วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2564
คำชี้แจง
..........มหาเวสสันดรคำกลอนชุดนี้ กระผมแต่งเล่าเรื่องเพราะเคยเล่าปากเปล่าบ่อย ๆสมัยเทศน์หกกษัตริย์ เป็นหัวหน้าคณะนักเทสน์
ต้องคอยสรุปเนื้อหาให้ญาติโยมได้รู้เรื่องที่พระเทศน์เป็นกัณฑ์ ๆ ก่อนจะขึ้นเนื้อหากัณฑ์ใหม่ จึงต้องจดจำเนื้อเรื่องทั้งหมด ประกอบ
กับสมัยเรียนวรรณคดีไทยก็เลือกเรื่องมหาเวสสันดรชาดกเป็นหลัก จึงทำให้ได้เรียนเนื้อหาค่อนข้างละเอียด บวชอยู่เจ็ดพรรษาเทศน์หกกษัตริย์สิบกว่าครั้ง เทศน์มหาชาติบุญเดือนสี่ ห้าหกครั้ง ทำให้อยากเล่าเรื่องเป็นกลอนแปด น่าจะเล่าจนจบเรื่องได้ ทดลองดูก็จบจนได้แหละน่า จึงรวบรวมมานำเสนอออนไลน์ ผ่านมาหลายปีแล้ว ต้นฉบับยังเก็บไว้อยู่ พอดีนึกสนุกอยากอ่านผลงานเก่า ๆ ดูว่ามีฝีมือแค่ไหน อ่านแล้วก็ขำ ๆ เห็นข้อบกพร่องมากมาย ก็ตอนนั้นชัวโมงบินยังน้อยอยู่นี่นา ก็ได้แค่นั้นก็บุญแล้ว พูดมากไปแล้วมาดูฝีมือการเขียนกลอนสมัยวัยรุ่น ดู
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
...................กัณฑ์ทศพร ๑๙ พระคาถา
กลอนแปด
ปฐมบททศพรเจริญคุณ........................สิบเก้าสุนทระกถาสถาพร
เริ่มนิทานเล่าถึงแต่ปางก่อน.................ตอนทวยเทพผุสดีสิ้นสุดวาร
มีตำนานบอกเล่าก่อรเก่ามา.................คราต้องลงเมืองมนุษย์จุดไขขาน
เคยสั่งสมบารมีอธิการ...........................เป็นมารดาโพธิสัตว์เป็นมั่นคง
ลางบอกเหตุถึงคราวจักจุติ...................เบื่อวิมานร้อนจิตพิศวง
เครื่องประดับงดงามตามที่ทรง..............กลับหมองลงมิงามตามที่เป็น
สามภูษาเครื่องทรงผลงกต...................หมดสง่าดูหมองตรองตามเห็น
พระเสโทโทรมกายทนยากเย็น..............รังสีเช่นจะอัเฉาชวนเศร้าใจ
นิมิตห้าเกิดมาคราสิ้นสุด.....................จักจุตติม่นคงมิสงสัย
รีบรุดเฝ้าอินทาเทวราช.........................จักคลาคลาดลงเกิดประเสริฐสมัย
ขอพระพรสิบประการพระทรงชัย..........ประทานให้สมประสงค์จำนงนวล
หนึ่งขอให้ได้ประทับสีพีราช.................ร่วมครองราชเวียงวังดังสงวน
สองมีเนครคมขำงดงามควร..................ชวนชื่นชมดุจนัยนาทราย
งามขนงเขียวสดดังสร้อยศอ.................มยุราพอกันคิ้วโฉมฉาย
สี่ขอนามผุสดีมิกลับกลาย....................ห้าลูกชายยิ่งใหญ่บารมี
ใฝ่กุศลผลบุญคุณประเสริญ................เป็นหนึ่งเลิศน่าชมสมศักดิ์ศรี
โพธิสัตส์ยิ่งใหญ่ในปฐพี.......................ขออย่ามีพระครรภ์ป่องมิงดงาม
พระถันงามสดสีมิมีเหี่ยว........................มิได้เกี่ยววัยชราน่าเกรงขาม
ดังสาวรุ่นรูปทรงของนงราม..................สง่ายามพบเห็นเป็นมงคล
แปดเกศาดำดุจปีกแมงภู่......................ฉวีดูดังสุวรรณโดยกุศล
มีอำนาจช่วยเหลือเกื้อทุชน..................ให้หลุดพ้นโทษประหารเหลือจำจอง
คงตลอดชีวิตก็พอแล้ว..........................ช่วยให้คล้วโทษตายคลายใจผอง
กลับมาทำความดีตามครรลอง............สมควรต้องสั่งสอนให้กลับใจ
สิบประการขอพรเทวราช.......................มีประกาศประทานมิสงสัย
กราบทูลลาพรองค์สหัสสนัย.................จุติไปบังเกิดบุญบันดาล
-----------------------------------------------------------
............................. กัณฑ์หิมพานต์ ๑๓๔ คาถา
กลอนแปด
เทพบุตรจุติลงมนุษย์โลก......................โชคได้เกิดในวังอลังการ
มัทราชราชวังบริพาร.............................ชื่นชมท่านกุมารีถวายพระพร
ทรงพระนามผุสดีนารีเลิศ......................งามประเสริฐยอดหญิงมั่งสมร
เจริญวัยงดงามสวัสดิ์บวร.....................นาถบังอรเลิศลักษณ์ศิริวิมล
ต่อมาชาวสีพีมีประกาศ........................สู่ขอนาถเป็นรานีมิสับสน
แห่งพระเจ้าสญชัยเกริกไกรกล............จันทร์เจิดจนส่องสว่างกลางนภา
ครองสมับัติรัชกาลสราญ์เลิศ..............สิ่งประเสรฺฐลาภยศปรากฏหนา
สรรเสริญสุขแรงหนุนเพราะบุญญา.....เพชรจินดาไหลหลั่งคลังไพบูลย์
สองสุขสองสมสองทรงครองราชย์......พระหน่อนาถบุญใหญ่ครองไอศูรย์
คราหนึ่งเสด็จเลียบกรุงสีพี..................พระผุสดีประสูติราชบุตรวิบูลย์
เวสสนดรพระโอรสอนุกูล.....................ฉัททันต์ทูนถวายเศวตคชาธาร
นัยว่าเป็นคู่บุญลงมาเกิด.....................สิ่งประเสริฐสี่แหล่งมหาศาล
ขุมทรัพย์ใหญ่เกิดด้วยอำนวยการ....พระกุมารจักเพ็ญบุญบารมี
ปัจจนาคนาเคนทร์นามช้างเผือก.....ดังทรงเลือกฟ้าฝนดลวิถี
ล้วนอุดมสมบูรณ์พูนทวี......................ชาวธานีสุขสันต์สถาพร
เจ้าชายเวสสันดรใจบุญ......................ชอบเกื้อหนุนเพ็ญกุศลสโมสร
เปิดโรงทานสี่ทิศทรงบทจร.................ประชากรรอรับบำเพ็ญทาน
เสร็จที่หนึ่งจึงผ่านไปที่สอง.................ชาวเมืองจ้องภูวนัยต่างไขขาน
อยากจะเห็นพระองค์ยามทรงงาน.....สุขสราญที่ได้ชมพระบารมี
กล่าวถึงเรื่องเมืองกลิงคราษฎร์.........ภัยประหลาดผู้คนหม่นหมองศรี
เกิดภัยแล้งนับนานถึงเจ็ดปี..............คนไม่มีธัญญาหารลำบากลำบน
ยินข่าวเมืองสีพีไม่มีแล้ง.....................ดังเทพแต่งน้ำท่าทุกแห่งหน
ล้วนอุดมสมบูรณ์ประชาชน...............ไร่นาผลดีมากมิยากการ
ล้วนเพราะบารมีองค์กษัตริย์..............จึงขจัดเภทภัยแผ่ไพศาล
ทั้งยังมีปัจจนาคคชาธาร...................ช่วยบัลดาลฟ้าฝนชลธา
หากแม้นเมืองกลิงมีบุญบ้าง..............จืดต่อทางสีพีสืบเสาะหา
ขอช้างต้นปัจจนาคเดินทางมา........อยู่พาราจักหยุดแล้งได้แน่นอน
พระราชาเห็นด้วยให้ช่วยคัด.............พราหมณ์สันทัดการขอเคยฝึกสอน
ล้วนระดับพ่อครูไปวิงวอน..................คชาธรขอได้ไม่ยากเย็น
คณะพราหมณ์แปดคนรับมอบหมาย.บ่ายหน้าไปสีพีแสนทุกข์เข็ญ
หนทางไกลบุกป่าฝ้าดงเป็น..............เจ็บป่วยเห็นลำบากหากอดทน
พบแม่น้ำข้ามมาว่าลำบาก................ยิ่งยุ่งยากเขาเขินแลไพรสณฑ์
นานนับเดือนเขตสีพีที่กังวล..............พบผู้คนถามไถ่จนได้ความ
พ่อเมืองทานเมตตามหาเวสส์.............เชษฐ์บุรุษยิ่งใหญ่ใครก็ขาม
ชอบตรวจตราบ้านเมืองทุกเขตคาม..ยามพบเห็นปวงประชาท่านอาดูร
ถามสุขทุกข์บางคนเดือดร้อนหนอ....กราบทูลขอทรงช่วยด้วยเกื้อกูล
เมตตาท่านมากมีทวีคูณ......................ท่านเพิ่มพูนบารมีด้วยปรีชา
อภิษกเจ้าหญิงมัททราษฎร์..................นามพระนาถมัทรีกนิษฐา
งดงามเยี่ยงหญิงงามเทพธิดา.............จุติมาจากสวรรค์กํดุจกัน
พระเจ้ากรุงสญชัยสละราชย์...............ให้ฝ่าบาทพระเวสสวิเศษสรรพ์
เป็นราชาสีพีเลิศราชัน........................บ้านเมืองนั้นสงบสุขสถาวร
ต่อมามีโอรสและธิดา...........................คือกัณหาชาลีศรีสมร
เป็นสุดรักแห่งบิดาพระมารดร............ประชากรชมชื่นพระบารมี
กิจวัตรราชามหาเวส...........................ชอบตรวจเขตพาราสาวถี
ดูสุขทุกข์ปวงประชาชาวบุรี...............ทุกข์ภัยชี้ช่วยเหลือเกื้อบรรเทา
ชาวประชาสรรเสริญเจริญสิ้น.............ยินดียิ่งพระราชาแห่งพวกเขา
ทศพิธคุณธรรมล้ำชาญเชาวน์..........ทรงถือเอาเป็นวัตรพิพัฒนา
ชาวพาราสีพีสุขีสงบ............................พบกษัตริย์ทรงคุณอุ่นหรรษา
สุนติสุขทั่วไปในพารา..........................ปวงประชาแซ่ซ้องพระภูมี
กล่าวถึงเมืองห่างกันกลิงคราฎร์........อุบาทว์แห้งแล้งนักดังยักขี
มาสาปแช่งแกล้งคนลนอัคคี...............ชีวีแทบดิบดิ้นสิ้นพารา
ราชครูผู้คนเสาะทางแก้.......................นับตั้งแต่เรื่องง่ายธรรมดา
แหนางด้งนางแมวก็ทำมา...................มัมีท่าฝนจะตกมันแล้งเกิน
ข่าวทางเมืองสีพีอุดมสุข.....................ทุกแห่งหนชลธามิขาดเขิน
ข่าวลือว่าราชาท่านบังเอิญ................ทรงเจริญช้างทรงมีบุญญา
อยู่หนใดน้ำฝนมิเคยขาด....................อาจทำให้หายแล้งได้จริงหนา
ควรส่งคนไปขออัญเชิญมา.................ช่วยพาราเมืองกลึงถึงจะดี
พระราชาสั่งให้ได้จัดการ.....................พราหมณ์ขอทานสุดยอดำปดูถี
แปดยอดพราหมณ์รีบไปมิรอรี...........หลายราตรีมาถึงเมืองปลายทาง
พบชาวบ้านสอบถามถึงบ้านเมือง....ได้หลายเรื่องสงสัยได้สรสาง
พระราชาเวสันดรชอบเดินทาง...........อ้างตรวจการโรงทานประจำวัน
สี่มุมเมืองโรงทานท่านตั้งอยู่................มาตรวจดูประจำคำเขาสรรพ์
เรื่องราชามาเยี่ยมโรงทานนั้น.............คนรู้กันกิจวัตรเวสสันดร
โอกาสดีแปดพราหมทำหน้าที่..........พบภูมียามเช้าอุทาหรณ์
บอกเรื่องราวเดินทางหาภูธร.............ด้วยเดือดร้อนบ้านเมืองแห้งแล้งเกิน
