รวมกาพย์กลอนเบ็ดเตล็ด ชุดที่ 1( 7 ธันวาคม 2558)
กาพย์กลอนที่เขียนในโอกาสต่าง ๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่ว จนบางสำนวนหายไป
มีโอกาสเลยจับมารวมกันไว้ก่อน มีเวลาจะค่อยจัดหมวดหมู่ให้ดูมีระเบียบมากกว่านี้
(แหล่ดอกแคแสด แด่คุณครูผู้เกษียณ มองดูคลื่น รักใสใสหัวใจสีชมพู
เมื่อบ้านหนูไม่มีสะพาน แจ่วบองสูตรของนอก แจ่วผัก น้ำพริกผักอาสาฬหบูชา)
--------------เหนื่อยนักพักวันเสาร์--------------------------
กลอนสุภาพ
......เหนื่อยนักพักวันเสาร์...................คิดจะเล่าเรื่องรักพักพิสัย
วางปากกาคีย์บอร์ดถอดดวงใจ.............พักจงได้หลับตานิทรารมณ์
ดังดวงดาวพาเคลื่อนเลื่อนลอยแล้ว.......ผ่านเมืองแก้วปราสาทพิลาสสม
งามมิ่งไม้เบ่งบานตระการชม................กลิ่นฉุนฉมหวนหอมรวยระริน
ช้าหน่อยดาวอยากเห็นเป็นไฉน............ดังแสงไฟบุษบาภาษาศิลป์
กิ่งก้านไหวส่งเสียงจับจิตจินตน์............เพียงเพลงพินประโคมขับเพราะจับใจ
แลเห็นวังเวียงแก้วเพริศแพร้วนัก...........อยากรู้จักมึนงงสุดสงสัย
ดั่งดาวรู้ลีลาพาเข้าไป.........................พบผู้ใหญ่คงรู้หนูจะมา
จินเหรอกลูกนวลลออทวดรออยู่............อยากจะรู้สิ่งใดให้ปรึกษา
แดนดินนี้ถิ่นเทพนครา........................เพราะบุญญาอยู่ได้นับนานปี
บ้านเรือนงามตามเห็นเป็นกุศล..............จะส่งผลเรืองจรัสพิพัฒน์ศรี
บริวารรับใช้มากไมตรี........................ผลบุญชี้เสกให้ได้นิยม
บุญกุศลสร้างไว้ได้ที่พึ่ง.....................จะส่งถึงล่วงทุกข์สบสุขสม
ทานมัยสีลมัยให้อบรม......................พึงเพียรบ่มภาวนาอย่าละเลย
กลับก่อนลูกหลับไปได้แค่ฝัน..............กิจสำคัญรออยู่หนูอย่าเฉย
ราชการงานบ้านลานดังเคย.................อย่าได้เอ่ยทดท้อทำต่อไป
ปฏิบัติเป็นธรรมทุกสถาน...................ที่ทำงานเคหาอย่าสงสัย
คือภาระถูกต้องทำนองนัย..................ทุกสิ่งให้เป็นธรรม์ครรลองมี
สาธุลาคุณทวดหนูจะกลับ..................บัดเดี๋ยววับยังง่วนนวลฉวี
กินส้มตำมากไปไม่ค่อยดี...................ง่วงเต็มที่หลับฝันกลางวันแล ฯ
จริญญา แสงทอง โพส :12/12/2558
----------------------
-----------------ย่างเหมันต์ ผันใบบุญ----------------------
กลอนสุภาพ
....ย่างเหมันต์ผันใบบุญคุณครูขาน.........ผันเปลี่ยนกาลวิโยคโลกสมัย
อากาศดีผ่อนคลายสบายใจ...................งามพงไพรศิขรินทร์ดังอินทร์แปลง
บ้างม่านหมอกม่านเมฆเสกโดยฤทธิ์......งามวิจิตรพราวสีสุรีย์แสง
กระทบเมฆเสกสรรค์เขียวขาวแดง..........ดังยลแยงเทพทิพย์พิมานแมน
