วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561

สงกรานต์ จ.ศ.1380(2561)

...........เดือนเมษายน 2561 ใคร ๆก็คงนึกถึงสงกรานต์ วางแผนจะไปเที่ยวไหน กลับไปเยี่ยมบ้าน หรือไปที่อื่น ผมเองก็ไม่ต่างคนอื่นหรอก แต่งสังขารมันไม่ค่อยเป็นใจ ไปมาลำบาก หากมีคนพาไปก็ดีหน่อย ขับรถเองไกล ๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน สงสัยจะได้นั่งรำพันถึงเรื่องราวสงกรานต์แหละมั้ง ง่ายดีไม่ต้องไปไหน  แบบนี้ไง
 
                                                              ขุนทอง ศรีประจง
                                                               9 เมษายน 2561
 
--------------------------------------------------------------------------
                            ยานี 11
ใกล้มาวันสงกรานต์ เปิดตำนานดูเรื่องราว
อ่านดูได้สืบสาว ครั้งก่อนกาลโบราณมี
การเปลี่ยนศักราช เห็นบทบาทเรื่องราศี
ดาวเมษแหละตัวดี คอยบอกให้ปีใหม่กัน
สิบสองดาวราศี Zodicที่นามเสกสรรค์
โบราณเล่าสัมพันธ์ โลกหมุนเกิดวันทิวา
กลางคืนสลับให้ หมุนไปรอบสุริยา
ก่อเกิดกาลเวลา เป็นระนาบดังวงกลม
เรียกเส้นสุริยะ ดารกะกลุ่มงามสม
สิบสองกลุ่มน่าชม เรียกราศีกำหนดนาม
เริ่มต้นราศีเมษ เวียนไปเขตพฤศกถาม
เมถุนกรกฏตาม สิงกันย์ตุลพิจิกวน
ธนูแล้วมังกร กุมภ์แน่นอนจบมีนชน
สิบสองราศีคน เล่าบอกมีเป็นองศา
สามสิบบอกมาตรา หนึ่งราศีเท่าเท่ากัน
อาทิตย์เขาโคจร มิหลับนอนในหนึ่งวัน
ทางหนึ่งองศานั่น ยี่สิบสี่ชั่วโมงเชียว
เดินผ่านหนึ่งราศี ก็พอดีสามสิบเที่ยว
ที่เรียกเดือนหนึ่งเจียว ดูอาทิตย์เขาโคจร
จนครบโหลราศี เป็นหนึ่งปีดวงสมร
เริ่มเมษปีใหม่ตอน ช่วงสงกรานต์นั่นแหละคุณ 
รอช่วงพระอาทิตย์ มาประชิดเขตเมษหนุน
องศาศูนย์คอยลุ้น จะเริ่มหนึ่งองศาพลัน
พอเริ่มเข้าสู่เมษ เขตปีใหม่ทุกสิ่งสรรพ์
พอศอก็เปลี่ยนกัน เอิกเกริกรื่นเริงมี
เรื่องเล่าในตำนาน ตระกูลท่านผู้เศรษฐี
ภรรยาก็ตั้งสี่ แต่ไร้บุตรสืบสกุล
ใกล้เคียงบ้านชาวนา มีภรรยาลูกสองคุณ
มันอวดอ้างเป็นบุญ ถึงมิรวยมิเป็นไร
เราตายลูกยังอยู่ เขาย่อมรู้ทำไฉน
ทำบุญทำทานได้ อุทิศบุญให้พวกเรา
สงสารพวกไร้ลูก ใครจักผูกพันพวกเขา
ตายไปคงน่าเศร้า สายโลหิตไม่มีเลย
มันโม้อวดทุกวัน เศรษฐีนั้นยากจักเฉย
เดินสายบวงสรวงเอ่ย วอนท่านเทพได้เมตตา
ประทานลูกสักคน เป็นมงคลยิ่งสิหนา