ทราบเรื่องบุญบารมีพระปกเกศ........องค์พระเวสใจกุศลคนสรรเสริญ
เมตตาช่วยผู้คนทรงดำเนิน..............ใคร่จักเชิญปัจจนาคคชาธาร
ไปโปรดเราชาวกลึงให้หายแล้ง........ฟ้าดินแกล้งเจ็ดปียากจักขาร
เดือดร้อนนักขสดฝนกันมานาน......ขอภูบาลเมตตาทรงปราณี
อนุญาตข้างทรงไปปรากฏ.................เป็นเกียรยศชาวกลิงจริงเป็นรศรี
บ้านเมืองจักร่มเย็นทั่วธานี................อาจจักมีฟ้าฝนชลธา
สมเด็จองค์พระเวสส์ทราบเรื่องราว..โอกาสคราวเพ็ญบุญยากนักหนา
ประทานให้ด้ายมีพระเมตตา..............สูจงพาปัจจนาคเดินทางไป
เรื่องราวทรงประทานคชาชาติ..........ชนเกรี้ยวกราดโกรธเคืองยิ่งไฉน
ยื่นฟ้องร้องพระองค์กรุงสญชัย.........จงขับไล่ราชาเวสส์ทันที
ทรงเรียกองค์พระเวสมาปรึกษา.......ยามประชาโกรธเคืองตวรหลบหนี
การประจันต่อหน้ายากราวี...............อาจจักมีเหตุร้ายศึกดังไฟ
จักขอหลบหลีกหนีลองดูก่อน.........บ้านเมืองร้อนเมื่อเย็นเป็นไฉน
คงรู้ดีรู้ขอบตอบต่อไป........................คงจักได้คืนบ้านย่านนคร
---------------------------------------------------
ทานกัณฑ์ 209 คาถา
กลอนแปด
ก่อนจากไปขอบำเพ็ญกุศลกิจ........ตามที่คิดเอาไว้ไม่ทอดถอน
สตสัตตกมหาบวร..............................ทานปกรณ์เจ็ดสิ่งเจ็ดร้อยควร
ช้างเจ็ดร้อยมารถก็เจ็ดร้อย..............มิใช่น้อยหญิงงามทรามสงวน
เจ็ดร้อยนางทาสชายที่คำนวณ........เจ็ดร้อยถ้วนเท่ากันมาทำทาน
นางทาสีและโคอย่างเจ็ดร้อย.............มิใช่น้อยเจ็ดสิ่งตามกล่าวขาน
สตสตกเจ็ดร้อยคำนวนการ..............เจ็ดสิ่งท่านเพ็ญบุญบารมี
เลื่องลือไกลมหาทานการกุศล..........ล่วงลุบนแดนสวรรค์ในวิถี
ล้วนแซ่ศร้องสรรเสริญทั่วธาตรี.........เฉลิมศรีโพธิสัตว์บำเพ็ญบุญ
เสร็จลำลาพระบิดาคราจำจาก..........ถึงคราวพรากอยู่ดีมีพลุงหนุน
สุขสวัสดิ์โรคภัยอย่าได้รุน..................รุกรนคุณปิตุเรศจงคลาคลาย
พระมารดาสงบสันต์อย่างได้โศก.......ถึงวิโยคยังสนิทเสน่หฺสาย
รักบิดามารดาชีวาวาย........................จวบจนตายยังรักมั่นนิรันดร
ขอพระคุณบุญคุ้มปิตุเรศ....................ปกปักเกศพระมารดาอย่าทอดถอน
กราบลาเสร็จกำหนดบทจร...............จากนครสีพีเคยอยู่เย็น
จำจากลาปราสาทเวียงวังแก้ว............จักไกลแล้วห่างไกลสูไพรสณฑ์
คงเงียบเหงาพงไพรไร้ผู้คน...................น่ากังวลคงคะนึงถึงพารา
คงเพราะมีบาปกรรมแต่หนหลัง...........จึงจากวังจากเวียงเสียงหรรษา
เสียงดนตรีปี่กลองรำมะนา...................เสียงกัญญาร่ำร้องเริงรำบำ
กล่มเสนามาส่งให้กลับไป.....................สี่องค์ได้บทจรตามลำพัง
จบทานกัณฑ์ 209 คาถา
----------------------------------------------------------
.........๔. กัณฑ์วนประเวศน์ ๕๗ พระคาถา
----------------------------------
กลอนแปด
เมื่อรถทรงทรงรถมิได้แล้ว.....................คงมิแล้วบทจรมิอยากหวัง
ขึ่คอพระบิดาคราเหนื่อยหนัก..............ชาลีจักเดินยากแล้วแม่จ๋า
เกาะหลังพ่อสบายหน่อยจนหลับตา...น้องกัณหาแม่อุ้มสลับเดิน
นกอะไรป๊กป๊กมันร่ำร้อง........................ก้องในดงลำเนาล้วนเขาเขิน
โพรดกแหละแม่มันเคาพเพลิน.............มันบินเหินหาหนอนจรตระเวน
เจอไม้แห้งด้วงหนอชอนไชอยู่..............นกมันรู้สับไม้ไล่จนเห็น
จับได้กินหาเหยื่อดูยากเย็น..................ที่แลเห็นนกอะไรหางยาวยาว
นั่นนกยูงบินบนยลที่หาง......................ยามย่องยางบนดินอวดสาวสาว
จะแผ่หางรำแพนดูแพรวพราว..............เสียงเพราะราวขับเพลงบรรลงพิณ
จู้ฮุกกรูนกเขาอารมณ์ดี........................เพราะรู้มีนกสาวอารมณ์ศิลป์
เพลงเพลินเพราะร้องไปให้ได้ยิน..........คงโบยบินมาพบสบคู่ครอง
เสียงเซ็งแซ่สาระพันนี่นันนั่น.................สนุกกันต้นไทรสุกทั้งผอง
สนุกกินอิ่มแล้วร่ำทำนอง......................ฉันอิ่มท้องลูกไทรอร่อยเกิน
ปัก เป้ก เป้ก เสียงไรแปลกนัดนั่น........เสียงเนื้อมันเรียกคู่บนเขาเขิน
พวกเก้งกวางมากมายมันคงเพลิน......เดินเล็มหญ้าโน่นไงกวางดาว
ละมั่งทรายก็มีดีน่ารัก..............................มิรู้จักกลัวคนเลยสาวสาว
กะรอกกะแตไล่เล่นมันไต่ราว..................บ้างเหินหาวไต่เต้นเกาะกิ่งโยน
มากหมู่ลิงหมู่ค่างบ่างชะนี......................มากมายมีโลดไล่ไหนห้อยโหน
มันแคล่วคล่องว่องไวไล่กระโจน............ปลายกิ่งโอนหนักค่างต่างแย่งไป
นับนานเนิ่นเดินดงพ้นพงป่า.................เห็นประชาชาวบ้านพาลสังสัย
เก็ยของป่าหาชันยางจากไพร...............ต้นเต็งใหญ่ตันรังหยาดหยดมี
เป็นยางไม้หยุดไหลลงสู่พื้น....................นานวันคืนกองใหญ่ในวิถี
เก็บเอาไปชาวบ้านเรีกยขี้ซี...................คุณค่ามีปนน้ำมันทำชันงาม
ฟังเขาบอกต่อนี้เป็นบ้านป่า..................เขตพาราเจตราชเชิญไถ่ถาม
เดินอีกสักสองวันเป็นเขตคาม..............ดำเนินตามเขาบอกออกเดินจร
ท่านเจ้าเมืองยินข่าวสี่กษัตริย์...............ทรงพลัดพรากไกลห่างกลางสิงขร
ให้คนทูลเชิญสู่นคร.................................แบ่งภูธรปกครองกึ่งธานี
ทรงขอบคุณน้ำใจเจตราช.....................ด้วยฝ่าบาทมีกิจตามวิธี
โพธิสัตว์เพ็ญเพียรบารมี........................จำต้องหนีห่างไกลในไพรพง
พระราชาเจตราชคาดเลื่อมใส................จัดหาให้สิ่งของต้องประสงค์
เรียกพรานไพรเจตบุตรสั่งเจาะจง..........คุ้มครองวงศ์สี่กระบัตริย์บทจร
พักผ่อนแล้วอำลาพากันจาก..................มิยุ่งยากเดินไปในสิงขร
สี่พระองค์อำลามาแรมรอน......................ฝ่าดงดอนห่างไกลในแดนดง
ยินคนเล่าคีรีนามวังกฎ............................มีดาบสฤาษีล้วงไหลหลง
ไปบำเพญบารมีเป็นมั่นคง.......................พระประสงค์จักไปคือปลายทาง
ดำเนินต่อเข้าเขตป่าดงดิบ.....................เนินเขาแลลิบลิบยากสะสาง
นับร้อยเขาพันเขาอินทร์พรหมวาง.........ช่างสลับซับซ้อนทางจักไป
นายพรานไพรเจตบุตรก็เป็นห่วง.............เดินนำล่วงนับนานมิสงสัย
ทพเครื่องหมายเดินทางกลสงพงไพร.......ล่วงเขตได้เคยเทียวจับเก้งกวาง
แต่นี้ไปเขตเขาคีรีวงก์...............................ที่พระองค์จักไปแนวไพรขวาง
มีลำธารสายนี้สังเกตทาง..........................ต้นน้ำอ้างไหลจากยุคันธร
ผ่านคีรีวงกตเจตราษฎร์...........................ยังพาดผ่าสีพีศรีนคร
สุดท้ายลงทะเลใหญ่ใคร่จักจร.................เดินทางย้อนต้นน่ำไปในดง
คงจักถึงบรรพตนามวงกฏ.......................ที่ดาบสทั่วไปมักไหลหลง
สงบสงัดงดงามพุ่มไพรพง........................ขอโปรดจงดำเนินสวัสดี
กัณหาวิ่งนำหน้าเลียบชลธา...................ตามมรรคานำวิถี
คล้ายคนมาแต่งแปลงสะดวกมี................กวาดใบไม้เหมือนชี้ให้ดำเนิน
ชาลีไล่ตามหลังมิยั้งหยุด..........................ในที่สุดรอก่อนมองผิวเผิน
มีโขดหินต้นไว้งดงามเกิน.........................แต่บังเอิญสรรพสัตว์มากมายมี
นั่นมดดำมดแดงล้วนแข็งขัน...................ช่างขยันหาบหามอันใดหนี
ซากตัวใหญ่อาหารสามัคคี.......................ประจำที่ลากขนจนเคลื่อนไป
พวกจิ้งจกตุ๊กแกไปห่างห่าง......................กีดขวางทางอาจตายมิสงสัย
ทหารมดพิษสงมดคันไฟ............................รุมเกิดภัยดับแน่ล้วนเหล็กไน
พวกกบเขียดมากมายหายมิเห็น.............มันซ่อนเร้นดีนักชักสงสัย
เขี่ยใบตองคว่ำอยู่พลิกด้านใน.................เขียดตกใจโดดลงในลำธาร
ตามไปดูว่ายมาปลาฝูงใหญ่......................เสียงอะไรลงน้ำทำใจหาญ
เลาะมาดูรู้เห็นอาจเป็นการ......................ได้อาหารเสียงดูได้รู้จริง
กบเขียดลงดำน้ำมันรีบหลบ....................หามีพบง่ายดอกรีบสู่สิง
มีใบไม้ซอกหินหลบแล้วนิ่ง.......................อย่าไหวติงถึงตายวายชีวา
ทั้งปูปลางูเงี้ยวเที่ยวเสาะอยู่.....................หากมันรู้จับตายง่ายนักหนา
หลบให้ดีปลอดภัยได้คืนมา......................โชคชตาไม่ดับกลับอีกที
เห็นทางเดินจงกรมยินดีนัก......................อยากรู้จักไปเฝ้าเจ้าฤาษี
อจุตตะนามท่านกระทำพลี.......................เทพอัคคีบนบานมานานนม
ถามหนทางจักไปเขาวงกต......................ท่านนักพรตบอกให้ได้ความสม
มิไกลดอกเจ็ดวันชนนิยม........................เขตนิคมวงกตมิวุ่นวาย
---------------------------------------------------------
จบกัณฑวนประเวศน์ ๒๐๙ พระคาถา เริ่ม5. กัณฑ์ชูชก ๗๙ พระคาถา .
