............เวสสันดรคำกลอนชุดนี้ กระผมเขียนขึ้นเพื่อเผยแพร่ให้คนอ่าน ได้รู้เรื่องราวนิทานชาดกสำคัญ ที่สมัยก่อนนำมาเทศน์สอนชาวบ้านช้วงเดือนสี่ จนกลายเป็นฮีตเดือนสี่ ทำบุญพระเวสส์ ปัจจบันความนิยมทำบุญฟังเทศน์ดังกล่าวเสื่อมความนิยมไป ก็อยากให้ผู้อ่านได้รู้เรื่องราวชาดกเรื่องนี้ ทำไมคนสมัยก่อนอยากให้ได้ฟัง ได้รู้กันนัก ผมนำมาถ่ายทอดด้วยกลอนแปด เพื่อให้อ่านได้ง่าย และไม่ยาวเกินไป โอกาสจะอ่านจบ ๑๓ กัณฑ์ก็ไม่ยากอะไร เพราะแค่ ๘๒๘ บรรทัดเอง -------------------------------------------------------------------------------------- |
|||
| มหาเวสสันดรคำกลอน โดยขุนทองศรีประจง | |||
| ------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| ถึงเดือนสี่มีบุญมหาชาติ | ตามประกาศเฒ่าจ้ำนำบอกขาน | ||
| สิบสี่ค่ำโฮมบุญเริ่มของงาน | สิบห้าท่านฟังเทศน์ตลอดวัน | ||
| แรมค่ำหนึ่งเก็บกวาดมวลขยะ | ภาชนะสิ่งของทุกสิ่งสรรพ์ | ||
| ทำสะอาดศาลาฟังเทศน์กัน | ออกมากันช่วยพระจะได้บุญ | ||
| มีคนถามฟังเทศน์สนุกไหม | เคยมีใครฟังจบไหมตาขุน | ||
| ยากเหมือนกันแต่เช้าจบคอยลุ้น | ห้าโมงเย็นอุ่นใจจบพอดี | ||
| ขับตำนานงานเทศน์แต่ก่อนเก่า | เอาแค่เพียงสามวันหนานวลศรี | ||
| วันแรกแห่อุปคุตเช้ามืดที | ทางบ้านมีข้าวพันก้อนมาแห่กัน | ||
| ไปถึงวัดนิมนต์อุปคุต | หยุดบนศาลจัดวางเขาสร้างสรรค์ | ||
| บริขารครบแปดนี่สำคัญ | อรหันต์สมมติท่านครูบา | ||
| ข้าวพันก้อนบูชาพากระหย่อง | มองไปที่โคนเสาธุงนั่นหนา | ||
| ปักรายรอบเรียงรายข้างศาลา | ติดพานพากระหย่องวางธูปเทียน | ||
| ข้าวพันก้อนวางได้ทีละก้อน | ตอนเสร็จงานเขาเก็บแยกพากเพียร | ||
| รวมเป็นเครื่องครุพันมิอาเกียรณ์ | ปีหน้าเวียนมาใช้ได้สบาย | ||
| เสร็จการแห่ขึ้นศาลามาไหวพระ | จะรับศีลฟังเทศน์พิเศษหลาย | ||
| หกโมงเศษษเริ่มต้นมิวุ่นวาย | สาธยายมหาชาติประกาศกัณฑ์ | ||
| บทนำมาลัยหมื่นมาลัยแสน | |||
| พรัมมาจโลกาธิปติ | ญาติโยมริเริ่มงานมงคลสรรค์ | ||
| นิมนต์ท่านหลวงตามาพร้อมพลัน | อภิวันทน์นิมนต์เทศนา | ||
| นะโมตัสสะภควโม | โอกาสนี้จักเริ่มปฐมา | ||
| เหตุต้องฟังมหาชาติตามศึกษา | คราหนึ่งพระเถระผู้ทรงฌาน | ||
| นามมาลัยเถระชาวสิงหล | ไปเมืองบนดาวดึงส์ด้วยอาจหาญ | ||
| ไหว้พระธาตุเกศแก้วจุฬาท่าน | ได้พบพานเทพไทที่เวียนมา | ||
| มีหนึ่งท่านทรงนามพระเมตไตรย | กาลต่อไปจักลุไตรสิกขา | ||
| เป็นอนุตตระสัมพุทธศาสดา | สนทนาโดยธรรมวาที | ||
| ถามถึงการบำเพ็ญโพธิยะ | จักสัมฤทธิ์ปลายกัปป์ตามวิถี | ||
| ถามถึงชนมาดประสงค์จักเกิดมี | คราวมีพุทธศาสนายุคพระองค์ | ||
| จักต้องทำไฉนจะได้หวัง | เสร็จสมดังตามได้ใจประสงค์ | ||
| ท่านบอกให้ใฝ่ผลกุศลบุญ | บำเพ็ญคุณทางชอบระบอบการ | ||
| กิจทำบุญมหาชาติสักหนึ่งครั้ง | ตั้งใจฟังเทศน์จบด่วยใจหาญ | ||
| ในวันเดียวจดจำนัยนิทาน | มโหฬารบุญได้มากมายมี | ||
| จะได้เกิดพบกันทันศาสนา | อาริยเมตไตรยได้เสริมศรี | ||
| อาจได้ลุมรรคผลกรณี | แล้วแต่มีวาสนาผลาบุญ | ||
| พระมาลัยกลับโลกชุมชาวบ้าน | ได้ฟังท่านบอกเล่าเข้าใจหนุน | ||
| ขยันกิจละบาปก่อการุณ | กุศลปุนปองสร้างทางจำเริญ | ||
| ชำระจิตผุดผ่องต้องสะอาด | สามหลักปราชญ์สั่งสอนมิขาดเขิน | ||
| สิ่งที่หวังคงได้ใช่บังเอิญ | เพราะดำเนินกิจกุศลพลบุญ | ||
| จบนิทานมาลัยหมื่นแลแสน | เริ่มสู่แดนมหาชาติคาดบุญหนุน | ||
| ------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| จบมาลัยหมื่นมาลัยแสน | เริม ๑ กัณฑ์ทศพร ๑๙ พระคาถา | ||
| ------------------------------------------------------------------------------------ | |||
| ปฐมบททศพรเจริญคุณ | สิบเก้าสุนทระกถาสถาพร | ||
| เริ่มนิทานเล่าถึงแต่ปางก่อน | ตอนทวยเทพผุสดีสิ้นสุดวาร | ||
| มีตำนานบอกเล่าก่อรเก่ามา | คราต้องลงเมืองมนุษย์จุดไขขาน | ||
| เคยสั่งสมบารมีอธิการ | เป็นมารดาโพธิสัตว์เป็นมั่นคง | ||
| ลางบอกเหตุถึงคราวจักจุติ | เบื่อวิมานร้อนจิตพิศวง | ||
| เครื่องประดับงดงามตามที่ทรง | กลับหมองลงมิงามตามที่เป็น | ||
| สามภูษาเครื่องทรงผลงกต | หมดสง่าดูหมองตรองตามเห็น | ||
| พระเสโทโทรมกายทนยากเย็น | รังสีเช่นจะอัเฉาชวนเศร้าใจ | ||
| นิมิตห้าเกิดมาคราสิ้นสุด | จักจุตติม่นคงมิสงสัย | ||
| รีบรุดเฝ้าอินทาเทวราช | จักคลาคลาดลงเกิดประเสริฐสมัย | ||
| ขอพระพรสิบประการพระทรงชัย | ประทานให้สมประสงค์จำนงนวล | ||
| หนึ่งขอให้ได้ประทับสีพีราช | ร่วมครองราชเวียงวังดังสงวน | ||
| สองมีเนครคมขำงดงามควร | ชวนชื่นชมดุจนัยนาทราย | ||
| งามขนงเขียวสดดังสร้อยศอ | มยุราพอกันคิ้วโฉมฉาย | ||
| สี่ขอนามผุสดีมิกลับกลาย | ห้าลูกชายยิ่งใหญ่บารมี | ||
| ใฝ่กุศลผลบุญคุณประเสริญ | เป็นหนึ่งเลิศน่าชมสมศักดิ์ศรี | ||
| โพธิสัตส์ยิ่งใหญ่ในปฐพี | ขออย่ามีพระครรภ์ป่องมิงดงาม | ||
| พระถันงามสดสีมิมีเหี่ยว | มิได้เกี่ยววัยชราน่าเกรงขาม | ||
| ดังสาวรุ่นรูปทรงของนงราม | สง่ายามพบเห็นเป็นมงคล | ||
| แปดเกศาดำดุจปีกแมงภู่ | ฉวีดูดังสุวรรณโดยกุศล | ||
| มีอำนาจช่วยเหลือเกื้อทุชน | ให้หลุกพ้นโทษประหารเหลือจำจอง | ||
| คงตลอดชีวิตก็พอแล้ว | ช่วยให้คล้วโทษตายคลายใจผอง | ||
| กลับมาทำความดีตามครรลอง | สมควรต้องสั่งสอนให้กลับใจ | ||
| สิบประการขอพรเทวราช | มีประกาศประทานมิสงสัย | ||
| กราบทูลลาพระองค์สหัสสนัย | จุติไปบังเกิดในโลกา | ||
| --------------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| จบ๑กัณฑ์ทศพร | เริ่ม ๒ กัณฑ์หิมพานต์ ๑๓๔ คาถา | ||
| ----------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| เทพบุตรจุติลงมนุษย์โลก | โชคได้เกิดในวังอลังการ | ||
| มัทราชราชวังบริพาร | ชื่นชมท่านกุมารีถวายพระพร | ||
| ทรงพระนามผุสดีนารีเลิศ | งามประเสริฐยอดหญิงมั่งสมร | ||
| เจริญวัยงดงามสวัสดิ์บวร | นาถบังอรเลิศลักษณ์ศิริวิมล | ||
| ต่อมาชาวสีพีมีประกาศ | สู่ขอนาถเป็นรานีมิสับสน | ||
| แห่งพระเจ้าสญชัยเกริกไกรกล | จันทร์เจิดจนส่องสว่างกลางนภา | ||
| ครองสมับัติรัชกาลสราญ์เลิศ | สิ่งประเสรฺฐลาภยศปรากฏหนา | ||
| สรรเสริญสุขแรงหนุนเพราะบุญญา | เพชรจินดาไหลหลั่งคลังไพบูลย์ | ||
| สองสุขสองสมสองทรงครองราชย์ | พระหน่อนาถบุญใหญ่ครองไอศูรย์ | ||
| คราหนึ่งเสด็จเลียบกรุงสีพี | พระผุสดีประสูติราชบุตรวิบูลย์ | ||
