วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

กาพย์กลอนเบ็ดเตล็ด ชุดที่ 1



รวมกาพย์กลอนเบ็ดเตล็ด ชุดที่ 1( 7 ธันวาคม 2558)

กาพย์กลอนที่เขียนในโอกาสต่าง ๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่ว จนบางสำนวนหายไป

มีโอกาสเลยจับมารวมกันไว้ก่อน มีเวลาจะค่อยจัดหมวดหมู่ให้ดูมีระเบียบมากกว่านี้

(แหล่ดอกแคแสด แด่คุณครูผู้เกษียณ มองดูคลื่น รักใสใสหัวใจสีชมพู

เมื่อบ้านหนูไม่มีสะพาน แจ่วบองสูตรของนอก แจ่วผัก น้ำพริกผักอาสาฬหบูชา)

 --------------เหนื่อยนักพักวันเสาร์--------------------------
กลอนสุภาพ
......เหนื่อยนักพักวันเสาร์...................คิดจะเล่าเรื่องรักพักพิสัย
วางปากกาคีย์บอร์ดถอดดวงใจ.............พักจงได้หลับตานิทรารมณ์
ดังดวงดาวพาเคลื่อนเลื่อนลอยแล้ว.......ผ่านเมืองแก้วปราสาทพิลาสสม
งามมิ่งไม้เบ่งบานตระการชม................กลิ่นฉุนฉมหวนหอมรวยระริน
ช้าหน่อยดาวอยากเห็นเป็นไฉน............ดังแสงไฟบุษบาภาษาศิลป์
กิ่งก้านไหวส่งเสียงจับจิตจินตน์............เพียงเพลงพินประโคมขับเพราะจับใจ
แลเห็นวังเวียงแก้วเพริศแพร้วนัก...........อยากรู้จักมึนงงสุดสงสัย
ดั่งดาวรู้ลีลาพาเข้าไป.........................พบผู้ใหญ่คงรู้หนูจะมา
จินเหรอกลูกนวลลออทวดรออยู่............อยากจะรู้สิ่งใดให้ปรึกษา
แดนดินนี้ถิ่นเทพนครา........................เพราะบุญญาอยู่ได้นับนานปี
บ้านเรือนงามตามเห็นเป็นกุศล..............จะส่งผลเรืองจรัสพิพัฒน์ศรี
บริวารรับใช้มากไมตรี........................ผลบุญชี้เสกให้ได้นิยม
บุญกุศลสร้างไว้ได้ที่พึ่ง.....................จะส่งถึงล่วงทุกข์สบสุขสม
ทานมัยสีลมัยให้อบรม......................พึงเพียรบ่มภาวนาอย่าละเลย
กลับก่อนลูกหลับไปได้แค่ฝัน..............กิจสำคัญรออยู่หนูอย่าเฉย
ราชการงานบ้านลานดังเคย.................อย่าได้เอ่ยทดท้อทำต่อไป
ปฏิบัติเป็นธรรมทุกสถาน...................ที่ทำงานเคหาอย่าสงสัย
คือภาระถูกต้องทำนองนัย..................ทุกสิ่งให้เป็นธรรม์ครรลองมี
สาธุลาคุณทวดหนูจะกลับ..................บัดเดี๋ยววับยังง่วนนวลฉวี
กินส้มตำมากไปไม่ค่อยดี...................ง่วงเต็มที่หลับฝันกลางวันแล ฯ
จริญญา แสงทอง โพส :12/12/2558
----------------------