เครื่องเซ่นเครื่องบูชา จัดถวายมากมายมวล
เรื่องไปถึงองค์อินทร์ ยินเรื่องร้อนจึงแย้มสรวล
เรียนเทพมาชักชวน ถึงเวลาจุติไป
ธรรมบาลเทพบุตร ที่สุดเกิดจริงไฉน
เป็นบุตรเศรษฐีได้ เจริญวัยชาญปัญญา
สามารถสั่งสอนชน บอกมงคลการศึกษา
หลายศาตร์เลื่องลือชา ธรรมบาลฉลาดเกิน
ภาษาคนภาษาสัตว์ ล้วนสันทัดน่าสรรเสริญ
ประชาต่างชวนเชิญ สาธุการด้วยยินดี
ชื่อเสียงขจรไกล ถึงเทพไทพรหมวิถี
กบิลพรหมมิปรานี จักดังเกินธรรมบาล
ลงมาขอท้าทาย ถามง่ายง่ายจงไขขาน
พนันหัวเป็นการ ใครพ่ายแพ้ตัดบูชา
ถามหาคนมีศรี สถิตที่แห่งใดหนา
เช้าเที่ยงและเย็นว่า ศรีไปมาอยู่แห่งใด
กุมารนึกมิออก บอกขอผัดเจ็นวันไหว
จักหาคำตอบให้ หากยังพ่ายยอมตัดคอ
มืดมิดธรรมบาล มืดแปดด้านจริงเจียวหนอ
เจ็ดวันชักทดท้อ ขอเดินเล่นตรึกตรองดู
แลเห็นกระท่อมนา เดินเข้ามานึกอดสู
นอนพักมันสักครู่ ฤาจะพ่ายกบิลพรหม
ต้นตาลอยู่ใกล้ใกล้ รังนกใหญ่นอนแลชม
มินานเสียงแรงลม นกบินกลับมาที่รัง
อินทรีสองผัวเมีย สองอ่อนเพลียที่พลาดหวัง
หาเหยื่อยากเสียจัง บินทั้งวันกบตัวเดียว
ไม่นานผัวบอกเจ้า พรุ่งนี้เช้าข่าวหวาดเสียว
มีผู้คอขาดเขียว ศพสดสดสบายเรา
เมียถามเรื่องอันใด ผัวบอกให้เพราะพวกเขา
กบิลพรหมท้าทายเชาวน์ ถามปัญหาธรรมบาล
ราศีอยู่ที่ไหน เช้าเที่ยงได้เย็นผสาน
สามตอนหากเชี่ยวชาญ ตอบมิได้พ่ายแพ้กัน
คนแพ้ต้องตัดคอ รอบูชาศาลพร้อมสรรพ์
ต้องมีหนึ่งฝ่ายนั่น ถูกตัดคอแน่ทีเดียว
เมียว่าก็คงใช่ ตอบยังไงน่าหวาดเสียว
ผัวบอกมันยากเชียว แต่ฉันรู้มาเนิ่นนาน
เช้าศรีอยู่ที่หน้า อยู่อกว่าเที่ยงประสาน
ยามเย็นที่เท้าการ บำรุงด้วยพรมน้ำเย็น
กุมารยินนกเล่า หายโศกเศร้าค่อยมองเห็น
ทางออกมิลำเค็ญ รอดตายแล้วขอขอบคุณ
วันพรุ่งพรหมพ่ายแพ้ แต่ยึดถือสัจจะหนุน
ตัดคอหวังทำบุญ บูชาหนุ่มธรรมบาล
เรียกลูกมาทั้งเจ็ด สั่งไว้เสร็จเรื่องจัดการ
ศีรษะตกชลธาร น้ำเหือดแห้งโลกลำเค็ญ
หรือโยนไปอากาศ เกิดอุบาตคงได้เห็น
ไฟไหม้ล้างโลกเป็น ระเบิดใหญ่บัลลัยกัลป์
ฝังลงในแผ่นดิน แตกดับสิ้นส่ำสัตว์สรรพ์
ดับดิ้นสิ้นชีวัน เฉพาะหัวเก็บให้ดี
ธิดาหาพานรับ แห่กลับเขาสุเมรุศรี
แห่วนเจ็ดรอบมี คันธชุลีนามถ้ำทอง
เก็บไว้ณถ้ำนั้น เมื่อถึงวันจักฉลอง
สงกรานต์มาประคอง ออกจากถ้ำแห่ทุกปี
ธิดาสาวเจ็ดนาง ต่างวาระตามดิถี
ประกาศสงกรานต์ชี้ ตามชื่อวันต่างกันไป
