วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

อัตตชีวประวัติ ตอนที่ 2


   
                    


ถ่ายวันวิสาขบูชาที่พุทธมณฑล

...........ข้อเขียนชุดอัตชีวประวัติ  ลงบลอคแล้วมี 3 ตอนครับ เอาลิงค์โพสไว้ที่หน้าเฟซ ท่านสามารถคลิกหัวเรื่องที่มุมบนขวา ซึ่งเป็นรายการข้อเขียนต่างๆ ในเวบบลอค ไม่ต้องออกไปหน้าเฟซยาก ตามสบายครับ
                                                          ขุนทอง ศรีประจง

                                                  อัตตชีวประวัติ ตอนที่ 2
ช่วงอุปสมบท 2510 -2516
………….ประเพณีการบวชลูกของชาวบ้าน....นิยมบวชแล้วจำพรรษา 3 เดือน ออกพรรษาก็สึก เมื่อตกลงบวชใก้พ่อแม่  ท่านเตรียมการใหญ่เลย อ้อมีคนจะบวชคราวนี้ หลายคนนะเช่นคุณประเสริฐ ภูมิชัยโชติ นายทองใบหาญบัญญัติ นายห่วย.....นายสี.....นายสนิท คำประสาร รวมเป็น 6 คน ที่วัดเหลือพระ 1 เณร 2 คือ คุณคำภา สามเณรทิ สามเณรก่ำ พวกนี้บวชมานานแล้ว ดังนั้นในพรรษาจึงมีพระ 7 รูป เณร 2 ส่วนเจ้าอาวาสก็หลวงปู่ลี ท่านอายุเกิน 100 ปีแล้ว ความจริงคุณคำภาบวชเป็นสามเณรมาก่อนน่าจะเป็นผู้นำพระใหม่ได้ แต่แกอายุ เพิ่งจะ 20 เลยตกมาหาเราที่อายุ 23 แล้ว โยม มัคทายกแกมาเยี่ยมทุกวันพระ มาจำศีลแนะนำกิจวัตรที่พระต้องทำ แกเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ เล่าความเป็นมาของวัดให้ฟัง ก็ดีนะเพราะไม่เคยสนใจมาก่อน


...............1.บวชและอยู่ที่วัดอัมพวันบ้านหนองลุมพุก

.......วัดอัมพวัน เกี่ยวข้องกับถ้ำใหญ่บนภูเก้า เพราะชาวบ้านเคยไปเชิญพระพุทธรูปจากถ้ำมาไว้ที่วัด

องค์หนึ่ง ลักษณะงดงามมาก เป็น พระปางสมาธิหน้าตัก 45 เซนติเมตร เคยทราบมีคนมาให้ราคาเป็นแสนขอบูชา ทายกแกบอกให้ดูแลพระพุทธรูปองค์นี้ให้ดี พระ ที่อาวุโสให้นอนห้องพระ ต้องทำวัตรพระทุกวันอย่าขาด ทุกวันพระใหญ่จัดน้ำหอมมาสรง กิจของพระที่ต้องทำ คือทำวัตรเช้าทำวัตร เย็นขาดไม่ได้ ออก   บิณทบาตทุกเช้า ลานวัดอย่าปล่อยให้รกรุงรัง ถ้าหญ้ารกทำไม่ทันบอกชาวบ้าน วันพระต้องลงไปให้ศีลพวก มาจำศีลตอนเช้า บ่ายเทศน์อบรม เช้ารุ่งขึ้นก็ให้ศีลห้าก่อนกลับบ้าน มีงานทำบุญบ้านต้องเจริญพุทธมนต์ คนตายต้องสวดอภิธรรม ฟังโยมเล่าก็หนักใจนะ คนเก่าก็นำไม่ได้ไม่มั่นใจ เราก็ต้องเร่งท่องบททำวัตรสวดมนต์ ท่องเจ็ดตำนาน ได้สองสัปดาห์มั้งมีคนตาย น.ส.กุล คนรู้จักกันซะด้วย โยมรีบมาบอกต้องสวดมาติกานะ แกตายตอนสาย ๆ ตกเย็นต้องไปสวด คุณคำภาและสองเณรก็ไม่ รับปากว่าจะนำสวดได้ ก็เลยตัดสินใจท่องมันให้ได้ ใครท่องจำไม่ได้พกหนังสือไปด้วยแล้วกัน ความจริงก็ไม่มั่นใจหรอก แค่หก ชั่วโมงเองจะสวดได้ไหม ดีที่พื้นบ้านเขาสวดบทธรรมสังคินีมาติกา แล้วก็ชักอนิจจา ให้พร แค่นี้ก็สามารถนำสวดได้ ถึงเวลาชาวบ้าน เขามาตาม ก็ขอดูศพปลงอนิจจัง นั่งเรียบร้อยก็ปล่อยชาวบ้านเขาสวดมนต์ไหว้พระ รับศีล แล้วพระใหม่ 7 สามเณรเก่า 2 ก็สวด ธรรมสังคินีมาติกา ตามด้วยบท เหตุปัจจโย เป็นอันจบ สักครู่เขาโยงสายสิญจน์มาให้ สวดบทชักบังสุกุล เขาถวายปัจจัยแล้ว ก็ให้พร เป็นอันจบ ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย โยมทึ่งมากพระใหม่ทำได้อย่างไร สวดสามวันก็เผา ผ่านงานยาก ไปได้