ฤดูไม้หลากพรรณพลันชูช่อ....................งามลออพฤกษพวงชวนหวงแหน
ดอกพญาเสือโคร่งจรรโลงแดน................หลายเขตแคว้นชวนให้ไปเยี่ยมชม
ทานตะวันบัวตองเต็มท้องทุ่ง..................หลายคนมุ่งไปมาว่างามสม
ซากุระอ่างขางคนนิยม..........................ชวนภิรมย์บ้านเราช่างงดงาม
โอ้บุญหนอเกิดในถิ่นไทยนี้.....................แดนดินมีมหาราชแห่งสยาม
ทศพิธราชธรรมร่ำลือพระนาม.................เย็นเขตคามใต้ร่มพระบารมี
ใบบุญส่งพบพุทธศาสนา.......................ได้พบพาที่พึ่งเลิศประเสริฐศรี
สรณคมน์คือรัตนตรี..............................ยึดเป็นที่พึ่งนำประจำใจ
จักเพ็ญบุญทานศีลภิญโญยิ่ง....................มุ่งสัจจริงอริยะมรรคคาไข
สมถะจะภาวนามัย..............................เติมบุญใบบริบูรณ์บารมี
ยามเหมันต์มั่นบุญคุณกุศล....................เผื่อแผ่ผลส่งไปในวิถี.
สรรพสัตว์ทุกภพทุกภูมิพลี....................สบสุขีสบสันติ์ทั่วกันเทอญ ฯ
----------------------------
จริญญา แสงทอง โพส : 10/12/2558
----------------------------
กลอนสุภาพ
------------------
....โอนหย่อนอะไรหนามันหย่อนหย่อน...ละไว้ก่อนนึกมิออกบอกยากหนอ
ดูคำอ่อนผิวเผินมิเพียงพอ.......................มีหลายข้อควรคะนึงถึงเข้าใจ
จะอ่อนแออ่อนหัดรึอ่อนซ้อม..................จะอ่อนยอมโอนอ่อนขอวอนไข
มิเข้าท่าสักอ่อนตัดทอนไป.....................คงเหลือไว้อ่อนน้อมพร้อมพิจารณ์
จะอ่อนน้อนอ่อนโยนใช่คนอ่อน..............จิตถูกสอนถ่อมตนคนเขาขาน
ปกติสามาถอาจเชี่ยวชาญ......................กระทำการยึดมั่นธรรมธร
สีลวัตรขัดกายวาจาพร้อม.....................ปัญญาล้อมงามระยับดังอัปสร
เชี่ยวเชิงชาญการกิจวิวิธบวร.................ดังมังกรสง่างามยามยลยิน
ธัมมัญญูรู้เหตุอัตถัญญะ........................ผลก็จะสมเหตุพิเศษศิลป์
อัตตัญญูรู้ตนคนติดดิน..........................ดวงจิตจินนต์รู้ประมาณการเพียงพอ
รู้จักกาลโอกาสควรหรือไม่...................รู้จักในสังคมฉะนั้นหนอ
ปุคคลัญญูรู้ดีอย่ารีรอ...........................ละเอียดลออทุกยุบลจนแจ้งใจ
สัปปุริสธรรมทั้งเจ็ดข้อ........................สมบูรณ์พอบริบูรณ์พูนพิสัย
จะคบหาผู้คนกลกิจใด.........................รู้จักใช้อ่อนน้อมพร้อมปัญญา
คบผู้น้อยถ้อยทีมีจิตอ่อน......................ด้วยอาทรไมตรีมิยากหา
หลั่งมาเองจากจิตคิดเมตตา...................กรุณาอ่อนโยนประทับใจ
ท่านผู้มีคุณธรรมอันล้ำค่า.....................จะนำพาสุขแก่ตนพ้นสงสัย