 -----------------ย่างเหมันต์ ผันใบบุญ----------------------
กลอนสุภาพ
....ย่างเหมันต์ผันใบบุญคุณครูขาน.........ผันเปลี่ยนกาลวิโยคโลกสมัย
อากาศดีผ่อนคลายสบายใจ...................งามพงไพรศิขรินทร์ดังอินทร์แปลง
บ้างม่านหมอกม่านเมฆเสกโดยฤทธิ์......งามวิจิตรพราวสีสุรีย์แสง
กระทบเมฆเสกสรรค์เขียวขาวแดง..........ดังยลแยงเทพทิพย์พิมานแมน
ฤดูไม้หลากพรรณพลันชูช่อ....................งามลออพฤกษพวงชวนหวงแหน
ดอกพญาเสือโคร่งจรรโลงแดน................หลายเขตแคว้นชวนให้ไปเยี่ยมชม
ทานตะวันบัวตองเต็มท้องทุ่ง..................หลายคนมุ่งไปมาว่างามสม
ซากุระอ่างขางคนนิยม..........................ชวนภิรมย์บ้านเราช่างงดงาม
โอ้บุญหนอเกิดในถิ่นไทยนี้.....................แดนดินมีมหาราชแห่งสยาม
ทศพิธราชธรรมร่ำลือพระนาม.................เย็นเขตคามใต้ร่มพระบารมี
ใบบุญส่งพบพุทธศาสนา.......................ได้พบพาที่พึ่งเลิศประเสริฐศรี
สรณคมน์คือรัตนตรี..............................ยึดเป็นที่พึ่งนำประจำใจ
จักเพ็ญบุญทานศีลภิญโญยิ่ง....................มุ่งสัจจริงอริยะมรรคคาไข
สมถะจะภาวนามัย..............................เติมบุญใบบริบูรณ์บารมี
ยามเหมันต์มั่นบุญคุณกุศล....................เผื่อแผ่ผลส่งไปในวิถี.
สรรพสัตว์ทุกภพทุกภูมิพลี....................สบสุขีสบสันติ์ทั่วกันเทอญ ฯ
----------------------------
จริญญา แสงทอง โพส : 10/12/2558
----------------------------

------------------โอนหย่อน อ่อนโยน-----------------------
กลอนสุภาพ
------------------
....โอนหย่อนอะไรหนามันหย่อนหย่อน...ละไว้ก่อนนึกมิออกบอกยากหนอ
ดูคำอ่อนผิวเผินมิเพียงพอ.......................มีหลายข้อควรคะนึงถึงเข้าใจ
จะอ่อนแออ่อนหัดรึอ่อนซ้อม..................จะอ่อนยอมโอนอ่อนขอวอนไข
มิเข้าท่าสักอ่อนตัดทอนไป.....................คงเหลือไว้อ่อนน้อมพร้อมพิจารณ์
จะอ่อนน้อนอ่อนโยนใช่คนอ่อน..............จิตถูกสอนถ่อมตนคนเขาขาน
ปกติสามาถอาจเชี่ยวชาญ......................กระทำการยึดมั่นธรรมธร
สีลวัตรขัดกายวาจาพร้อม.....................ปัญญาล้อมงามระยับดังอัปสร
เชี่ยวเชิงชาญการกิจวิวิธบวร.................ดังมังกรสง่างามยามยลยิน
ธัมมัญญูรู้เหตุอัตถัญญะ........................ผลก็จะสมเหตุพิเศษศิลป์
อัตตัญญูรู้ตนคนติดดิน..........................ดวงจิตจินนต์รู้ประมาณการเพียงพอ
รู้จักกาลโอกาสควรหรือไม่...................รู้จักในสังคมฉะนั้นหนอ
ปุคคลัญญูรู้ดีอย่ารีรอ...........................ละเอียดลออทุกยุบลจนแจ้งใจ
สัปปุริสธรรมทั้งเจ็ดข้อ........................สมบูรณ์พอบริบูรณ์พูนพิสัย
จะคบหาผู้คนกลกิจใด.........................รู้จักใช้อ่อนน้อมพร้อมปัญญา
คบผู้น้อยถ้อยทีมีจิตอ่อน......................ด้วยอาทรไมตรีมิยากหา
หลั่งมาเองจากจิตคิดเมตตา...................กรุณาอ่อนโยนประทับใจ
ท่านผู้มีคุณธรรมอันล้ำค่า.....................จะนำพาสุขแก่ตนพ้นสงสัย
ยังอวยสุขผู้อื่นชื่นหทัย.......................โลกจักได้สบสันติ์นิรันดร ฯ
จริญญา แสงทอง โพส :11/12/2558
-------------------------