……….2. .เป็นพระเณรต้องสามารถทำวัตรสวดมนต์
........ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น สบายมากท่องได้กันทุกคน แต่เราต้องนอนห้องพระพุทธรูปสำคัญ ต้องท่องบททำวัตรพระสวดทุกเย็น มีคนบอกวัดนี้ผีดุ ถ้าพระเณรทำผิดวินัยระวัง ตกกลางคืนจะมีเสียงตีฆ้อง ตีกลอง หรือไม่ก็กวาดหลังคา คุณคำภาและสามเณรก็ ยืนยันว่าเคยเจอเสียงกวาดหลังคาสังกะสี เคยเจอเสียงเคาะฝา เราก็สงสัยนะว่าผีอะไรจะดุปานนั้น ทำวัตรสวดมนต์ก็แผ่บุญกุศลให้ทุกวันไม่ขาด จะมาหลอกกันทำไม ลองมาดูสิจะจับผีให้ดู มีเงินกองกลางอยู่เลยประชุมกัน ซื้อไฟฉายสามท่อนแจกทั้งพระทั้ง สามเณร ถ้าถ่านหมดต่อไปให้ซื้อเอง ถ้าพบอะไรผิดปกติให้ดูชัด ๆว่ามันคืออะไร กลางคืนอย่าไปคนเดียว ให้มีเพื่อนไปด้วย หอระฆังอยู่ใกล้กุฏิ กลางวันเลยขึ้นไปสำรวจ กลองเพลอยู่ชั้นล่าง ระฆังแขวนอยู่ชั้นบน ขี้นกขี้จิ้งจกตุ๊กแก เต็มไปหมด เลยวาน สามเณรช่วยทำความสะอาดกัน หันไปมองหลังคากุฎิ เห็นกิ่งฉำฉากิ่งหนึ่งหย่อนลงมาใบพาดระหลังคา เลยนึกภาพว่าถ้าลมพัดแรง กิ่งมันคงแกว่งไปมา ถูกสังกะสีคงดังเหมือนคนกวาดสังกะสี อยากให้มีลมพัดดูจะได้รู้จริงไหม ไม่ต้องรอนานหรอก หน้าฝนนี่ ลม พัดแรงมาก พระเณรเข้าห้องกันหมด เราเดินออกมารองน้ำฝน เสียงลมพัดแรงเหมือนกัน หลังคามีเสียงกิ่งไม้นั่นแหละ ดังยัง กะคนเอาไม้กวาดมากวาดหลังคา แน่แล้วนี่คือผีกวาดหลังคา วันต่อมาก็สั่งสามเณรตัดไม้กวาดผีออก ไม่มีเสียงผีกวาดหลังคา อีกเลย

.............3. ตรวจจับผีที่หอระฆัง
........ผีตีกลอง ผีเคาะฝา มันเก่งนะผีวัดนี้ ขนาดเราเตรียมไฟฉาย 7 กระบอกยังกล้ามาเคาะฝา ตีกลอง วันหนึ่งสองเณรมาบอก หลวงพี่ว่า เจอผีเคาะฝาแล้ว ได้ยินเสียงซักสามทุ่ม อ่านหนังสืออยู่ได้ยินเลยชวนกันมาดู ย่องลงไปข้างล่างมันยังไม่หยุด ส่องไฟดู จิ้งจกครับมันคาบแมลงฟัดไปฟัดมา เหมือนคนเคาะข้างฝา ทำไมผมไม่คิดหาไฟฉายมาส่องก็ไม่รู้ กลัวมันมาสองปีแล้ว (ขอบใจ สองเณรที่ช่วยไขข้อข้องใจผีเคาะฝาได้ คงเหลือแต่ผีตีกลอง ยังไม่มีวี่แววเลย จนกระทั่งจวนออกพรรษา วันนั้นมีคนตายที่บ้าน หนองกุงคำไฮ เขาหามศพไปป่าช้า ผ่านวัดเราไป ตกดึกมีเสียงผีตีกลอง แหมช่างเลือกวันเหลือเกินนะ ห้องผมแน่นพระเณรมา ออกันอยู่ กลัวผีตีกลอง ผมต้องออกหน้าจะพาไปดู เชคไฟฉายให้เรียบร้อย นับหนึ่งสองสาม กราดไฟส่องทันทีนะ พาย่องไปที่ปลาย ชาน หามุมที่ส่องไฟเห็นหน้ากลองพอดี กลางวันดูไว้แล้วยืนตรงไหนไม่มีอะไรบัง ใกล้แล้วหยุดยืนนิ่งเงียบด้วยใจระทึก นานมาก ค่อยได้ยินเสียง ตึง ตึง ตึง แน่ใจว่าอยู่แถวหน้ากลองเลยให้สัญญาณส่องไฟพรึบ เจ้าผีตาลุกวาว มันคงตกใจแน่นิ่งอยู่กับที่ ปากคาบ ตะขาบตัวใหญ่ฟัดหน้ากลอง อ้ายผีตุ๊กแกเอ๊ย มาหลอกพระเณรเขากลัวจนหัวหดมาหลายปีแล้ว หัวเราะกันเณรอาสาไปต้มน้ำชามา มาถวาย นอนไม่หลับมันขำมากกว่า

..............4. เรียนนักธรรมตรีแบบไม่มีครู
.........ผ่านไปไม่นานมีหนังสือแจ้งมาถึงเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ในฐานะเจ้าสำนักเรียนให้ส่งรายชื่อนักศึกษาธรรมชั้นตรีโทและเอก ประชุมกันแล้วให้จัดส่ง ส่วนมากชั้นตรี มีคุณสนิทคนเดียวชั้นโท ครูสอนไปปรึกษาพระกรรมวาจาจารย์ วัดใกล้เคียง ท่านอนุญาต ให้ใส่ชื่อเป็นครูสอนให้ แต่เวลาสอนให้ช่วยกันเองท่านไม่มีเวลามาสอนให้ คุณสนิทบอกสอนไม่ได้ เรียนนานแล้ว คนอื่นก็ไม่มีใครเคยเรียน ยกให้เราเป็นผู้นำ เลยจัดประชุม มอบหนังสือเรียนให้ไปศึกษา พบกันวันละครั้ง หลังฉันเช้า ขอเวลา 1 ชั่วโมง เริ่มจาก วิชาธรรมะ วิชาพุทธะ วิชาวินัย และวิชากระทู้ ให้ไปอ่านหนังสือมาคุยกัน หยิบหัวข้อขึ้นมาแล้วถามมีใครสงสัยคำอธิบายหัวข้อนี้ ไม่มีคนสงสัยแสดงว่าเข้าใจแล้ว ผ่านไปหัวข้อถัดไป ที่สนุกคือวิชาพุทธประวัติ ช่วยกันเล่าเรื่องพุทธประวัติ วิชาวินัยก็สนุก มีคำถาม มากมาย ทำไมต้องปาราชิก ทำไมต้องสังฆาทิเสส พอไล่ลงไปถึงนิสสัคีย์ปาจิตตีย์เริ่มสนุก เพราะรู้สึกว่าตัวเองโดนอาบัติกันบ่อย ออกพรรษามีคนรอสอบสนามหลวง 4 คน สอบได้นักธรรมตรี 3 รูปที่ 3 เป็นพระวัดใกล้เคียง มาร่วมเรียนกับพวกเรา

