วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562

วันแม่ผมก็มีแม่เหมือนกัน


ถ่ายกับยาย และแม่บ้าน


นางทองมา ลูกพี่สาวคนโต นางทุม พี่สาวคนเล็ก 

ขุนทอง ศรีประจง
......เดือนเมษายน มะไฟในสวนกำลังสุก สวนเรามีสามแห่ง สวนบ้าน ติดหมู่บ้าน สวนเหล่า
ติดนาเหล่า และสวนโนนยาง อยู่หมู่บ้านร้าง สวนบ้านมีมะไฟสองต้น สวนเหล่ามีต้นเดียว ที่
สวนบ้านต้นใหญ่และดกมาก สวนบ้านกว้างไร่เศษ มีมะม่วง มะไฟ ส้ม ขึ้นเต็มไปหมด มะไฟ
ต้นใหญ่ แตกกิ่งแผ่ไปรอบโคนต้น สูงสักเมตรเดียว พวกเราชอบปีนเล่นกัน ไต่ไปได้ทั่วทุกกิง
มีหล่นลงพื้นก็ไม่ถึงกับบาดเจ็บ แค่จุกครู่เดียวก็ไปต่อได้ เป็นสนามเล่นหมากหนอนของพวก
เรา เลิกเรียนก็ไปเล่นที่สวนบ่อย ๆ เดือนเมษายน โรงเรียนปิดแล้ว แต่มะไฟกำลังสุก มะไฟ
ต้นใหญ่รสดีเปรี้ยวน้อย หวานมาก แม่ขายตะกร้าละบาทเดียว แม่บอกราคาดี มันอร่อยถึงขาย
ได้ มีคนมาขอซื้อประจำ พ่อวางแผนจะเอามะไฟไปขายแลกเกลือที่อำเภอยางตลาด แม่พา
พวกเราไปเก็บมะไฟ พี่สาวสองคน พี่ชายหนึ่ง ผมและแม่ ส่วนพ่อไปเตรียมเกวียน
........เกวียนติดตั้งกะโหลก รูปร่างเหมือนกล่องกระดาษก้นทรงสี่เหลี่ยม วัดขนาดเท่าสาแหรก
เกวียน สูงสัก 70 เซ็นต์ สานด้วยตอกไม้ไผ่ ติดขอบแข็ง เป็นกล่องขนาดใหญ่สำหรับบรรทุก
สิ่งของ เวลาลากขนข้าวเปลือกจากลานไปเก็บยุ้งฉาง กระโหลกเกวียนนี่แหละช่วยได้มาก
จะไปขายมะไฟก็ต้องพึ่งกระโหลก ต้องติดตั้งประทุนกันแดดกันฝนด้วย เพราะแม่กับลูกแหง่
ให้นั่งในกะโหลก ยังกะรถกระบะมีหลังคานั้นแหละ ด้านหน้ากันที่ไว้ให้แม่ลูก ถัดไปก็บรรทุก
มะไฟ ส่วนลูกสาวสองคนเดินตามรอยเกวียนพร้อมหมาแดงตัวหนึ่ง แต่พอออกนอกบ้านเขา
แซงไปเดินนำหน้า เพราะตามหลังฝุ่นเยอะ
.......เกวียนพ่อเป็นเกวียนราชาไม แกะลวดลายทั้งลำ ขนาดกำกงล้อ ยังมีลวดลายสวยงาม
มาก เห็นว่าซื้อหลายร้อย ปี 2492 ราคาสองร้อยห้าสิบบาท แพงมากนะ วัวเทียมก็วัวแม้ว
สีเทา ๆ สูงใหญ่ คู่หูคู่ฮากับผม เพราะชอบขี่หลังมันออกไปปล่อยหากินที่ทุ่งใกล้หมูบ้าน พี่
สาวจูงมันให้เราชี่ มารู้ทีหลังว่าเขารำคาญเราชอบวิ่งไปไกลหูไกลตา จับวางหลังวัวไปไหน
ไม่ได้ ไม่ต้องตามยาก ลงจากหลังวัวก็ไปช่วยมันเล็มหญ้า ดึงหญ้าแพรกได้เต็มกำก็ม้วน ๆ มัด
กองไว้ ได้ไม่กี่กำมันมาแย่งกินหมด หมดแล้วตามมาเลียแขนเราคงขอบใจเรามั้ง หรือไม่ก็บอก 