-----------แหล่ดอกแคแสด------------

O=ครูชวนให้แหล่...........ดอกแคพฤหัส

หนูไม่สันทัด..................ต้องพึ่งตำรา

เปิดดูแปลกหลาย...........มากมายนักหนา

แคบ้านแคป่า.................แคแสดหายไป

O=ตามดูสีสัน...............ดอกมันเป็นไฉน

แคขาวแดงได้...............แคม่วงยังมี

แคป่าเหลืองออก...........ดอกงามสดสี

แคฝรั่งขาวชี้..................ดอกดกนักแล

O=ดอกแครู้จัก.............เป็นผักนวลแข

ลวกจิ้มอร่อยแน่...........กินกันมานาน

บางถิ่นทำซุบ..............อุบไว้คนอีสาน

เก็บดอกแคบาน...........ทำซุบอร่อยเกิน

O=ตามหาแคแสด.......ลือแซดนึกเขิน

นำเข้าปลูกเพลิน.........สีสวยงามตา

มากข้อบ่งใช้..............สมุนไพรดีหนา

เป็นผักมากค่า............แคแสดมากคุณ

O=อึกชื่อแคฝอย.........ร้อยค่าควรหนุน

ปาริชาตอุ่น.................ไม้ในตำนาน

ประจำแดนสรวง.........ข่วงเขตไขขาน

ดาวดึงส์พิมาน.............มิ่งไม้มงคล

O=แคฝอยปาฏลิ..........ผลิช่อสับสน

ประจำภพตน..............เหล่าอสูรภูมิใจ

เกือบลืมแคฝอย..........น้อยหน้าที่ไหน

ทองหลางเรียกได้........สีแสดงดงาม

O=แคฝอยร้อยชื่อ.......คือศรีตรังถาม

ดอกก็งดงาม...............มึนงงดอกแค

เพียงชื่อมีมาก.............ยากนักนวลแข

จักนำมาแผ่..................ให้แจ้งแจ่มใจ

O=ด้วยแคร์พี่น้อง........ผองเพื่อนขอไข

จงทุกท่านได้...............สบสุขสวัสดี

(ไม่บันทึกวันเขียน)


------------แด่คุณครูผู้เกษียณ-----------

เกษียณราชการ......ภาระงานสิ้นสุดสมัย

สว.เพิ่งเริ่มวัย........เป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์

เรียนจบวิชชากิจ...การพิพิธมิเสื่อมสูญ

รอบรู้พอกเพิ่มพูน.....วิทยามหาลัย

เป็นครูไร้เกษียณ.......ศิษย์นักเรียนมิสังสัย

เรียกครูตลอดไป........ประทับใจชั่วกาลนาน

ยินดีด้วยงานงด.........ระเบียบกฏเขาไขขาน

ได้พักพึงเบิกบาน.......ขอส่งใจให้พลัง

อายุวัฒนะ...................ประภัสสะพิมลขลัง

ผ่องพรรณเพียบพลัง.....สุขกายจิตพิศภิรมย์

อุดมลาภแลยศ..............เกียรติปรากฏก่อเกิดสม

ศิริชนยินยม.................เทพประทานบัดาลเทอญ ฯ

จริญญา แสงทอง : 4 ตุลาคม 2558


--------------มองดูคลื่น------------------------------

-------------กลับจากไปเที่ยวได้เจอคลื่นถนนลูกรังสะใจดี เข้าเพจมาเจคลื่นคุณครูแดง

หนักกว่า อ่านหลายรอบแล้วคลื่นมันเยอะจริง ๆ ขอเล่าแค่สัมผัสเบา ๆ เพราะไม่ค่อย

จะรู้ลึก ค่อเอาแค่พอเป็นกระสายยา.....