................5. ท่องบทสวดปาฏิโมกข์
........สวดพระปาฎิโมกข์ เป็นพุทธบัญญัติ พระภิกษุต้องฟังสวดปาฎิโมกข์ทุกวันพระ เดือนละ 2 ครั้ง ปกติพวกเราต้องไปลง อุโบสถที่วัดบ้านหนองเหมือดแอ่ วัดหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์ เลยนึกอยากสวดบ้าง จึงทดลองท่องพระปาฏิโมกข์ดู ไม่รู้ใครบอกชาวบ้านมีทายกคนหนึ่งแกออกมา วัด เตือนเรื่องท่องปาฏิโมกข์ ให้แต่งเครื่องบูชาตามแบบโบราณ แกจดให้ด้วยว่าต้องใช้อะไรบ้าง ก็ขอบคุณเขา เอาไว้มีโอกาส จะท่องจริงจังถึงจะทำ ตอนนี้ท่องเล่นเฉย ๆ แต่ความจริงผ่านไปครึ่งเล่มแล้ว แค่สองเดือนก็สวดได้จบเล่ม แต่ยังไม่เอาไปใช้ ขอ ทบทวนให้คล่องก่อน แต่ก็รู้ถึงหูพระอุปัชฌาย์จนได้ ช่วงออกพรรษาเลยได้ทดสอบ สวดได้จริง ๆ พระกรรมวาจารย์ดีใจมาก มี คนช่วยสวด ก่อนนี้ท่านรับสวดคนเดียวมาตลอด ท่านขอพักเป็นคนสอบทานให้เราสวดแทน ได้รางวัลจากพระอุปัชฌาย์ผ้าไตรอย่าง ดี 1 ไตรเชียวนะ

................6. เดินทางไปหาสำนักเรียนปริยัติธรรม
........รับกฐิน ออกพรรษาชาวบ้านเขาถวายกฐิน ไม่มีใครรับ จนโยมเขามาบอกต้องมี 1 รูป ใครก็ได้ หลบไม่พ้นจริง ๆ ถามใคร ก็จะสึกกันหมด เลยต้องไปศึกษาวิธีการรับกฐิน การเดาะกฐิน ทำให้รู้ระเบียบวิธีการเกี่ยวกับกฐินมากมาย ต่อมาเรียนเทศน์ก็ได้ นำไปใช้เทศน์ด้วย หลังจากนั้นก็ถูกถามว่าพร้อมสึกหรือยัง โยมพ่อถาม คนกำลังสนุกกับการศึกษาเล่าเรียนธรรมวินัยเลยบอกว่ายังขออยู่ต่อ อยาก ไปเรียนเทศน์มีคุณประเสริฐ คำภา สามเณรทิ ออกไปหาสำนักเรียนเทศน์กัน ไปวัดบ้านเทพคีรี อำเภอนากลาง ท่านอาจารย์ สุทน นักเทศน์ชื่อดังอยู่วัดนี้ เลยไปขอเป็นศิษย์ท่าน ท่านบอกแนะนำได้เฉพาะวิธีการนะ ส่วนวิชาความรู้ต้องศึกษาค้นคว้าเอาเอง จากตำรา จากการไปฟังคนอื่นเทศน์ เราอยู่กันจนใกล้เข้าพรรษาก็ลาท่านไปหาสำนักเรียนบาลี ทางขอนแก่นมีชื่อหลายสำนัก ที่สุดไปได้สำนักเรียนวัดหรคุณบ้านหนองหาญจาง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่ พระมหาเสาร์ อภินันโท ปธ. 5 เป็นเจ้าอาวาส สำนักนี้สอนนักธรรมบาลีด้วย สอนเทศน์ด้วย ตรงกับที่อยากเรียนพอดี ไปสมัครเข้าสำนักเรียน ท่านก็รับไว้ เรียนนักธรรมโท เรียนบาลีไวยากรณ์ และเรียนเทศน์หกกระษัตริย์และเทศน์ปุจฉาวิสัชนา อยู่สามปีสอบได้นักธรรมเอก สอบได้ประโยคสอง ได้ ติดตามอาจารย์ไปเทศน์ร่วมสิบครั้ง ก็นับว่าสมความตั้งใจ