| เวสสนดรพระโอรสอนุกูล | ฉัททันต์ทูนถวายเศวตคชาธาร | ||
| นัยว่าเป็นคู่บุญลงมาเกิด | สิ่งประเสริฐสี่แหล่งมหาศาล | ||
| ขุมทรัพย์ใหญ่เกิดด้วยอำนวยการ | พระกุมารจักเพ็ญบุญบารมี | ||
| ปัจจนาคนาเคนทร์นามช้างเผือก | ดังทรงเลือกฟ้าฝนดลวิถี | ||
| ล้วนอุดมสมบูรณ์พูนทวี | ชาวธานีสุขสันต์สถาพร | ||
| เจ้าชายเวสสันดรใจบุญ | ชอบเกื้อหนุนเพ็ญกุศลสโมสร | ||
| เปิดโรงทานสี่ทิศทรงบทจร | ประชากรรอรับบำเพ็ญทาน | ||
| เสร็จที่หนึ่งจึงผ่านไปที่สอง | ชาวเมืองจ้องภูวนัยต่างไขขาน | ||
| อยากจะเห็นพระองค์ยามทรงงาน | สุขสราญที่ได้ชมพระบารมี | ||
| กล่าวถึงเรื่องเมืองกลิงคราษฎร์ | ภัยประหลาดผู้คนหม่นหมองศรี | ||
| เกิดภัยแล้งนับนานถึงเจ็ดปี | คนไม่มีธัญญาหารลำบากลำบน | ||
| ยินข่าวเมืองสีพีไม่มีแล้ง | ดังเทพแต่งน้ำท่าทุกแห่งหน | ||
| ล้วนอุดมสมบูรณ์ประชาชน | ไร่นาผลดีมากมิยากการ | ||
| ล้วนเพราะบารมีองค์กษัตริย์ | จึงขจัดเภทภัยแผ่ไพศาล | ||
| ทั้งยังมีปัจจนาคคชาธาร | ช่วยบัลดาลฟ้าฝนชลธา | ||
| หากแม้นเมืองกลิงมีบุญบ้าง | จืดต่อทางสีพีสืบเสาะหา | ||
| ขอช้างต้นปัจจนาคเดินทางมา | อยู่พาราจักหยุดแล้งได้แน่นอน | ||
| พระราชาเห็นด้วยให้ช่วยคัด | พราหมณ์สันทัดการขอเคยฝึกสอน | ||
| ล้วนระดับพ่อครูไปวิงวอน | คชาธรขอได้ไม่ยากเย็น | ||
| คณะพราหมณ์แปดคนรับมอบหมาย | บ่ายหน้าไปสีพีแสนทุกข์เข็ญ | ||
| หนทางไกลบุกป่าฝ้าดงเป็น | เจ็บป่วยเห็นลำบากหากอดทน | ||
| พบแม่น้ำข้ามมาว่าลำบาก | ยิ่งยุ่งยากเขาเขินแลไพรสณฑ์ | ||
| นานนับเดือนเขตสีพีที่กังวล | พบผู้คนถามไถ่จนได้ความ | ||
| พ่อเมืองทานเมตตามหาเวสส์ | เชษฐ์บุรุษยิ่งใหญ่ใครก็ขาม | ||
| ชอบตรวจตราบ้านเมืองทุกเขตคาม | ยามพบเห็นปวงประชาท่านอาดูร | ||
| ถามสุขทุกข์บางคนเดือดร้อนหนอ | กราบทูลขอทรงช่วยด้วยเกื้อกูล | ||
| เมตตาท่านมากมีทวีคูณ | ท่านเพิ่มพูนบารมีด้วยปรีชา | ||
| อภิษกเจ้าหญิงมัททราษฎร์ | นามพระนาถมัทรีกนิษฐา | ||
| งดงามเยี่ยงหญิงงามเทพธิดา | จุติมาจากสวรรค์กํดุจกัน | ||
| พระเจ้ากรุงสญชัยสละราชย์ | ให้ฝ่าบาทพระเวสสวิเศษสรรพ์ | ||
| เป็นราชาสีพีเลิศราชัน | บ้านเมืองนั้นสงบสุขสถาวร | ||
| ต่อมามีโอรสและธิดา | คือกัณหาชาลีศรีสมร | ||
| เป็นสุดรักแห่งบิดาพระมารดร | ประชากรชมชื่นพระบารมี | ||
| กิจวัตรราชามหาเวส | ชอบตรวจเขตพาราสาวถี | ||
| ดูสุขทุกข์ปวงประชาชาวบุรี | ทุกข์ภัยชี้ช่วยเหลือเกื้อบรรเทา | ||
| ชาวประชาสรรเสริญเจริญสิ้น | ยินดียิ่งพระราชาแห่งพวกเขา | ||
| ทศพิธคุณธรรมล้ำชาญเชาวน์ | ทรงถือเอาเป็นวัตรพิพัฒนา | ||
| ชาวพาราสีพีสุขีสงบ | พบกษัตริย์ทรงคุณอุ่นหรรษา | ||
| สุนติสุขทั่วไปในพารา | ปวงประชาแซ่ซ้องพระภูมี | ||
| กล่าวถึงเมืองห่างกันกลิงคราฎร์ | อุบาทว์แห้งแล้งนักดังยักขี | ||
| มาสาปแช่งแกล้งคนลนอัคคี | ชีวีแทบดิบดิ้นสิ้นพารา | ||
| ราชครูผู้คนเสาะทางแก้ | นับตั้งแต่เรื่องง่ายธรรมดา | ||
| แหนางด้งนางแมวก็ทำมา | มัมีท่าฝนจะตกมันแล้งเกิน | ||
| ข่าวทางเมืองสีพีอุดมสุข | ทุกแห่งหนชลธามิขาดเขิน | ||
| ข่าวลือว่าราชาท่านบังเอิญ | ทรงเจริญช้างทรงมีบุญญา | ||
| อยู่หนใดน้ำฝนมิเคยขาด | อาจทำให้หายแล้งได้จริงหนา | ||
| ควรส่งคนไปขออัญเชิญมา | ช่วยพาราเมืองกลึงถึงจะดี | ||
| พระราชาสั่งให้ได้จัดการ | พราหมณ์ขอทานสุดยอดำปดูถี | ||
| แปดยอดพราหมณ์รีบไปมิรอรี | หลายราตรีมาถึงเมืองปลายทาง | ||
| พบชาวบ้านสอบถามถึงบ้านเมือง | ได้หลายเรื่องสงสัยได้สรสาง | ||
| พระราชาเวสันดรชอบเดินทาง | อ้างตรวจการโรงทานประจำวัน | ||
| สี่มุมเมืองโรงทานท่านตั้งอยู่ | มาตรวจดูประจำคำเขาสรรพ์ | ||
| เรื่องราชามาเยี่ยมโรงทานนั้น | คนรู้กันกิจวัตรเวสสันดร | ||
| โอกาสดีแปดพราหมทำหน้าที่ | พบภูมียามเช้าอุทาหรณ์ | ||
| บอกเรื่องราวเดินทางหาภูธร | ด้วยเดือดร้อนบ้านเมืองแห้งแล้งเกิน | ||
| ทราบเรื่องบุญบารมีพระปกเกศ | องค์พระเวสใจกุศลคนสรรเสริญ | ||
| เมตตาช่วยผู้คนทรงดำเนิน | ใคร่จักเชิญปัจจนาคคชาธาร | ||
| ไปโปรดเราชาวกลึงให้หายแล้ง | ฟ้าดินแกล้งเจ็ดปียากจักขาร | ||
| เดือดร้อนนักขสดฝนกันมานาน | ขอภูบาลเมตตาทรงปราณี | ||
| อนุญาตข้างทรงไปปรากฏ | เป็นเกียรยศชาวกลิงจริงเป็นรศรี | ||
| บ้านเมืองจักร่มเย็นทั่วธานี | อาจจักมีฟ้าฝนชลธา | ||
| สมเด็จองค์พระเวสส์ทราบเรื่องราว | โอกาสคราวเพ็ญบุญยากนักหนา | ||
| ประทานให้ด้ายมีพระเมตตา | สูจงพาปัจจนาคเดินทางไป | ||
| เรื่องราวทรงประทานคชาชาติ | ชนเกรี้ยวกราดโกรธเคืองยิ่งไฉน | ||
| ยื่นฟ้องร้องพระองค์กรุงสญชัย | จงขับไล่ราชาเวสส์ทันที | ||
| ทรงเรียกองค์พระเวสมาปรึกษา | ยามประชาโกรธเคืองตวรหลบหนี | ||
| การประจันต่อหน้ายากราวี | อาจจักมีเหตุร้ายศึกดังไฟ | ||
| จักขอหลบหลีกหนีลองดูก่อน | บ้านเมืองร้อนเมื่อเย็นเป็นไฉน | ||
| คงรู้ดีรู้ขอบตอบต่อไป | คงจักได้คืนบ้านย่านนคร | ||
| -------------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| จบ๓.ทานกัณฑ์209คาถา | เริม ๔ วนประเวศน์ | ||
| ------------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| ก่อนจากไปขอบำเพ็ญกุศลกิจ | ตามที่คิดเอาไว้ไม่ทอดถอน | ||
| สตสัตตกมหาบวร | ทานปกรณ์เจ็ดสิ่งเจ็ดร้อยควร | ||
| ช้างเจ็ดร้อยมารถก็เจ็ดร้อย | มิใช่น้อยหญิงงามทรามสงวน | ||
| เจ็ดร้อยนางทาสชายที่คำนวณ | เจ็ดร้อยถ้วนเท่ากันมาทำทาน | ||
| นางทาสีและโคอย่างเจ็ดร้อย | มิใช่น้อยเจ็ดสิ่งตามกล่าวขาน | ||
| สตสตกเจ็ดร้อยคำนวนการ | เจ็ดสิ่งท่านเพ็ญบุญบารมี | ||
| เลื่องลือไกลมหาทานการกุศล | ล่วงลุบนแดนสวรรค์ในวิถี | ||
| ล้วนแซ่ศร้องสรรเสริญทั่วธาตรี | เฉลิมศรีโพธิสัตว์บำเพ็ญบุญ | ||
| เสร็จลำลาพระบิดาคราจำจาก | ถึงคราวพรากอยู่ดีมีพลังหนุน | ||
| สุขสวัสดิ์โรคภัยอย่าได้รุน | รุกรนคุณปิตุเรศจงคลาคลาย | ||
| พระมารดาสงบสันต์อย่างได้โศก | ถึงวิโยคยังสนิทเสน่หฺสาย | ||
| รักบิดามารดาชีวาวาย | จวบจนตายยังรักมั่นนิรันดร | ||
| ขอพระคุณบุญคุ้มปิตุเรศ | ปกปักเกศพระมารดาอย่าทอดถอน | ||
| กราบลาเสร็จกำหนดบทจร | จากนครสีพีเคยอยู่เย็น | ||
| จำจากลาปราสาทเวียงวังแก้ว | จักไกลแล้วห่างไกลสูไพรสณฑ์ | ||
| คงเงียบเหงาพงไพรไร้ผู้คน | น่ากังวลคงคะนึงถึงพารา | ||
| คงเพราะมีบาปกรรมแต่หนหลัง | จึงจากวังจากเวียงเสียงหรรษา | ||
