วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ทักกันวันปลายปี
กาพย์ยานี ๑๑
o สองแปดธันวาคม……………….....กาลนิยมปลายปีหนอ
หกสามมิรั้งรอ.....................จะจากไปอีกไม่นาน
o อยู่กันสิบสองเดือน............เป็นดุจเพื่อนทุกสถาน
ให้ใช้ระบบกาล....................วันเวลาชั่วโมงยาม
o แจกให้ใช้กันทั่ว................มิต้องกลัวมิเคยถาม
ทุกเพศทุกวัยตาม................แจกให้ใช้ทุกนาที
o หกสิบหนึ่งชั่งโมง….............มิเคยโกงตามวิถี
หนึ่งวันนับสองสี่....................มืดสิบสองยามค่ำคืน
o สว่างยามกลางวัน..............จัดสรรให้ได้ยามตื่น
กิจการงามราบรื่น.................มองเห็นได้สบายดี
o เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่…...........เวลาใช้ตามวิถี
เท่าเทียมเวลามี...................เสมอหน้ากันทุกคน
o หกสิบวินาที......................หนึ่งหน่วยมีมิสับสน
นาทีหนึ่งเวียนวน..................ครบหกสิบหน่วยนาที
o เรียกขานเป็นชั่วโมง……......ยังเชื่อมโยงไปถึงวัน
สองสี่ชั่วโมงผ่าน...................กาลค่ำคืนก็แปรผัน
o สิบสองชั่วโมงนั้น..............จนรุ่งสางเปลี่ยนข้างมา
กลางวันก็สิบสอง..................ตามครรลองแบบนี้หนา
o ชัดเจนวันเวลา.................จัดสรรให้ทั่วหน้ากัน
เชิญใช้กาลเวลา..................ให้มีค่าควรเสกสรรค์
o มากน้อยแค่ไหนนั้น...........แบบค่าแรงจักชัดเจน
สามร้อยบาทขั้นต่ำ...............มีงานทำจึงจักเห็น
o เขาจ้างงานยากเย็น………......จึงจักได้เป็นค่าแรง
บางคนได้สี่ร้อย....................มีไม่น้อยที่แสวง
o ได้มากเขาแสดง..............วันละพันก็ยังมี
เวลาในหนึ่งวัน.....................ยาวเท่ากันตามวิถี
o นับดูยี่สิบสี่........................หน่วยชั่วโมงยาวเท่ากัน
ค่าแรงกลับแตกต่าง..............เหตุหลายอย่างทำแปรผัน
o ตรวจดูคงรู้นั่น...................อะไรบ้างเป็นปัจจัย
หนึงวัยก็สำคัญ.....................ความขยันแลอดทน
o ฉลาดและรู้งาน.................เพราะชำนาญมิสับสน
ทำได้หลายเล่ห์กล................งานสำเร็จผลดีงาม
o รู้จักพัฒนา........................ทำการมามิเข็ดขาม
เก่งขึ้นรู้ติดตาม...................รู้แก้ไขการเจริญ
o ยิ่งนานยิ่งมีค่า...................พัฒนาควรสรรเสริญ
แบบนี้ดีเหลือเกิน..................สร้างตนดีมีราคา
o ค่าคนดูผลงาน..................เมื่อชำนาญมิกังขา
เท่ากันวันเวลา.....................ทำการเก่งเปล่งประกาย
o ประเมินดูคุณค่า................ตอบได้ว่าเก่งเหลือหลาย
คุณค่าจึงมากมาย.................ประเมินได้ย่อมชัดเจน
o ก่อนอืนประเมินตน............มิกังวลจักได้เห็น
เรามีและเราเป็น..................คนแบบไหนเลวหรือดี
o หลายอย่างข้อนค่างแย่.......รีบแก้ไขถูกวิถี
ปล่อยไว้เป็นราคี...................อาจมัวหมองต้องเจ๊บใจ
o ตัวอย่างมักเกียจคร้าน.......งานหนักเบายากทำไหว
อยากเลี่ยงมันร่ำไป...............จักลำบากเมื่อเติบโต
o หรืออย่างชอบเที่ยวเตร่......เล่นเฮฮาน่าโมโห
การงานกลับพาโล................มิอยากทำลำบากมือ
o นานเข้าก็จับจด................เพื่อนผองงดมินับถือ
ปละปล่อยกลัวเสียชื่อ............มิคบค้าสมาคม
o สรุปเรื่องคุณค่า................ราคาดีที่เหมาะสม
หรือด้อยมิน่าชม..................อยู่ที่ตัวของเราเอง
o ทุกวันทุกเวลา..................จงสร้างค่ามิต้องเกรง
กรรมดีพึงทำเพรง...............ทำมากไว้ได้ราคา
o กรรมชั่วพึงละเว้น.............ขืนทำเป็นด้อยเลยหนา
ชั่วดีเหมือนตีตรา.................ติดเต็มตัวขาวกับดำ
o ติดชั่วจักมัวหมอง.............คนเขามองยังนึกขำ
ดีงามกิจกรรม.....................ทำให้ค่าน่าชื่นชม
o ศีลห้าห้ามเอาไว้...............เรื่องไม่ดีมิเหมาะสม
บาปกรรมทำให้ตรม.............คนรังเกียจน่ารำคาญ
o กรรมดีสบายใจ................ทำมากไว้ช่วยอาจหาญ
ใครใครก็ต้องการ................คนทำดีมีราคา
o คำสอนพุทธองค์...............ทรงวางรากศาสนา
บาปกรรมชั่วนานา...............อย่ากระทำมันไม่ดี
o กุศลสั่งสมไว้....................แล้วจักได้ก่อเกิดศรี
จิตใจไร้ธุลี..........................ชะสะอาดผุดผ่องมวล
o สัพพปาปัสสะ...................อกรณังมิหวน
กุสลสัมปชวน.......................สะสมไว้ให้มากมี
o สัพพจิตของเรา................จักหมองเศร้าเพราะราคี
ชำระด้วยศีลดี.....................กายหมดจดใจงดงาม
o คุณค่าจักสูงได้.................ใช้ศีลธรรมประพฤติตาม
สูงส่งยิ่งทุกยาม...................เพราะความดีนี้นั่นแล ฯ
ขุนทอง ประพันธ์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น