อาทิตย์เวรทุงษะ โคราคะเวรจันทร์ไข
รากษสอังคารไป วันพุธให้มณฑาเวร
พหัสกิริณี ศุกร์กิมิทาตาเถร
วันเสาร์รีบเข้าเลน มโหทรมารับไว
เจ็ดนางกลายเป็นองค์ นางสงกรานต์สุดไฉไล
เป็นเวรนางคนไหน แล้วแต่ตรงวันสงกรานต์
โหรามีประกาศ ตามเคยคาดแต่โบราณ
เมษาสิบสามวาร พระอาทิตย์ครอบรอบวน
จากเมษสิบสองเดือน เหมือนกลับมามิสับสน
จักชนเมษอีกกล ปีเก่าสิ้นจักผ่านไป
สิบสี่เป็นวันเนาว์ เริ่มย่างเข้าเมษาไข
ลิบดาหนึ่งโดยนัย เป็นวันอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
สิบห้าเมษองศา ดูลิบดาหกสิบแฝง
บวกหนึ่งจึงได้แจ้ง เปลี่ยนจอศอบริบูรณ์
เรียกวันเถลิงศก ตกปีใหม่ได้เพิ่มพูน
มงคลมิเสื่อสูญ วิถีไทยวิวัฒน์กาล
ประกาศปีหกหนึ่ง อาทิตย์ถึงเมษไขขาน
สิบสี่เมษาวาร เก้าโมงเกินตรงเวลา
หนึ่งจุดสี่แปดว่า ยามที่โยคราศีตรง
จากจอศอเจ็ดเก้า เข้าแปดศูนย์มิไหลหลง
วันเสาร์เป็นมั่นคง เวรแห่เศียรกบิลพรหม
ต้องจัดกระบวนแห่ งดงามแท้ให้เหมาะสม
มโหทรนามนิยม เวรบังอรนั่นแหละนาง
ภาระรับพานเศียร ไปเวียนรอบเธอสะสาง
สุเมรุเจ็ดรอบทาง แต่งเครื่องทรงอลงกรณ์
เพื่อจัดขบวนแห่ งดงามแน่นวลสมร
เครื่องทรงยอดบังอร ศิริโฉมสรพางค์
ต้นแขนพาหุรัด ทัดสามหาวน่าสะสาง
ดอกผักตบเขาอ้าง ตบชะวาก็สวยดี
อาภรณ์นิลรัตนะ พะแพรวพรายรัศมี
หัตถ์ขวาทรงจักรชี้ อีกตรีศูลหัตถ์ซ้ายทรง
เนื้อทรายภักษาหาร นกยูงยานเหาะดังหงส์
พิรุณศาสตร์เจาะจง อธิบดีพุธทำนาย
โดยรวมหกร้อยห่า ตามตำราแบ่งเป็นสาย
ตกเขาจักรวาลราย สองสี่ศูนย์ฝนตกไป
หิมวันต์หนึ่งแปดศูนย์ ก็สมบูรณ์ดีไฉน
หนึ่งสองศูนย์ห่าใน มหาสมุทรได้มากมาย
เหลือเพียงหกสิบห่า หล่นลงมาโลกเป็นสาย
น้ำน้อยโหรทำนาย ปลายปีว่าฝนชุกเกิน
ธัญญาเกณฑ์ลาภะ ข้าวกล้าจะงามเจริญ
ได้เก้าเสียหนึ่งเชิญ สบายใจเกณฑ์มงคล
ปีใหม่ในช่วงนี้ หลายวันดีน่าสับสน
ครั้งแรกปีใหม่วน เปลี่ยนนามปีนั่นยังไง
หนึ่งค่ำขึ้นเดือนห้า ปีระกาลับกายไป
ปีจอมาแทนใหม่ นี่ครั้งหนึ่งพึงจดจำ
ปฏิทินเดือนมีนา แรมสิบห้าเดือนสี่ขำ
สิ้นปีระกากรรม ถึงเดือนห้าเป็นปีจอ
สิบสี่เดือนมีนา ปีระกาสิ้นสุดหนอ
สิบห้าเป็นปีจอ ลองอ่านดูจะรู้ความ
ปีใหม่รอบที่สอง ต้องเมษาที่สิบสาม
อาทิตย์วนรอบตาม ชนราศีเมษพอดี
จะเรียกครบศกเก่า ต่อไปเข้าใหม่วิถี
องศาครบเต็มที่  วันสิบสี่เมษายน
ให้ถือเป็นวันเนาว์ ยังมิเปลี่ยนศักราชวน
หนึ่งสามเจ็ดเก้าชน วันพรุ่งถึงจักเปลี่ยนไป