| เสียงดนตรีปี่กลองรำมะนา | เสียงกัญญาร่ำร้องเริงรำบำ | ||
| กล่มเสนามาส่งให้กลับไป | สี่องค์ได้บทจรตามลำพัง | ||
| เมื่อรถทรงทรงรถมิได้แล้ว | คงมิแคล้วบทจรมิอยากหวัง | ||
| ขึ่คอพระบิดาคราเหนื่อยหนัก | ชาลีจักเดินยากแล้วแม่จ๋า | ||
| เกาะหลังพ่อสบายหน่อยจนหลับตา | น้องกัณหาแม่อุ้มสลับเดิน | ||
| นกอะไรป๊กป๊กมันร่ำร้อง | ก้องในดงลำเนาล้วนเขาเขิน | ||
| โพรดกแหละแม่มันเคาพเพลิน | มันบินเหินหาหนอนจรตระเวน | ||
| เจอไม้แห้งด้วงหนอชอนไชอยู่ | นกมันรู้สับไม้ไล่จนเห็น | ||
| จับได้กินหาเหยื่อดูยากเย็น | ที่แลเห็นนกอะไรหางยาวยาว | ||
| นั่นนกยูงบินบนยลที่หาง | ยามย่องยางบนดินอวดสาวสาว | ||
| จะแผ่หางรำแพนดูแพรวพราว | เสียงเพราะราวขับเพลงบรรลงพิณ | ||
| จู้ฮุกกรูนกเขาอารมณ์ดี | เพราะรู้มีนกสาวอารมณ์ศิลป์ | ||
| เพลงเพลินเพราะร้องไปให้ได้ยิน | คงโบยบินมาพบสบคู่ครอง | ||
| เสียงเซ็งแซ่สาระพันนี่นันนั่น | สนุกกันต้นไทรสุกทั้งผอง | ||
| สนุกกินอิ่มแล้วร่ำทำนอง | ฉันอิ่มท้องลูกไทรอร่อยเกิน | ||
| ปักเป้กเป้กเสียงไรแปลกนัดนั่น | เสียงเนื้อมันเรียกคู่บนเขาเขิน | ||
| พวกเก้งกวางมากมายมันคงเพลิน | เดินเล็มหญ้าโน่นไงกวางดาว | ||
| ละมั่งทรายก็มีดีน่ารัก | มิรู้จักกลัวคนเลยสาวสาว | ||
| กะรอกกะแตไล่เล่นมันไต่ราว | บ้างเหินหาวไต่เต้นเกาะกิ่งโยน | ||
| มากหมู่ลิงหมู่ค่างบ่างชะนี | มากมายมีโลดไล่ไหนห้อยโหน | ||
| มันแคล่วคล่องว่องไวไล่กระโจน | ปลายกิ่งโอนหนักค่างต่างแย่งไป | ||
| นับนานเนิ่นเดินดงพ้นพงป่า | เห็นประชาชาวบ้านพาลสังสัย | ||
| เก็บของป่าหาชันยางจากไพร | ต้นเต็งใหญ่ตันรังหยาดหยดมี | ||
| เป็นยางไม้หยุดไหลลงสู่พื้น | นานวันคืนกองใหญ่ในวิถี | ||
| เก็บเอาไปชาวบ้านเรีกยขี้ซี | คุณค่ามีปนน้ำมันทำชันงาม | ||
| ฟังเขาบอกต่อนี้เป็นบ้านป่า | เขตพาราเจตราชเชิญไถ่ถาม | ||
| เดินอีกสักสองวันเป็นเขตคาม | ดำเนินตามเขาบอกออกเดินจร | ||
| ท่านเจ้าเมืองยินข่าวสี่กษัตริย์ | ทรงพลัดพรากไกลห่างกลางสิงขร | ||
| ให้คนทูลเชิญสู่นคร | แบ่งภูธรปกครองกึ่งธานี | ||
| ทรงขอบคุณน้ำใจเจตราช | ด้วยฝ่าบาทมีกิจตามวิธี | ||
| โพธิสัตว์เพ็ญเพียรบารมี | จำต้องหนีห่างไกลในไพรพง | ||
| พระราชาเจตราชคาดเลื่อมใส | จัดหาให้สิ่งของต้องประสงค์ | ||
| เรียกพรานไพรเจตบุตรสั่งเจาะจง | คุ้มครองวงศ์สี่กระบัตริย์บทจร | ||
| พักผ่อนแล้วอำลาพากันจาก | มิยุ่งยากเดินไปในสิงขร | ||
| สี่พระองค์อำลามาแรมรอน | ฝ่าดงดอนห่างไกลในแดนดง | ||
| ยินคนเล่าคีรีนามวังกฎ | มีดาบสฤาษีล้วงไหลหลง | ||
| ไปบำเพญบารมีเป็นมั่นคง | พระประสงค์จักไปคือปลายทาง | ||
| ดำเนินต่อเข้าเขตป่าดงดิบ | เนินเขาแลลิบลิบยากสะสาง | ||
| นับร้อยเขาพันเขาอินทร์พรหมวาง | ช่างสลับซับซ้อนทางจักไป | ||
| นายพรานไพรเจตบุตรก็เป็นห่วง | เดินนำล่วงนับนานมิสงสัย | ||
| ทพเครื่องหมายเดินทางกลสงพงไพร | ล่วงเขตได้เคยเทียวจับเก้งกวาง | ||
| แต่นี้ไปเขตเขาคีรีวงก์ | ที่พระองค์จักไปแนวไพรขวาง | ||
| มีลำธารสายนี้สังเกตทาง | ต้นน้ำอ้างไหลจากยุคันธร | ||
| ผ่านคีรีวงกตเจตราษฎร์ | ยังพาดผ่าสีพีศรีนคร | ||
| สุดท้ายลงทะเลใหญ่ใคร่จักจร | เดินทางย้อนต้นน่ำไปในดง | ||
| คงจักถึงบรรพตนามวงกฏ | ที่ดาบสทั่วไปมักไหลหลง | ||
| สงบสงัดงดงามพุ่มไพรพง | ขอโปรดจงดำเนินสวัสดี | ||
| กัณหาวิ่งนำหน้าเลียบชลธา | ตามมรรคานำวิถี | ||
| คล้ายคนมาแต่งแปลงสะดวกมี | กวาดใบไม้เหมือนชี้ให้ดำเนิน | ||
| ชาลีไล่ตามหลังมิยั้งหยุด | ในที่สุดรอก่อนมองผิวเผิน | ||
| มีโขดหินต้นไว้งดงามเกิน | แต่บังเอิญสรรพสัตว์มากมายมี | ||
| นั่นมดดำมดแดงล้วนแข็งขัน | ช่างขยันหาบหามอันใดหนี | ||
| ซากตัวใหญ่อาหารสามัคคี | ประจำที่ลากขนจนเคลื่อนไป | ||
| พวกจิ้งจกตุ๊กแกไปห่างห่าง | กีดขวางทางอาจตายมิสงสัย | ||
| ทหารมดพิษสงมดคันไฟ | รุมเกิดภัยดับแน่ล้วนเหล็กไน | ||
| พวกกบเขียดมากมายหายมิเห็น | มันซ่อนเร้นดีนักชักสงสัย | ||
| เขี่ยใบตองคว่ำอยู่พลิกด้านใน | เขียดตกใจโดดลงในลำธาร | ||
| ตามไปดูว่ายมาปลาฝูงใหญ่ | เสียงอะไรลงน้ำทำใจหาญ | ||
| เลาะมาดูรู้เห็นอาจเป็นการ | ได้อาหารเสียงดูได้รู้จริง | ||
| กบเขียดลงดำน้ำมันรีบหลบ | หามีพบง่ายดอกรีบสู่สิง | ||
| มีใบไม้ซอกหินหลบแล้วนิ่ง | อย่าไหวติงถึงตายวายชีวา | ||
| ทั้งปูปลางูเงี้ยวเที่ยวเสาะอยู่ | หากมันรู้จับตายง่ายนักหนา | ||
| หลบให้ดีปลอดภัยได้คืนมา | โชคชตาไม่ดับกลับอีกที | ||
| เห็นทางเดินจงกรมยินดีนัก | อยากรู้จักไปเฝ้าเจ้าฤาษี | ||
| อจุตตะนามท่านกระทำพลี | เทพอัคคีบนบานมานานนม | ||
| ถามหนทางจักไปเขาวงกต | ท่านนักพรตบอกให้ได้ความสม | ||
| มิไกลดอกเจ็ดวันชนนิยม | เขตนิคมวงกตมิวุ่นวาย | ||
| ----------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| จบ๔วนประเวศน์๒๐๙พระคาถา | เริ่ม ๕ กัณฑ์ชูชก ๗๙ พระคาถา | ||
| ---------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| ชูชกพราหมณ์เรื่องเล่าคนเขาลือ | แกยึดถือขอทานเชี่ยวชาญหลาย | ||
| ได้เงินทองสะสมไว้มากมาย | มีสหายอยู่บ้านกลิงบุรี | ||
| ได้ฝากเงินกับเพื่อนเหมือนคลังใหญ่ | สบายใจขอทานย่านวิถี | ||
| วันเวลาผันผ่านนับนานปี | อยากจักมีบ้านช่องตรึกตรองนาน | ||
| ไปขอคืนเงินฝากมิยากนัก | คงพอจักสร้างตนจนเสร็จสาน | ||
| มีนาสวนก็ดีมีเรือนชาน | กลับไปบ้านเมืองกลิงพบเพื่อนยา | ||
| ขอเงินทองฝากไว้คืนให้ด้วย | คงจักช่วยตั้งตนจึงด้นหา | ||
| เพื่อนตกใจแทบตายวายชีวา | เงินแกข้าลงทุนซื้อของไป | ||
| คงอีกนานจักคืนแกชูกชก | หากข้ายกลูกสาวจะรับไหม | ||
| เป็นเด็กดีรูปงามหนาทรามวัย | เรียกมาให้รู้จักน่ารักนาง | ||
| อมิตตาทราบเรื่องมิเคืองขุ่น | กระทำบุญแทนใจได้สะสาง | ||
| หนี้สินพ่หลายหมื่นคืนเขาพลาง | ดังทาสข้างตัวเราแทนพระคุณ | ||
| ข่าวเล่าลือทั่วบางนางสาวน้อย | หนุ่มหนุ่มคอยฝากรักชักหันหุน | ||
| เสียทีตาพราหมณ์เฒ่าเขามีบุญ | ได้เนื้ออุ่นเป็นเมียข้าเสียดาย | ||
| ฝ่ายอมิตตาน่ารักรู้จักฮีต | ตามจารีตครองเรือนเหมือนสืบสาย | ||
| กุลสตรีดีงามยามมีชาย | ครองคู่หมายเป็นศรีแห่งครอบครัว | ||
| ทำกิจบ้านการเรือนเรียบร้อยหมด | ใครเห็นอดสรรเสริญแม่ทูนหัว | ||
| เป็นคนดีชั่งกระไรไม่เห็นกลัว | หนักเบาทั่วทำงานตัวเป็นเกลี่ยว | ||