ยังอวยสุขผู้อื่นชื่นหทัย.......................โลกจักได้สบสันติ์นิรันดร ฯ
จริญญา แสงทอง โพส :11/12/2558
-------------------------
-----------แหล่ดอกแคแสด------------
O=ครูชวนให้แหล่...........ดอกแคพฤหัส
หนูไม่สันทัด..................ต้องพึ่งตำรา
เปิดดูแปลกหลาย...........มากมายนักหนา
แคบ้านแคป่า.................แคแสดหายไป
O=ตามดูสีสัน...............ดอกมันเป็นไฉน
แคขาวแดงได้...............แคม่วงยังมี
แคป่าเหลืองออก...........ดอกงามสดสี
แคฝรั่งขาวชี้..................ดอกดกนักแล
O=ดอกแครู้จัก.............เป็นผักนวลแข
ลวกจิ้มอร่อยแน่...........กินกันมานาน
บางถิ่นทำซุบ..............อุบไว้คนอีสาน
เก็บดอกแคบาน...........ทำซุบอร่อยเกิน
O=ตามหาแคแสด.......ลือแซดนึกเขิน
นำเข้าปลูกเพลิน.........สีสวยงามตา
มากข้อบ่งใช้..............สมุนไพรดีหนา
เป็นผักมากค่า............แคแสดมากคุณ
O=อึกชื่อแคฝอย.........ร้อยค่าควรหนุน
ปาริชาตอุ่น.................ไม้ในตำนาน
ประจำแดนสรวง.........ข่วงเขตไขขาน
ดาวดึงส์พิมาน.............มิ่งไม้มงคล
O=แคฝอยปาฏลิ..........ผลิช่อสับสน
ประจำภพตน..............เหล่าอสูรภูมิใจ
เกือบลืมแคฝอย..........น้อยหน้าที่ไหน
ทองหลางเรียกได้........สีแสดงดงาม
O=แคฝอยร้อยชื่อ.......คือศรีตรังถาม
ดอกก็งดงาม...............มึนงงดอกแค
เพียงชื่อมีมาก.............ยากนักนวลแข
จักนำมาแผ่..................ให้แจ้งแจ่มใจ
O=ด้วยแคร์พี่น้อง........ผองเพื่อนขอไข
จงทุกท่านได้...............สบสุขสวัสดี
(ไม่บันทึกวันเขียน)
------------แด่คุณครูผู้เกษียณ-----------
เกษียณราชการ......ภาระงานสิ้นสุดสมัย
สว.เพิ่งเริ่มวัย........เป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์
เรียนจบวิชชากิจ...การพิพิธมิเสื่อมสูญ
รอบรู้พอกเพิ่มพูน.....วิทยามหาลัย
เป็นครูไร้เกษียณ.......ศิษย์นักเรียนมิสังสัย
เรียกครูตลอดไป........ประทับใจชั่วกาลนาน
ยินดีด้วยงานงด.........ระเบียบกฏเขาไขขาน
ได้พักพึงเบิกบาน.......ขอส่งใจให้พลัง
อายุวัฒนะ...................ประภัสสะพิมลขลัง
ผ่องพรรณเพียบพลัง.....สุขกายจิตพิศภิรมย์
อุดมลาภแลยศ..............เกียรติปรากฏก่อเกิดสม
ศิริชนยินยม.................เทพประทานบัดาลเทอญ ฯ
จริญญา แสงทอง : 4 ตุลาคม 2558
--------------มองดูคลื่น------------------------------
-------------กลับจากไปเที่ยวได้เจอคลื่นถนนลูกรังสะใจดี เข้าเพจมาเจคลื่นคุณครูแดง
หนักกว่า อ่านหลายรอบแล้วคลื่นมันเยอะจริง ๆ ขอเล่าแค่สัมผัสเบา ๆ เพราะไม่ค่อย
จะรู้ลึก ค่อเอาแค่พอเป็นกระสายยา.....
