้องตามรักษาอย่าละเลย
สามเณรสิบข้อก็มิต่าง.....................ไร้ข้ออ้างพักศีลอย่าทำเฉย
ตื่นตีสองลองมาม่าขาดตามเคย..........เขาจึงเอ่ยรักษาตลอดวัน
ฆราวาสชาวพุทธอุบาสก.................พวกแม่ยกสีกาอย่าเพิ่งขัน
ถือห้าข้อตลอดกาลเป็นสำคัญ...........ยามหลับนั้นวางได้ไว้ข้างกาย
ทุกสถานถือศีลสม่ำเสมอ................อย่าได้เผลอพลั้งพลาดศีลขาดหาย
จะอยู่บ้านไปวัดมิวุ่นวาย..................ศีลดังสายสร้อยประดับระยับวิไล
ครอบครัวคนมีศีลเป็นสุคติ...............ปราศอริรานรุกทุกสมัย
สีเลนสุคติงจึงเข้าใจ......................สุขแค่ไหนลองดูจะรู้จริง ฯ

----------ออกพรรษาอย่าลืมศีล-------------------------

ออกพรรษาอย่าลืมศีลสิ้นสงสัย.........ลืมมิได้เป็นพุทธพิสุทธิ์ศรี
ครั้งขอเป็นพุทธมามกะชี้.................ท่านให้มีศีลห้ามานานวัน
พ่อแม่ลูกรักศีลยินดีนัก....................อิ่มในรักเมตตาพาสร้างสรรค์
บ้านสงบเรือนสงัดสบายกัน...............ดังสวรรค์สุคติก็มิปาน
เลยยึดถือกันไว้มั่นใจแล้ว..............ดังได้แก้วเทพนิมิตจิตผสาน
ทุกเช้าต้องไหว้พระสมาทาน............ไปทำงานก็มีศีลทุกวลา
ลูกไปเรียนมีศีลประพฤติชอบ............มินอกกรอบสบายใจได้ศึกษา
แม่ค้าขายศีลวัตรจัดจรรยา...............พยาบาลคนพี่ศีลไม่วาง
สาธุออกพรรษาคือหน้าฝน...............คงกังวลกิจพระจักสะสาง
ออกจาริกสบายใจไปทุกทาง............จะพักค้างที่ใดไม่กังวล
ส่วนพวกเราชาวพุทธมิหยุดพัก.........รักทำบุญร่ำไปไม่สับสน
ทานมัยสีลมัยสาระวน....................ปัญญาชนภาวนาพารุ่งเรือง ฯ

---------------ดอกแควันพฤหัส-------------------------

O=ครูชวนให้แหล่...........ดอกแคพฤหัส
หนูไม่สันทัด..................ต้องพึ่งตำรา
เปิดดูแปลกหลาย..........มากมายนักหนา
แคบ้านแคป่า.............แคแสดหายไป
O=ตามดูสีสัน............ดอกมันเป็นไฉน
แคขาวแดงได้............แคม่วงยังมี
แคป่าเหลืองออก.........ดอกงามสดสี
แคฝรั่งขาวชี้...............ดอกดกนักแล
O=ดอกแครู้จัก...........เป็นผักนวลแข
ลวกจิ้มอร่อยแน่...........กินกันมานาน
บางถิ่นทำซุบ..............อุบไว้คนอีสาน
เก็บดอกแคบาน...........ทำซุบอร่อยเกิน
O=ตามหาแคแสด.......ลือแซดนึกเขิน
นำเข้าปลูกเพลิน.........สีสวยงามตา
มากข้อบ่งใช้..............สมุนไพรดีหนา
เป็นผักมากค่า............แคแสดมากคุณ
O=อึกชื่อแคฝอย.......ร้อยค่าควรหนุน
ชาริชาตอุ่น...............ไม้ในตำนาน
ประจำแดนสรวง.........ข่วงเขตไขขาน
ดาวดึงส์พิมาน...........มิ่งไม้มงคล
O=แคฝอยปาฏลิ........ผลิช่อสับสน
ประจำภพตน.............เหล่าอสูรภูมิใจ
เกือบลืมแคฝอย.........น้อยหน้าที่ไหน
ทองหลางเรียกไว้........สีแสดงดงาม
O=แคฝอยร้อยชื่อ.......คือศรีตรังถาม
ดอกก็งดงาม..............มึนงงดอกแค
เพียงชื่อมีมาก.............ยากนักนวลแข
จักนำมาแผ่..................ให้แจ้งแจ่มใจ
O=ด้วยแคร์พี่น้อง..........ผองเพื่อนขอไข
จงทุกท่านได้...............สบสุขสวัสดี
ทุกวารวันปักข์...............ผ่องพักตร์เพ็ญศรี
ลาภยศพูนทวี................สบสันติ์ตลอดไป ฯ