--------------------------------------------------------
กลอนแปด
ชูชกพราหมณ์เรื่องเล่าคนเขาลือ...........แกยึดถือขอทานเชี่ยวชาญหลาย
ได้เงินทองสะสมไว้มากมาย......................มีสหายอยู่บ้านกลิงบุรี
ได้ฝากเงินกับเพื่อนเหมือนคลังใหญ่......สบายใจขอทานย่านวิถี
วันเวลาผันผ่านนับนานปี........................อยากจักมีบ้านช่องตรึกตรองนาน
ไปขอคืนเงินฝากมิยากนัก......................คงพอจักสร้างตนจนเสร็จสาน
มีนาสวนก็ดีมีเรือนชาน.............................กลับไปบ้านเมืองกลิงพบเพื่อนยา
ขอเงินทองฝากไว้คืนให้ด้วย....................คงจักช่วยตั้งตนจึงด้นหา
เพื่อนตกใจแทบตายวายชีวา...................เงินแกข้าลงทุนซื้อของไป
คงอีกนานจักคืนแกชูกชก......................หากข้ายกลูกสาวจะรับไหม
เป็นเด็กดีรูปงามหนาทรามวัย.................เรียกมาให้รู้จักน่ารักนาง
อมิตตาทราบเรื่องมิเคืองขุ่น....................กระทำบุญแทนใจได้สะสาง
หนี้สินพ่หลายหมื่นคืนเขาพลาง............ดังทาสข้างตัวเราแทนพระคุณ
ข่าวเล่าลือทั่วบางนางสาวน้อย..............หนุ่มหนุ่มคอยฝากรักชักหันหุน
เสียทีตาพราหมณ์เฒ่าเขามีบุญ..........ได้เนื้ออุ่นเป็นเมียข้าเสียดาย
ฝ่ายอมิตตาน่ารักรู้จักฮีต......................ตามจารีตครองเรือนเหมือนสืบสาย
กุลสตรีดีงามยามมีชาย..........................ครองคู่หมายเป็นศรีแห่งครอบครัว
ทำกิจบ้านการเรือนเรียบร้อยหมด.......ใครเห็นอดสรรเสริญแม่ทูนหัว
เป็นคนดีชั่งกระไรไม่เห็นกลัว................หนักเบาทั่วทำงานตัวเป็นเกลี่ยว
เฒ่าชูชกแสนสบายเมียดียิ่ง.................เธอดีจริงงานใดไม่เคยเหลียว
หนักก็เอาเบาก็จำทำเก่งเชียว.............ยอดเยี่ยมเทียวแม่เรือนอมิตตา
หนุ่มแก่เห็นกลับไปให้แม่บ้าน..............ขยันงานแบบนั้นบ้างสิหนา
เมียชูชกตาเฒ่าเราเห็นมา....................ยอดเยี่ยมหาใครเทียบเปรียบนวลนาง
ปากสองปากมิกระไรไม่มีผล.................แต่มากคนทั้งเมืองเรื่องจะสาง
พวกแม่บ้านโกรธพลันกันทั้งบาง........โกรธเคืองต่างเจ็บใจไปด่าทอ
นี่แน่ะเฮ้ยอี่นางมีผัวเฒ่า........................มึงก็เยาว์ยังสาวรุ่นนี่หนอ
มิรู้คิดหาผัวหนุ่มหนุ่มพอ......................ใยมึงขอตาเฒ่ามาครองเรือน
หน้าตาก็สะสวยหาผัวง่าย....................จับผู้ชายแก่เฒ่าเราว่าเหมือน
ได้คางคกขึ้นวอหนอดวงเดือน............ทำแชเชือนมีผัวกลัวอดชาย
เจอเป็นด่าค่อนแคะกระแหนะกระแหน...จนย่ำแย่อยากลี้หลบหนีหาย
กลับมาเรือนร่ำให้แทบวางวาย.............สุดแสนอายผู้คนหนาพ่อพรามหณ์
ช่วยหาคนรับใช้มาให้หน่อย.................คงจักค่อยดีบ้างช่างน่าขาม
ปากผู้คนดุด่าว่าทุกยาม.......................บ้างก็ตามถึงบ้านด่าปาวปาว
ชูชกรู้หนักใจไฉนนี่................................ใครจักมีศรัทธาหนาเมียสาว
ให้ลูกเต้าทานให้เป็นเรื่องราว...............มาถึงคราวคิดหนักเพราะรักนวล
มีบางคนประชดปดตาเฒ่า...................มีคนเขาบอกมาอย่าเพิ่งสรวล
ท่านพระเวสทานแน่อย่าเรรวน.............จงรีบด้วนไปขออย่ารอรี
มีพลังฮึดสู้ตูไปแน่..................................ด้วยรักแท้มากนักรักโฉมศรี
พี่จักไปขอทานพระภูมิ..........................หากโชคดีคงจักได้สองกุมาร
อมิตตาจัดเสบียงยัดย่ามใหญ่..............ตาเฒ่าได้สะพายคล้ายทหาร
ออกเดินทางด้วยหวังจักพบพาน.......ผู้จักทานบุตรธิดาอยู่หนใด
ไปสีพีหาข่าวองค์พระเวส......................พอเข้าเขตถามหาเป็นไฉน
ถูกชาวเมืองเขาด่าว่าจัญไร..................แกจักไปรบกวนพระภูธร
ต้องหลอกลวงหลายเล่ห์จนได้ข่าว......รู้เรื่องราวพระองค์เสด็จจร
จากบ้านเมืองสู่ไพรในสิงขร..................พระแรมรอนมุ่งไปในหิมวันต์
แกะรอยตามเส้นทางอย่างถี่ถ้วน.........พระสมควรไปวงกฏกลางพงพี
มินานเดินถึงเขตเขตบุตร....................สุดน่ากลัวหมาพรานผ่านวิถี
มับเห่าไล่จักกัดฟัดแน่มี.......................แกรีบหนีปีนต้นไม้ไล่หมาไป
เจตบุตรยินเสียงหมามันเห่า.................มาเห็นเฒ่าขอทานถามไปไหน
จะตามหาพระเวสภูวนัย........................ทรงแรมไพรมานานจากบ้านเมือง
คงจะไปรบกวนพระองค์ท่าน...............จักสังหารตกตายให้หายเคือง
ชูชกร้องอย่าอย่าเดี๋ยวมีเรื่อง...............มิอยากเปลืองคารมเอ็งจงฟัง
ข้าเป็นทูติสีพีมีโองการ.........................อัญเชิญท่านพระเวสเรื่อหนหลัง
ล้างมลทินหมดได้ให้กลับวัง.................ข้ารับสั่งมาเชิญพระภูธร
กระบอกสารนี่ใงไอ้พรานป่า.................ดูหมิ่นข้าโทษหนักรีบไถ่ถอน
ไล่พวกหมาห่างไกลใจรอนรอน...........น่ากลัวตอนมันจะกัดใจจะวาย
มันอวดบั้งน้ำพริกเป็นตราสาร............เจ้าพรานไพรก็เชื่อเอาเหลือหลาย
เชิญท่านทูติลงมาหมาวุ่นวาย.............เดี๋ยวตีตายท่านทูตกลัวพวกแก
พักแรมกับพรานไพรได้คืนหนึ่ง.........รุ่งเช้าจึงจากไปมิแยแส
พวกหมาพรานรู้แล้วมันมิแล..............เฒ่าพราหมแถเป็นทูติกรุงสีพี
แบกบั้งแจ่วเทิดทูนราชสาส์น............ลับตาพรานยัดลงถุงดีหลี
เดินทำเฉยอันตรายย่อมไม่มี...............ขงเขตนี้พรานไพรลาดตระเวณ
เดินทางเหนื่อยหลายวันก็พลันถึง.....บ้านตองตึงหลังคาได้มาเห็น
คงมีคนอยู่แน่คงจักเป็น.......................ดาบสเช่นนักพรตเป็นแน่นอน
เข้ามาใกล้ไหว้ท่านพระฤาษี...............ตัวข้านี้ชูชกนำอักษร
ราชสานส์มาส่งองค์ภูธร......................เวสสันดรในดงกลางพงไพร
กรุงสีพียกโทษแต่หนหลัง....................มีรีบสั่งคืนธานีมิสังสัย
ข้าอัญเชิญตราสารพระทรงไชย..........มามอบให้องค์พระเวสรับบัญชา
พระฤาษีรับฟังมิสงสัย...........................ก็ตามใจพักก่อนหนึ่งคืนหนา
วันพรุ่งค่อยต่อไปในมรรคา.................อาตมามิติดใจตามสบาย
เรื่องจักไปคีรีเขาวงกฏ.........................กำหนดไปพรุ่งนี้ตอนสายสาย
ไปทางนี้เลียบธารมิวุ่นวาย..................ผองสัตว์ร้ายมิมีสะดวกจร
พรุ่งนี้เช้าอาตมาเข้าป่าลึก..................ตื่นแต่ดึกท่องไปในสิงขร
สองสามวันค่อยกลับจากดงดอน.......เชิญพราหม์ก่อนจากไปในคีรี
---------------------------------------------------------------
จบ 5. ชูชก 79 คาถา เริ่มกัณฑ์ ๖ จุลพน 35 คาถา
----------------------------------------------------------------
กลอนแปด
นายพรานไพรเจตบุตรเจอชูชก.........มันยกบั้งแจ่วงบองมองดูนี่
ราชสาสน์พระเจ้ากรุงสีพี....................มีรับสั่งเชิญพระเวสกลับกรุงไกร
กูเดินทางลำบากมากนักนี่................ยังจะมีหมาบ้ามาจากไหน
จะกัดกูราชทูติได้อย่างไร....................เดี๋ยวก็ได้โทษคัดหัวชั่วโคตรแก
เชื่อสนิทเรียกหมามาห่างห่าง.............ต้องล่ามอ้างมันดูรู้กระแส
คนเข้าเล่หฺอยากฟัดให้ดับแด.............หมามันแลดูออกคนหลวกลวง
เชิญท่านทูตพักเพิงอยู่ทานนั้น..........มีแบ่งปันข้าวปลาข้ามิหวง
ทับข้าพักสบายใจภัยทั้งปวง...............มิอาจล่วงป้องกันหลายชั้นเชิง
เพิงอยู่สูงเสือสางโดดมิถึง....................เป็นที่พึ่งพักพิงมานานเหิง
ข้าทำไว้ดังเรือนแม้แค่เพิง....................มั่นคงเกิ่งเรือนชานเบิกบานใจ
ยามเย็นแล้วข้าจักเที่ยวตระเวณ.........พวกอีเหนเก้งกวางลงที่ไหน
หากโชคดีจักจับสักตัวไว้......................จึงจะได้กลับบ้านสะเบียงมี
เช้าตืนมาตาพรานบอกชูชก...............ตกเขตนี้เริ่มป่าพนาลี
เคยเที่ยวป่าหากินมานานปี.................ทึบพงพีมากมายพฤกษ์พงไพร
โน้นคือเขาคันธมาท์นอันลื่อลั่น..........มากมายพันธุ์พืชหอมนานาไฉน
กลิ่นตลบอกอวลส่งกลิ่นไกล................ถัดไปนั่นอัญชัญนามคีรี
อุดมมด้วยสมุนไพรนานาชนิด..............ดาบสคิดปรุงยานานาวิถี
มักเที่ยวหาเก็บเอามากมวลมี................แถบถิ่นนี้สมุนไพรมีมากมาย
จากนั้นไปอัมวันสวนมะม่วง....................ผลดอพวงห้อยย้อยมีหลากหลาย
พวกนักพรตคนธรรม์ชอบกรีดกราย....รสเลิศคล้ายของทิพน์เทพบันดล
ลัฐิวันสวนตาลแน่นขนัด.........................ขึ้นแออัดมากมายทุแห่งหน
ลูกตาลสุกกลิ่นหอมกระจายสกล.........ถัดไปต้นมะพร้าวขึ้นเป็นดง
มีลิงค่าบ่างชะนีที่เทียวท่อง.....................บ้างก็จ้องเจาะน้ำมิลืมหลง
เนื้ออร่อยเจาะกินไม่พะวง........................คนผ่านพงมะพร้าวย่อมยินดี
ลองน้ำหวานชื่นใจยามได้ลิ้ม..................เยื้ออ่อนชืมติดใจไม่หน่ายหนี
ดงมะพร้าวคนสัตว์ล้วนมากมี.................ส่งเสียงชี้ชื่นชมภิรมย์ใจ
มะพร้าวอ่อนนุ่มเนื้อละมุนนัก..................ชิมแล้วมักลุ่มหลงมิสงสัย
อร่อยน้ำอร่อยเนื้อชิมเมื่อใด....................มักอยากให้มีมากมากอยากลิ้มลอง
นานาสวนผลไม้ใครปลูกไว้......................เทพแห่งไพรเสกสรรค์กันทั้งผอง
มิมีคนที่ไหนมาจับจอง............................ทำสวนต้องเทพไพรให้เกิดมี
นั่นมะม่วงมะขวิดมะชิดประยง..................ห้อยย้อยลงมะไฟมะฝ่าหนี
มะยมมะยอมะกอกมะกรูด.........................มะพูดมะดันมะปรางมะเกลือ
มะตูมมะนาวมะพร้าวมะปราง....................มะข่างมะขามมะพลับมะเขือ
มะรุมมุระมขวิดติดเครือ.............................ขมเหลือมะแว้งมะอึกมะฟือง
มะหวดมะหาดประหลาดมะโอ..................พิลึกมะโหหน้าเชียวหน้าเหลือง
สำเนียงก็ดังลูกตาคงเคือง.......................เดี๋ยวได้เรื่องมะโหพาโลราน
งามแมกไม้ในป่านานาชนิด.....................ใครนิมิตงามแท้แลไพศาล
มีโมกมันโกฐสะค้านบุนนาคลอย.............นั่นแคฝอยราชพฤกษ์แลมะเกลือ
ดอกไม้ซีกบานมากแลหลากสี.................มีต้นไทรรักดำกฤษณา
เถาองุ่นจวงจันทน์มัลลิการ์.......................โกนทาหนามยามใกล้ให้นึกกลัว