---------------

กลอนแปด

----มองตามคลื่นคุณครูแดงแสงหายวับ..…..หนูเพิ่งกลับจากเที่ยวเหลียวแลหา

โหคุณครูแลคลื่นมันตื่นตา……………..…..เหลือคณานักคลื่นชวนตื่นใจ

คลื่นรู้จักรอบตัวกลัวมันโถม………………..ยามจู่โจมลำบากยากไฉน

ทั้งคลื่นลมคลื่นน้ำอุทกภัย…………...……..แถมคลื่นไฟความร้อนยากผ่อนคลาย

วิทยุแม่เหล็กไฟฟ้าด้วย……………….........คลื่นเสียงช่วยสร้างสรรค์คุณค่าหลาย

ควบคุมดีมีค่ามองมากมาย……………....…..จักชั่วร้ายคุมมิดีมีเภทภัย

คลื่นหลายอย่างก่อนนั้นยังไม่รู้……......…..แค่มองดูมิเห็นเป็นแบบไหน

ปฏิเสธวิทยุทีวีไฟ………………..................มันวิ่งไปตามสายแบบไหนกัน

พอเก่งกล้าวิทยาปัญญาเกิด……….…….…..ล้วนประเสริฐเสาะไว้ให้เห็นขัน

วิทยุมือถือทีวีนั้น………………...................ขาดแล้วพลันหมดสุขทุกข์แทบตาย

คลื่นที่มองมิเห็นเช่นที่เล่า…………..….…..ตอนนั้นเราขาดวิชชานึกว่าหาย

มันมีอยู่รอบตัวมิกลับกลาย……………...…..มีมากมายเมื่อฉลาดอาจพบมัน

อีกหลายคลื่นยังไล่ไปมิถึง……………….....ยังตราตรึงผีหลอกบอกแล้วขัน

เรื่องนรกสงสารสาระพัน………….…..…....เรื่องสวรรค์อีกด้วยช่วยตรองดู

อริยะหลายท่านพบพานแล้ว…….............…..ดังส่องแก้วงามงดนึกอดสู

ไฉนเล่าเราฝึกตรึกตามครู…………..…...…..ยังมิรู้มิเห็นเป็นฉันใด

คลื่นความถี่สูงมากยากจักเห็น……..........…..ต้องฝึกเช่นอริยะจึงจะไข

เรื่องภูติเทพพระพรหมพึงพัฒน์ไว….….…..ส่องสุกใสอภิญญากล้าจึงควร

คงเลียบคลื่นนิดหน่อยปล่อยกระแส….……..ยามได้แลความหลังยังนึกสรวล

ยังไม่รู้บอกไม่มีชี้กระบวน………................เจอเองชวนคนตื่นคลื่นทีวี

วิทยุพูดได้เชื่อไหมเล่า………….............…..เด็ดเด็กเขาคุยกันขันนวลฉวี

ขอดูหน้าดูใจเป็นไรมี……………...........…..มันแบบนี้เหรอคลื่นน่าตื่นจริง ฯ

-------------------

จริญญา แสงทอง โพส : 23/10/2558

-------------------


-----------รักใสใสหัวใจสีชมพู---------------

ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน...........ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา

เอวนฺตํ ชายเต เปมํ.............. อุปฺปลํว ยโถทเกติ .