…………7. ติดตามอาจารย์ไปอยู่จังหวัดเลย
.......พรรษาที่ 5-6 และ ทางจังหวัดเลยนิมนต์พระอาจารย์ไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเมืองเลย โดยให้ไปอยูที่วัดศรีบุญเรือง ตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย.....วัดนี้เป็นวัดเจ้าคณะจังหวัด ชื่อท่านพระวีรญาณมุนี หรือที่รู้กันในนาม สีหนาทภิกขุ ท่าน เป็นนักเทศน์ นักปกครอง พูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา ผมชอบมาก....ท่านไม่ยึดติดรูปแบบ แต่ชอบเรื่องเหตุผล อธิบายธรรม ภาษาง่าย ๆ อยู่วัดนี้ได้ความรู้และประสบการณ์มากมาย ได้ช่วยสอนนักธรรม ช่วยสอนบาลีไวยากรณ์ ช่วยสอนการศึกษาผู้ใหญ่ ได้ ทำงานเลขานุการเจ้าคณะอำเภอ ดูแลการจัดการปริยัติธรรมของอำเภอเมือง ทั้งยังต้องช่วยงานระดับจังหวัดด้วย เพราะ งานท่านมาก ช่วงสองปีแรกที่มาอยู่วัดศรีบุญเรือง นอกจากงานสอนนักธรรมบาลีแล้ว เรื่องส่วนตัวก็พัฒนาไปไม่หยุด สอบได้ เปรียญสาม และเปรียญสี่ สอบได้วิชาชุดครุ พ.กศ.ใช้เวลาสองปี พรรษาที่ 7 อยู่วัดศรีบุญเรืองเหมือนเดิม ทำงานเดิม รับงานเทศน์บ้างไม่มาก ปีนี้ตั้งใจสอบ พ.ม.ให้ได้ในปีเดียว 4 ชุดวิชา แต่เปรียญห้าก็เตรียมสอบเหมือนกัน ผลสอบได้วิชาชุด พ.ม.ยกชุดในปีเดียว ส่วน เปรียญห้าสอบตก พ่อแวะมาเยี่ยมถามสุขทุกข์ ก็ได้บอกจะสึกแล้วนะ จะไปสอบบรรจุครู มีสิทธิ์สมัครสอบได้แล้ว พ่อก็น้ำตาซึมนะสิ่งที่แกวาดฝันมานานบรรลุจุดหมายปลายทางคราวนี้เอง วันที่ 10 เมษายน 2516 ลาสิกขาบท ไปสอบบรรจุที่จังหวัดเลย สอบได้ที่ 1 เลือกลงที่ศรีสงครามวิทยา อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ได้ตำแหน่ง ครูตรี เขาจัดตารางให้สอนวิชาศีลธรรม ตั้งแต่รู้ข่าวจะไปบรรจุ ไม่ถามเราเลย เห็นเป็น มหาเปรียญ เอ้าสอนศีลธรรมก็ดีได้เทศน์ให้เด็กฟัง


ชีวิตช่วงรับราชการเป็นครู
............สึกแล้วยังอาศัยวัดอยู่ ถึงมีคนยินดีให้ไปพักอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ไป เพราะรู้ว่าไม่ใช่ให้พักฟรี ๆหรอก ลูกสาวตั้งสามคนจะ ไปพักด้วยได้อย่างไร เกรงใจเขา อยู่วัดก็ไม่ได้เอาเปรียบนะเพราะยังต้องสอนพระเณรที่เรียนการศึกษาผู้ใหญ่ ส่วนนักธรรมและ บาลีขอพัก แต่พระเณรมาปรึกษาก็ยินดีแนะนำ ไปทำงานนั่งรถโดยสารทาง 20 กิโลเมตรก็ไม่สะดวกนัก อาจารย์ขอร้องให้อยู่วัดไปก่อน สอนงานเลขาใหม่ให้ด้วย วันหนึ่งโยมทางบ้านหนองแคม อำเภอท่าลี่มานิมนต์ไปเทศน์หกกระษัตริย์ พอเจอเราสึกแล้ว ก็หัวเราะกันใหญ่ อีกกลุ่ม ก็พวกอำเภอปากชมมานิมนต์พระไปอยู่วัดในอำเภอ เจ้าคณะท่านกลับกาฬสินธุ์ อยากได้พระเปรียญ มีสองคน รูปหนึ่งท่านไม่ไป คนที่ 2 คือเรา จะลาสิกขาบท เลยชวดไปอยู่อำเภอปากชม ว่าที่เจ้าคณะอำเภอดี ๆ นี่เอง แต่ไม่เสียดายหรอก ผ้าเหลืองร้อนแล้ว

.................1.  บรรจุเป็นครูที่โรงเรียนศรีสงครามวิทยา อ.วังสะพุง จ.เลย
...........พ่อป่วยหนักเขาแจ้งข่าวมา ได้กลับไปดูอาการและพาไปคลินิก และโรงพยาบาล ได้ยาก็กลับไปอยู่บ้าน หมอก็ไม่บอกเป็น อะไร เพียงบอกว่าโรคชรา กลับไปเยี่ยมแกก็ดีใจนะ ช่วงหลังนี่พ่อเปลี่ยนไปมาก จากคนชอบเข้าป่าหาปูหาปลา แกเลิกหันหน้าเข้าวัดจนเขาเรียกทายกพ่อมหา แม่ก็เข้าวัดจำศีลเป็น ขำ ๆนะอานุภาพลูกบวชแถมเป็นพระมหานี่แรงเหมือนกัน นี่แหละน้าที่เขา เรียกบวชจูงพ่อแม่ไปสวรรค์ จูงใจให้ฝักใฝ่บุญกุศล ทางไปสวรรค์ชัด ๆ ไม่นานพ่อก็จากไป ก่อนหน้านั้นสามปีแม่จากไปก่อนแล้ว ด้วยโรคมะเร็งหลอดลม ก่อนนี้เคยวิตกนะว่าพ่อแม่จากไปเราคงวังเวงมาก ลูกติดแม่นี่ พอได้บวชจิตใจมันเข้มแข็งมากกว่าเดิม ก็ทำใจได้ ท่านทำบุญมาแค่นั้น ได้เห็นลูกชายบวชก็ดีมากแล้ว ช่วยให้หันหน้าเข้าวัด ได้ทำบุญกุศลมากมาย พ่อนี่โชคดีกว่า ได้ เห็นลูกชายรับราชการเป็นครู ที่แกหวังมาตลอดชีวิต สาธุ ไปที่ชอบ ๆ ทั้งแม่และพ่อนะครับ