แลหมากไม้นานาสาระพัด..........................ดังใครจัดมาไว้ให้ชวนหัว
มะขามป้อมมะกอกออกลูกทั่ว...................หูตามัวลองลิ้มสว่างตา
มะขวิดมะปรางห่างมะพลับกับมะกอก......มะไฟบอกหวานนักมะนาวหนา
มะปริงเปรียวมะฟืองหวานฟังเขาว่า........มะม่วงปามิหล่นมะเขือพวง
มะยมขาวมะนาวเขียวเปรี้ยวมะกรูด.........หวานมะพูดมะนาวมะพร้าวหวง
มะหวดมะหาดดาดเหลือมะเกลือทวง.......มะขือพวงมะรุมมะระมี
มีมะอึกมะดันแลมะแว้ง.................................ตำส้มแตงมะเขือเครือมะนาวสี
มะเขือเปราะมะเขือขื่นชื่นชีวี......................อร่อยดีมะเขือเทศมะตูมไทย
ต้มดื่มน้ำก็อร่อยมิน้อยหน้า........................แทนน้ำชาเลิศดีมีที่ไหน
มีแต่คนเรียกหาน่าสนใจ.............................สมุนไพรมะตูมภูมิปัญญา
มากหมู่ไม้มีผลกลใดหนอ...........................พออยากได้โน้มลงตรงมาหา
ให้หยิบจับเด็ดได้ในอุรา.............................แสนปรีดาไพรพงอลงกรณ์
จบจุลพนพรานไพรได้เล่าขาน...................พอผ่านถึงแดนไกลในสิงขร
ถิ่นฤาษีอจุตะดำเนินจร...............................คลายรุ่มร้อนเดินดงเย็นพงไพร
----------------------------------------------------------------------------
จบกัณฑ์จุลพน ๓๕ พระคาถา เริ่มมหาพน......จนจบให้เพจนี้
----------------------------------------------------------------------------
กลอนแปด
.....ชูกชกเฒ่าเข้าป่าพนาศรี......................บุกพงพีเขาเขินเนินไศล
ตามคำเล่าเจตบุตรนายพรานไพร.............กระทั่งได้ถึงด่านพระโยคี
อจุตดาบสมันมดเท็จ....................................กล่องแจ่วเผ็ดมันอ้างต่างวิถี
ขอรับพระดาบสสวัสดดี...............................ข้ามีงานจักไปส่งสารา
เชิญพระเวสสันดรแลวงศ์วาร......................กลับคืนบ้านหนังสือที่ถือมา
ในกระบอกคือสารประทับตรา.....................คือสาราสีพีกูอัญเขิญ
ช่วยบอกทางไปบรรณศาลเจ้า....................จักไปเฝ้าภูวนัยในเขาเขิน
แรกดาบสสงสัยนัยบังเอิญ............................มันเก่งเกินเป็นทูตค่อยวางใจ
จัดที่พักหลับนอนมิร้อนจิต..........................ดูสนิทผ่อนตลายหายสงสัย
ขอท่านทูตสุขสมภิรมย์ฤทัย........................จากนี้ไปหนทางช่างลำเค็ญ
รุ่งเช้ามาวันใหม่ได้พบหน้า..........................พระดาบสยินดีที่พบเห็น
ถามสุขทุกข์ท่านทูตเช้าร่มเย็น..................จากนี้เป้นหนทางสูแดนไกล
เขาวงกฏแลเห็นโน่นลิบลับ...........................จักจับความบอกเล่าลำเนาไศล
ทางดำเนินลำบากยากกระไร.......................พึงตั้งใจจดจำดำเนินจร
ดูกรท่านชูชกมหาพราหมณ์........................ท่านจักตามเข้าไปในสิงขร
หนทางยากลำบากในดงดอน......................ระวังตอนบุกป่าฝ่าไพรพง
แลลิบโน้นเทิองเขาคันธมานท์......................สถานที่เพ็ญเพียงผู้ไหลหลง
กระทำยัญชน์บูชาไตรเพทพงศ์...................ผู้มั่นคงศาสตร์เพทพิเศษชน
อาศรมบทศาลาพระยาเวสส์.........................อยูาเขตเขาวงกฏลำบากหน
มีป่าทึบเขาเขินเกินยากคน.........................จักดั้นด้นไปถึงหนทางไกล
เขาลูกนี้ชื่อว่าคันธมาท์นฺ..............................ยามแลลานหลากศิลาเนินไศล
องค์พระเวสมันทรีอยู่ด้านใน..........................ทรงเป็นไปเพียรพรตพรหมจรรย์
จักเข้าไปเป็นป่ามหาพน...............................ทุกแห่งหนมืดไม้ในไพรสัณฑ์
ล้วนประเภทแบบป่าเบญจพรรณ................ไม้สักนั้นโดดเด่นเห็นทั่วไป
มะค่าโมงมิน้อยพลอยเสียดยอด...................ประดู่สอดแดงแซมแกมไสว
ครบเบญจชิงชันสำคัญนัย............................จึงได้นามว่าป่าเบญจพรรณ
ยังมีไม้อื่นอื่นขึ้นแกมป่า................................ต้นรกฟ้าเสลาแดงตะเคียนขัน
มีเปล้าหลวงเปล้าน้อยติ้วแต้วต้น.................คำแสดชันเคียงคู่ประดู่ลาย
ต้นขี้อ้ายงิ้วผาอินทนิล...................................กระมิบกลิ่นหนามเค็ดดูเป็นสาย
ดอกจิกน้ำห้อยย้อยแลเรียงราย....................แกว่งกระจายนกกระปีดชอบเกาะโยน
ถัดกันเป็นไผ่นานาสาระพัด...........................แน่นขนัดมืดมุงลิงห้อยโหน
ชะนีค่างบ่างไล่กันกระโจน.............................กะรอกโทนลดเลี้ยวเที่ยวไพรพง
กระแตกระเล็นเต้นไต่ไม้เลาะหนี....................งูใหญ่รี่ไล่ลัดสะกัดหลง
รอดไปได้โล่งอกตกใขปลง.............................นึกว่าคงมิรอดดีปลอดภัย
จตุบาทดาดดาในผืนป่า................................เจ้าเลียงผาปีนสูงแนวไศล
นั่นผาสูงมันกลับปีว่องไว................................สมนามได้เลียงผาน่าชื่นชม
มาฝูงลิงยังคงมาสงกา.....................................จะบอกว่าสองตีนหรือสี่สม
สี่นั่นแหละดีแล้วเดียวมีปม..............................เขาจะชมเหมือนคนไม่ค่อยดี
เก้งกวางตัวย่อมย่อมนั่นกระจง......................ดูรูปทรงดังกวางมากอีหลี
ทั้งแรดช้างเสือดาวซาฟารี..............................อะไรนี่ชมเพลินเกินไปรา
เปล่าหรอกน่านี่มันป่าเขาวงกฏ....................กำหนดก่อนพุทธศาศน์นานนักหนา
ย่อมมีได้หมู่มวลสัตว์แปลกแปลกตา............โน่นเดินมาช้างเผือกเป็นฝูงเลย
อ๋อช้างนอนปลักโคลนจนตัวแห้ง..................เหมือทาแป้งขาวโพลนมาอวดเฉย
ช้างเผือกปลอมหนอกน่าคงเช่นเคย...........แค่แกล้งเอ่ยชมป่ามหาพน
พวกสัตว์น้ำเล่ามีให้ชมไหม...........................สบายใจลำธารไหลวกวล
มากมายมีสัตว์น้ำในสายชล..........................มีเรือกลเรือแพชมสบาย
พระดาบสคงมีเรือยืมได้..................................ล่องเรือไปในธานจนสุดสาย
ขอชมมวลสัตว์น้ำก่อนหญิงชาย..................จรดฝีพายเบาเบาเอ้าออกเรือ
มาก่อนแล้วอ้างปลิงกระดุดกระดุบ................นึกอยากชุบแป้งทอดคงเด็ดเหลือ
ปลากดดำกดคังกดแดงเขือ..........................กดเหลืองเมือชนะขาดรสชาติแกง
ปลากระดี่กระเบนแลกระทิง............................ว่ายน้ำชิงทสวนน้ำพลังแรง
เผลอเป็นถอยหล่นลงเพื่อนคงแซง...............ชนะแย่งต้องเก่งเร่งลอยไป
โน่นกระสงกระสูบแลกระโห้...........................ปลาชะโดอวดหล่อพ่อปลาไหล
กะพงกรีดปลากรายเบี้องย่ายใย...................เหตุไฉนปลาก้างห่างปลากาดำ
ปลาแค้งัวแค้ยักษ์แถมแค้งู............................ปลาเค้าขาวคางเบือนจาดดูขำ
ปลาช่อนดำงูเห่าช่อนข้าหลวง ....................ปลาชะโดซิวแก้วปลาดุกมูล
โน่นซิวอ้าวดุกด้านแลดุกอุย........................ปลาตองลุยปลาฝามันคงสูน
ตะเพียนขาวตะเพียนทองจ้องหินปูน...........ปลาค้ำคูนปลาเงินแหละปลาทอง
ปลาเทโพเทพาไหนเทพี.................................ปลายักขีราหูอยู่น้ำของ
เขาจับมาอวดกันว่าช่ำชอง..........................แค่ลองเล่นหาใช่จับไว้กิน
ปลาเนื้ออ่อนเนื้อเย็นอยากเห็นนัก..............อ้ายหลงฮักนวลหนูเจ้ายุพิน
ทั้งนวลจันทร์ปลาไนใคร่เนื้อนิล....................เพียงยลยินก็ใคร่จักชิมชม
เพลินมากหนาฟังเพลินท่านดาบส..............แล้มีบทสกุณาน่ายินสม
มากมวลไหมหนอท่านข้านิยม......................พนมไพรมากมวลสกุณา
พระดาบสพาทียินดีประสก............................ท่านชูชกมากนักพวกปักษา
ทั้งเล็กใหญ่จำเรียงเพียงสัททา......................ครุวณาพงไพรจักกระเทือน
เสียงจิ๊บจ้ิบจกจกแกมก๊อกก๊อก...................ยินฟักออกเพราะกระไรหาใดเหมือน
มวลปักษาร่อนร้องมิลืมเลือน.........................ฟังดุจเพื่อนสนทนาคราเดินดง
เสียงเซ็งแซ่แน่ใจลูกไทรสุก............................มีทุกนกแห่มาน่าพิศวง
ใครบอกมันต่างรู้อยู้กลางพง........................ล้วนบินตรงถูกที่คงปรีดา
ทัดท่าท้านกกระท้าท้าใครเล่า......................เจ้านกคุ่มอืดอืดยืดหน่อยหนา
จุกกรูกู้เขาขันสนั่นมา....................................นกกกกล้าก๊่กก๊ากหัวเราะใคร
ใครตะแลดแต๊ดแตลงแต้วแวด......................จัลแล๊ดแล็ดกระเต็นเห็นสิ่งไหน
อ้อหนูนาตังบานหลอกนั่นไง........................ถลาใส่โดนตะปบจบชีวี
เสียงนกแขกแกรํกแกร็กแยกกบคู่..............แหกปากกู่ก้องดงคงไม่หนี
มินานคงกลับมาขอคืนดี..............................ละแวกนี้หมากไทรดกดีเกิน
เจ้าปากห่างก๊ากก๊กาขำอันใด....................โดนพรานไล่ร้อนเตือนเพื่อนมิเขิน
รีบไปกันมือปืนมันดุ่มเดิน.............................จะมาเชิญไปเมืองผีไม่ดีนา
นกยางร้องกรอกกรอกออกจับกบ.............สบแกยาวจับได้ยากหลุดหนา
ทั้งกบเขียดกระทั่งพวกปูปลา......................ขยะนหาจับเหยื่อนกกระยาง
ใครตะโกนกู๊กกูก นกฮูกร้อง.......................เรียกพวกพ้อนค่ำนี้มีกิจสาง
หาเหยื่อยากลำบากกันทั้งบาง...................ไปลแงต่างถิ่นบ้างหรืออย่างไร
จิลแล้ดแล้วแลดแลดนกกระเต็น..................โฉบเฮี่ยวเล่นร่อนงามตามที่ไหน
นั่นคือเขตหาเหยื่อมันตาไว..........................เห็นจับได้ตั๊กแตนจิงหรีดงาม
กระทั่งปลาเสร็จมันจับทันได้..........................เก่งกระไรกระเต็นเห็นนึกขาม
เจอแมงซอนจ้องท่าจะมาตาม.......................แร้วถุงยามมั่นลั่นหมดท่าซี
ใครเรียกหาโกต๊กกลางดงดอน...................โกเขาจรกล้บบ้านนานวิถี
ให้อยู่ป่ามิไหวไม่เข้าที...................................โกแอบหนีกลับบ้านย่านในเมือง
จู้ฮุกกูนกเขาใครล่าฮุก.................................คงเจ็บจุกซิท่าจนตาเหลือง
ร้องปี๊ดปิ๊ดทั่วป่าจนน่าเคือง.........................ขนสีเหลือมแกมดำนกปีดแก
หยุดสดับเสียงนกมันผกผัน........................ร้องนี่นันต้นไทรไม่แยแส..