สิบห้าเมษายน วนหนึ่งสามแปดศูนย์ไข
ตรงนี้คือปีใหม่ จอศอเปลี่ยนครบสมบูรณ์
เลยได้สองปีใหม่ ฉลองได้มิเสื่อมสูญ
เสียดายไม่จำรูญ คนลืมวันเปลี่ยนนามปี
ระกามาเป็นจอ มิเห็นรอฉลองมี
ตอนเปลี่ยนจอศอนี้ กลับฉลองกันมากมาย
ก็วันสงกรานต์นั่น ฉลองกันออกเดินสาย
สาดน้ำกันวุ่นวาย เพราะปีใหม่รอบสองแล
บันทึกเรื่องสงกรานต์ เล่าตำนานบอกนวลแข
เรื่องราวมีมากแท้ อีกหลายเรื่องน่าจดจำ
การเล่นแบบพื้นบ้าน อีกมินานนักคมขำ
คงเลือนหายแน่กรรม ลองทบทวนที่ไหนมี
ขอเล่าเพียวแต่ชื่อ คือการเล่นตามวิถี
ของเด็กก่อนเรามี การละเล่นน่าสนใจ
หมากเก้บมอญซ่อนผ้า ลองซ่อนหาแปะโป้งไข
รีรีข้าวสารไง ม้าหลังโปกสนุกดี
หนุ่มสาวโค้งตีนเกวียน หมุนวนเวียนล้มกันที
ทับกันสนุกพี่ ลองอีกใหม่ได้ทั้งวัน
แข่งขันเดินกะลา ขาโถกเถกก็ชวนขัน
โยกเยกเดินไปนั่น มันจะเร็วได้อย่างไร
อ้ายหนุ่มเป็นหัวงู ดูหางสาวน่ารักไหม
กินทางจับเร็วไว เอามาไช้เป็นหางตัว
ตี่จับก็สนุก รับและรุกรบชวนหัว
บั้งป๊ะแตกน่ากลัว ยิงสนั่นลั่นกลางดง
หิงอี่ม้าก้านกล้วย ชวนคนสวยนวลหงส์
นุ่งเหน็บโจงบรรจง ขี่ม้าวิ่งขาเธองาม
ทอยเส้นหรือเล่นว่าว พวกหนุ่มสาวเขาไถ่ถาม
ชอบไหมเล่านงราม ลูกสะบ้าจานซ้อนใบ
ชอบเต้นตากะโหลก โยกเยกเอวลงตาไหน
อีกามาฟักไข หรือเรือบกเล่นโพงพาง
หน้ากากผีตาโขน สวมแล้วโขนมีปีกหาง
ร่ายรำไปตามทาง อวดสาวสาวสนุกดี
เต้นเชือกเดี่ยวหรือหมู่ ก็น่าดูนะนวลศรี
หนุ่มหนุ่มเมียงมองมี คนไหนหนอน่ารักเกิน
จ้ำจี้ดึงครกสาก มิลำบากเอ้าอย่าเขิน
ดึงหนังสนุกเกิน สามัคคีมีพลัง
ตาเองชอบตีคลี สนุกดีดูมันขลัง
คลีไฟไม่ระวัง โดนมันลวกร้อนแทบตาย
ที่สุดแข่งรถกัน มันเอามากแบ่งเป็นสาย
จิ้งล้อมีมากมาย แข่งเป็นกลุ่มชุมนุมมี
สงกรานต์สมัยก่อน ชอบเดินจรตามวิถี
หนุ่มสาวล้วนมากมี ชวนกันเล่นน่าสนใจ
บันทึกไว้แต่ชื่อ อยากรู้คือเล่นแบบไหน
ถามกูรูย่อมได้ คุณกูเกิลเขารู้ดี
จบละยาวมากแล้ว คงมิแคล้วลงบลอกมี
โพสลิงค์หน้าเพจชี้ ผู้สนใจเชิญเยี่ยมชม

1 ความคิดเห็น:

  1. เล่าตำนานสงกรานต์ไว้ให้ลูกหลานได้อ่านกัน เขียนเป็นกาพย์ยานี 11 เพราะง่ายกว่ากลอนแปด ตรวจแก้ไขไปรอบหนึ่งแล้ว ทิ้งไว้ก่อนมาอ่านอีกอาจเจอที่บกพร่องก็แก้ไขอีก การเขียนร้อยกรองไม่ค่อยครั้งเดียวหรอก เพราะเวลาเขียนอยากเขียนให้จบไว ๆ จบแล้วก็โพส เลยมีงานตรวจทานให้ทำประจำ

    ตอบลบ