...............2. แต่งงาน


.........เป็นครูตอนอายุ 29 ปี แก่มากแล้วควรมีครอบครัวแล้ว อยากให้พ่อเห็นภรรยาเหมือนกัน แต่หาไม่ทัน จนพ่อเสียแล้วจึงพบ ว่ามีคนที่เราสนใจ 3 สาว เป็นคนดีทุกคนนะ สองคนแรกเป็นลูกสาวของอุบาสิกาชาวบ้านติ้วนั่นแหละ พ่อแม่ก็มาวัดบ่อยรู้จักเรา บ้าง พอทราบว่าเราสนใจลูกสาวเขา เขาก็ไม่รังเกียจนะ จุดอ่อนสองสาวนี่คือเรียนหนังสือน้อย แค่ ป. 6 คงทำอาชีพเหมือนพ่อแม่ คือการเกษตรเป็นหลัก ส่วนคนที่ 3 ก็ลูกสาวมัคทายกวัด เป็นครู น่าจะไปกันได้อาชีพครูเหมือนกัน พ่อแม่ก็รู้จักเราดีมาวัดบ่อย ดูแลเรื่องเงินของวัดทำงานกับเราประจำ มีแม่สื่อมาบอกให้รู้ว่ามีลูกสาวเป็นครู นัดให้ไปดูตัวตอนเขากลับมาเยี่ยมบ้าน ก็ดูเป็น คนเรียบร้อยนะ ถึงจะเป็นนักเรียนเพาะช่าง กรุงเทพฯก็ตาม....อ้อมีแฟนทำงานอยู่กรุงเทพฯด้วย คงเพราะห่างไกลกันก็เลยค่อย ๆจางไป กองเชียร์หันมาเชียร์เราเยอะนี่ มีแม่ยายเป็นหัวหน้าด้วย เสร็จกันเลย ในที่สุดก็ได้แต่งงานกันกับ น.ส.กาญจนา ศิริหล้า มีทายาท 3 คน หญิงสอง ชาย 1 (ศศิธร ศรีประจง โฆษิต ศรีประจง และ สาวิตรี ศรีประจง)
                 1

...........3. ดูแลโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์
.........เป็นครูที่รับใช้ศาสนาไปด้วย สงสัยว่าเพราะอาศัยวัดมานาน 7 พรรษา สึกแล้วยังต้องช่วยวัดต่อ การศึกษาผู้ใหญ่ก็ต้องสอน วิชาคณิตศาสตร์หาครูยากเหลือเกิน ส่วนมากครูคณิตศาสตร์ มักจะติดที่เขาสอนพิเศษได้ค่าตอบแทนดีกว่า ....เราเป็นครูแก้ขัดแต่สอนเข้าใจง่าย เด็ก ๆ ชอบ หลวงพ่อเลยให้สอนเรื่อยมา แต่ที่โรงเรียนเขายกวิชาศีลธรรมมาให้ ตั้งแต่ ม.1 ยัน ม. 6 รับเต็ม 24 ชั่วโมง มีครูเก่าช่วย อีก 1 คน นักเรียน 6-6-6--4-4-4 ก็ 30 ห้อง ศีลธรรม 30 ชั่วโมง เรารับไป 24 อีก 6 ครูเก่าช่วยสอน แผนการสอนเราทำเอง เอกสารสื่อเราทำเอง ครูเขาขอไปปรับใช้ก็ไม่ขัดข้อง ช่วงเข้าพรรษาจัดสอนพิเศษให้นักเรียนที่อยากสอบธรรมศึกษาตรี มีเด็ก สนใจมากร่วม 40 คน นิมนต์พระมาฉันเพลวันเสาร์และช่วยสอนเด็ก เด็กก็ชอบพระก็ชอบ สอบธรรมสนามหลวงร่วมกับวัด เจ้าคณะอำเภอ นักเรียนศรีสงครามวิทยาสอบได้ปีแรก 35 คน หลวงพ่อดีใจมาก บอกเราว่าปีหน้าให้ส่งมาเยอะ ๆ เพราะชื่อเด็ก เป็นนักเรียนสำนักเรียนของท่านเอง ด้วยเหตุนี้แหละเลยขอเปิดเป็นโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์เมื่อปี 2517 หลวงพ่อเจ้า คณะอำเภอจัดพระเณรมาช่วยทุกปี เวลาส่งชื่อนักเรียนสอบนักธรรม ส่งในนามสำนักเรียนวัดเจ้าคณะอำเภอ บางปีมากกว่า 100 คน สอบได้ 40 บ้าง 50 บ้าง แค่นี้ก็มากมายแล้ว อ้อโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ศรีสงครามวิทยา กรมการศาสนาเคยส่ง เจ้าหน้าที่มาตรวจเยี่ยม ชอบใจที่อยู่นอกวัด กำชับว่าอย่ายุบเลิกนะ จะจัดงบอุดหนุนให้ เดือนกันยายน 2559 ไปงานเกษียณ ถามว่ายังเปิดสอนอยู่ และได้รับงบอุดหนุนมาตลอด สาธุอนุโมทนา

…………..4. ประสบการณ์เป็นบรรณารักษ์
........เป็นครูบรรณารักษ์  สมัยสอบวิชาชุด พก.ศ. หมวด ค มีวิชาพลานามัย วิชาบรรณารักษ์ พระภิกษุส่วนมากเลือกสอบวิชาบรรณารักษ์ เลยมีความรู้ห้องสมุดอยู่บ้าง ครูโรงเรียนนี้ต้องช่วยงานพิเศษนอกเหนือจากงานสอนประจำคนละอย่างสองอย่าง ตอนแรกเขาให้ช่วย งานการเงินแต่ไม่ถูกจริต ที่สุดเลยได้งานห้องสมุด มีหนังสือ 1 ตู้ ตอนหลังได้ห้องค่อยหาครุภัณฑ์และสื่อต่างๆเพิ่มจนในที่สุด ก็ขึ้นป้าย"ห้องสมุดโรงเรียนศรีสงครามวิทยา" เคยจัดผ้าป่าหนังสือ ช่วงสอบเสร็จเด็กทิ้งหนังสือกันมากมาย ให้เอามาทำบุญผ้าป่า ทำบ่อย ๆหนังสือมากขึ้น ๆ เมื่อไปเรียนระดับปริญญาตรี เขาให้เลือกวิชาโท เราก็เลือกวิชาโทบรรณารักษ์ เพราะจะได้ใช้ พอจบ โรงเรียนเขาได้ครูคนใหม่เอกบรรณารักษ์มาพอดี เลยยกห้องสมุดให้น้องเขาไปดูแล