เราย่องไปใตต้นยังไม่แคร์..............................สองตาแลเล็งหน้าไม้นกเขาคู
เรื่องทำบาปเก่งมากมิยากดอก...................นกบินออกหนีไปให้อดสู
รอนานหน่อยกลับมาเราก็รู้..........................รออยู่ยิงจนคำค่อยเลิกรา
สี่ห้าตัวยินดีได้ทำบาป..................................เพราะได้ลาบได้แกงนั่นแหละหนา
เราลูกทุ่งห่กินเน่ินนานมา.............................อยู่ดงป่าหากินแบบคนดง
เพลินชมป่ามหาพนบ่นแลหา.......................สกุณามากมายพิศวง
อีกมากมายหลายอย่างในไพรพง.................คงเลาะเที่ยวชื่นชมรมณีย์
--------------------------------------------------------------------------
.......จบกัณฑ์มหาพน เริ่ม.มหาเวสันดรชาดก กัณฑ์กุมาร
---------------------------------------------------------------------------
เริ่มกันฑ์กุมาร
สดับคำบอกเล่าพระดาบส.........................กำหนดได้ดำเนินตามวิถี
มุ่งไปยังวงกฏแดนคีรี...................................สถานที่องค์พระเวสพำนักไพร
นานนับเดือนแต่บุกฝ่าดง...........................ยังมั่นคงมิท้อเพราะเหตุไหน
อมิตตาเมียรักมันห่วงใย..............................หาคนใช้ฝากนางช่างยากเย็น
ตัวก็เก่งขอทานเขาลือทั่ว...........................มิใช่ชั่วลำบากยากจักเห็น
ขอคนไปรับใช้ยากจะเป็น...........................คนยากเข็ญยังยากจะทำทาน
เขาบอกว่าพระยาเวสทำได้.......................ขอสื่งใดมิพลาดท่านอาจหาญ
ช้างตัวโตคนขอแค่วอนวาน......................สำเร็จการพระองค์ให้ไม่ยายเลย
นานนับเดือนล่วงถึงเขตวงกฏ..................กำหนดมองอากาศเช้าเปิดเผย
เห็นอาศรมดาบสมิคุ้นเคย.........................ไปเอ่ยขอเกรงอาจผิดพลาดไป
จำพักผ่อนแรมคืนดูดีก่อน.........................เข้าขอตอนพระมารดาอยู่มิไหว
คงยุงยากผู้หญิงจักทำใจ...........................ทานลูกได้รอก่อนคงจักดี
ชูชกปีต้นไม้ผูกอู่ผ้า....................................พักรอท่าโอกาสฉลาดวิถี
ยอดขอทานชั้นครูดูสตรี.............................ล้วนมักมีใจอ่อนยากรบกวน
กล่าวถึงพระมัทรีศรีสมร..............................ดึกดื่นนอนฝันร้ายชายหนึ่งหวน
ตัวสูงใหญ่ผิวดำกำยำชวน........................กิ่งเกรงล้วนดุร้ายหมายฆ่าฟัน
มันทิ่มแทนตาทั้งสองข้าง............................ควักตานางเจ็บปวดรวดร้าวสรรพ์
ผ่าทรวงอกล้วงเอหัวใจพลัน.......................ตกใจนั้นตื่นมาน่ากังวล
เช้าไปเฝ้าพระเวสส์เชษฐบุรุษ....................มัทรีสุดโศหาพาทีสับสน
ทูลเรื่องร้ายเรื่องฝันเกิดกับตน.................อัดอั้นจนร่ำไห้เช้โศกาดูร
พระเวสสฟังลอกเล่าเข้าใจเหตุ.................อาเภทแจ้งเป็นลางอาจเสื่อมสูญ
บุตรธิดาคงพรากพรตไพบูลย์..................มุ่งจำรูญจำเริญพระบารมี
ดูกะระมัทรีศรีสวัส........................................อัตคัตเป็นอยูาดอกโฉมศรี
ส่งผลให้วิปริตธาตุอัคคี..............................บังเกิดชีแปรปรวนธรรมดา
ขอพระนางพักผ่อนให้มากมาก.................เจ้าลำบากสองกุมารหนักนักหนา
เฝ้าเลี้ยงลูกด้วยดีตลอดมา........................เป็นบุญญาพี่ได้รับกัยเจ้ามวล
ขอบคุณเจ้าเป็นพลังมิเคยขาด................สามารถดูเรื่องยากมิให้หวน
กลับมาทำร้ายเราเพราะเนื้อนวล................รบกวนเจ้าแล้วหนาแม่มัทรี
ฟัสพระเวสสปลอบใจยังไม่หาย..................เกรงเรื่องร้ายลำบากยากหลบหนี
มันจะเกิดอันใดร้ายหรือดี..........................เข้าพงพีมิอยากไปให้กัวล
เรียกสองหน่อแก้วตามาหาแม่..................จำให้แน่ลูกยาอย่าสับสน
จะเที่ยวเล่นเล่นกันอย่าซุกซน..................จงเวียนวนใกล้อาศรมพระบิดา
แม่เดินดงเสาะเผือกผลไม้...........................พวกมันไพรเป็นสะเบียงนะลูกหนา
คงบ่ายคล้อยเย็นลงคงกลับมา.................ขอลูกยาใกล้ชิดพระบิดดา
จะวิ่งเล่นไล่ก็ก็แถวนี้....................................หากภัยมีเร็วไวรีบไปหา
กราบทูลให้ท่านพ่อพิจารณา.....................คงมิข้าแม่กลับรับขวัญนวล
สั่งเสร็จแม่มัทรีศรีสมร...................................พระนางจนเข้าป่ามานึกหวน
เรื่องสุบินมิดีนี้มันชวน..................................มารบกวนคิดมากช่างยากเย็น
จะมีเหตุอันใดภัยหรือสุข...............................คงเรื่องทุกข์หรือภัยคงได้เห็น
ประหลาดแท้วันนี้ช่างมาเป็น.......................หมากไม้เช่นวันก่อนมันมากมี
วันนี้หายว่าเปล่าหาลำบาก.........................ขุดเผือกยากดินแข็งจนต้องหนี
ย้ายไปเรื่อยสายเกินจรลี...............................จะกลับมีเสือร้ายมาขวางทาง
จะถอยหลัวตัวใหญ่มันไม่หลบ......................ซ้ายก็พบอีกตัวยากจะสาง
หลับไปขวาต้วร้ายมองมวาง.........................กลัวนักนางร้ำร้องก้องพงไพร
ไปมิได้นั่งลงปลงชีพด้วย..............................ถึงจักม้วยขอทางโปรดจงไข
จะส่งผลกระยาหารพระทรงชัย.....................สองลูกได้รับประทานอาหารกัน
แล้วจักกลับคืนมาเป็นอาหาร......................ของพวกท่านพยัคฆาทุกท่านสรรพ์
ด้วยสัจจริงโปรดให้ทางไปพลัน....................พยัคฑ์นั้นนอนยิ้มสบายใจ
มินมิขู่ขบกัดทำไรหรอก...............................เพียงมิออกขวางทางนางไฉน
อันธพาลนักเลงมิเกรงใคร.............................เพียงขู่ให้หยูดอยู่มันรู้ดี
กล่าวถึงเจ้าชูชโกพราหม์นักจอ...................มันรอจนพระมารดาเดินป่าหนี
ไปหาเผือกหามันหมากไม้มี...........................ภาระนี้นางทำประจำวัน
รีบไปเฝ้าถึงองค์พระทรงยศ............................ย่อมปรากฏลีลาพาทีสรรค์
พรรณนาความยากลำบากมัน......................ครอบครัวนั้นขาดคนรับใช้งาน
ลำบากเมียอมิตตาภาระหนัก.........................จับหาคนช่วยนางทางประสาน
รับใช้กิจที่เรือนประจำการ..............................อยู่ที่บ้านทำแทนการหนักเบา
ทราบพระองค์มีสองบุตรธิดา..........................มุ่งหมายมาขอทานโฉมเฉลา
โปรดเมตตาข้าจักขอรับเอา...........................พระบุตรเจ้าไปไว้รับใช้งาน
สองชาลีกัณหากังขาอยู่.................................แอบฟังรู้พรามเฒ่าแกไขขาน
ขอพวกตนเป็นทางคาดทำการ.....................ไปอยู่บ้านรับใช้เมียเฒ่าพราหมณ์
ชวนกันหาหลบดีที่ตรงไหน.............................แอบลงไปในสระยังเข็ดขาม
กลัวเหน็บหนาวลับตายากจักตาม................หักห้ามใจแอบใต้ใบบัวกัน
ฝ่่ายพระเวสสันดรฟังชูชก..............................ที่หยิบยกนานามาอ้างสรรพ์
พระประสงค์ทำทานคุณอนันต์......................ในจิตนั้นนึกทานบารมี
โอกาสอุปทานระดับสอง................................ตามครรลองยากยิ่งมักหลบหนี
ทำมิได้หากใจมิคงที่.......................................พระยินดีบริจาคมหาทาน
ระลึกถึงบารมีโพธิสัตว์...................................พึงวิวัฒนอุดมสัจประทัสถาน
พัฒนาบารมียิ่งยินนาน..................................ได้พ้นผ่านลุถึงพุทธธรรม
ดูกะระชูชกเรายกให้........................................สองบุตรได้แก่เจ้าเอ้างามขำ
อยู่ไหนลูกรีบมาพาก่อกรรม...........................พ่อบำเพ็ญโพธิมรรคประจักษ์ใจ
ชูชกรู้สองกุมารอยู่สระบัว................................คงจะกลัวแอบซ่อนมิสงสัย
ทูลทรงธรรมให้ทราบเป็นนัยนัย......................ที่สุดได้สองกุมารประทานมา
สองกุมารเศร้าสร้อยละห้อยหนัก....................จำใจจักพรากไปไกลเคหา
จากบิดรจากบ้านจากมารดา..........................รออำลาแม่ก่อนเถิดพระองค์
นั่นสินะมินานคงกลับแล้ว.................................ขอลูกแก้วพบนางอย่างประสงค์
แล้วค่อยไปกันเถิดดีมั่นคง................................ชูชกจงใจแกล้งพิโรธแรง
อุเหม่ทานร่ำลือใจกุศล.....................................ทุกผู้คนสรรเสริญทุกเขตแขวง
กระทำทานกลับมีข้อพลิกแพลง.....................หรือจะแกล้งล้มเลิกมีทำทาน
มิอยากทานอย่าทานก็สิ้นเรื่อง........................มาขัดเคืองหน่วงไว้เพียงบอกขาน
มิเต็มใจก็เลิกกระทำการ...................................ข้าก็หาญยกเลิกตามพระทัย
เปล่าเปล่าน่าพ่อพรเหมณ์มิใช่ดอก...............อยากจะบอกเด็กกลัวอย่าสงสัย
หากพูดจาพาทีคงเข้าใจ.................................ได้ยินแล้วขึ้นเถิดสองลูกยา
พ่อตั้งใจบำเพ็ญโพธิสัตว์..................................ทานวิวัฒน์อุปจารนัานแหละหนา
ปรมัตถ์ทานด้วยด้วยต้องพึ่งพา......................ทั้งบุตราบุตรีมีคุณธรรม
ช่วยพ่อสานบารมีนะลูกรัก..............................แล้วเราจักข้ามโอฆะได้วามขำ
ไปสู่แดนพุทธเขตพิเศษกรรม.........................ที่กระทำครั้งนี้ตึงสมควร
สองกุมารได้ยินคำพ่อไข.................................ย่อมเข้าใจรำตรึกตรึกได้หวร
มาคิดได้ยอมขึ้นแลชักชวน............................กราบบาทล้วนยินดีมิโศกา
เพราะลูกน้อยช่วยพ่นี้สิหนอ..........................บุญของพ่อทำทานยากนักหนา
อุปทานปรมัตถ์ใกล้เข้ามา.............................เพราะลูกยาเกื้อกูบุญเหลือเกิน
พระสั่งเสียลูกยารับฟั่งเฒ่าชูชก....................ผู้ปกครองต่อไปใช่ผิวเผิน
ติดตามไปรับใช้ตั้งใจเดิน.................................เชิญพ่อพราหมณ์รับไว้สองกุมาร
มันหาเชือกผูกมือสองหน่อนาถ...................กระทืบบาทอวดโอ่ทำโวหาร
ต่อจากนี้ข้าคือผู้บันดาล................................หลานจักตายหรือเป็นอยู่ที่เรา
ตามมาเสียดีดีตีก็เบื่อ......................................ถ้าเหลืออดตีแรงอย่าทำเขลา
ทำข้าโกรธระวังอย่าดูเบา...............................มาสองเจ้าเดินตามแต่โดยดี
มันกระชากสองคะมำล้มคว่ำหน้า.................พระบิดาทำเลือนเบือนหน้าหนี
ทรงร่ำให้ในอกโศกโศกี...................................นับแต่นี้ห่างกันแล้วหนอแก้วตา
ชูชกเฒ่าอำลาพระยาเวสส.............................จากเหตุนี้แม้พระองค์ปรารถนา
จะไถ่คืนยินดีมีทรัพย์มา...................................คณนาอย่างละร้อยถึงจะยอม
ทาสทาสีช้างม้าโคกระบือ.................................เงินคำถือหน่วยร้อยต้องมีพร้อม
เสร็จสั่งความันกะชากมิประนอม.....................มิยากกล่อมมีแต่ขูดูน่ากลัว
บัดดลเกิดพยับเมฆมืดมัวมิด...........................ฟ้าก็ปิดแปลบปลาบเสียววาบหัว
ครืนครืนก้องกำปนาทฟ้าฟาดทั่ว...................มันฟาดมั่วมีเรื่องมันเคืองใคร
สักครู่หายกลายเป็นปกติ..................................ทรงดำริฟ้าดินมิสงสัย
อำนวยพรบารมีทานเข้าใจ................................พระองค์ได้สาธุการด้วยเปรมปรีดิ์
สาธุธรรมนำมาซึ่งปราโมทย์..............................ยังประโยชน์พุทธธรรมนำวิถี
พึงสำเร็จสมประสงค์จงเกิดมี..............................บุญนำชี้อมตะนิพพานพลันฯ
------------------------------------------------------------------------
.......จบกุมารกัณฑ์ที่ ๘ และ เริ่มกัณฑ์ที่ ๙ กัณฑ์มัทรี