| เฒ่าชูชกแสนสบายเมียดียิ่ง | เธอดีจริงงานใดไม่เคยเหลียว | ||
| หนักก็เอาเบาก็จำทำเก่งเชียว | ยอดเยี่ยมเทียวแม่เรือนอมิตตา | ||
| หนุ่มแก่เห็นกลับไปให้แม่บ้าน | ขยันงานแบบนั้นบ้างสิหนา | ||
| เมียชูชกตาเฒ่าเราเห็นมา | ยอดเยี่ยมหาใครเทียบเปรียบนวลนาง | ||
| ปากสองปากมิกระไรไม่มีผล | แต่มากคนทั้งเมืองเรื่องจะสาง | ||
| พวกแม่บ้านโกรธพลันกันทั้งบาง | โกรธเคืองต่างเจ็บใจไปด่าทอ | ||
| นี่แน่ะเฮ้ยอี่นางมีผัวเฒ่า | มึงก็เยาว์ยังสาวรุ่นนี่หนอ | ||
| มิรู้คิดหาผัวหนุ่มหนุ่มพอ | ใยมึงขอตาเฒ่ามาครองเรือน | ||
| หน้าตาก็สะสวยหาผัวง่าย | จับผู้ชายแก่เฒ่าเราว่าเหมือน | ||
| ได้คางคกขึ้นวอหนอดวงเดือน | ทำแชเชือนมีผัวกลัวอดชาย | ||
| ก็เป็นด่าค่อนแคะกระแหนะกระแหน | จนย่ำแย่อยากลี้หลบหนีหาย | ||
| กลับมาเรือนร่ำให้แทบวางวาย | สุดแสนอายผู้คนหนาพ่อพรามหณ์ | ||
| ช่วยหาคนรับใช้มาให้หน่อย | คงจักค่อยดีบ้างช่างน่าขาม | ||
| ปากผู้คนดุด่าว่าทุกยาม | บ้างก็ตามถึงบ้านด่าปาวปาว | ||
| ชูชกรู้หนักใจไฉนนี่ | ใครจักมีศรัทธาหนาเมียสาว | ||
| ให้ลูกเต้าทานให้เป็นเรื่องราว | มาถึงคราวคิดหนักเพราะรักนวล | ||
| มีบางคนประชดปดตาเฒ่า | มีคนเขาบอกมาอย่าเพิ่งสรวล | ||
| ท่านพระเวสทานแน่อย่าเรรวน | จงรีบด้วนไปขออย่ารอรี | ||
| มีพลังฮึดสู้ตูไปแน่ | ด้วยรักแท้มากนักรักโฉมศรี | ||
| พี่จักไปขอทานพระภูมิ | หากโชคดีคงจักได้สองกุมาร | ||
| อมิตตาจัดเสบียงยัดย่ามใหญ่ต | ตาเฒ่าได้สะพายคล้ายทหาร | ||
| ออกเดินทางด้วยหวังจักพบพาน | ผู้จักทานบุตรธิดาอยู่หนใด | ||
| ไปสีพีหาข่าวองค์พระเวส | พอเข้าเขตถามหาเป็นไฉน | ||
| ถูกชาวเมืองเขาด่าว่าจัญไร | แกจักไปรบกวนพระภูธร | ||
| ต้องหลอกลวงหลายเล่ห์จนได้ข่าว | รู้เรื่องราวพระองค์เสด็จจร | ||
| จากบ้านเมืองสู่ไพรในสิงขร | พระแรมรอนมุ่งไปในหิมวันต์ | ||
| แกะรอยตามเส้นทางอย่างถี่ถ้วน | พระสมควรไปวงกฏกลางพงพี | ||
| มินานเดินถึงเขตเขตบุตร | สุดน่ากลัวหมาพรานผ่านวิถี | ||
| มับเห่าไล่จักกัดฟัดแน่มี | แกรีบหนีปีนต้นไม้ไล่หมาไป | ||
| เจตบุตรยินเสียงหมามันเห่า | มาเห็นเฒ่าขอทานถามไปไหน | ||
| จะตามหาพระเวสภูวนัย | ทรงแรมไพรมานานจากบ้านเมือง | ||
| คงจะไปรบกวนพระองค์ท่าน | จักสังหารตกตายให้หายเคือง | ||
| ชูชกร้องอย่าอย่าเดี๋ยวมีเรื่อง | มิอยากเปลืองคารมเอ็งจงฟัง | ||
| ข้าเป็นทูติสีพีมีโองการ | อัญเชิญท่านพระเวสเรื่อหนหลัง | ||
| ล้างมลทินหมดได้ให้กลับวัง | ข้ารับสั่งมาเชิญพระภูธร | ||
| กระบอกสารนี่ใงไอ้พรานป่า | ดูหมิ่นข้าโทษหนักรีบไถ่ถอน | ||
| ไล่พวกหมาห่างไกลใจรอนรอน | น่ากลัวตอนมันจะกัดใจจะวาย | ||
| มันอวดบั้งน้ำพริกเป็นตราสาร | เจ้าพรานไพรก็เชื่อเอาเหลือหลาย | ||
| เชิญท่านทูติลงมาหมาวุ่นวาย | เดี๋ยวตีตายท่านทูตกลัวพวกแก | ||
| พักแรมกับพรานไพรได้คืนหนึ่ง | รุ่งเช้าจึงจากไปมิแยแส | ||
| พวกหมาพรานรู้แล้วมันมิแล | เฒ่าพราหมแถเป็นทูติกรุงสีพี | ||
| แบกบั้งแจ่วเทิดทูนราชสาส์น | ลับตาพรานยัดลงถุงดีหลี | ||
| เดินทำเฉยอันตรายย่อมไม่มี | ขงเขตนี้พรานไพรลาดตระเวณ | ||
| เดินทางเหนื่อยหลายวันก็พลันถึง | บ้านตองตึงหลังคาได้มาเห็น | ||
| คงมีคนอยู่แน่คงจักเป็น | ดาบสเช่นนักพรตเป็นแน่นอน | ||
| เข้ามาใกล้ไหว้ท่านพระฤาษี | ตัวข้านี้ชูชกนำอักษร | ||
| ราชสานส์มาส่งองค์ภูธร | เวสสันดรในดงกลางพงไพร | ||
| กรุงสีพียกโทษแต่หนหลัง | มีรีบสั่งคืนธานีมิสังสัย | ||
| ข้าอัญเชิญตราสารพระทรงไชย | มามอบให้องค์พระเวสรับบัญชา | ||
| พระฤาษีรับฟังมิสงสัย | ก็ตามใจพักก่อนหนึ่งคืนหนา | ||
| วันพรุ่งค่อยต่อไปในมรรคา | อาตมามิติดใจตามสบาย | ||
| เรื่องจักไปคีรีเขาวงกฏ | กำหนดไปพรุ่งนี้ตอนสายสาย | ||
| ไปทางนี้เลียบธารมิวุ่นวาย | ผอสัตว์มิมีสะดวกจร | ||
| พรุ่งนี้เช้าอาตมาเข้าป่าลึก | ตื่นแต่ดึกท่องไปในสิงขร | ||
| สองสามวันค่อยกลับจากดงดอน | เชิญพราหม์ก่อนจากไปไม่ต้องลา | ||
| ------------------------------------------------------------------------------------------ | |||
| จบกัณฑ๕ชูชก๗๙คาถา | เริม ๖ กัณฑ์จุลพน ๓๕ คาถา | ||
| ----------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| นายพรานไพรเจตบุตรเจอชูชก | มันยกบั้งแจ่วงบองมองดูนี่ | ||
| ราชสาสน์พระเจ้ากรุงสีพี | มีรับสั่งเชิญพระเวสกลับกรุงไกร | ||
| กูเดินทางลำบากมากนักนี่ | ยังจะมีหมาบ้ามาจากไหน | ||
| จะกัดกูราชทูติได้อย่างไร | เดี๋ยวก็ได้โทษคัดหัวชั่วโคตรแก | ||
| เชื่อสนิทเรียกหมามาห่างห่าง | ต้องล่ามอ้างมันดูรู้กระแส | ||
| คนเข้าเล่หฺอยากฟัดให้ดับแด | หมามันแลดูออกคนหลวกลวง | ||
| เชิญท่านทูตพักเพิงอยู่ทานนั้น | มีแบ่งปันข้าวปลาข้ามิหวง | ||
| ทับข้าพักสบายใจภัยทั้งปวง | มิอาจล่วงป้องกันหลายชั้นเชิง | ||
| เพิงอยู่สูงเสือสางโดดมิถึง | เป็นที่พึ่งพักพิงมานานเหิง | ||
| ข้าทำไว้ดังเรือนแม้แค่เพิง | มั่นคงเกิ่งเรือนชานเบิกบานใจ | ||
| ยามเย็นแล้วข้าจักเที่ยวตระเวณ | พวกอีเหนเก้งกวางลงที่ไหน | ||
| หากโชคดีจักจับสักตัวไว้ | จึงจะได้กลับบ้านสะเบียงมี | ||
| เช้าตืนมาตาพรานบอกชูชก | ตกเขตนี้เริ่มป่าพนาลี | ||
| เคยเที่ยวป่าหากินมานานปี | ทึบพงพีมากมายพฤกษ์พงไพร | ||
| โน้นคือเขาคันธมาท์นอันลื่อลั่น | มากมายพันธุ์พืชหอมนานาไฉน | ||
| กลิ่นตลบอกอวลส่งกลิ่นไกล | ถัดไปนั่นอัญชัญนามคีรี | ||
| อุดมมด้วยสมุนไพรนานาชนิด | ดาบสคิดปรุงยานานาวิถี | ||
| มักเที่ยวหาเก็บเอามากมวลมี | แถบถิ่นนี้สมุนไพรมีมากมาย | ||
| จากนั้นไปอัมวันสวนมะม่วง | ผลดอพวงห้อยย้อยมีหลากหลาย | ||
| พวกนักพรตคนธรรม์ชอบกรีดกราย | รสเลิศคล้ายของทิพน์เทพบันดล | ||
| ลัฐิวันสวนตาลแน่นขนัด | ขึ้นแออัดมากมายทุแห่งหน | ||
| ลูกตาลสุกกลิ่นหอมกระจายสกล | ถัดไปต้นมะพร้าวขึ้นเป็นดง | ||
| มีลิงค่าบ่างชะนีที่เทียวท่อง | บ้างก็จ้องเจาะน้ำมิลืมหลง | ||
| เนื้ออร่อยเจาะกินไม่พะวง | คนผ่านพงมะพร้าวย่อมยินดี | ||
| ลองน้ำหวานชื่นใจยามได้ลิ้ม | เยื้ออ่อนชืมติดใจไม่หน่ายหนี | ||
| ดงมะพร้าวคนสัตว์ล้วนมากมี | ส่งเสียงชี้ชื่นชมภิรมย์ใจ | ||
| มะพร้าวอ่อนนุ่มเนื้อละมุนนัก | ชิมแล้วมักลุ่มหลงมิสงสัย | ||
| อร่อยน้ำอร่อยเนื้อชิมเมื่อใด | มักอยากให้มีมากมากอยากลิ้มลอง | ||
| นานาสวนผลไม้ใครปลูกไว้ | เทพแห่งไพรเสกสรรค์กันทั้งผอง | ||