---------------
กลอนแปด
----มองตามคลื่นคุณครูแดงแสงหายวับ..…..หนูเพิ่งกลับจากเที่ยวเหลียวแลหา
โหคุณครูแลคลื่นมันตื่นตา……………..…..เหลือคณานักคลื่นชวนตื่นใจ
คลื่นรู้จักรอบตัวกลัวมันโถม………………..ยามจู่โจมลำบากยากไฉน
ทั้งคลื่นลมคลื่นน้ำอุทกภัย…………...……..แถมคลื่นไฟความร้อนยากผ่อนคลาย
วิทยุแม่เหล็กไฟฟ้าด้วย……………….........คลื่นเสียงช่วยสร้างสรรค์คุณค่าหลาย
ควบคุมดีมีค่ามองมากมาย……………....…..จักชั่วร้ายคุมมิดีมีเภทภัย
คลื่นหลายอย่างก่อนนั้นยังไม่รู้……......…..แค่มองดูมิเห็นเป็นแบบไหน
ปฏิเสธวิทยุทีวีไฟ………………..................มันวิ่งไปตามสายแบบไหนกัน
พอเก่งกล้าวิทยาปัญญาเกิด……….…….…..ล้วนประเสริฐเสาะไว้ให้เห็นขัน
วิทยุมือถือทีวีนั้น………………...................ขาดแล้วพลันหมดสุขทุกข์แทบตาย
คลื่นที่มองมิเห็นเช่นที่เล่า…………..….…..ตอนนั้นเราขาดวิชชานึกว่าหาย
มันมีอยู่รอบตัวมิกลับกลาย……………...…..มีมากมายเมื่อฉลาดอาจพบมัน
อีกหลายคลื่นยังไล่ไปมิถึง……………….....ยังตราตรึงผีหลอกบอกแล้วขัน
เรื่องนรกสงสารสาระพัน………….…..…....เรื่องสวรรค์อีกด้วยช่วยตรองดู
อริยะหลายท่านพบพานแล้ว…….............…..ดังส่องแก้วงามงดนึกอดสู
ไฉนเล่าเราฝึกตรึกตามครู…………..…...…..ยังมิรู้มิเห็นเป็นฉันใด
คลื่นความถี่สูงมากยากจักเห็น……..........…..ต้องฝึกเช่นอริยะจึงจะไข
เรื่องภูติเทพพระพรหมพึงพัฒน์ไว….….…..ส่องสุกใสอภิญญากล้าจึงควร
คงเลียบคลื่นนิดหน่อยปล่อยกระแส….……..ยามได้แลความหลังยังนึกสรวล
ยังไม่รู้บอกไม่มีชี้กระบวน………................เจอเองชวนคนตื่นคลื่นทีวี
วิทยุพูดได้เชื่อไหมเล่า………….............…..เด็ดเด็กเขาคุยกันขันนวลฉวี
ขอดูหน้าดูใจเป็นไรมี……………...........…..มันแบบนี้เหรอคลื่นน่าตื่นจริง ฯ
-------------------
จริญญา แสงทอง โพส : 23/10/2558
-------------------
-----------รักใสใสหัวใจสีชมพู---------------
ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน...........ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา
เอวนฺตํ ชายเต เปมํ.............. อุปฺปลํว ยโถทเกติ .
---------------------
........กระทู้สีชมพูชูความรัก............อยากรู้จักคุณธรรมนำเกิดหนอ
รักของชายหมายชวนนวลลออ......ตกลงขอเคียงคู่ชูชื่นเคย
จนสมรสสมรักสลักจิต.................สมสนิทสิเนหาโออ่าเผย
ถามหาธรรมย่อมมีชี้ชัดเชย...........อย่าละเลยเสาะดูจักรู้จริง
ปุพเพวะสันนิวาเสนะ..................ร่วมเคหะปางก่อนตอนชายหญิง
เป็นภรรยาสามีมิประวิง................เกิดมาชิงสืบหามาพบกัน
รักบังเกิดรักจริงยิ่งบุญส่ง.............รักดำรงยืนยาวคราวเสกสรรค์
เป็นรักแท้เพราะบุญหนุนอนันต์.....ปัจจุปันนะหิเตนะวา
อีกปัจจัยว่าเลิศประเสริฐนัก...........เพาะบ่มรักเกิดได้ให้ศึกษา
