วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ตำนานบุญบอ้งไฟ

ตำนานบุญบั้งไฟ

.........................ตำนานบุญบั้งไฟ.......................
................งานเขียนเก่า ๆ ต้องการนำมาเก็บไว้ที่บลอก ก่อนที่จะหาย หาไม่เจอ นี่ก็เป็นอีกเรื่อง
หนึ่งครับ นำมาไว้บลอกนี้ละกัน เพราะอีกบลอกจะเก็บพวกร้อยกรอง
............ เดือนหก ฮีตสิบสองคลองสิบสี่ ประเพณีอีสานก่อนเก่า เล่าว่าเดือนนี้ทำบุญ บั้งไฟกันถามว่าทำไปทำไม คนเฒ่าคนแก่บอกว่ามันเป็นสัญญาระหว่าพญาคันคากกับ พญาแถน ถ้าใกล้ถึงฤดูทำนา ให้พญาแถนปล่อยนาคเล่นน้ำ ฝนจะได้ตกลงมา ให้ชาว บ้านชาวเมืองได้ทำไร่ไถนา สนธิสัญญาระดับเทพเชียวนะ พญาคันคาก พญาแถน คือใคร ลองอ่านตำนานเรื่องพญาคันคาก ดูซิ

.............ณ เมืองชมพู พระนางสีดา มเหสีของพญาเอกราชผู้ครองเมือง ได้ให้กำเนิด โอรสลักษณะแปลกประหลาด คือผิวกายเหลืองอร่ามดั่งทองคำ แต่เป็นตุ่มตอเหมือน ผิวคางคก คนทั้งหลายจึงขนานนามพระกุมารว่า ท้าวคันคาก แต่แบบเล่านิทานน่ะ อย่าถามเลยว่ากลอนอะไร ไม่รู้เหมือนกัน แต่ชอบมันอ่่านกระตุก ๆ ดี

............. เมื่อเติบใหญ่ขึ้น พระกุมารประสงค์จะได้พระชายาที่มีสิริโฉมงดงาม แต่พญา เอกราชได้ห้ามปรามไว้ ด้วยทรงอับอายในรูปกายของราชบุตร ท้าวคันคากก็ไม่ย่อท้อ ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากพระอินทร์ ด้วยบุญบารมีแต่ชาติปางก่อน พระอินทร์จึง เนรมิตปราสาทพร้อมทั้งประทานนางอุดรกุรุทวีป ผู้เป็นเนื้อคู่ให้เป็นชายา ส่วน ท้าวคันคากเอง ก็ถอดรูปกายคันคากออกให้ กลายเป็นชายหนุ่มรูปงาม
.............พญาเอกราชยินดีกับพระโอรส จึงสละราชบัลลังก์ให้ครองเมืองต่อ ทรง พระนามว่า พญาคันคาก พญาคันคากตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม มีเดชานุภาพเป็นที่ เลื่องลือ จนเมืองน้อยใหญ่ต่างมาสวามิภักดิ์ แต่ก็ทำให้มีผู้เดือดร้อน คือพญาแถน ผู้อยู่บนฟากฟ้า เพราะมนุษย์หันไปส่งส่วยให้พญาคันคากจนลืมบูชาพญาแถน จึงแกล้งงดสั่งพญานาคให้ไปให้น้ำในฤดูทำนา ทำให้เกิดความแห้งแล้ง ข้าวยาก
หมากแพง ชาวเมืองจึงไปร้องขอพญาคันคากให้ช่วย
............. พญาคันคากจึงเกณฑ์กองทัพสัตว์มีพิษทั้งหลาย ได้แก่ มอด ปลวก ผึ้ง แตน ตะขาบ กบ เขียด เป็นอาทิ ทำถนนและยกทัพขึ้นไปสู้กับพญาแถน โดยส่งมอดปลวก ไปกัดกินศัตราวุธของพญาแถนที่ตระเตรียมไว้ก่อน ทำให้เมื่อถึงเวลารบ พญาแถน ไม่มีอาวุธ แม้จะร่ายมนต์ ก็ถูกเสียงกบ เขียด ไก่ กา กลบหมด เสกงูมากัดกินกบเขียด ก็โดนรุ้ง (แปลว่าเหยี่ยว) ของพญาคันคากจับกิน ทั้งสัตว์มีพิษก็ยังไปกัดต่อยพญาแถน จนต้องยอมแพ้ในที่สุด