| มิมีคนที่ไหนมาจับจอง | ทำสวนต้องเทพไพรให้เกิดมี | ||
| นั่นมะม่วงมะขวิดมะชิดประยง | ห้อยย้อยลงมะไฟมะฝ่าหนี | ||
| มะยมมะยอมะกอกมะกรูด | มะพูดมะดันมะปรางมะเกลือ | ||
| มะตูมมะนาวมะพร้าวมะปราง | มะข่างมะขามมะพลับมะเขือ | ||
| มะรุมมุระมขวิดติดเครือ | ขมเหลือมะแว้งมะอึกมะฟือง | ||
| มะหวดมะหาดประหลาดมะโอ | พิลึกมะโหหน้าเชียวหน้าเหลือง | ||
| สำเนียงก็ดังลูกตาคงเคือง | เดี๋ยวได้เรื่องมะโหพาโลราน | ||
| งามแมกไม้ในป่านานาชนิด | ใครนิมิตงามแท้แลไพศาล | ||
| มีโมกมันโกฐสะค้านบุนนาคลอย | นั่นแคฝอยราชพฤกษ์แลมะเกลือ | ||
| ดอกไม้ซีกบานมากแลหลากสี | มีต้นไทรรักดำกฤษณา | ||
| เถาองุ่นจวงจันทน์มัลลิการ์ | โกนทาหนามยามใกล้ให้นึกกลัว | ||
| แลหมากไม้นานาสาระพัด | ดังใครจัดมาไว้ให้ชวนหัว | ||
| มะขามป้อมมะกอกออกลูกทั่ว | หูตามัวลองลิ้มสว่างตา | ||
| มะขวิดมะปรางห่างมะพลับกับมะกอก | มะไฟบอกหวานนักมะนาวหนา | ||
| มะปริงเปรียวมะฟืองหวานฟังเขาว่า | มะม่วงปามิหล่นมะเขือพวง | ||
| มะยมขาวมะนาวเขียวเปรี้ยวมะกรูด | หวานมะพูดมะนาวมะพร้าวหวง | ||
| มะหวดมะหาดดาดเหลือมะเกลือทวง | มะขือพวงมะรุมมะระมี | ||
| มีมะอึกมะดันแลมะแว้ง | ตำส้มแตงมะเขือเครือมะนาวสี | ||
| มะเขือเปราะมะเขือขื่นชื่นชีวี | อร่อยดีมะเขือเทศมะตูมไทย | ||
| ต้มดื่มน้ำก็อร่อยมิน้อยหน้า | แทนน้ำชาเลิศดีมีที่ไหน | ||
| มีแต่คนเรียกหาน่าสนใจ | สมุนไพรมะตูมภูมิปัญญา | ||
| มากหมู่ไม้มีผลกลใดหนอ | พออยากได้โน้มลงตรงมาหา | ||
| ให้หยิบจับเด็ดได้ในอุรา | แสนปรีดาไพรพงอลงกรณ์ | ||
| จบจุลพนพรานไพรได้เล่าขาน | พอผ่านถึงแดนไกลในสิงขร | ||
| ถิ่นฤาษีอจุตะดำเนินจร | คลายรุ่มร้อนไปถึงจึงนมัสการ | ||
| --------------------------------------------------------------------------------- | |||
| จบ ๖. กัณฑ์จุลพน๓๕พระคาถา | เริ่ม ๗. กัณฑ์มหาพน | ||
| ------------------------------------------------------------------------------------ | |||
| ชูกชกเฒ่าเข้าป่าพนาศรี | บุกพงพีเขาเขินเนินไศล | ||
| ตามคำเล่าเจตบุตรนายพรานไพร | กระทั่งได้ถึงด่านพระโยคี | ||
| อจุตดาบสมันมดเท็จ | กล่องแจ่วเผ็ดมันอ้างต่างวิถี | ||
| ขอรับพระดาบสสวัสดดี | ข้ามีงานจักไปส่งสารา | ||
| เชิญพระเวสสันดรแลวงศ์วาร | กลับคืนบ้านหนังสือที่ถือมา | ||
| ในกระบอกคือสารประทับตรา | คือสาราสีพีกูอัญเขิญ | ||
| ช่วยบอกทางไปบรรณศาลเจ้า | จักไปเฝ้าภูวนัยในเขาเขิน | ||
| แรกดาบสสงสัยนัยบังเอิญ | มันเก่งเกินเป็นทูตค่อยวางใจ | ||
| จัดที่พักหลับนอนมิร้อนจิต | ดูสนิทผ่อนตลายหายสงสัย | ||
| ขอท่านทูตสุขสมภิรมย์ฤทัย | จากนี้ไปหนทางช่างลำเค็ญ | ||
| รุ่งเช้ามาวันใหม่ได้พบหน้า | พระดาบสยินดีที่พบเห็น | ||
| ถามสุขทุกข์ท่านทูตเช้าร่มเย็น | จากนี้เป้นหนทางสูแดนไกล | ||
| เขาวงกฏแลเห็นโน่นลิบลับ | จักจับความบอกเล่าลำเนาไศล | ||
| ทางดำเนินลำบากยากกระไร | พึงตั้งใจจดจำดำเนินจร | ||
| ดูกรท่านชูชกมหาพราหมณ์ | ท่านจักตามเข้าไปในสิงขร | ||
| หนทางยากลำบากในดงดอน | ระวังตอนบุกป่าฝ่าไพรพง | ||
| แลลิบโน้นเทิองเขาคันธมานท์ | สถานที่เพ็ญเพียรผู้ไหลหลง | ||
| กระทำยัญชน์บูชาไตรเพทพงศ์ | ผู้มั่นคงศาสตร์เพทพิเศษชน | ||
| อาศรมบทศาลาพระยาเวสส์ | อยูาเขตเขาวงกฏลำบากหน | ||
| มีป่าทึบเขาเขินเกินยากคน | จักดั้นด้นไปถึงหนทางไกล | ||
| เขาลูกนี้ชื่อว่าคันธมาท์นฺ | ยามแลลานหลากศิลาเนินไศล | ||
| องค์พระเวสมันทรีอยู่ด้านใน | ทรงเป็นไปเพียรพรตพรหมจรรย์ | ||
| จักเข้าไปเป็นป่ามหาพน | ทุกแห่งหนมืดไม้ในไพรสัณฑ์ | ||
| ล้วนประเภทแบบป่าเบญจพรรณ | ไม้สักนั้นโดดเด่นเห็นทั่วไป | ||
| มะค่าโมงมิน้อยพลอยเสียดยอด | ประดู่สอดแดงแซมแกมไสว | ||
| ครบเบญจชิงชันสำคัญนัย | จึงได้นามว่าป่าเบญจพรรณ | ||
| ยังมีไม้อื่นอื่นขึ้นแกมป่า | ต้นรกฟ้าเสลาแดงตะเคียนขัน | ||
| มีเปล้าหลวงเปล้าน้อยติ้วแต้วต้น | คำแสดชันเคียงคู่ประดู่ลาย | ||
| ต้นขี้อ้ายงิ้วผาอินทนิล | กระมิบกลิ่นหนามเค็ดดูเป็นสาย | ||
| ดอกจิกน้ำห้อยย้อยแลเรียงราย | แกว่งกระจายนกกระปีดชอบเกาะโยน | ||
| ถัดกันเป็นไผ่นานาสาระพัด | แน่นขนัดมืดมุงลิงห้อยโหน | ||
| ชะนีค่างบ่างไล่กันกระโจน | กะรอกโทนลดเลี้ยวเที่ยวไพรพง | ||
| กระแตกระเล็นเต้นไต่ไม้เลาะหนี | งูใหญ่รี่ไล่ลัดสะกัดหลง | ||
| รอดไปได้โล่งอกตกใขปลง | นึกว่าคงมิรอดดีปลอดภัย | ||
| จตุบาทดาดดาในผืนป่า | เจ้าเลียงผาปีนสูงแนวไศล | ||
| นั่นผาสูงมันกลับปีว่องไว | สมนามได้เลียงผาน่าชื่นชม | ||
| มาฝูงลิงยังคงมาสงกา | จะบอกว่าสองตีนหรือสี่สม | ||
| สี่นั่นแหละดีแล้วเดียวมีปม | เขาจะชมเหมือนคนไม่ค่อยดี | ||
| เก้งกวางตัวย่อมย่อมนั่นกระจง | ดูรูปทรงดังกวางมากอีหลี | ||
| ทั้งแรดช้างเสือดาวซาฟารี | อะไรนี่ชมเพลินเกินไปรา | ||
| เปล่าหรอกน่านี่มันป่าเขาวงกฏ | กำหนดก่อนพุทธศาศน์นานนักหนา | ||
| ย่อมมีได้หมู่มวลสัตว์แปลกแปลกตา | โน่นเดินมาช้างเผือกเป็นฝูงเลย | ||
| อ๋อช้างนอนปลักโคลนจนตัวแห้ง | เหมือทาแป้งขาวโพลนมาอวดเฉย | ||
| ช้างเผือกปลอมหนอกน่าคงเช่นเคย | แค่แกล้งเอ่ยชมป่ามหาพน | ||
| พวกสัตว์น้ำเล่ามีให้ชมไหม | สบายใจลำธารไหลวกวล | ||
| มากมายมีสัตว์น้ำในสายชล | มีเรือกลเรือแพชมสบาย | ||
| พระดาบสคงมีเรือยืมได้ | ล่องเรือไปในธานจนสุดสาย | ||
| ขอชมมวลสัตว์น้ำก่อนหญิงชาย | จรดฝีพายเบาเบาเอ้าออกเรือ | ||
| มาก่อนแล้วอ้างปลิงกระดุดกระดุบ | นึกอยากชุบแป้งทอดคงเด็ดเหลือ | ||
| ปลากดดำกดคังกดแดงเขือ | กดเหลืองเมือชนะขาดรสชาติแกง | ||
| ปลากระดี่กระเบนแลกระทิง | ว่ายน้ำชิงทสวนน้ำพลังแรง | ||
| เผลอเป็นถอยหล่นลงเพื่อนคงแซง | ชนะแย่งต้องเก่งเร่งลอยไป | ||
| โน่นกระสงกระสูบแลกระโห้ | ปลาชะโดอวดหล่อพ่อปลาไหล | ||
| กะพงกรีดปลากรายเบี้องย่ายใย | เหตุไฉนปลาก้างห่างปลากาดำ | ||
| ปลาแค้งัวแค้ยักษ์แถมแค้งู | ปลาเค้าขาวคางเบือนจาดดูขำ | ||
| ปลาช่อนดำงูเห่าช่อนข้าหลวง | ปลาชะโดซิวแก้วปลาดุกมูล | ||
| โน่นซิวอ้าวดุกด้านแลดุกอุย | ปลาตองลุยปลาฝามันคงสูน | ||
| ตะเพียนขาวตะเพียนทองจ้องหินปูน | ปลาค้ำคูนปลาเงินแหละปลาทอง | ||
| ปลาเทโพเทพาไหนเทพี | ปลายักขีราหูอยู่น้ำของ | ||
| เขาจับมาอวดกันว่าช่ำชอง | แค่ลองเล่นหาใช่จับไว้กิน | ||