การเกื้อกูลปัจจุบันช่วยกันมา..........ก็นำพาเกิดรักสลักใจ
กลายเป็นรักจริงแท้ก็มีมาก.............มิลำบากเกื้อกันสรรสดใส
ดูแลรักยืนยงมั่นคงไป...................มองทางไหนล้วนชมพูดูรื่นรมย์
เอวันตัง ชายเต เปมัง.......................อุปลังวะ ยะโททเก สม
ดุจอุบลเกิดได้ในเปือกตม.............รักนิยมคุณธรรมทั้งสองแล ฯ
------------------------
จริญญา แสงทอง โพส :3/11/2558
------------------------
----------------เมื่อบ้านหนูไม่มีสะพาน--------------------------
กลอนแปด
O=เห็นเขาว่ากลอนสะพานเบิกบานจิต...ชวนให้คิดความหลังครั้งก่อนหนา
พวกเจ้านายหลายคนเขาผ่านมา..............พบคุณตาถามทางจักขึ้นดอย
ตาบอกต้องข้ามห้วยสองสามแห่ง.............คนเขาแต่งขัวไว้ไม่ต้องถอย
ถึงน้ำมากข้ามไปไม่ลุยลอย.....................ขัวไม่น้อยสะดวกดายนายไปเลย
เขาถามหาสะพานไม่มีหรือ.....................ตามึนตื้องงงันสั่นหัวเฉย
มิมีดอกเกิดมายังมิเคย.............................ที่เจ้าเอ่ยไม่เห็นมันไม่มี
สุดท้ายต้องนำทางเจ้านายเขา..................ตาชวนเอาหนูไปด้วยช่วยอย่าหนี
ข้ามขัวไม้เจ้านายถามอีกที......................สะพานดีไหนว่าไม่เห็นตา
ท่านยืนยันสะพานไม่มีดอก......................อย่างเคยบอกนี่มันขัวอย่ากลัวหนา
แข็งแรงดีเจ้านายผ่านไปมา.......................ไม่กี่วาขัวไม้สบายใจ
คนโบราณเรียกขัวข้ามห้วยหนอง..............คนอื่นลองเรียกสะพานจึงสงสัย
ปัจจุบันเรียกขัวต่างกันไกล.......................คนรุ่นใหม่มิรู้จักมันกลับกัน
เดี๋ยวนี้เขาใช้สะพานชำนาญนัก................ไปหลงรักใครสักคนจนนึกขัน
ไปจีบพี่จีบน้องคล่องสัมพันธ์....................จักใช้มันเป็นสะพานสานสายใย
เขาเรียกทอดสะพานประสานจิต................ตีสนิทหวังกระทบสบสมัย
บ้างสำเร็จบ้างก็พลาดสะพานใจ................ฝึกเอาไว้จนคล่องลองทอดดู ฯ
------------------------
จริญญา แสงทอง โพส : 24/10/2558
------------------------
แจ่วบองสูตรของนอก(บ้านนอก) เก็บไว้นานได้ไม่เสีย
---------------
.....กระเทียมข่าตะไคร้....หั่นเอาไว้สามช้อนพอ
เจียวหอมกรอบเก็บรอ.....พริกป่นด้วยช่วยหาที
ปลาร้าเอามาสับ................สามช้อบครับตามวิถี
ผัดสุกครบแล้วนี้................อ้อปลาป่นยังต้องการ
ปลาร้าลงในครก...............ยกกระเทียมข่าผสาน
โปรยลงโขลกเอางาน.......พริกป่นมาข้าวคั่วมี
ชูรสใส่ก็ได้.........................ชิมดูไวเค็มไหมพี่
หากเค็มปลาป่นที..............มะขามเปียกแก้ฤทธิ์กัน
เสร็จแล้วแจ่วบองค่ะ.........มะม่วงดิบตัวแปรผัน
อย่ายกมาเคียงนั่น...............ชิมไม่หยุดจะโทษใคร ฯ
----------------
แจ่วผัก น้ำพริกผัก ทานกับผักนึ่งผักสด แจ่วนี้อายุวันเดียว ไม่ต้องถาม อย.