.............พญาคันคากจึงเริ่มเจรจาต่อรองพญาแถน ขอให้เมตตาชาวเมือง ประทานฝน ตามฤดูกาลทุกปี พญาแถนแสร้งว่าลืม พญาคันคากจึงทูลเสนอว่าจะให้ชาวบ้าน จุดบั้งไฟขึ้นมาเตือน พญาแถนก็เห็นชอบด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุก ๆ เดือนหกซึ่งเป็นช่วงเริ่มฤดูทำนา ชาวอีสาน จึงมีประเพณีบุญบั้งไฟเพื่อบูชาพญาแถน เพื่อจะได้อำนวยความสะดวกตลอด ฤดูเพาะปลูก และเมื่อพญาแถนประทานฝนลงมาถึงพื้นโลกแล้ว บรรดากบ เขียดคางคกที่เป็นบริวารของพญาคันคาก ก็จะร้องประสานเพื่อแสดงความ
ขอบคุณต่อพญาแถน
ตำนานบุญบั้งไฟ
............ เดือนหก ฮีตสิบสองคลองสิบสี่ ประเพณีอีสานก่อนเก่า เล่าว่าเดือนนี้ทำบุญ บั้งไฟกันถามว่าทำไปทำไม คนเฒ่าคนแก่บอกว่ามันเป็นสัญญาระหว่าพญาคันคากกับ พญาแถน ถ้าใกล้ถึงฤดูทำนา ให้พญาแถนปล่อยนาคเล่นน้ำ ฝนจะได้ตกลงมา ให้ชาว บ้านชาวเมืองได้ทำไร่ไถนา สนธิสัญญาระดับเทพเชียวนะ พญาคันคาก พญาแถน คือใคร ขอนำมาเล่าแบบนิทานก้อม โดยแต่เป็นร้อยกรอง แบบตามใจคนแต่ง ใช้คำ ไม่จำกัด 5-9 คำ ลีลา พยายามเลียนแบบกาพย์กลอน จะได้อ่านง่าย ถ้อยคำภาษา
มีทั้งภาษาปาก ภาษาถิ่น เพราะตามใจคนแต่ง บอกไว้เผื่อสงสัยว่าทำไม.....???
........อตีเตกาเลสมัยหนึ่ง................... เมืองงามตรึงใจใครพบเห็น
นามชมพูดูไปก็ร่มเย็น....................... เอกราชเป็นเจ้าผู้ปกครอง
สีดานามมเหสี ......................................พระเทวีงามล้ำคนทั้งผอง
มินานทรงครรภ์ดังใจปอง ................ สุขสมสองราชาราชีนี
พอประสูติประหลาดเหลือหลาย ...... กุมารกายดังทองละอองศรี
แต่ปุ่มปมทั่วกายคล้ายดังมี.................. ผิวสีคางคกน่าตกใจ
บุญกรรมส่งผลมาเกิด........................... ประเสริฐแม่รักมิผลักใส
เลี้ยงดูจนเจ้าเจริญวัย ............................เติบใหญ่เป็นหนุ่มแข็งแรง
คางคกเขาอยากมีแฟน ....................... สาวสาวแสนจะขยะแขยง
มิอยากให้ใกล้คำแพง....................... ...เจ้าแกล้งหลีกหลี้หนีไป
เหลือทนจึงบอกเด็จพ่อ ..................... ขอรับเด็จแม่มิไหว
ลูกอยากมีเมียปวดใจ ........................... จีบใครเขาหลบไม่พบพาน
จับลูกสาวชาวเมืองสักคน....................หน้ามนสะสวยตาหวาน
เลือกเอาสวยสวยนงคราญ....................ลูกหลานชาวเมืองมากมาย
สององค์ทรงอึ้งตะลึงคิด .......................มันคิดอยากมีเมียโฉมฉาย
ให้คนตระเวนถามวุ่นวาย......................ทุกภายในนอกบุรี
เขาบอกอยากจะอาเจียน........................คลื่นเหียรพวกเราสาวศรี