…………….5. ประสบการณ์เป็นครูแนะแนว
.............ว่างจากห้องสมุด เขาเตรียมเข้าสู่หลักสูตร 2521 มีจัดอบรมที่สำนักงานเขตการศึกษา ที่ส่วนกลาง บ่อยมาก ถูกส่งไปอบรมแนะแนว กลับมาก็เปิดห้องแนะแนว จัดระบบข้อมูลนักเรียน ตามที่วิทยากรแนะนำนั่นแหละ รู้ตัวดีนะว่าไม่มีความรู้ เลยเน้นการให้ ข้อมูลข่าวสารมาก ๆ ส่วนเรื่องแก้ปัญหาเด็กก็ประสานกับฝ่ายปกครอง เพราะเขาทำอยู่ก่อนแล้ว สวนปัญหาการเรียนของเด็ก ได้จัดทำห้องแนะแนวมีมุมเอกสารคู่มือการศึกษาต่อ การหางานทำ อาชีพที่น่าสนใจ สะสมไว้ค่อนข้างมาก จนเป็นห้องสมุดย่อย ย่อย ๆ เด็ก ๆชอบแวะมาอ่าน แรก ๆ หนังสือหายเยอะ  เลยจัดบริการหาหนังสือให้ห้องแนะแนว แจกซองผ้าป่าหนังสือให้นักเรียน ไปบอกบุญผู้ปกครอง โรงเรียนอยากได้หนังสือไว้ห้องแนะแนวเพื่อ แนะแนวการเรียน แนะแนวด้านพฤติกรรมวัยรุ่น แนะแนวอาชีพ ได้หนังสือหลายร้อยเล่ม ได้เงินหมื่นกว่าบาท ก็ขออนุญาตจัดซื้อหนังสือเข้าห้องแนะแนวนั่นแหละ บรรณารักษ์มาต่อว่า ทำไม อาจารย์ไม่ชวนหนูบ้าง ก็ขอโทษเขานะลืมนึกถึงจริง ๆ เพราะอยากได้หนังสือแนะแนวเท่านั้น แต่หนังสือที่ได้มา ไม่เกี่ยวกับ งานแนะแนวก็มาก เลยฝากบรรณารักษ์ให้มาเลือกไปไว้ห้องสมุด ได้ไปสองร้อยกว่าเล่ม ต่อมาไม่นาน ก็ได้ครูแนะแนวมาบรรจุ เลยส่งมอบงานแนะแนวให้เขาไปทำ

……………6. ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี
........ไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี นิสัยชอบเล่าเรียนยังไม่หายไปจากใจ เมื่อมีสิทธิ์ลาศึกษาต่อก็ไปสอบดู ครั้งแรกตั้งใจจะเรียน ด้านเอกวิทย์-คณิต มช. หนังสืออ่านเยอะเกินอ่านจบไม่กี่รอบเองไม่มั่นใจ สังเกตดูคู่มือสอบวิชาภาษาไทยไม่ค่อยยาก ไปสอบ เอกภาษาไทยดู ปีต่อไปค่อยสอบวิทย์-คณิต ผลประกาศออกมาติดซะนี่ ผู้บริหารว่าเรียนเลย สอบใหม่อาจไม่ติดก็ได้นะ นั่นแหละ ที่ต้องเรียนวิชาเอกภาษาไทย ภาควิชาแนะแนวดูโปรไฟล์นักศึกษาใหม่ เรียกไปพบถามว่าทำไมเลือกเรียนเอกไทย พื้นฐานด้าน ภาษาคะแนนต่ำมาก อาจารย์แนะแนวเอาโปรไฟล์ให้ดู ก็ขำ ๆ มันต่ำจริง ไปโด่งอยู่วิชาคณิตศาสตร์ เกือบเต็ม ก็เลยเรียนให้ อาจารย์ทราบว่าชอบวิทย์-คณิต เตรียมสอบไม่ทัน วิชาภาษาไทยอ่านหนังสือรอบเดียวมาสอบเลย อาศัยมีพื้นฐานภาษาบาลีเลย พอตอบข้อสอบได้บ้าง อาจารย์แนะนำให้อ่านหนังสือมาก ๆ คนอื่นเขาคะแนนพื้นฐานภาษาไทยสูงทุกคน คงห่วงจะเป็นตัวถ่วง ในห้อง ก็ขอบคุณท่านแล้วทำตามที่ท่านแนะนำคือ อ่านมาก ๆ ภาคเรียนแรก กวาดเกรด เอ ทุกวิชา ภาคเรียนที่ 2 ก็กวาด ได้อีก ค่าเฉลี่ย 3.7 เชียว ปีถัดมาลงทะเบียนเรียนคอร์สแนะแนว อาจารย์ชมว่าเก่งขยันดีนี่ ตอนจบ กศ.บ.เลยมีคำเกียรตินิยม พ่วงมาด้วย จบเมื่อ ปี 2519