------------------------------------------------------------------------
กลอนแปด
กล่าวถึงพระมัทรีศรีสวัสดิ์....................................เดินป่าลัดไพรพงศ์จำนงสรรพ์
ผลหมากรากไม้ดังทุกวัน......................................อัศจรรย์แปลกใจให้สงกา
วานนี้มีผลมากหลากเต็มต้น...............................วันนี้หล่นเสียหายไปหมดหนา
ดูต้นอื่นนิดหน่อยปลิดเอามา...............................จนเหนื่อยล้าจักกลับอาศรมไพร
นองขวางหน้าพยัคฆาเจ้าเสือเหลือง...................ยังนึกเคืองหวาดกลัวหลบทางไหน
ลองไปซ้ายลายโคร่งปิดทางไป...............................ทางขวาไซร้เสือดำตาลุกวาว
หนทางถอยเสือดำสองตัวเฝ้า...............................ไหว้แหละเจ้าเปิดทางห่วงลูกสาว
หนูกัณหาชาลีคงหิวคราว......................................แม่อยู่ยาวเวลาช้าเกินการ
ขอเทพไทรุกขาปราณีด้วย....................................โปรดจงช่วยมัทรีที่ไขขาน
จำเป็นมากอยากลับจนลนลาน.............................จงประทานทางให้ไปด้วยเทอญ
นางร่ำไห้โศกาคราหมดหวัง...................................นางถูกขังกับที่ที่เขาเขิน
ไปมิได้มันขวางหนทางเดิน.....................................เชิญเจ้าที่เมตตาปล่อยข้าไป
เสือมันเฉยดูหน้าท่าแบบยิ้ม....................................แต่ก็พิมพ์อย่างเสือดุไฉน
คงมิกล้าฝ่าแนวกลัวเภทภัย.....................................หนักอกใครจะมาเท่าเจ้ามัทรี
จนเลยเที่ยงอ้าวโคร่งโย่งโย่ย่าง................................ลุกเปิดทางเปิดช่องย่องหลบหนี
เจ้าเสือเหลืองเสือดาวมิรอรี......................................เดินตามพี่คุณโคร่งโล่งอุรา
คุณเสือดำสองตัวหายไปแล้ว...................................ค่อยผ่องแผ้วในอกวาสนา
คงกลับได้แล้วหนอมิรอช้า........................................ดำเนินมากลับคืนสะอื่นฤทัย
เขามาเขตศาลาเลียบอาศรม...................................ก่อนภิรมย์ลลูกยามารับไฉน
วันนี้เงียบมิเห็นสองทรามวัย......................................เล่นกันไกลอาศรมพระบิดา
วู้ลูกรักมิเห็นรับกับแม่หนอ........................................นวลละออเที่ยวไกลไฉนหนา
กลับคืนเถิดลูกน้อยเร็วแม่มา....................................ผลผลาเผือกมันแม่มากมี
ล้วนอร่อยแม่สรรมันมาฝาก.......................................เจ้าลำบากแสบท้องแน่สองศรี
มาแม่มารีบมาอย่ารอรี................................................เงียบมิดีภัยทุกข์มาคุกคาม
พระมัทรีร่ำไห้แทบใจขาด...........................................เฝ้าพระบาทสวามีพาทีถาม
เห็นสองหน่อบ้างไหมพระองค์ราม............................ข้าติดตามทุกที่มิเห็นเลย
โพธิสัตว์เวสสันดรร้อนในอก.....................................หากจะยกเรื่องราวมาเปิดเผย
ทุกข์มหันต์ระทบจิตทรามเชย...................................จำจักเอ่ยบริภาษให้หวาดกลัว
ให้นางโกรธเสียก่อนค่อยย้อนบอก..........................หลอกให้โกรธแกล้งด่าว่าน่าหัว
ปล่อยลูกหายไปเที่ยวไปแต่ตัว...................................มิห่วงผัวห่วงลูกเลยหรือไร
หรือแอบเจอคนธรรพ์หรือดาบส................................กลับมาปดลูกหายหรือไฉน
เจ้ามัทรีเจ้าดื้อหรือทรามวัย........................................นางร่ำไห้นึกเคือพระสามี
ที่สุดองค์พระเวสบอกความจริง.................................แน่ะน้องหญิงตั้งจิตให้มั่นถี
วันนี้พราหม์มาขอพระชาลี.........................................และน้องพี่ได้ประทานกัณหาไป
ด้วยหวังเพญบารมีเป็นที่สุด......................................บรรลุพุทธโพธิญาณสว่างไสว
พระมัทรีคับแค้นแน่นหทัย..........................................กรรแสงได้จนสลบชวนเวทนา
พระหยิบผ้าชุบชลวนซับพัตร์....................................โอน้องรักร่วมแรงแสวงหา
โพธิธรรมบารมีด้วยบุญญา........................................เจ้าฟันฝ่ากับพี่มิท้อเลย
ปรมัตทานบุตรสุดยากยิ่ง..........................................พี่ทำจริงเพ๊ญธรรมนำเปิดเผย
ฟื้นมาเถิดแม่งามเจ้าทรามเชย..................................มาเอื้อนเอ่ยความในใจเนื้อนวล
สักครูใหญ่พระมัทรีมีสติ..............................................นาดำริเรื่องราวคราวแย้มสรวล
ประทานโทษพี่ยาข้ารบกวน.......................................ทำพี่ป่วนในอกยกโทษนาง
ทำทานลูกน้อยน้องกัฒหา.........................................พ่อชาลีอีกด้วยช่วยสะสาง
เป็นมรรคาโพธิธรรมนำเบิกทาง................................พึงสว่างส่องแจ้งชัชวาลย์
สาธุาะอนุโมทนาด้วย...................................................บุญจงช่วยแผ่ไกลจงไพศาล
บรรลุถึงโพธิธรรมเริงสราญ.........................................บันดาลให้บรรลุเพราะบุญดล ฯ
------------------------------------------------------------------------
จบกัณฑ์ที่ ๙ กัณฑ์มัทรี เริ่มกัณฑ์ที่ ๑๐ กัณฑ์สักกบรรพ์
------------------------------------------------------------------------
กลอนแปด
...สักบรรพ์บั้นองค์มฆวาน..............................................เกษมศานต์ชื่นชมบุญกุศล
องค์พระเวสสันดรเพ้ญเพียรพล....................................จนฟ้าดินกัมปนาทโมทนา.
มากังวลวันหนึ่งในอนาคต..............................................ใครกำหนดหวังได้พระชายา
จักทูลขอก็ได้ทรงเมตตา................................................เกิดปัญหาแก่พระองค์ผู้ทรงญาณ
มิมีผู้ดูแลจัดสรรหา...........................................................เตรียมภัตตาจัดให้จักไขขาน
หาผู้ใดจักรู้พระภูบาล......................................................เท่านงคราญแม่มัทรีมิมีเลย
ขากมัทรีมีปัญหาฝ่าพระบาท........................................ชะตาขาดแน่ใจไม่อาจเฉย
ต้องลงไปจัดการเหมือนดังเคย......................................จักไปเอ่ยทูลขอพระชายา
จำแลกายเป็นพราหมณ์ดูแก่เฒ่า..................................ขอนงเยาว์พระมัทรีสิเนหา
อยากได้นางขอองค์พระราชา.........................................ประทานข้าเป็นบุญทูลทรงไชย
ลำดับนั้นโพธิสัตว์เวสสันดร...........................................เรียกงามงอนพระมัทรีอยู่ที่ไหน
มาหาพี่มีเรื่องฟนาทรามวัย.............................................มีคนใคร่รับเจ้าเป็นบริวาร
พี่รักเจ้ามากมายดังดวงเนตร.........................................เพียงเพราะเหตุพี่รักจักประสาน
บารมีพุทธธรรมดำเนินการ.............................................สุดยอดทานปรมัตถบารมี
บุตรทั้งสองทานไปได้สิ้นสุด...........................................อุตรทานยิ่งนวลฉวี
เจ้าเป็นเมี่ยดีเยี่ยมเทียมใจพี่...........................................มัทรีเจ้านางแก้วแท้แก้วตา
พี่นี้รักแหนหวงดังดวงจิต................................................มิเคยคิดทอดทิ้งเจ้าดอกหนา
ปรมัตถแก่งทานบุตรภรรยา...........................................ทานชีวาปรมัตถ์อรรถแห่งทาน
อยากฟังเจ้าคิดไหนในกุศล............................................นฤมลบอกพี่พาทีขาน
พระมัทรีเห็นไฉนหนอนงคราญ......................................วานบอกพี่จักพินิจพิจารณา
พระนาถน้อยสร้อยเศร้าเข้ากราบทูล..............................พระพูนเพ็ญมัทรีนี่หรรษา
คอยส่งเสริมเพิ่มพูนแต่เดิมมา........................................ข้ายืนดีส่งเสริมพระทรงชัย
แม้ชีวิตยินดีมอบพระองค์...............................................หากประสงค์ขอถวายมิสงสัย
จะประทานแก่พราหมณ์ก็ย่อมได้..................................ยินดีไปเป็นทาสตาเฒ่าพรหมณ์
โพธิสัตว์รับฟังทรงยิ้งคิด................................................เจ้าขวัญจิตมัทรีศรีบุญสม
สหชาติภริยาน่าชื่นชม...................................................ภิรมย์นักรักเจ้าเทียมชีวา
เพื่อเพ๊ญทานปรมัตถ์.......................................................จำตัดรักทั่งปวงคักห่วงหา
จำใจทานเจ้าให้พราหมณา............................................สาธุธรรมนำเกิดประเสริฐคุณ
บัดดลเกิดวิปริตแห่งอาเภท............................................ยามพระเวสส์เพ็ญทานที่เกื้อหนุน
ภริยาเป้นทานยอดแห่งบุญ.............................................ฟ้ามืดมิดทั่วไปในจักรวาล
ปฐพีหวั่นไหวกัมปนาท....................................................เฉลิมบาทบารมีศรีผสาน
โพธิธรรมมรรคาพุทธญาณ.............................................มั่นคงปานรัตนามรรคาเพ็ญ
ปกติทานบารมีกระทำแล้ว...............................................ดังลาดแก้วอุปทานที่ได้เห็น
สุดยอดทานปรมัตถมิยากเย็น........................................พระทำเช่นปกติบริบูรณ์
พราหม์จำแลงแปลงกายคืนมา......................................เป็นอินทาเทวราชอวยพรพูน
แปดประการพรเกิดเจิดจำรูญ.........................................อนุกูลแก่องค์พระทรงชัย
หนึ่งทรงเป็นปิตุเรศเปี่ยมเมตตา.....................................กลับพารานิรโทษคนคุกไข
โทษหนักเบารับล้วนควรอภัย..........................................ผ่อนปรนได้ทั่วถ้วนควรแก่การ
พึงได้ทำอนุเคราะห์คนยากจน.........................................มิกังวลบทสตรีที่อาจหาญ
บุตรธิดาอายุมั่นยืนนนาน................................................เจ็ดประการฝนแก้วพึงเกิดมี
ตกในเขตแห่งเมืองเรืองรุ่งเลิศ.........................................ประเสริฐยิ่งชาวประชาเกษมศรี
ร่ำรวยรัตนชาติทั่วบุรี........................................................สิ้นชีพนี้ขอกลับดุสิตวิทาน
อมรินทร์อวยพรจงสมหมาย..............................................เคราะห์คลาคลายบุญประสาน
อีกมีช้าคงจักได้พบพาน...................................................สงบศานติ์ด้วยแรงบุญบารมี
เสร็จอำลากลับไปดาวดึงส์................................................พระเวสจึงไคร่ครวญธรรมวิถี
ทุกสิ่งทำบำเพ็ญเป็นกรรมดี..............................................เป็นช่องชี้โพธิญานสานมรรคา ฯ
------------------------------------------------------
จบกัณฑ์ที่ ๑๐ สักบรรพ์ เริ่มกัณฑ์ที่ ๑๑ กัณฑฺ์มหาราช
---------------------------------------------------------
กลอนแปด
..........ย้อนกล่าวถึงชูชกรัประทาน..................................สองกุมารจากพระเวสเชษฐบิดา
มันสำแดงอำนาจเปล่งวาจา............................................แต่นี้ข้าเป็นนายจำให้ดี
สองเจ้าเป็นทาสชั่วชีวี......................................................รับหน้าที่กิจการงานนานา
ไปถึงบ้านจักมีนายผู้หญิง...............................................นายตัวจริงรูออยู่ที่เคหา