| ปลาเนื้ออ่อนเนื้อเย็นอยากเห็นนัก | อ้ายหลงฮักนวลหนูเจ้ายุพิน | ||
| ทั้งนวลจันทร์ปลาไนใคร่เนื้อนิล | เพียงยลยินก็ใคร่จักชิมชม | ||
| เพลินมากหนาฟังเพลินท่านดาบส | แล้มีบทสกุณาน่ายินสม | ||
| มากมวลไหมหนอท่านข้านิยม | พนมไพรมากมวลสกุณา | ||
| พระดาบสพาทียินดีประสก | ท่านชูชกมากนักพวกปักษา | ||
| ทั้งเล็กใหญ่จำเรียงเพียงสัททา | ครุวณาพงไพรจักกระเทือน | ||
| เสียงจิ๊บจ้ิบจกจกแกมก๊อกก๊อก | ยินฟักออกเพราะกระไรหาใดเหมือน | ||
| มวลปักษาร่อนร้องมิลืมเลือน | ฟังดุจเพื่อนสนทนาคราเดินดง | ||
| เสียงเซ็งแซ่แน่ใจลูกไทรสุก | มีทุกนกแห่มาน่าพิศวง | ||
| ใครบอกมันต่างรู้อยู้กลางพง | ล้วนบินตรงถูกที่คงปรีดา | ||
| ทัดท่าท้านกกระท้าท้าใครเล่า | เจ้านกคุ่มอืดอืดยืดหน่อยหนา | ||
| จุกกรูกู้เขาขันสนั่นมา | นกกกกล้าก๊่กก๊ากหัวเราะใคร | ||
| ใครตะแลดแต๊ดแตลงแต้วแวด | จิลแล๊ดแล็ดกระเต็นเห็นสิ่งไหน | ||
| อ้อหนูนาตังบานหลอกนั่นไง | ถลาใส่โดนตะปบจบชีวี | ||
| เสียงนกแขกแกรํกแกร็กแยกกบคู่ | แหกปากกู่ก้องดงคงไม่หนี | ||
| มินานคงกลับมาขอคืนดี | ละแวกนี้หมากไทรดกดีเกิน | ||
| เจ้าปากห่างก๊ากก๊กาขำอันใด | โดนพรานไล่ร้อนเตือนเพื่อนมิเขิน | ||
| รีบไปกันมือปืนมันดุ่มเดิน | จะมาเชิญไปเมืองผีไม่ดีนา | ||
| นกยางร้องกรอกกรอกออกจับกบ | สบแกยาวจับได้ยากหลุดหนา | ||
| ทั้งกบเขียดกระทั่งพวกปูปลา | ขยะนหาจับเหยื่อนกกระยาง | ||
| ใครตะโกนกู๊กกูกนกฮูกร้อง | เรียกพวกพ้อนค่ำนี้มีกิจสาง | ||
| หาเหยื่อยากลำบากกันทั้งบาง | ไปลแงต่างถิ่นบ้างหรืออย่างไร | ||
| จิลแล้ดแล้วแลดแลดนกกระเต็น | โฉบเฮี่ยวเล่นร่อนงามตามที่ไหน | ||
| นั่นคือเขตหาเหยื่อมันตาไว | เห็นจับได้ตั๊กแตนจิงหรีดงาม | ||
| กระทั่งปลาเสร็จมันจับทันได้ | เก่งกระไรกระเต็นเห็นนึกขาม | ||
| เจอแมงซอนจ้องท่าจะมาตาม | แร้สมถุงยามมั่นลิ่นหมดท่าซี | ||
| ใครเรียกหาโกต๊กกลางดงดอน | โกเขาจรกล้บบ้านนานวิถี | ||
| ให้อยู่ป่ามิไหวไม่เข้าที | โกแอบหนีกลับบ้านย่านในเมือง | ||
| จู้ฮุกกูนกเขาใครล่าฮุก | คงเจ็บจุกซิท่าจนตาเหลือง | ||
| ร้องปี๊ดปิ๊ดทั่วป่าจนน่าเคือง | ขนสีเหลือมแกมดำนกปีดแก | ||
| หยุดสดับเสียงนกมันผกผัน | ร้องนี่นันต้นไทรไม่แยแส | ||
| เราย่องไปใตต้นยังไม่แคร์ | สองตาแลเล็งหน้าไม้นกเขาคู | ||
| เรื่องทำบาปเก่งมากมิยากดอก | นกบินออกหนีไปให้อดสู | ||
| รอนานหน่อยกลับมาเราก็รู้ | รออยู่ยิงจนคำค่อยเลิกรา | ||
| สี่ห้าตัวยินดีได้ทำบาป | เพราะได้ลาบได้แกงนั่นแหละหนา | ||
| เราลูกทุ่งห่กินเน่ินนานมา | อยู่ดงป่าหากินแบบคนดง | ||
| เพลินชมป่ามหาพนบ่นแลหา | สกุณามากมายพิศวง | ||
| ยังมีอีกหลายอย่างในไพรพง | คงเลาะเที่ยวชมไปให้รื่นรมย์ | ||
| ---------------------------------------------------------------------------------- | |||
| จบ ๗. กัณฑ์มหาพน | เริ่ม ๘. กันฑ์กุมาร | ||
| ---------------------------------------------------------------------------------- | |||
| สดับคำบอกเล่าพระดาบส | กำหนดได้ดำเนินตามวิถี | ||
| มุ่งไปยังวงกฏแดนคีรี | สถานที่องค์พระเวสพำนักไพร | ||
| นานนับเดือนแต่บุกฝ่าดง | ยังมั่นคงมิท้อเพราะเหตุไหน | ||
| อมิตตาเมียรักมันห่วงใย | หาคนใช้ฝากนางช่างยากเย็น | ||
| ตัวก็เก่งขอทานเขาลือทั่ว | มิใช่ชั่วลำบากยากจักเห็น | ||
| ขอคนไปรับใช้ยากจะเป็น | คนยากเข็ญยังยากจะทำทาน | ||
| เขาบอกว่าพระยาเวสทำได้ | ขอสื่งใดมิพลาดท่านอาจหาญ | ||
| ช้างตัวโตคนขอแค่วอนวาน | สำเร็จการพระองค์ให้ไม่ยายเลย | ||
| นานนับเดือนล่วงถึงเขตวงกฏ | กำหนดมองอากาศเช้าเปิดเผย | ||
| เห็นอาศรมดาบสมิคุ้นเคย | ไปเอ่ยขอเกรงอาจผิดพลาดไป | ||
| จำพักผ่อนแรมคืนดูดีก่อน | เข้าขอตอนพระมารดาอยู่มิไหว | ||
| คงยุงยากผู้หญิงจักทำใจ | ทานลูกได้รอก่อนคงจักดี | ||
| ชูชกปีต้นไม้ผูกอู่ผ้า | พักรอท่าโอกาสฉลาดวิถี | ||
| ยอดขอทานชั้นครูดูสตรี | ล้วนมักมีใจอ่อนยากรบกวน | ||
| กล่าวถึงพระมัทรีศรีสมร | ดึกดื่นนอนฝันร้ายชายหนึ่งหวน | ||
| ตัวสูงใหญ่ผิวดำกำยำชวน | กิ่งเกรงล้วนดุร้ายหมายฆ่าฟัน | ||
| มันทิ่มแทนตาทั้งสองข้าง | ควักตานางเจ็บปวดรวดร้าวสรรพ์ | ||
| ผ่าทรวงอกล้วงเอหัวใจพลัน | ตกใจนั้นตื่นมาน่ากังวล | ||
| เช้าไปเฝ้าพระเวสส์เชษฐบุรุษ | มัทรีสุดโศหาพาทีสับสน | ||
| ทูลเรื่องร้ายเรื่องฝันเกิดกับตน | อัดอั้นจนร่ำไห้เช้โศกาดูร | ||
| พระเวสสฟังลอกเล่าเข้าใจเหตุ | อาเภทแจ้งเป็นลางอาจเสื่อมสูญ | ||
| บุตรธิดาคงพรากพรตไพบูลย์ | มุ่งจำรูญจำเริญพระบารมี | ||
| ดูกะระมัทรีศรีสวัส | อัตคัตเป็นอยูาดอกโฉมศรี | ||
| ส่งผลให้วิปริตธาตุอัคคี | บังเกิดชีแปรปรวนธรรมดา | ||
| ขอพระนางพักผ่อนให้มากมาก | เจ้าลำบากสองกุมารหนักนักหนา | ||
| เฝ้าเลี้ยงลูกด้วยดีตลอดมา | เป็นบุญญาพี่ได้รับกัยเจ้ามวล | ||
| ขอบคุณเจ้าเป็นพลังมิเคยขาด | สามารถดูเรื่องยากมิให้หวน | ||
| กลับมาทำร้ายเราเพราะเนื้อนวล | รบกวนเจ้าแล้วหนาแม่มัทรี | ||
| ฟัสพระเวสสปลอบใจยังไม่หาย | เกรงเรื่องร้ายลำบากยากหลบหนี | ||
| มันจะเกิดอันใดร้ายหรือดี | เข้าพงพีมิอยากไปให้กัวล | ||
| เรียกสองหน่อแก้วตามาหาแม่ | จำให้แน่ลูกยาอย่าสับสน | ||
| จะเที่ยวเล่นเล่นกันอย่าซุกซน | จงเวียนวนใกล้อาศรมพระบิดา | ||
| แม่เดินดงเสาะเผือกผลไม้ | พวกมันไพรเป็นสะเบียงนะลูกหนา | ||
| คงบ่ายคล้อยเย็นลงคงกลับมา | ขอลูกยาใกล้ชิดพระบิดดา | ||
| จะวิ่งเล่นไล่ก็ก็แถวนี้ | หากภัยมีเร็วไวรีบไปหา | ||
| กราบทูลให้ท่านพ่อพิจารณา | คงมิข้าแม่กลับรับขวัญนวล | ||
| สั่งเสร็จแม่มัทรีศรีสมร | พระนางจนเข้าป่ามานึกหวน | ||
| เรื่องสุบินมิดีนี้มันชวน | มารบกวนคิดมากช่างยากเย็น | ||
| จะมีเหตุอันใดภัยหรือสุข | คงเรื่องทุกข์หรือภัยคงได้เห็น | ||
| ประหลาดแท้วันนี้ช่างมาเป็น | หมากไม้เช่นวันก่อนมันมากมี | ||
| วันนี้หายว่าเปล่าหาลำบาก | ขุดเผือกยากดินแข็งจนต้องหนี | ||
| ย้ายไปเรื่อยสายเกินจรลี | จะกลับมีเสือร้ายมาขวางทาง | ||
| จะถอยหลัวตัวใหญ่มันไม่หลบ | ซ้ายก็พบอีกตัวยากจะสาง | ||
| หลับไปขวาต้วร้ายมองมวาง | กลัวนักนางร้ำร้องก้องพงไพร | ||
| ไปมิได้นั่งลงปลงชีพด้วย | ถึงจักม้วยขอทางโปรดจงไข | ||
| จะส่งผลกระยาหารพระทรงชัย | สองลูกได้รับประทานอาหารกัน | ||
| แล้วจักกลับคืนมาเป็นอาหาร | ของพวกท่านพยัคฆาทุกท่านสรรพ์ | ||