---------------------

........กระทู้สีชมพูชูความรัก............อยากรู้จักคุณธรรมนำเกิดหนอ

รักของชายหมายชวนนวลลออ......ตกลงขอเคียงคู่ชูชื่นเคย

จนสมรสสมรักสลักจิต.................สมสนิทสิเนหาโออ่าเผย

ถามหาธรรมย่อมมีชี้ชัดเชย...........อย่าละเลยเสาะดูจักรู้จริง

ปุพเพวะสันนิวาเสนะ..................ร่วมเคหะปางก่อนตอนชายหญิง

เป็นภรรยาสามีมิประวิง................เกิดมาชิงสืบหามาพบกัน

รักบังเกิดรักจริงยิ่งบุญส่ง.............รักดำรงยืนยาวคราวเสกสรรค์

เป็นรักแท้เพราะบุญหนุนอนันต์.....ปัจจุปันนะหิเตนะวา

อีกปัจจัยว่าเลิศประเสริฐนัก...........เพาะบ่มรักเกิดได้ให้ศึกษา

การเกื้อกูลปัจจุบันช่วยกันมา..........ก็นำพาเกิดรักสลักใจ

กลายเป็นรักจริงแท้ก็มีมาก.............มิลำบากเกื้อกันสรรสดใส

ดูแลรักยืนยงมั่นคงไป...................มองทางไหนล้วนชมพูดูรื่นรมย์

เอวันตัง ชายเต เปมัง.......................อุปลังวะ ยะโททเก สม

ดุจอุบลเกิดได้ในเปือกตม.............รักนิยมคุณธรรมทั้งสองแล ฯ

------------------------

จริญญา แสงทอง โพส :3/11/2558

------------------------


----------------เมื่อบ้านหนูไม่มีสะพาน--------------------------

กลอนแปด

O=เห็นเขาว่ากลอนสะพานเบิกบานจิต...ชวนให้คิดความหลังครั้งก่อนหนา

พวกเจ้านายหลายคนเขาผ่านมา..............พบคุณตาถามทางจักขึ้นดอย

ตาบอกต้องข้ามห้วยสองสามแห่ง.............คนเขาแต่งขัวไว้ไม่ต้องถอย

ถึงน้ำมากข้ามไปไม่ลุยลอย.....................ขัวไม่น้อยสะดวกดายนายไปเลย

เขาถามหาสะพานไม่มีหรือ.....................ตามึนตื้องงงันสั่นหัวเฉย

มิมีดอกเกิดมายังมิเคย.............................ที่เจ้าเอ่ยไม่เห็นมันไม่มี

สุดท้ายต้องนำทางเจ้านายเขา..................ตาชวนเอาหนูไปด้วยช่วยอย่าหนี

ข้ามขัวไม้เจ้านายถามอีกที......................สะพานดีไหนว่าไม่เห็นตา

ท่านยืนยันสะพานไม่มีดอก......................อย่างเคยบอกนี่มันขัวอย่ากลัวหนา

แข็งแรงดีเจ้านายผ่านไปมา.......................ไม่กี่วาขัวไม้สบายใจ

คนโบราณเรียกขัวข้ามห้วยหนอง..............คนอื่นลองเรียกสะพานจึงสงสัย

ปัจจุบันเรียกขัวต่างกันไกล.......................คนรุ่นใหม่มิรู้จักมันกลับกัน

เดี๋ยวนี้เขาใช้สะพานชำนาญนัก................ไปหลงรักใครสักคนจนนึกขัน

ไปจีบพี่จีบน้องคล่องสัมพันธ์....................จักใช้มันเป็นสะพานสานสายใย

เขาเรียกทอดสะพานประสานจิต................ตีสนิทหวังกระทบสบสมัย

บ้างสำเร็จบ้างก็พลาดสะพานใจ................ฝึกเอาไว้จนคล่องลองทอดดู ฯ

------------------------

จริญญา แสงทอง โพส : 24/10/2558

------------------------


แจ่วบองสูตรของนอก(บ้านนอก) เก็บไว้นานได้ไม่เสีย

---------------

.....กระเทียมข่าตะไคร้....หั่นเอาไว้สามช้อนพอ

เจียวหอมกรอบเก็บรอ.....พริกป่นด้วยช่วยหาที

ปลาร้าเอามาสับ................สามช้อบครับตามวิถี

ผัดสุกครบแล้วนี้................อ้อปลาป่นยังต้องการ

ปลาร้าลงในครก...............ยกกระเทียมข่าผสาน

โปรยลงโขลกเอางาน.......พริกป่นมาข้าวคั่วมี

ชูรสใส่ก็ได้.........................ชิมดูไวเค็มไหมพี่

หากเค็มปลาป่นที..............มะขามเปียกแก้ฤทธิ์กัน

เสร็จแล้วแจ่วบองค่ะ.........มะม่วงดิบตัวแปรผัน

อย่ายกมาเคียงนั่น...............ชิมไม่หยุดจะโทษใคร ฯ

----------------

แจ่วผัก น้ำพริกผัก ทานกับผักนึ่งผักสด แจ่วนี้อายุวันเดียว ไม่ต้องถาม อย.