ต่อนี้ไปเดินทางหลายเวลา..............................................ข้าจักพาไปบ้านด่านปลายดง
สองกุมารขัดขืนฝืนตัวไว้.................................................สองร่ำไห้พ่อจ๋าอย่าลืมหลง
ยังมิได้ลาแม่ไปไพรพง......................................................น้องยังคงหิมนมโปรดเมตตา
เสียงลูกน้อยละห้อยได้จุกใมนอก....................................ชลนัยน์ตกห่วงใยเจ้านักหนา
เพราะเพียรเพ็ญบารมีดอกลูกยา....................................จำต้องมาพลัดพรากจากกันไป
พ่อพราหมณ์จ๋าค่อยจาอย่าดุด่า....................................สองกำพร้าเป็นทาสแล้วไฉน
ต้องพึ่งพาตาพรหมณ์ยามห่างไกล.................................ขอจงได้เมตตาอย่าด่าตี
มันเตรียมไว้แซ่หวายได้ลายหลัง......................................จงระวังเดินมาอยาหลบหนี
ต่อหน้าพระบิดาข้าก็ตี......................................................หวดสองมีเดินมาช้าอยู่ใย
มองบืดาผินพระพักตร์หันหลังให้....................................เจ็บปวดใจหกล้มหัวคะมำ
ชกมันกระชากลากไม่หยุด..............................................เดนสะดุดยังตีสองขามขำ
รอยแส้เป็นเส้นเส้นสีดำคล้ำ...........................................ห้อเลือดจำต้องเดินตามมันไป
ตกกลางคืนสองกุมารมัดสองมือ...................................เอ็งอย่าดื้อดิ้นหลุดดูหนไหน
มันป่าทึกเสือสางล้วนเป็นภัย.........................................หลับหนีได้เป็นเหยือพวกเสือมัน
นอนอยู่ที่โคนไม้นี่แหลดี................................................บารมีข้าคุ้มได้พร้อมสรรพ์
ทั้งเสือสางภูติผีมนต์ข้ากัน............................................แค่ร่มไม้ตรงนี้อย่าหนีเลย
ส่งเสริจมันปีนขึ้นบนต้นไม้............................................เลือกเหมาะได้ผูกเปลผ้านอนเฉย
ผ่านคืนวันหลายวันก็เช่นเคย......................................โอ้เด็กเอ๋ยหอดหิวแทบเป็นลม
มันมาหาอะไรให้เด็กบ้าง.................................................ดีแต่อ้างรีบไปน่าขื่นขม
ฮุดกระชากจนต้องร้องระงม...........................................สุดระทมสองกุมารจากบ้านมา
รุกขเทพสงสารเฝ้าติดตาม............................................ยามคำคืนเป็นคนเข้าไปหา
ให้ดื่มนมกินเผือกกินมันพา..........................................กล่อมสองราหลับนอนด้วยอ่อนเพลีย
หลายวันล่วงมาไกลในไพนสณฑ์..................................จนมาถึงทางแยกพราหม์หัวเสีย
มันหลงลืมหนทางคงห่วงเมีย..........................................มึนงัวเงียขวาซ้ายไปไหนดี
มันหลงทางกระชากลากสองน้อย..................................เดินตาลอยไปผิดอผกวิถี
มินัมิรู้เป็นทางไปสีพี..........................................................เห็นชาลีเขาจำได้ไปกราบทูล
ปู่สญชัยและย่าปรีดานัก.................................................ได้หลานรักกลับมาหาได้สูญ
ถามชูชกรู้เรื่องโศกาดูร...................................................พ่อพราหมณ์พูนสวัสดิ์จรัสเจริญ
ขอไถ่หลานตามคาดแกมาดไว้......................................เงินทองได้ร้อยตำลึงมิขาดเขิน
ทั้งผ้าผ่อนแพรพรรณมิขากเดิน....................................ร้อยพับเชิญตรวจตรามากมวลมี
ช้างกับม้าเพียงพอให้ใช้สอย..........................................อย่างละร้อยสัตว์เลี้ยงเอาเยี่ยงไหน
วัวควายหมูสรรมาหาเป็ดไก่...........................................นับร้อยให้ไถ่หลานเรายินกี
ชูชกบอกหิวมากอยากกินข้าว.....................................สญชัยเจ้านึกขำทำไมเล่า
สั่งพ่อครัวจัดการอาหารเยี่ยม........................................เทียมทิพยฺโภชจัดมาอย่าดูเบา
ปล่อยชูกชกสำราญอาหารเรา.....................................จัดใหเจาเต็มที่อย่างดีเลย
สั่งเสร็จปู่ย่าพาหลันรัก....................................................เข้าที่พักเวียงวังฟังเปิดเผย
เหตุไฉนชอบทานเหมือนดังเคย.....................................สองทรามเชยทำทานได้อย่างไร
สองหลานน้อยเล่าเรื่องแล้วเคืองนัก..............................ลูกมักจักบ้าทานกันถึงไหน
ช่างเถอะหลานตอนนี้อย่่าสนใจ.....................................เมืองเราไซร้ยินดีหลานคืนมา
ให้สมโชรับขวัญสองหลานรัก........................................คนรู้จักชื่นชมพระนัดดา
ครบสามวันสามคืนฉลองใหญ่.......................................จัดของกินเลือกได้มากมายหนา
มีหมูเนื้อวัวควายแลปูปลา...............................................ผลผลามากมีเลี้ยงผู้คน
สามวันผ่านรางวัลพราหม์ยังอยู่......................................มิมีผู้มารับชวนฉงน
เขามาทูลชูชกเฒ่ากังวน.................................................กินเสียจนท้องแทบแตกจนวางวาย
จนรุ่งสางดิบดิ้นสิ้นสังขาร์...............................................จึงรีบมากราบทูลเกรงเสียหาย
ให้ประกาศทายาททั้งหญิงชาย.......................................ทรัพย์ทั้งหลายของชูชกมาเอาไป
นับเวลาเจ็ดวันมาเอาเถิด.................................................เกิดมิมาจักเก็บอย่าสงสัย
คืนเข้าคลังคราต่อไป........................................................ขอจงได้แสดงสิทธิ์ลูกหลานพราหมณ์
รั่งสั่งเจ็ดวันงานศพให้สมเกียรติ.....................................เจียดทรัพย์สินจัดงานการงดงาม
เรียบร้อยกิจกระทำดำเนินตาม.....................................ทุกเขตคามชื่นชมพระทรงชัย
สองชาลีกัณหาอยู่กับย่า................................................วิ่งหาปู่ตามประสาอายุขัย
ปู่และย่าเพลิดเพะลินเจริญใจ..........................................ได้ทราบข่าวพระโอรสกำสรดครวญ
นานแล้วหนาจากไปในไพรสณฑ์...................................เงืนไขคนโกรธเคืองก็กลับหวน
ช้างปัจจนาคเขาคืนมาทั้งมวล.......................................พร้อมสินทรัพรางวัลมากมวลมี
บ้านเมืองเขาฟื้นฟูอยู่เย็นแล้ว........................................นำช้างแก้วคืนมาแสนเปรมปรีด์
ชาวเมืองต่างสำนึกทำมิดี...............................................อยากไปที่เขาวงกฏขอโทษภัย
พระบิดายินดีมีรับสั่ง.........................................................ตั้งกรมการเตรียมทัพจักเดินไป
เชิญพระเวสมัทรีกลับเร็วไว..............................................เจ็ดวันให้เคลื่อนตรงเข้าพงพี
-------------------------------------------------------------
จบกัณฑ์ที่ ๑๑ กัณฑ์มหาราช และเริ่ม ๑๒. กัณฑ์ฉักขัตติ โดยขุนทอง ศรีประจง
-------------------------------------------------------------
ได้เวลาจักเสด็จไปแดนดง..............................................เขาวงกฏเชิญพระเวสกลับธานี
ทั้งสองหลานกัณหาพระชาลี...........................................ต่างยินดีนั่งรถกำหนดจร
ขบวนธงนำริ้วให้นั่งม้า......................................................ควบอาชางดงามตามสลอน
สี่สิบม้าสี่แถวครบสิบตอน................................................ธงปลิวว่อนงดงามตามกันไป
ขบวนช้าวสิบเชือกขนาบข้าง.........................................เดินขอบทางเคียงราชรถไฉน
ระวังมวลศัตรูราชภัย..........................................................มิยอมให้ทำร้ายพระราชา
ต่อท้ายรถมหาดเล็กยกทั้งกอง........................................ถัดไปผองบริพารเหล่าเสนา
ตามถัดด้วยทวยราษฏร์มาดไปเฝ้า...................................พระหน่อเจ้าองค์พระเวสพระเขษฐา
หกสิบโยชน์ทางไกลในพนา..............................................ประมาณว่าแปดเดือนถึงพอดี
จนล่วงเข้าขอบเขตเขาวงกฏ............................................ทรงกำหนดยับย้ังหว่างวิถี
วันรุ่งขึ้นค่อยไปในคีรี..........................................................เจ้าชาลีบอกโน้นบรรณสาลา
จากนี้ไปเกือบเที่ยงคงถึงได้...............................................ถึงมิไกลขบวนเราใหญ่เกินหนา
ค่อยค่อยไปก็คงจักเชื่องช้า...............................................พระเจ้าตาอยากเห็นแม่มัทรี
พระเจ้ากรุงสญชัยเข้าใจหลาน.........................................บอกมินานได้เพิ่มเฉลิมศรี
ได้พบหน้ามารดาแน่ชาลี....................................................นั่งรถซีนั่งม้าอันตราย
ฝ่าป่าพงดงดอนรอนแรมไป................................................ป่าดงใหญ่รุกขชาติดาดาดหลาย
ขบวนม้าคนรถต่างกระจาย...............................................เลาะเลียบย้ายหาทางเยื้อย่างไป
มัทรีตื่นตระหนกเสียงอื้ออึง.................................................มัวนึกถึงพายุหรือไฉน
แลท้องฟ้ายังโปร่งโล่งกระไร................................................หามีไม่เมฆหมอกมาหลอกตา
สักครูเสียงคนร้องเรียกแม่แม่..............................................ชะแง้มองจริงหรือคือกัณหา
จนได้กอดแน่ใจโนลูกยา....................................................พ่อชาลีกอดด้วยร่ำโศกี
ท่านปู่ยามาถึงได้ทักทาย....................................................พ่อบุตรชายพระเวสพิเศษหนี
ต้องโทษขับจากบ้านจากบุรี..............................................เพราะพ่อนี้โง่เขลาเบาปัญญา
ต่างรำพึงรำพันจนรันทด.....................................................โสกสลดเศร้าสร้อยน้อยหรือหนา
สลบไสลใจวับดังดับคา.........................................................ล้มพับมาระเนระนาดประหลาดใจ
ฝ่ายไพร่คนพลเมืองรู้เรื่องเห็น............................................สงสารเป็นเรื่องเร้าเศร้าไฉน
ต่างร่ำร้องสงสารพระภูวนัย................................................สลบไปทั้งหมดกำลังพล
ร้อนถึงองค์อมรินทร์ปิ่นสวรรค์..........................................วันนี้ใยบัลลังยังสับสน
บัดเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นกังวล.........................................ฤๅมีคนเดือดร้อนร้อนถึงเรา
จังสอดส่องเรดาทิพยเนตร..................................................ตาวิเศษส่องทั่วทุกป่าเขา
ส่องไปโลกมักมีพวกผู้เยาว์..................................................พวกขาดเขลาต้องช่วยเป็นประจำ
อ้อเจอแล้วอาศรมพระยาเวส...............................................มันเกิดเหตุล้มตายแต่น่าขำ
แค่ดีใจพบหน้ากันเกิดกรรม...............................................ดีใช้ซ้ำสลบไสลขาดใจตาย
แม้นมิช่วยม้วยแน่สมน้ำหน้า..............................................มิเข้าท่าเป็นเทพจักเสียหาย
เขาจะหมิ่นอินทร์อะไรเจอเรื่องร้าย.....................................มิช่วยคลายปัดเป่าก็เข้าใจ