………7. ประสบการณ์บริหารงานหมวดวิชา
.........หัวหน้าหมวดวิชาภาษาไทยว่างลง เพราะเลื่อนไปเป็นผู้ช่วยผู้บริหาร ครูจบปริญญาตรีอาวุโสมากก็คือเรา ต้องไปรับหน้าที่ แทน แต่เราสอนศีลธรรมนะ หมวดภาษาไทยก็เกี่ยงให้สอนภาษาไทยบ้าง วิชาศีลธรรมคืนหมวดสังคมศึกษาไป หมวดสังคมก็ไม่ ยอมเลยพบกันครึ่งทาง โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์จะบริหารให้ สื่อสอนศีลธรรมได้แก่แผนการสอน เอกสารและสื่อต่างๆ ยกให้หมวดวิชาสังคม มีปัญหาคาบสอนศีลธรรมยินดีช่วย ส่วนภาษาไทยก็จัดมาได้วิชาวรรณคดีมาสิบสองชั่วโมง เป็นหัวหน้าหมวดวิชาจะนิเทศครูไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เพราะครูก็เหมือนแมว ดึงให้ไปหน้าแมวจะถอยหลัง ดึงให้ถอยหลังมันจะดันทุรังไปทางหน้า ดึงหลังยกขึ้นมันจะหมอบลง ดึงหนังท้องลงมันจะโก่งหลังขึ้น ครูส่วนมากก็คล้าย ๆ กัน เว้นแต่เขาชอบและอยากจะพัฒนาเอง หัวหน้าหมวดแบบผมสบาย ๆ ไม่บังคับใครหรอก แต่เชื่อทุกคนอยากเป็นครูที่ดี พยายามพูดคุยกันเสมอแหละว่า ทำงานมีแผน ดีกว่าไม่มีแผน เตรียมการสอนดีกว่าไม่ได้เตรียมการสอน สอนแบบมีสื่ออุปกรณ์ง่ายกว่าสอนแบบไม่มีสื่อและอุปกรณ์ สอนไป วัดและประเมินผลไปด้วย ดีกว่าสอนโดยไม่รู้จักประเมิน ก็เลยต้องทำให้ดูว่าสิ่งที่หัวหน้าหมวดพูด เป็นสิ่งที่ทำได้ เอาแผนการสอน วิชาศีลธรรม สื่อการสอนนักเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ แผนการสอนวิชาธรรมศึกษาตรี โท เอก คู่มือการสอนวิชาธรรมะ วิชา พุทธประวัติ วิชาวินัย เอาไปเย็บเป็นเล่ม ๆทำปกดี ๆแล้ววางไว้บนชั้น หยิบไปอ่านได้ไม่หวง ส่วนวิชาวรรณคดีไทยกำลังเขียน อยู่ในสมุดเบอร์ 2 มาขอดูก็ได้
..........ทำไมหนูต้องเขียนแผนการสอน ไม่เขียนก็สอนได้ เด็กเก่งยกชั้น ทำไมหนูต้องเตรียมการสอน
จำได้หมดแหละสอนสบาย ทำไมต้องทำสื่อ เสียเงินเสียงบประมาณ แล้วที่ว่าสอนไปวัดประเมินผลไปหัวหน้าทำได้เหรอ คำถามหาเรื่องทั้งนั้นแต่ไม่สนใจ หรอกเด็ก ๆจบใหม่ทั้งนั้น หัวหน้าคนเก่าโดนมาก่อนเขาเล่าให้ฟัง ประชุมประจำเดือนเจอคำถามก็บอกว่า จะพูดกันตามหลักการ ให้ฟังว่า ครูจะทำงานได้ดีถ้ามีแผน มีการเตรียมการที่ดี มีสื่ออุปกรณ์ทำงานมันก็ง่าย หลักธรรมดา ๆ ครูทุกคนรู้จัก เวลาประเมิน ว่าครูคนไหนทำงานเก่งไม่เก่งก็ดูตามนี้ จะดูแต่นักเรียนคะแนนสูงคะแนนต่ำไม่พอหรอก เด็กห้องคิง วิชาไหนมันก็คะแนนดีหมด เด็กห้องบ๊วยมันก็คะแนนต่ำทั้งห้อง ดังนั้นต้องดูอย่างอื่นด้วย ครูในหมวดวิชา
8 คน มีแผนการสอน 3 คน อีก 5 คนไม่มีแผนการสอน ก็ต้องให้เครดิตคนมีแผนก่อนว่า เขาทำงานมีแผน อยากดูแผนดีไม่ดีเขามาส่งก็ตรวจดูได้ เขียนส่ง ๆ หรือเขียนอย่างคนเรียนวิชา ครูมา เจอเข้าแบบนี้อึ้งกิมกี่ไปเลย พอมีการประเมินเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง พวกมีเอกสารหลักฐานผ่านฉลุย พวกไม่มีวิ่งหา จะหาที่ไหนมาได้ทัน
..........สอนไปประเมินไป ผมสอนต้องประเมิน เครื่องมือประเมินก็คำพูดไง สอนจบเนื้อหาตามจุดประสงค์ หยุดถามเข้าใจยัง ใครยังสงสัยอยู่ เอ้านายแดง บอกครูซิเรื่องนี้หมายถึงอะไร นายแดงมันตอบได้ฉะฉาน แสดงว่าคนอื่นรู้หมด นายแดงนี่อ่อนสุด ในห้อง สอนไปไม่ประเมินเด็ก จะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กเข้าใจสิ่งที่เราสอน ครูสาวมันมายกมือไหว้เรา บอกหนูขอโทษ หนูนี่แหละ ซักเด็กประจำทุกคาบ ไม่รู้ว่าหนูประเมินตลอดเวลาที่สอน เดิมเข้าใจการประเมินว่าคือการสอบซึ่งมันไม่ใช่ เอาข้อสอบมาสอบ ทำไม่ได้ทุกคาบสอนหรอก วิธีง่าย ๆมีเยอะแยะไป
..........เตรียมการสอน ไม่เห็นจำเป็นเลย ถามว่าเธอหอบไปสอนเป็นกระเป๋านั่นคืออะไร หนังสือค่ะ อ่านรึยัง อ่านแล้วค่ะ ไหนว่า จำได้แล้ว ก็อ่านเพื่อทบทวนกลัวหลงลืมค่ะ นี่ไงเธอเตรียมการสอนมาอย่างดี อันไหนลืมเธอก็ตรวจสอบ เพียงแต่การเตรียม การสอนของเธอไม่มีร่องรอยให้คนเห็น ไม่เหมือนผมนะ ผมคนขี้ลืมต้องบันทึกเป็นร่องรอยเอาไว้ว่า ไปเตรียมเรื่องอะไรไว้สอนเด็ก เขียนบันทึกเป็นเอกสารประกอบการสอน ไม่ต้องอ่านอีกเลยจำได้หมด แจกให้เด็กไปอ่านกันเลย อยากเห็นการเตรียมการสอน ของผมคุณเอาเอกสารพวกนี้ไปตรวจดูซิ ผมอ่านอะไรบ้างดูบรรณานุกรมท้ายเอกสาร นั่งงงใหญ่เลย ต่อมาก็ได้เห็นเอกสาร ประกอบการสอนของครูแทบทุกคน มาขอคำแนะนำวีธีเขียนเอกสารเชิงวิชาการ เราเป็นบรรณารักษ์เก่านี่นา เรื่องแบบนี้ถนัด