ผัวแบบคางคกตลกดี.............................ไม่มีไม่เอาเยาวมาลย์
ที่สุดกลับมามือเปล่า............................. ทูลเล่าเรื่องราวกล่าขาน
ราชากลุ้มใจทัดทาน..............................จัดการยุ่งยากจริงจริง
บอกลูกทำใจเสียเถิด.............................เราเกิดอัปลักษณ์ผู้หญิง
เขาจึงรังเกียจท้วงติง........................... ประวิงไม่อยากตกลง
...........คางคกรูปหล่อน้อยใจ .............ขอไปอยู่ป่าเขาหงส์
บำเพ็ญบารมีมั่นคง .............................ขอพรองค์อินทร์เมตตา
หลายวันทิพย์อาสน์เร่าร้อน................อินทรสงสัยใครกันหวา
สอดส่องไปทั่วโลกา.............................อ้อเจ้าบ้าคางคกรูปงาม
ไม่หล่อพ่อรวยเป็นกษัตริย์.................. อึดอัดอยากมีเมียมันถาม
วอนขอช่วยด้วยองค์ราม ...................... อินทาใจงามเอ็นดู
เออปางก่อนมันคือโพธิสัตว์.................องค์อินทร์จัดให้อ้ายหนู
เสกเมืองมั่นคงค่ายคู............................. น่าอยู่ปราสาทมณเฑียร
เสกผิวคางคกเป็นเกราะ........................รูปเหมาะงดงามดังเขียน
ซ่อนอยู่ภายในเนื้อเนียน......................อินทร์เพียรหาสาวมาประทาน
ได้สาวอุตตรทวีป .................................. รีบเหาะมาหาว่าขาน
ครบถ้วนครานี้หมดการ ....................... ดูแลบ้านเมืองให้ดี
พระมารดาแลองค์เอกราช.................. ประพาสเมิองใหม่ในวิถี
สุดแสนชื่นชมบารมี .............................เปรมปรีดิ์ยกขึ้นเป็นราชา
........พระเจ้าคางคกอธิราช .................เปรื่องปราดปกครองนักหนา
บ้านเมืองร่มเย็นนานมา ..................... นาคราส่งส่วยสักการ
บ้านเล็กเมืองใหญ่ไหว้น้อม............... ยินยอมพร้อมใจอาจหาญ
ขอพึ่งโพธิสมภาร................................ มินานร่ำลือระบือไกล
ทุกเมืองชื่นชมนักหนา.........................ต่างพากันลืมเป็นไฉน
ลืมการบูชาเทพไท............................... กราบไหว้บัดพลีละเลย
องค์แถนเทพใหญ่บนฟ้า.....................โกรธาเรื่องราวเปิดเผย
อ้ายคางคกขึ้นวอนี่เองเฮ้ย................ มึงเอ๋ยดีละได้เห็นกัน
พวกนาคเล่นน้ำหยุดเล่น.....................โลกเย็นกลับแล้งพร้อมสรรพ์
เจ็ดเดือนขาดฝนประชุมพลัน............. หวาดหวั่นบ้านเมืองล่มจม
พระเจ้าคากคกรูปหล่อ....................... พอรู้เรื่องราวขื่นขม
พญาแถนขี้อิจฉาไม่น่าชม ..................เขานิยมบูชามานานปี
ลืมสักการนิดหน่อยก็คอยแกล้ง .......ให้ฝนแล้งกันดารดังเมืองผี