| ด้วยสัจจริงโปรดให้ทางไปพลัน | พยัคฑ์นั้นนอนยิ้มสบายใจ | ||
| มินมิขู่ขบกัดทำไรหรอก | เพียงมิออกขวางทางนางไฉน | ||
| อันธพาลนักเลงมิเกรงใคร | เพียงขู่ให้หยูดอยู่มันรู้ดี | ||
| กล่าวถึงเจ้าชูชโกพราหม์นักจอ | มันรอจนพระมารดาเดินป่าหนี | ||
| ไปหาเผือกหามันหมากไม้มี | ภาระนี้นางทำประจำวัน | ||
| รีบไปเฝ้าถึงองค์พระทรงยศ | ย่อมปรากฏลีลาพาทีสรรค์ | ||
| พรรณนาความยากลำบากมัน | ครอบครัวนั้นขาดคนรับใช้งาน | ||
| ลำบากเมียอมิตตาภาระหนัก | จับหาคนช่วยนางทางประสาน | ||
| รับใช้กิจที่เรือนประจำการ | อยู่ที่บ้านทำแทนการหนักเบา | ||
| ทราบพระองค์มีสองบุตรธิดา | มุ่งหมายมาขอทานโฉมเฉลา | ||
| โปรดเมตตาข้าจักขอรับเอา | พระบุตรเจ้าไปไว้รับใช้งาน | ||
| สองชาลีกัณหากังขาอยู่ | แอบฟังรู้พรามเฒ่าแกไขขาน | ||
| ขอพวกตนเป็นทางคาดทำการ | ไปอยู่บ้านรับใช้เมียเฒ่าพราหมณ์ | ||
| ชวนกันหาหลบดีที่ตรงไหน | แอบลงไปในสระยังเข็ดขาม | ||
| กลัวเหน็บหนาวลับตายากจักตาม | หักห้ามใจแอบใต้ใบบัวกัน | ||
| ฝ่่ายพระเวสสันดรฟังชูชก | ที่หยิบยกนานามาอ้างสรรพ์ | ||
| พระประสงค์ทำทานคุณอนันต์ | ในจิตนั้นนึกทานบารมี | ||
| โอกาสอุปทานระดับสอง | ตามครรลองยากยิ่งมักหลบหนี | ||
| ทำมิได้หากใจมิคงที่ | พระยินดีบริจาคมหาทาน | ||
| ระลึกถึงบารมีโพธิสัตว์ | พึงวิวัฒนอุดมสัจประทัสถาน | ||
| พัฒนาบารมียิ่งยินนาน | ได้พ้นผ่านลุถึงพุทธธรรม | ||
| ดูกะระชูชกเรายกให้ | สองบุตรได้แก่เจ้าเอ้างามขำ | ||
| อยู่ไหนลูกรีบมาพาก่อกรรม | พ่อบำเพ็ญโพธิมรรคประจักษ์ใจ | ||
| ชูชกรู้สองกุมารอยู่สระบัว | คงจะกลัวแอบซ่อนมิสงสัย | ||
| ทูลทรงธรรมให้ทราบเป็นนัยนัย | ที่สุดได้สองกุมารประทานมา | ||
| สองกุมารเศร้าสร้อยละห้อยหนัก | จำใจจักพรากไปไกลเคหา | ||
| จากบิดรจากบ้านจากมารดา | รออำลาแม่ก่อนเถิดพระองค์ | ||
| นั่นสินะมินานคงกลับแล้ว | ขอลูกแก้วพบนางอย่างประสงค์ | ||
| แล้วค่อยไปกันเถิดดีมั่นคง | ชูชกจงใจแกล้งพิโรธแรง | ||
| อุเหม่ทานร่ำลือใจกุศล | ทุกผู้คนสรรเสริญทุกเขตแขวง | ||
| กระทำทานกลับมีข้อพลิกแพลง | หรือจะแกล้งล้มเลิกมีทำทาน | ||
| มิอยากทานอย่าทานก็สิ้นเรื่อง | มาขัดเคืองหน่วงไว้เพียงบอกขาน | ||
| มิเต็มใจก็เลิกกระทำการ | ข้าก็หาญยกเลิกตามพระทัย | ||
| เปล่าเปล่าน่าพ่อพรเหมณ์มิใช่ดอก | อยากจะบอกเด็กกลัวอย่าสงสัย | ||
| หากพูดจาพาทีคงเข้าใจ | ได้ยินแล้วขึ้นเถิดสองลูกยา | ||
| พ่อตั้งใจบำเพ็ญโพธิสัตว์ | ทานวิวัฒน์อุปจารนัานแหละหนา | ||
| ปรมัตถ์ทานด้วยด้วยต้องพึ่งพา | ทั้งบุตราบุตรีมีคุณธรรม | ||
| ช่วยพ่อสานบารมีนะลูกรัก | แล้วเราจักข้ามโอฆะได้วามขำ | ||
| ไปสู่แดนพุทธเขตพิเศษกรรม | ที่กระทำครั้งนี้ตึงสมควร | ||
| สองกุมารได้ยินคำพ่อไข | ย่อมเข้าใจรำตรึกตรึกได้หวร | ||
| มาคิดได้ยอมขึ้นแลชักชวน | กราบบาทล้วนยินดีมิโศกา | ||
| เพราะลูกน้อยช่วยพ่นี้สิหนอ | บุญของพ่อทำทานยากนักหนา | ||
| อุปทานปรมัตถ์ใกล้เข้ามา | พราะลูกยาเกื้อกูบุญเหลือเกิน | ||
| พระสั่งเสียลูกยารับฟั่งเฒ่าชูชก | ผู้ปกครองต่อไปใช่ผิวเผิน | ||
| ติดตามไปรับใช้ตั้งใจเดิน | เชิญพ่อพราหมณ์รับไว้สองกุมาร | ||
| มันหาเชือกผูกมือสองหน่อนาถ | กระทืบบาทอวดโอ่ทำโวหาร | ||
| ต่อจากนี้ข้าคือผู้บันดาล | หลานจักตายหรือเป็นอยู่ที่เรา | ||
| ตามมาเสียดีดีตีก็เบื่อ | ถ้าเหลืออดตีแรงอย่าทำเขลา | ||
| ทำข้าโกรธระวังอย่าดูเบา | มาสองเจ้าเดินตามแต่โดยดี | ||
| มันกระชากสองคะมำล้มคว่ำหน้า | พระบิดาทำเลือนเบือนหน้าหนี | ||
| ทรงร่ำให้ในอกโศกโศกี | นับแต่นี้ห่างกันแล้วหนอแก้วตา | ||
| ชูชกเฒ่าอำลาพระยาเวสส | จากเหตุนี้แม้พระองค์ปรารถนา | ||
| จะไถ่คืนยินดีมีทรัพย์มา | คณนาอย่างละร้อยถึงจะยอม | ||
| ทาสทาสีช้างม้าโคกระบือ | เงินคำถือหน่วยร้อยต้องมีพร้อม | ||
| เสร็จสั่งความันกะชากมิประนอม | มิยากกล่อมมีแต่ขูดูน่ากลัว | ||
| บัดดลเกิดพยับเมฆมืดมัวมิด | ฟ้าก็ปิดแปลบปลาบเสียววาบหัว | ||
| ครืนครืนก้องกำปนาทฟ้าฟาดทั่ว | มันฟาดมั่วมีเรื่องมันเคืองใคร | ||
| สักครู่หายกลายเป็นปกติ | ทรงดำริฟ้าดินมิสงสัย | ||
| อำนวยพรบารมีทานเข้าใจ | พระองค์ได้สาธุการด้วยเปรมปรีดิ์ | ||
| สาธุธรรมนำมาซึ่งปราโมทย์ | ยังประโยชน์พุทธธรรมนำวิถี | ||
| พึงสำเร็จสมประสงค์จงเกิดมี | บุญนำชี้อมตะนิพพานเทอญฯ | ||
| --------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| จบ ๘. กุมารกัณฑ์ เริ่ม ๙. กัณฑ์มัทรี | |||
| --------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| กล่าวถึงพระมัทรีศรีสวัสดิ์ | เดินป่าลัดไพรพงศ์จำนงสรรพ์ | ||
| ผลหมากรากไม้ดังทุกวัน | อัศจรรย์แปลกใจให้สงกา | ||
| วานนี้มีผลมากหลากเต็มต้น | วันนี้หล่นเสียหายไปหมดหนา | ||
| ดูต้นอื่นนิดหน่อยปลิดเอามา | จนเหนื่อยล้าจักกลับอาศรมไพร | ||
| นองขวางหน้าพยัคฆาเจ้าเสือเหลือง | ยังนึกเคืองหวาดกลัวหลบทางไหน | ||
| ลองไปซ้ายลายโคร่งปิดทางไป | ทางขวาไซร้เสือดำตาลุกวาว | ||
| หนทางถอยเสือดำสองตัวเฝ้า | ไหว้แหละเจ้าเปิดทางห่วงลูกสาว | ||
| หนูกัณหาชาลีคงหิวคราว | แม่อยู่ยาวเวลาช้าเกินการ | ||
| ขอเทพไทรุกขาปราณีด้วย | โปรดจงช่วยมัทรีที่ไขขาน | ||
| จำเป็นมากอยากลับจนลนลาน | จงประทานทางให้ไปด้วยเทอญ | ||
| นางร่ำไห้โศกาคราหมดหวัง | นางถูกขังกับที่ที่เขาเขิน | ||
| ไปมิได้มันขวางหนทางเดิน | เชิญเจ้าที่เมตตาปล่อยข้าไป | ||
| เสือมันเฉยดูหน้าท่าแบบยิ้ม | แต่ก็พิมพ์อย่างเสือดุไฉน | ||
| คงมิกล้าฝ่าแนวกลัวเภทภัย | หนักอกใครจะมาเท่าเจ้ามัทรี | ||
| จนเลยเที่ยงอ้าวโคร่งโย่งโย่ย่าง | ลุกเปิดทางเปิดช่องย่องหลบหนี | ||
| เจ้าเสือเหลืองเสือดาวมิรอรี | เดินตามพี่คุณโคร่งโล่งอุรา | ||
| คุณเสือดำสองตัวหายไปแล้ว | ค่อยผ่องแผ้วในอกวาสนา | ||
| คงกลับได้แล้วหนอมิรอช้า | ดำเนินมากลับคืนสะอื่นฤทัย | ||
| เขามาเขตศาลาเลียบอาศรม | ก่อนภิรมย์ลลูกยามารับไฉน | ||
| วันนี้เงียบมิเห็นสองทรามวัย | เล่นกันไกลอาศรมพระบิดา | ||
| วู้ลูกรักมิเห็นรับกับแม่หนอ | นวลละออเที่ยวไกลไฉนหนา | ||
| กลับคืนเถิดลูกน้อยเร็วแม่มา | ผลผลาเผือกมันแม่มากมี | ||
| ล้วนอร่อยแม่สรรมันมาฝาก | เจ้าลำบากแสบท้องแน่สองศรี | ||
| มาแม่มารีบมาอย่ารอรี | เงียบมิดีภัยทุกข์มาคุกคาม | ||
| พระมัทรีร่ำไห้แทบใจขาด | เฝ้าพระบาทสวามีพาทีถาม | ||