เกวียนมีประทุนกันแดดกันฝนได้ดี

เอาอีก ๆ นั่นแหละ จึงคุ้นเคยกับพวกมันดีมาก ๆ
........เสียงล้อเกวียนวิ่งบดดินรอยทางเกวียนดังออดแอด ๆ ผสมเสียงกลีบเท้าวัวกุบกับ ๆ มัน
เพราะดี แต่ฝุ่นนี่ไม่ดีเลย เราลงจากเกวียนเดินนำหน้าดีกว่า พี่สาวเขาพาเดินสนุกดี อ้ายหมาแดง
มันวิ่งหายไปไหนไม่รู้ พี่บอกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวมันก็มา เปล่าไม่มาแต่ได้ยินเสียงเห่าคล้ายจะกัด
อะไรซักอย่าง ตานี้พี่ชายวิ่งไปดู เห็นเอาไม้ยาว ๆ ตีอะไรซักอย่าง ไม่นานก็เดินกลับมาอวด
มีงูสิงตัวเท่าแขนคล้องคอมาอวด พี่เก่งจริง ๆ ไม่กลัวงู เราขนลุกกลัวสิ พี่เรียกให้ตามไปก่อไฟ
ช่วยเก็บฟืนไปให้ เขาเผางูแล้ขอดเกล็ด พี่บอกวิธีนี้ได้กินหนังด้วย แต่ทำยากกว่าวิธีลอกหนัง
กว่าจะขอดเกล็ดเสร็จกองเกวียนลับตาไปแล้ว พี่ชายพาเดินลัดทุ่งนาไปไม่นานก็เห็นฝุ่นกอง
คาราวานเกวียน เชื่อไม่นานคงตามทัน ไม่นานนักเราก็แซงกองเกวียนไป ถึงจุดพักเกวียนริม
หนองน้ำใหญ่ ร่มไม้สำรับพักผ่อนอย่างดี มีน้ำให้วัวได้ดื่มกิน มีหญ้าริมน้ำเขียวชะอุ่ม พอพัก
วัวก็ปรี่ลงหนองดื่มน้ำ แล้วก็ขึ้นมาเล็มหญ้ามันคงหิวมากเพราะเดินทางสองสามชั่วโมง พักอยู่
จนทานข้างเที่ยงที่นี่แหละ บ่ายจึงจะเดินทางต่อ
........พ่อลงอาบน้ำในหนอง เรียกให้เราไปหา แกขว้างค้อนขึ้นมาบอกให้เราไปเก็บ อ้าวปลา
ช่อนตัวเท่าแขน เก็บได้แล้ว แกขว้างมาอีก ปลาหมอ ปลาดุก ปลาสมัยก่อนคงหาง่าย เอามาให้
พี่ชายแกเสียบไม้ย่างปักรอบกองไฟ พ่อมาถึงในมือผักเต็ม แกชอบสะเดา เด็ดยอดอ่อนมาเต็ม
กำมือ ใบตอวจาน(กวาวเครือ)ห่อแล้วเผาไฟ สุกแล้วเอาไปล้างน้ำ ยังกะลวกด้วยน้ำร้อน อร่อย
มาก ๆ แก่ผ่าไม้ไผ่ทำครก เทแจ่วบองลงก่อน แกะเนื้อปลาลงไป สากไม้ไผ่ตำ ๆ ๆ กลายเป็น
แจ่วปลา วิธีนี้จำเอามาใช้จนทุกวันนี้ ผมเรียนแบบพ่อมาหลายวิชาเชียวแหละ แต่วิชาจับปลามือ
เปล่าทำได้แต่ไม่ค่อยเก่งเหมือนพ่อ หลักการคือ ดินโคลนไม่ลึกนัก พ่อกดรอยเท้าให้เป็นหลุม
ระยะหลมห่างพอดีก้าว กดรอยไปสัก 6-10 ศอก ควักดินมากำหนึ้ง หว่านกระจาย คล้ายเหวี่ยง
แห ปลาตกใจก็วิ่งไปหลบ เจอรอยเท้าชอบใจแอบบหลบในรอยเท้า ตอนงมก็เบา ๆ สองมือปิด
รอยเท้าให้มิด ปลาก็ติดในกำมือ หลักการก็เท่านี้แหละ ได้สองสามตัวก็ถือว่าเก่งมากแล้ว 