จักประกาศสงครามเข้าต่อยตี .............เกิดกลีรบพุ่งยุ่งนักเชียว
........ ทัพพระเจ้าคางคก...................... ยกทัพประหลาดหวาดเสียว
ทัพปลวกเร่งสร้างถนนเจียว...............เลาะเลี้ยวเมืองแถนเร็วพลัน
ทัพมอดเตรียมพร้อมตามติด................ประชิดด้ามมีดด้ามปืน
อาวุธทัพแถนกัดให้หมด..................... เหลืออดบัญชาอย่าฝืน
ยามเช้าทหารแถนตื่น......................... ยืนงงหาไม้ก่อไฟ
ทัพแถนจักร่ายพระเวทย์.................. วิเศษเอ็งอย่าสงสัย
ทัพกบอึ่งอ่างเขียดไป.........................ว่องไวส่งเสียงอึงอล
ร่ายผิดร่ายถูกไม่ขลัง ......................... ระวังมนตราอย่าสับสน
พวกมันเสกงูมาประจญ .................... หวังชนทัพกบอึ่งเรา
ทัพรุ้งพุ่งมาอ้ายเหยี่ยว ........................โฉบเฉี่ยวจับงูให้เขา
พวกสัตว์มีพิษต่อยเอา ........................ ทัพงูเจ้านำขบวน
แมงป่องตะขาบรุกฆาต ...................... อย่าพลาดมันน่าเสสรวล
ทัพแถนลำบากถูกรบกวน..................ทั้งมวลไม่เป็นอันรบรา
องค์แถนรำคาญยอมแพ้ ..................... มีแต่พวกเด็กมีปัญหา
รบกันแบบนี้ไร้จรรยา ........................บอกมาเอ็งต้องการอะไร
.........พระเจ้าคางคกมหาราช ............ องอาจบอกชี้พาทีไข
แถนแกล้งพวกเราทำไม ...................ปล่อยให้ฝนแล้งเจ็ดเดือน
แบบนี้ต้องสู้ให้ยับ ........................... จับแถนไปตอนให้เหมือน
พวกขันทีนั่นแหละหากเลือน ....... ขอเตือนอย่าทำนะเออ
แถนบอกอ้ายบ้าคางคก................... สกปรกทำตัวตีเสมอ
เอาเอายอมให้มิอยากเจอ .................ว่าแต่เธอช่วยเตือนเดือนสำคัญ
ส่งบั้งไฟดีดีมาบอก ......................... นาคจะออกเล่นน้ำมิหุนหัน
นาคสนุกฝนลงคงทั่วกัน.................. จักได้สรรค์ไร่นาพาสุขใจ
สันธิสัญญาสันติภาพ ....................... รับทราบเทพแถนมิสงสัย
กับพญาคันคากเรืองฤทธิ์ไกร .......... บุญบั้งไฟเดือนหกตกเตือนกัน
เมื่อฝนโปรยลงมาห่าหนักมาก......... กบเขียนหากปรีดามาพร้อมสรรพ์
ชวนอึ่งอ่าคางคกยกมาพลัน............ ร้องสนั่นอึงอลดลสุขใจ
ขอบคุณแถนส่งฝนลงแล้ว.............. ดังดวงแก้วยินดีมิสงสัย
เสียงอ๊บอ๊บอึ่งอ่างกังวาลไกล........... ขอบคุณให้แถนรู้ชูชื่นชม
จนเกิดเป็นประเพณีศรีอีสาน............นับเนิ่นนานแต่งเติมเพิ่มเสกสม
เล่นสนุกกันมาน่านิยม....................... ขอบังคมตำนานบุญบั้งไฟ ฯ
4/6/2558
เขียนโดย Sritong Sriprajong ที่ 08:45

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น