--------------------

ผักสดนี้น่าทาน...................นี่ผักหวานขึ้นริมรั้ว

ตำลึงทอดยอดมั่ว.................คงถูกฝนยอดยืดยาว

บวบงูนี่ก็ยอด........................ปลอดสารพิษกระเจี๊ยบขาว

วางในซึงนึ่งข้าว.................นึ่งให้สุกรอไว้เลย

พริกสดสักสิบเม็ด................คงไม่เผ็ดแม่เปิดเผย

หอมกระเทียมน่ะทรามเชย เผาให้สุกรอไว้นา

ใบสดหอมผักชี....................นี่สำคัญรีบเสาะหา

ปลาร้าเผาเลาะมา.................เอาแต่เนื้อหนึ่งช้อนพอ

ทุกอย่างวางในครก.............ตำป๊กป๊กละเอียดหนอ

เออข่าฝานเดียวพอ...............เสร็จเรียบร้อยราดมะนาว

หนูเรียกน้ำพริกผัก...............ตักข้าวแจกเชิญหนุ่มสาว

ล้อมวงแซบทุกคราว..............ลองทำดูอยากรู้จริง ฯ.หยุดพักซ่อมคอมหลายวัน

ดูดีขึ้นไม่หลุดบ่อยเหมือนเดิม กลับมาแล้วค่ะ

ฝึกฝนกาพย์กลอนต่อ เล่าเรื่องด้วยกาพย์ยานีน่ะค่ะ

นี่ก็ไม่บันทึกวันเวลา

-----------------อาสาฬหบูชา------------------

ยานี 11

.....ใกล้วันเข้าพรรษา..............ชวนคุณย่าเยี่ยมหลวงลุง

ไทยทานจัดการถุง...................ได้ครบสามตามจำนง

สิบโมงตรงถึงวัด.....................ปิ่นโตจัดตามประสงค์

แม่ชีท่านบรรจง......................จัดสำรับถวายเพล

มินานพระลงฉัน.....................แปลกเหมือนกันเท่าที่เห็น

สามรูปมิมีเณร..........................รอฉันเสร็จถวายทาน

รับพรหลวงลุงบอก...............อย่าเพิ่งออกไปนะหลาน

งดเทศน์เป็นทางการ.............มาคุยกันฉันญาติเรา

ตอนเพลโยมมีน้อย................พาทีถ้อยมิมีเหงา

ถามไถ่มิใช่เบา........................หลวงลุงเล่าสนุกจริง

ตำนานอาสาฬหะ..................บูชาพระที่ชายหญิง

เวียนเทียนหลวงลุงติง..........ควรรู้เรื่องความเป็นมา

จำได้หยิบลองเขียน...............เพียรแต่งกาพย์เข้าพรรษา

จัดเป็นเครื่องบูชา...................ด้วยกาพย์กลอนคงจะดี

ตอนท่านตรัสรู้.......................บรมครูจะหลีกหนี

ไปโปรดปัญจวัคคีย์...............อุรุเวลนามนิคม

ดำเนินนานสองเดือน............ถึงพบเพื่อนก็มิสม

ทำใจไม่นิยม.............................มิอยากพบมิยินดี

สุดท้ายจำต้องบอก...................มิมาหลอกฉันมานี่

โมกธรรมฉันพบมี....................จักแสดงตั้งใจฟัง

สุดโต่งทางสองเส้น.................ที่เคยเห็นแต่งหนหลัง

บำเพ็ญย่อหย่อนพัง.................ไม่บรรลุมิใช่ทาง

เคร่งมากลำบากตน...................ฉันทุกข์ทนลองสะสาง

หกปีมิได้ต่าง.............................ไม่บรรลุธรรมอันใด

มรรคแปดทางสายกลาง............นี่แหละทางอันสดใส

อริยะสี่เป็นไป............................พุทธภูมิบังเกิดมี

ดาบสโกญทัญญะ.......................เห็นธรรมมะตามวิถี

ดวงตาเห็นธรรมชี้......................โมกขธรรมใช่แน่นอน

ขอบวชเป็นสาวก........................ยกครบสามตามท่านสอน

รัตนตรัยบวร................................เพ็ญเดือนแปดแต่นั้นมา

ทำบุญวันพระสงฆ์......................ตรงความหมายนั่นแหละหนา

อย่าลืมไปวัดวา...........................บำเพ็ญบุญอบอุ่นแล ฯะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น