--------------------
ผักสดนี้น่าทาน...................นี่ผักหวานขึ้นริมรั้ว
ตำลึงทอดยอดมั่ว.................คงถูกฝนยอดยืดยาว
บวบงูนี่ก็ยอด........................ปลอดสารพิษกระเจี๊ยบขาว
วางในซึงนึ่งข้าว.................นึ่งให้สุกรอไว้เลย
พริกสดสักสิบเม็ด................คงไม่เผ็ดแม่เปิดเผย
หอมกระเทียมน่ะทรามเชย เผาให้สุกรอไว้นา
ใบสดหอมผักชี....................นี่สำคัญรีบเสาะหา
ปลาร้าเผาเลาะมา.................เอาแต่เนื้อหนึ่งช้อนพอ
ทุกอย่างวางในครก.............ตำป๊กป๊กละเอียดหนอ
เออข่าฝานเดียวพอ...............เสร็จเรียบร้อยราดมะนาว
หนูเรียกน้ำพริกผัก...............ตักข้าวแจกเชิญหนุ่มสาว
ล้อมวงแซบทุกคราว..............ลองทำดูอยากรู้จริง ฯ.หยุดพักซ่อมคอมหลายวัน
ดูดีขึ้นไม่หลุดบ่อยเหมือนเดิม กลับมาแล้วค่ะ
ฝึกฝนกาพย์กลอนต่อ เล่าเรื่องด้วยกาพย์ยานีน่ะค่ะ
นี่ก็ไม่บันทึกวันเวลา
-----------------อาสาฬหบูชา------------------
ยานี 11
.....ใกล้วันเข้าพรรษา..............ชวนคุณย่าเยี่ยมหลวงลุง
ไทยทานจัดการถุง...................ได้ครบสามตามจำนง
สิบโมงตรงถึงวัด.....................ปิ่นโตจัดตามประสงค์
แม่ชีท่านบรรจง......................จัดสำรับถวายเพล
มินานพระลงฉัน.....................แปลกเหมือนกันเท่าที่เห็น
สามรูปมิมีเณร..........................รอฉันเสร็จถวายทาน
รับพรหลวงลุงบอก...............อย่าเพิ่งออกไปนะหลาน
งดเทศน์เป็นทางการ.............มาคุยกันฉันญาติเรา
ตอนเพลโยมมีน้อย................พาทีถ้อยมิมีเหงา
ถามไถ่มิใช่เบา........................หลวงลุงเล่าสนุกจริง
ตำนานอาสาฬหะ..................บูชาพระที่ชายหญิง
เวียนเทียนหลวงลุงติง..........ควรรู้เรื่องความเป็นมา
จำได้หยิบลองเขียน...............เพียรแต่งกาพย์เข้าพรรษา
จัดเป็นเครื่องบูชา...................ด้วยกาพย์กลอนคงจะดี
ตอนท่านตรัสรู้.......................บรมครูจะหลีกหนี
ไปโปรดปัญจวัคคีย์...............อุรุเวลนามนิคม
ดำเนินนานสองเดือน............ถึงพบเพื่อนก็มิสม
ทำใจไม่นิยม.............................มิอยากพบมิยินดี
สุดท้ายจำต้องบอก...................มิมาหลอกฉันมานี่
โมกธรรมฉันพบมี....................จักแสดงตั้งใจฟัง
สุดโต่งทางสองเส้น.................ที่เคยเห็นแต่งหนหลัง
บำเพ็ญย่อหย่อนพัง.................ไม่บรรลุมิใช่ทาง
เคร่งมากลำบากตน...................ฉันทุกข์ทนลองสะสาง
หกปีมิได้ต่าง.............................ไม่บรรลุธรรมอันใด
มรรคแปดทางสายกลาง............นี่แหละทางอันสดใส
อริยะสี่เป็นไป............................พุทธภูมิบังเกิดมี
ดาบสโกญทัญญะ.......................เห็นธรรมมะตามวิถี
ดวงตาเห็นธรรมชี้......................โมกขธรรมใช่แน่นอน
ขอบวชเป็นสาวก........................ยกครบสามตามท่านสอน
รัตนตรัยบวร................................เพ็ญเดือนแปดแต่นั้นมา
ทำบุญวันพระสงฆ์......................ตรงความหมายนั่นแหละหนา
อย่าลืมไปวัดวา...........................บำเพ็ญบุญอบอุ่นแล ฯะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น