------------------ตักบาตรเทโว-----------------

O=ปาฏิหาริย์พระสร้าง.......ศรัทธา
ยมกนามประชา...............กราบไหว้
เสร็จกิจสู่เวหา.................เทวโลก
จำวัสสะแล้วไซร้...............อยู่โน้นดาวดึงส์
O=คะนึงพระแม่เจ้า..........ลับลา
เพียงเจ็ดวันเกิดมา...........ล่วงแล้ว
เป็นเทพดุสิดา................สิ่งอยู่ แลนา
ยินข่าวพระบุตรแก้ว..........ด่วนเฝ้าฟังธรรม
O=สามเดือนคำเทศน์ถ้วน..ยอดกัณฑ์
อภิธรรมทรงสรร...............เลือกล้วน
ถวายเทศน์แด่ทรงธรรม์......เทพบุตร
ที่สุดลุธรรมถ้วน...............สู่ห้วงอรหันต์
O=วันเสด็จสู่โลกเบื้อง.......สังกัส  แลนา
ออกพรรษามาสัมผัส.........มาดเฝ้า
สักการยิ่งนมัตถุ์...............ลือลั่น
ทวยเทพแหนแห่เจ้า.........หลากล้วนสักการ
O=เบิกบานชาวพุทธเฝ้า....พทธองค์
ลือเล่าสืบต่อคง...............เนิ่นแล้ว
รำลึกเมื่อเสด็จลง.............สู่โลก
ตักบาตรทำบุญแผ้ว...........ผ่องแผ้วบานใจ
O=ทานมัยสีลวัตรล้วน.......เพ็ญเพียร
วิปัสสนาเจียร..................เจตน์สร้าง
สามทางแห่งบุญเวียน........วนเสก แลนา
หวังวิมุติหมายอ้าง............สั่งไว้บุญกุศล ฯ

--------------------------------ลอยกระทง---------------------------

....เพ็ญสิบสองสิ้นการงานกฐิน................หมายถึงสิ้นจีวรกาลเดิมนั่นหนา
มีงานใหม่ลอยกระทงลงธารา...................หนุ่มสาวมาชุมกันสรรค์กระทง
แต่งชุดงามแลระยับสลับสี.......................ในมือมีชุดบูชาน่าไหลหลง
จัดดอกไม้ธูปเทียนเพียรบรรจง................ชวนกันตรงไปท่าน้ำงามปรีดา
ฟังตำนานสุโขทัยได้ยินเล่า.....................คนก่อนเก่าเคยทำกิจกรรมหนา
พระสนมนพมาศอาจปัญญา.....................แจ้งวิชชาโคมชักโคมลอยมี
บูชาไฟครั้งนั้นราชสำนัก..........................ได้ประจักษ์ร่วมการงานวิถี
ปล่อยโคมคำล่องไปในนที.......................เมื่อนางมีราชกิจประดิษฐ์การ
ทำโคมรูปดอกบัวถวายบาท.....................ใครมิอาจเทียบทันพลันกล่าวขาน
จนจดจำทำบ้างเอาอย่างงาน...................ล่วงเลยนานคือกระทงไม่สงกา
ยินว่าทำบูชารอยพระบาท...................พระหน่อนาทประทับไว้หาดทรายหนา
ตามทูลขอพญานาคผู้ศรัทธา..................นัมมทานามธารนับนานมี
อีกตำนานเล่าว่ามีกาเผือก.......................เลือกทำรังป่าใหญ่คีรีศรี
หิมพานต์ริมท่ามหานที............................คราวสามีออกล่าหาเหยื่อกิน
นางกาเผือกกกไข่ในรังแก้ว.....................เกิดเรื่องแล้วพายุร้ายดังสายหิน
สาดซัดไหนแตกกระจายทอดลงดิน........ยากจักบินหลบได้ภัยถึงตัว
สามีหายมิกลับคงลับร่าง..........................ถึงตัวนางฟื้นมาแลหาผัว
หายทั้งลูกจวนฟักทุกข์หนักมัว.................เศร้าทับทั่วถึงฆาตชาติวางวาย
ไข่ก็แปลกแตกยากพรากต่างทิศ...............มีผู้คิดเก็บไปได้ขวานขวาย
ทนุถนอมฟักมาหน้ากลับกลาย................เป็นยอดชายงามสง่าเพราะบารมี
ได้นามตามวงศ์แม่กกุสันโธ......................แม่เลี้ยงโถแม่ไก่ได้ส่งศรี
โกนาคมแม่นาคบารมี................................กัสสโปนี่แม่เต่าเธอเลี้ยงดู
โคตโมแม่งัวตัวฉกาจ................................อีกองอาจเมตเตยลูกสิงห์หรู
ทั้งหมดล้วนบำเพ็ญโพธิชู......................ตรัสรู้สัมมาโพธิญาณ
จึงออกบวชดาบสลดละเลิก.................... .จิตบานเบิกสมาบัติวิปัสสาน
สมถะสั่งสมอุดมการณ์............................จนเชี่ยวชาญสมาธิอภิญญา
ได้พบกันรู้เรื่องหลังพลังจิต.........................เราต่างคิดเป็นพุทธสัตถา
หากเป็นได้ใคร่พบพระมารดา..................วอนท่านมาได้เคารพอภิวันทน์
แม่กาเผือกขีพดับลับร่างล้ม.....................เกิดเป็นพรหมนามพกาวิชชาสรรพ์
จนล่วงรู้เรืองบุตรรุดมาพลัน......................พบหน้ากันยินดีด้วยบุตรตน
พระดาสบสสักการมารดาล้วน.................พรหมคำควรสอนว่าอย่าสับสน
อยากบูชาสักการริมธารชล......................กระทำกลกากบาทด้วยไม้เบา
จุดเทียนไว้สักการผ่านสายน้ำ.............จงจดจำเพ็ญสิบสองตรองอย่าเขลา
ลอยกระทงทุกปีดังมีเงา...........................แม่กาเจ้าอยู่เคียงตลอดกาล ฯ