จะตักน้ำสาดใส่คนละขัน.......................................................คงมิทันตายแน่ทำไฉน
มนต์เสกเป่าฝนทิพย์ตกลงไป..............................................ใช้ฝนโบกขรณีแหละสมควร
เป่าพรวดเดียวฝนมาเป็นห่าใหญ่......................................สหัสสนัยน์เก่งมากอยากให้หวน
ไปทางบ้านเราบ้างอยากจะชวน.........................................เป่าสักม้วนมนตราให้ฝนลง
ฝนพิเศษอินทาโปรยมาให้..................................................จำชื่อได้ฝนโบกขรคง
เม็ดสีแดงหล่นลงเป็นเม็ดเม็ด..............................................เด็ดใบไม้มารองพิศวง
มันมิเปียกกลิ้งไปจนหล่นลง.................................................สำคัญตรงมิเปียกเพียงชุ่มเย็น
ใครอยากเปียกย่อมได้มันไหลอาบ.....................................กำซาบซ่านสดใสได้มาเห็น
ฝนประหลาดหล่นใส่คนได้เป็น............................................กลับฟื้นเช่นสุขสมสถาพร
จนต้องมีบันทึกจารึกไว้........................................................ฝนยิ่งใหญ่หนึ่งครั้งครานี้หนอ
คราวพระเจ้าสญชัยไปคอยรอ..............................................ชวนพระหน่อบุตรชายให้กลับเมือง
เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญกังวาลนัก..........................................แผ่นดินมักสะเทือนเลือนลั่นเคือง
ไยเงียบเสียงเสียเล่ามาเข้าเรื่อง.............................................ดินกระเดื่องพสุธาสั่นทั่วไป
คงเริ่มได้แม่พระธรณี...............................................................อวยฤทธีโลกสั่นมิสงสัย
ฉะนี้ไซร้ฟ้าดินกระเทือนไกล.................................................ครั้งที่ได้เชิญพระเวสกลับพารา
พนักงานกราทูลความแต่เค้า...............................................ตามพระเจ้าสญชัยปรารถนา
อัญเชิญพ่อพรเวสกลับเมืองมา............................................เป็นราชาสีพีจึงเหมาะควร
พระบิดามารดาไม่ว่าแล้ว.......................................................ทานช้างแก้วตัวหนึ่งซึ่งพอหวน
มันโง่เขลาเกินไปใยมาชวน...................................................ป่วนให้เราขับลูกจากพารา
ชาวกลึงนำช้างมาคืนแล้ว.....................................................บ้านเมืองแผ้วสร่างทุกข์สุกหรรษา
มีแก้วแหวนแพรพรรณเป็นบรรณา.......................................เขานำมาบอกนบจบสักการ
มัทรีน้อมภูษามาถวาย..............................................................จงคลาคลายลาสึกขอไขขาน
หากมิสึกอาจเจอภัยคนพาล.................................................ปลุกปล้ำท่านนักบวชให้ปวดใจ
นางแค่คิดในใจเท่านั้นดอก...................................................เราเอ่ยออกพระเวสมิสงสัย
ยินยอมลาสิกขา ณ ทันใด...................................................กอดเอาไว้แม่ลูกล้วนผูกพัน
กระบวนทัพพักผ่อนหลายเพลา............................................ค่อยกลับมาสีพีมีสุขสันต์
เถลิงราชสมบัติอีกครั้งพลัน....................................................ฉลองกันด้วยปิติพระทรงชัย
นับเจ็ดวันเจ็นคืนล้วนชื่นสุข..................................................พระปัดทุกข์ทวยราษฎร์ทุกสมัย
อุดมด้วยฟ้าฝนชุ่มชลไป..........................................................ชาวบ้านได้ทำเกษตรจำรูญจำเริญ
----------------------------------------------------------
จบกัณฑ์ที่ ๑๒ และเริ่มกัณฑ์ที่ ๑๓ กัณฑ์นคร
-----------------------------------------------------------
ความโดยย่อ เมื่อพระเวสสันดรราชฤาษีได้สดับคำพระราชดำรัสเชื้อเชิญให้ลาผนวชออกไปครองราชย์สมบัติ
ก็รับสั่งทูลพ้อพระราชบิดา ประวิงการรับอาราธนาไว้พลางก่อนว่าเมื่อกระหม่อมฉันปฎิบัติราชกรณียกิจโดย
ทศพิธราชธรรม ไฉนพระราชบิดาจึงลงโทษเนรเทศจากพระนคร มารับความทุกข์ยากแค้นแสนสาหัสในพงไพร
ไม่สมควรเลยพระเจ้าข้า?
กลอนแปด
.........สมเด็จเจ้าสญชัยมหาราช.......................................ประกาศจักมุ่งไปในเขาเขิน
ไปพบพักตรลูกยาว่าจักเชิญ............................................ชวนดำเนินเป็นอัครราชา
เป็นมหาจักรพรรดิราชเจ้า.................................................เสด็จเข้ากรุงศรีเถิดลูกยา
ทรงดำรัสตอบึพระบิดา.......................................................ข้าพระบาทยังงุนงงก่อนทำคุณ
ดำรงในทศพิธราชธรรม.....................................................นำบ้านเมืองเรืองรุ่งมุ่งเพ็ญบุญ
กลับเกิดโทษเป็นภัยไล่รุกรุน..............................................คนเคืองขั่นขับไสไล่จากเมือง
บัดนี้กลับมาชวนกลับปีอีก.................................................จะหลบหลีกบาปกรรมที่ขุ้นเคือง
กลัวจักมาฟ้องร้องจักเอาเรื่อง............................................เกรงจักเปลืองคุณธรรมยากนำพา
ของพระคุณพระบิดาเมตตานัก..........................................ลูกก็รักสองพระองค์มากนักหนา
ยังคำนึงถึงพระคุณอุ่นเมตตา..............................................กลับพารายังมิคิดโปรดทุเลา
สญชัยเจ้ากรุงไกรได่สดับ....................................................พ่อยอมรับทำการอันขาดเขลา
เพียงเพ็ญทานเป็นบุญคุณของเจ้า...................................มิควรเอาเป้นโทษเพราะเป็นบุญ
เป็นเพราะฟังคำสอพลอพวกคนพาล................................มันกล่าวขานเป็นโทษจนเคืองขุ่น
ขับเจ้าออกจาเมืองเรื่องทารุณ............................................บาปกระตุ้นรุมเร้าร้อนรุกรน
อยู่บ้านเมืองเคืองขุ่นมิอุ้นอก...............................................ยากจักยกบาปกรรมทำสับสน
ไฉนพ่อใจร้ายเกินผู้คน.........................................................ลูกของตนผลักไสไม่ปราณี
พ่อทำผิดคิดได้ก็สายแล้ว....................................................ขอลูกแก้วคาดโทษมิหลบหลี้
ยิมรับหมดลูกยาพ่อยินดี.....................................................กลับสีพีเถิดหนาช้าอยู่ใย
พระอม่เจ้าผุสดีวอนลูกรัก....................................................ยามนี้จักพึ่งเจ้าแล้วไฉน
มีลูกเต้าเฒ่ามามองหาใคร.................................................มาจอมใจกลับบ้านเวสสันดร
ทั้งกัณหาลีก็กลับแล้ว...........................................................สองลูกแก้วมัทรีศรีสมร
อยู่ป่าดงลำบากนักบังอร....................................................กลับนครครองเมืองรุ่งเรืองรมย์
มิต้องหาเผือกมันผลไม้........................................................เพียงอยากได้คนหามาเสร็จสม
ประกอบเป็นอาหารหวานคาวจม.....................................มาแม่ชมคิดถึงเจ้าซึ้งใจ
พระนางสอดสะใภ้ร่ำไห้หนัก...............................................อกแทบหักเศร้าสร้อยหนักไฉน
พลับสลบดังหลับคอพับไป.................................................สององค์ได้กอมกันพลอยล้มลง
สี่กษัตริย์อัดอั้นตันดวงจิต.................................................พอได้พิศสองพระนางพิศวง
นึกว่าทิวคีพปลดปลง..........................................................ทุกพระองค์โสกาแทบวายปราณ
จนหมดแรงสลบสไลไปทั้งสิ้น................................................ทุกผู้ยินยลกันพลันไขขาน
ต่าร่ำร้องโศกาใจแหลกราน.................................................สลบเต็นลานล้วนพวกไพร่พล
ร้อนถึงท่านอินทาเทวราช ...................................................เกิดอุบาทอันใดอีกฉงน
ส่อง้รดาทืพยเนตรท่วสากล.................................................พบผู้คนสลบไสลชาวะารา
บริเซณอาศรมพระยาเวส......................................................จู้แจ้งเหตุอีกแล้วจริงสิหน้า
ต้องฝนโบกขรพัสตร์กันอีกครา..........................................เสกมนตราโปรยโบกขรณี
ชึ่มพื้นพสุธานานาสัตว์.........................................................ตื่นสลัดมึนงงหลงวิถี
เป็นออะไรมาหลับกลางพงพี................................................ก็พอดีเห็นพระเวสนมัสการ
สนทนพาทีถามสุขทุกข์........................................................ปลุกปลอบใจคลายเศร้าเข้าผสาน
ขออภัยเรื่องราวแต่ก่อนกาล.................................................เกษมศานต์สวบสันต์สถาพร
สญชัยเจ้าจัดการอภิเษก.......................................................ให้เป็นนเอกอัครราชเวสสันดร
ครองสีพรกรุงไกรผ่านนคร.....................................................ประชากรแซ่ซ้องพระบารมี
ครบสามวันยกขบวนชวนกันกลับ.........................................ยาตราทัพยิ่งใหมญ่ในวิถี
มหาราชเวสสันดรกลับบุรั.......................................................เถลิงศรีราชสมบัติวิวัฒนา
พระมัทรีศรีสมรราชินี.................................................................ชาวบุรีชื่นชมแลหรรษา
ถวายพรทุกวันสุขสันต์มา.........................................................อีกชาลีกัฒนาสุขารมย์
พระปกเกล้าอาณาประชาสุข..................................................นิรทุกข์ผ่องแผ้วสงบสม
บารมีแผ่ไกนไทนิยม..................................................................ล้วนชื่นชมจักรพรรดิเวสันดร
เป็นกษัตริ์ย์ทรงคุณอันประเสริฐ.............................................นับเป็นเลิศทศพิธราษฎร์ทุกถอน
แผ่นดินรุ่งวัฒนาสถาวร..........................................................ประชากรน้อบนบจบพระบาท
พระบารมีทศพิราชธรรม...........................................................นำให้เกิดพายุฝนรัตนชาติ
ตกทั่วเมืองสีพีเชิญทวยราษฎร์.................................................ใครสามารถเก็บได้ให้พอดี
เมื่อเหลือแล้วเก็บเข้าพระคลังไว้................................................อาจต้องใช้วันหน้าแท้ดีหลี
ประชาช่วยเก็บกวาดส่งคลังมี...................................................ล้วนปรีดาบ้านเมืองรุ่งเรืองเกิน
จบบริบูรณ์
เมื่อพระเวสสันดรเสด็จขึ้นปราสาทแล้วรับสั่งประกาศให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขังไว้ให้หมด
ครั้นเวลาราตรีก็ทรงรำพึงว่า พรุ่งนี้ประชาชีต่างก็จะแตกตื่นกันมาคอยรับพระราชทานแล้วจะได้สิ่งใด
แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั้งหลายเหล่านั้นทันใดนั้นท้าวโกสีย์ทรงทราบความปริวิตกของพระเวสสันดรแล้ว
ก็ทรงบันดาลฝนแก้ว ๗ ประการให้ตกลงในพระนครสีพีสูงถึงหน้าแข้ง เฉพาะในพระราชวังท่วมถึงเอวพระ
เวสสันดรทรงประกาศให้ประชาชนมาขนเอาไปตามปรารถนาเหลือนั้นก็ให้ขนเข้าท้องพระคลังหลวง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น