คาราวานเกวียนเดินทางไกลไปหาแลกข้าวของ

........อาหารเที่ยงก็แจ่วปลา หลามปลา ปลาเผา งูย่าง พี่สาวทำส้มตำให้กินด้วย อร่อยมาก
สุด ๆเลย หลังทานข้าวก็เดินทางต่อ จวนค่ำถึงบึงใหญ่ มีรอยกองเกวียนมาพักสองสามจุด มีร่มไม้
ใหญ่กระจายอยู่ทั่ว พ่อเลือกจุดพักกองเกวียน ใช้เกวียนเป็นกำแพงล้อมวง วัวผูกไว้ด้านใน กลาง
ก่อไฟกองใหญ่มีหมาสี่ห้าตัวช่วยทำหน้าที่เวรยาม ยินว่ามีโจรชุมต้องอยู่เวรยามกันทั้งคืน เรา
นอนกับแม่ที่ใต้ถุนเกวียน หมอกแรง หนาวมาก กว่าจะสว่างนานเหลือเกิน ตืนเช้ามาไม่เห็นแม่
ออกเดินหา แม่กำลังแลกเปลี่ยนและขายมะไฟ ชาวบ้านเขาได้ยินข่าว หอบเกลือมาแลกมะไฟ
ชาวบ้านแถบนี้ทำเกลือสินเธาว์กันแทบทุกบ้าน ดินช้างทางเห็น"ส่าเกลือ" กระจัดกระจาย เขา
มาต้มเกลือกัน ด้วยหลักการคือ เอาดินส่าเกลือไปแช่เอาน้ำเค็มใส ๆ กรองดีแล้วเอาไปต้มให้
น้ำระเหยเหลือแต่เกลือ เขาต้มกันทั้งวัน เกลือที่ได้ก็ใส่กระทอขนาดเท่าโคนขา สูงสัก 60 เซ็นต์
กรุด้วยใบต้อง ตอกมัดแน่น เรียกกระทอเกลือ เกลือที่ยังไม่บรรจุก็กองไว้ มีหลายสิบเจ้า เขา
ทำเป็นอาชีพกัน 

พักกองคาราวาน

......ครึ่งวันมะไฟก็หมด ได้เกลือมากพอ ก็เดินทางกลับกัน ขากลับนั่งสบายหน่อย กะโหลก 
เกวียนว่าง ๆ แม่ปูผ้าให้นอนตลอดทาง ตื่นนอนก็ลงจากเกวียนไปวิ่งเล่น ทางเกวียนลัดเลาะไป 
ตามป่าบ้าง ทุงนาบ้าง กว่าจะถึงบ้านก็มืดค่ำ เดินทางกันทั้งวัน สมัยเรียนหนังสือที่ มหาสารคาม 
เคยกลับไปดู ขับรถผ่านบึงน้ำใหญ่ที่กองคาราวานเคยมาพัก อยู่เขตอำเภอกันทรวิชัยนี่นา 
ขับรถเลยไปนิดหนึ่งถึงแยกอำเภอยาง ตรงนี้เองที่เคยพักเกวียน เลี้ยวขวาไปสามสิบนาที อ้าว 
ป่าดงมะไฟสวนที่เราเคยปีนป่ายอยู่ตรงนี้ การเดินทางสมัยโน้นเดินกันแต่เช้าจนค่ำมืดกว่าจะถึง 
ยางตลาด สมัยนี้เดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว คิดถึงพ่อและแม่นะป่านนี้อยู่ภพภูมิไหนกันบ้างนะครับ 
.......ลูกชายคนนี้แก่แล้วปีนี้ 75 ครับ แต่ก็คิดถึงพ่อแม่ยังรักท่านทั้งสองเสมอ ได้ใช้ความรู้และ 
ประสบการณ์ที่พ่อแม่สอนให้เอามาใช้จนทุกวันนี้ วิธีทำส้มปลาน้อยสูตรของแม่ยอดเยี่ยมอยู่ครับ 
ไปเที่ยวป่ามีครกตำพริกตำป่นปลา แบบตัดกระบอกไม้ไผ่ทำครกที่พ่อเคยทำ ใช้ได้ดีเสมอครับ 
วิธีช้อนอีฮวกที่แม่พาไปเลาะตามทุ่งนา ผมเคยใช้ได้กินหมกอีฮวกอร่อย ลูกเมียก็พลอยได้กิน 
กับผมด้วย เมียผมเป็นครูเขาทำไม่เป็นหรอก ผมเลยยืดใหญ่เลย ไปเที่ยวป่าได้กินแกงผักหวาน 
ด้วยกระบอกไม้ซาง หลามผักหวาน หลามปลาไหล หลามปลาดุก ผมได้กินเพราะทำตามที่พ่อ 
เคยสอนนั่นแหละครับ คั้นส้มผักฝีมือแม่ที่หนึ่งเลย ขนาดผมจำผิดจำถูกเอามาทำยังอร่อยเลย 
คิดถึงพ่อคิดถึงแม่มากครับ จากกันนานแล้ว พ่อแม่ก็คง สังสาระ ไปตามเหตุปัจจัย ไม่รู้เมื่อไร 
จะได้พบเจอกันอีก ได้แต่อธิษฐานจิตขอส่งบุญกุศลไปให้ทั้งสองท่าน ขอให้ท่องไปในวัฏฏะ 
อย่างสะดวกสบาย อย่าได้ขาดเขินเสบียงกรังคือบุญกุศล กระผมขออุทิศไปให้มิได้ขาด ทุกค่ำ 
เช้า ทำวัตรสวดมนต์จบก็อุทิศทันที หวังว่าจะมีผลช่วยให้สองท่านได้รับบุญกุศลเพียงพอสำหรับ 
การท่องไปในวัฏฏสงสารอย่างสะดวกสะบายนะครับ...สาธุ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น