…………8.ประสบการณ์บริหารงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายวิชาการ.

........ปี 2521 หลักสูตรใหม่เข้ามา เราเรียน กศ.บ.จะจบแล้วแหละ ภาคเรียนสุดท้ายแล้ว ผู้ช่วยฝ่ายวิชาการขอย้ายกลับภูมิลำเนา ที่จังหวัดชัยภูมิ เขาเลยสรรหาคนมาทำงานวิชาการกัน น้องในหมวดวิชาภาษาไทยเขียนจดหมายไปบอกว่า คณะครูเลือกพี่ไป ทำงานวิชาการ หัวหน้าหมวดวิชาภาษาไทยให้ผู้ช่วยหัวหน้าหมวดทำแทน พอจบการศึกษา ยังไม่รับปริญญาเลย ก็ไปแบกงาน วิชาการ แถมเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงหลักสูตรด้วย งานหินจริง ๆ 
งานที่รับผิดชอบสำคัญ ๆ คือ การบริหารหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การวัดผลประเมินผลและการพัฒนาบุคลากร งานที่ได้สัมผัสช่วงที่ทำหน้าที่สิบกว่าปี ได้แก่......
..................1.มีคณะกรรมการวิชาการ 15 คน จากหัวหน้าหมวดวิชาและหัวหน้าแผนกงาน เป็นทีมงานวิชาการ ช่วยวางแผนการจัดหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การกำกับนิเทศ และการประเมินผล งานดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย  ผลสำเร็จการเรียนการสอนน่าพอใจ คนรู้จักชื่อโรงเรียนศรีสงครามวิทยาดีขึ้น ผู้ปกครองสนใจส่งบุตรหลานเข้าเรียนจน ต้องขยายชั้นเรียนอย่างรวดเจ็ว จากโรงเรียนขนาดเล็ก ผ่านไปไม่กี่ปีเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ
.................2. มีการส่งเสริมให้จัดห้องสอนพิเศษทุกหมวดวิชา มีสื่ออุปกรณ์พร้อม นักเรียนเดินไปเรียนตามเวลาที่ครูกำหนดเด็ก ๆชอบมาก เพราะสื่ออีเลคโทรนิคในห้องครูสรรหามาจัดการเรียนการสอน อ้อแข่งกันด้วย นอกจากงบโรงเรียนจัดสรรให้ ครูยังชอบหาผู้สนับสนุนจากภายนอก เครื่องเสียง เครื่องวีดิทัศน์ คอมพิวเตอร์ เอกสารตำรา ไม่มีใครยอมใคร ประชุมประจำเดือนก็อวดกัน ผลการแข่งกันพัฒนาการเรียนการสอน ศึกษานิเทศมาเห็นชอบมาก อยากให้โรงเรียนต่าง ๆแข่งกันทำแบบนี้
...............3. ส่งเสริมพัฒนาเครื่องมือวัดผลประเมินผลการเรียน การสร้างแบบทดสอบวัดจุดประสงค์การเรียน การสร้างแบบทดสอบวัดคุณภาพมาตรฐานการเรียนการสอน การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวัดและประเมินผล

................4. ส่งเสริมการวิเคราะห์วิจัยทางการศึกษา  ให้ความรู้เรื่องสถิติและวิจัย ส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียน  จัดทำคลังข้อมูลสนับสนุนการเขียนรายงานทางวิชาการ
................5. จัดประชุมอบรมตามความต้องการของคณะครูอาจารย์ การสร้างจุดประสงค์การสอน  การเขียนแผนการสอน การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล  การใช้สถิติเพื่อการวิจัย การเขียนเอกสารทางวิชาการ การทำวิจัยเกี่ยวกับการเรียนการสอน
..................จากการที่ได้สัมผัสงานด้านวิชาการที่ยกตัวอย่างมานั้น ส่งผลให้คุณภาพบุคลากรโรงเรียนมีความรู้ ประสบการณ์มากยิ่งขึ้น ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรให้กลุ่มโรงเรียน เขตการศึกษาเป็นประจำ ผลการเรียนของเด็กอยู่ในเกณฑ์ดีมาก สาขาศิลปะผลงานส่งไปประกวดระดับชาติระดับโลก พลานามัยมีนักเรียนติดระดับชาติไปซีเกม  ภาษาอังกฤษมีนักเรียนสอบคัดเลือกทุน เอ.เอฟ.เอส  แทบทุกปีผู้ปกครองพอใจมาก เกษตรเป็นต้นแบบหมู่บ้านนักเรียนเกษตรซึ่งต่อมาพัฒนาเป็น ช.ก.ท. ..... ผ่านมาช่วงเวลาหนึ่งต้องวางมือ ไปช่วยงานวิชาการในระดับจังหวัด ที่สำนักงานสามัญศึกษาจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัด   โดยที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานบริหารหลักสูตร การเรียนการสอนและการวิจัยตามแนวที่ถนัดเหมือนเดิม แต่ขยายขอบเขตไปยังโรงเรียนต่าง ๆ  ก็เหนื่อยดี จนกระทั่งเกษียณถึงได้วางมือ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น