-------------------แมลงทับ-----------------------

วันพุธสรรสีเขียว.............ยามเหลียวมองพฤกษ์ไพรสณฑ์
เขียวทั่วทุกตำบล............ มิแปลกเห็นเป็นธรรมดา
ยามใดเห็นยอดคูณ..........เขียวพิบูลย์งามนักหนา
แวววับจับนัยตา...............สะท้อนแสงเกาะกิ่งใบ
แน่นอนคล้ายแมงคับ.........ปล่าวแมงทับอย่าสงสัย
ลูกลาวกับลูกไทย............เรียกต่างกันแต่ตัวเดียว
แมลงพวกปีกแข็ง............ดังเทพแปลงปีกสีเขียว
มรกตปานนั้นเชียว............พวกเราชอบตามจับมา
หาด้ายมาผูกเท้า.............เอาสำลีมัดซ่นหนา
ปล่อยบินแข่งกันจ้า...........เด็กเด็กบ้าสนุกกัน
มันตายเก็บเอาปีก.............ทั้งสองซีกเราเลือกสรร
กระติ๊บเหน็บซักอัน............ที่ฝาปิดสวยมากมาย
บ้างเอาใช้ทำกิ๊ป...............หยิบปักผมงามเหลือหลาย
หนุ่มหนุ่มเห็นกรีดกราย.......ชายตาแลแหมงามจริง
อยากรู้แมลงทับ...............คุณตาครับเราชายหญิง
สงสัยแมงทับทิ้ง..............เห็นแต่ซากลูกไม่มี
รังไข่แมลงทับ.................อยู่ดงลับในวิถี
เรื่องราวตาช่วยชี้...............เล่าให้ฟังเถิดเอาบุญ
ฟังเล่ากันยายน................ฝนตกชุกดินเปียกหนุน
แมงทับโผล่ดินลุ้น.............ปีกแข็งแรงบินว่องไว
เวลาสามอาทิตย์...............รีบรีบคิดอย่าเหลวไหล
หาแฟนแล้ววางไข่.............โคนต้นไม้ขุดหลุมวาง
จากนั้นก็สิ้นชีพ.................มิรู้รีบยากจักสาง
ไข่อ่อนก็บอบบาง..............พัฒนาอยู่ใต้ดิน
หกเดือนเป็นดักแด้............แช่ในดินต่ออีกปี
สุดท้ายเข้าปลอกดิน..........เตรียมเป็นตัวที่แข็งแรง
ฝนตกเดืนกันยา................โผล่ดินมารอแดดแสง
ส่องมาปรับตัวแกร่ง..............ปีกก็กล้าบินได้ดี
เร่รอนหากินครับ.................ผมแมงทับปีกสดสี
ยอดแดงมะค่ามี.................ชอบทั้งนั้นอร่อยจัง
ถึงผมจะชื่อทับ..................ชื่อเองครับมิได้หวัง
จะทับใครให้พัง..................โปรดเมตตาแก่พวกเรา
อายุสามสัปดาห์................. มรณาแล้วใช่เขลา
คงเพราะบุญบางเบา..............อายุสั้นโปรดปรานี ฯ




























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น