| เห็นสองหน่อบ้างไหมพระองค์ราม | ข้าติดตามทุกที่มิเห็นเลย | ||
| โพธิสัตว์เวสสันดรร้อนในอก | หากจะยกเรื่องราวมาเปิดเผย | ||
| ทุกข์มหันต์ระทบจิตทรามเชย | จำจักเอ่ยบริภาษให้หวาดกลัว | ||
| ให้นางโกรธเสียก่อนค่อยย้อนบอก | หลอกให้โกรธแกล้งด่าว่าน่าหัว | ||
| ปล่อยลูกหายไปเที่ยวไปแต่ตัว | มิห่วงผัวห่วงลูกเลยหรือไร | ||
| หรือแอบเจอคนธรรพ์หรือดาบส | กลับมาปดลูกหายหรือไฉน | ||
| เจ้ามัทรีเจ้าดื้อหรือทรามวัย | นางร่ำไห้นึกเคือพระสามี | ||
| ที่สุดองค์พระเวสบอกความจริง | แน่ะน้องหญิงตั้งจิตให้มั่นถี | ||
| วันนี้พราหม์มาขอพระชาลี | และน้องพี่ได้ประทานกัณหาไป | ||
| ด้วยหวังเพญบารมีเป็นที่สุด | บรรลุพุทธโพธิญาณสว่างไสว | ||
| พระมัทรีคับแค้นแน่นหทัย | กรรแสงได้จนสลบชวนเวทนา | ||
| พระหยิบผ้าชุบชลวนซับพัตร์ | โอน้องรักร่วมแรงแสวงหา | ||
| โพธิธรรมบารมีด้วยบุญญา | เจ้าฟันฝ่ากับพี่มิท้อเลย | ||
| ปรมัตทานบุตรสุดยากยิ่ง | พี่ทำจริงเพ๊ญธรรมนำเปิดเผย | ||
| ฟื้นมาเถิดแม่งามเจ้าทรามเชย | มาเอื้อนเอ่ยความในใจเนื้อนวล | ||
| สักครูใหญ่พระมัทรีมีสติ | นาดำริเรื่องราวคราวแย้มสรวล | ||
| ประทานโทษพี่ยาข้ารบกวน | ทำพี่ป่วนในอกยกโทษนาง | ||
| ทำทานลูกน้อยน้องกัฒหา | พ่อชาลีอีกด้วยช่วยสะสาง | ||
| เป็นมรรคาโพธิธรรมนำเบิกทาง | พึงสว่างส่องแจ้งชัชวาลย์ | ||
| สาธุาะอนุโมทนาด้วย | บุญจงช่วยแผ่ไกลจงไพศาล | ||
| บรรลุถึงโพธิธรรมเริงสราญ | ผลบันดาลบรรลุอนุโมทนา ฯ | ||
| --------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| จบ ๙. กัณฑ์มัทรี เรื่ม ๑๐. กัณฑ์สักกบรรพ์ | |||
| --------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| สักบรรพ์บั้นองค์มฆวาน | เกษมศานต์ชื่นชมบุญกุศล | ||
| องค์พระเวสสันดรเพ้ญเพียรพล | จนฟ้าดินกัมปนาทโมทนา | ||
| มากังวลวันหนึ่งในอนาคต | ใครกำหนดหวังได้พระชายา | ||
| จักทูลขอก็ได้ทรงเมตตา | เกิดปัญหาแก่พระองค์ผู้ทรงญาณ | ||
| มิมีผู้ดูแลจัดสรรหา | เตรียมภัตตาจัดให้จักไขขาน | ||
| หาผู้ใดจักรู้พระภูบาล | เท่านงคราญแม่มัทรีมิมีเลย | ||
| ขากมัทรีมีปัญหาฝ่าพระบาท | ชะตาขาดแน่ใจไม่อาจเฉย | ||
| ต้องลงไปจัดการเหมือนดังเคย | จักไปเอ่ยทูลขอพระชายา | ||
| จำแลกายเป็นพราหมณ์ดูแก่เฒ่า | ขอนงเยาว์พระมัทรีสิเนหา | ||
| อยากได้นางขอองค์พระราชา | ประทานข้าเป็นบุญทูลทรงไชย | ||
| ลำดับนั้นโพธิสัตว์เวสสันดร | เรียกงามงอนพระมัทรีอยู่ที่ไหน | ||
| มาหาพี่มีเรื่องฟนาทรามวัย | มีคนใคร่รับเจ้าเป็นบริวาร | ||
| พี่รักเจ้ามากมายดังดวงเนตร | เพียงเพราะเหตุพี่รักจักประสาน | ||
| บารมีพุทธธรรมดำเนินการ | สุดยอดทานปรมัตถบารมี | ||
| บุตรทั้งสองทานไปได้สิ้นสุด | อุตรทานยิ่งนวลฉวี | ||
| เจ้าเป็นเมี่ยดีเยี่ยมเทียมใจพี่ | มัทรีเจ้านางแก้วแท้แก้วตา | ||
| พี่นี้รักแหนหวงดังดวงจิต | มิเคยคิดทอดทิ้งเจ้าดอกหนา | ||
| ปรมัตถแก่งทานบุตรภรรยา | ทานชีวาปรมัตถ์อรรถแห่งทาน | ||
| อยากฟังเจ้าคิดไหนในกุศล | นฤมลบอกพี่พาทีขาน | ||
| พระมัทรีเห็นไฉนหนอนงคราญ | วานบอกพี่จักพินิจพิจารณา | ||
| พระนาถน้อยสร้อยเศร้าเข้ากราบทูล | พระพูนเพ็ญมัทรีนี่หรรษา | ||
| คอยส่งเสริมเพิ่มพูนแต่เดิมมา | ข้ายืนดีส่งเสริมพระทรงชัย | ||
| แม้ชีวิตยินดีมอบพระองค์ | หากประสงค์ขอถวายมิสงสัย | ||
| จะประทานแก่พราหมณ์ก็ย่อมได้ | ยินดีไปเป็นทาสตาเฒ่าพรหมณ์ | ||
| โพธิสัตว์รับฟังทรงยิ้งคิด | เจ้าขวัญจิตมัทรีศรีบุญสม | ||
| สหชาติภริยาน่าชื่นชม | ภิรมย์นักรักเจ้าเทียมชีวา | ||
| เพื่อเพ๊ญทานปรมัตถ์ | จำตัดรักทั่งปวงคักห่วงหา | ||
| จำใจทานเจ้าให้พราหมณา | สาธุธรรมนำเกิดประเสริฐคุณ | ||
| บัดดลเกิดวิปริตแห่งอาเภท | ยามพระเวสส์เพ็ญทานที่เกื้อหนุน | ||
| ภริยาเป้นทานยอดแห่งบุญ | ฟ้ามืดมิดทั่วไปในจักรวาล | ||
| ปฐพีหวั่นไหวกัมปนาท | เฉลิมบาทบารมีศรีผสาน | ||
| โพธิธรรมมรรคาพุทธญาณ | มั่นคงปานรัตนามรรคาเพ็ญ | ||
| ปกติทานบารมีกระทำแล้ว | ดังลาดแก้วอุปทานที่ได้เห็น | ||
| สุดยอดทานปรมัตถมิยากเย็น | พระทำเช่นปกติบริบูรณ์ | ||
| พราหม์จำแลงแปลงกายคืนมา | เป็นอินทาเทวราชอวยพรพูน | ||
| แปดประการพรเกิดเจิดจำรูญ | อนุกูลแก่องค์พระทรงชัย | ||
| หนึ่งทรงเป็นปิตุเรศเปี่ยมเมตตา | กลับพารานิรโทษคนคุกไข | ||
| โทษหนักเบารับล้วนควรอภัย | ผ่อนปรนได้ทั่วถ้วนควรแก่การ | ||
| พึงได้ทำอนุเคราะห์คนยากจน | มิกังวลบทสตรีที่อาจหาญ | ||
| บุตรธิดาอายุมั่นยืนนนาน | เจ็ดประการฝนแก้วพึงเกิดมี | ||
| ตกในเขตแห่งเมืองเรืองรุ่งเลิศ | ประเสริฐยิ่งชาวประชาเกษมศรี | ||
| ร่ำรวยรัตนชาติทั่วบุรี | สิ้นชีพนี้ขอกลับดุสิตวิทาน | ||
| อมรินทร์อวยพรจงสมหมาย | เคราะห์คลาคลายบุญประสาน | ||
| อีกมีช้าคงจักได้พบพาน | สงบศานติ์ด้วยแรงบุญบารมี | ||
| เสร็จอำลากลับไปดาวดึงส์ | พระเวสจึงไคร่ครวญธรรมวิถี | ||
| ทุกสิ่งทำบำเพ็ญเป็นกรรมดี | เป็นช่องชี้โพธิมรรคจักจำเริญ ฯ | ||
| --------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| จบ ๑๐.กัณฑ์สักบรรพ์ เริ่ม ๑๑. กัณฑ์มหาราช | |||
| --------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| ย้อนกล่าวถึงชูชกรัประทาน | สองกุมารจากพระเวสเชิษฐบิดา | ||
| มันสำแดงอำนาจเปล่งวาจา | แต่นี้ข้าเป็นนายจำให้ดี | ||
| สองเจ้าเป็นทาสชั่วชีวี | รับหน้าที่กิจการงานนานา | ||
| ไปถึงบ้านจักมีนายผู้หญิง | นายตัวจริงรูออยู่ที่เคหา | ||
| ต่อนี้ไปเดินทางหลายเวลา | ข้าจักพาไปบ้านด่านปลายดง | ||
| สองกุมารขัดขืนฝืนตัวไว้ | สองร่ำไห้พ่อจ๋าอย่าลืมหลง | ||
| ยังมิได้ลาแม่ไปไพรพง | น้องยังคงหิมนมโปรดเมตตา | ||
| เสียงลูกน้อยละห้อยได้จุกใมนอก | ชลนัยน์ตกห่วงใยเจ้านักหนา | ||
| เพราะเพียรเพ็ญบารมีดอกลูกยา | จำต้องมาพลัดพรากจากกันไป | ||
| พ่อพราหมณ์จ๋าค่อยจาอย่าดุด่า | สองกำพร้าเป็นทาสแล้วไฉน | ||
| ต้องพึ่งพาตาพรหมณ์ยามห่างไกล | ขอจงได้เมตตาอย่าด่าตี | ||
| มันเตรียมไว้แซ่หวายได้ลายหลัง | จงระวังเดินมาอยาหลบหนี | ||
| ต่อหน้าพระบิดาข้าก็ตี | หวดสองมีเดินมาช้าอยู่ใย | ||
| มองบืดาผินพระพักตร์หันหลังให้ | เจ็บปวดใจหกล้มหัวคะมำ | ||
| ชกมันกระชากลากไม่หยุด | เดนสะดุดยังตีสองขามขำ | ||
| รอยแส้เป็นเส้นเส้นสีดำคล้ำ | ห้อเลือดจำต้องเดินตามมันไป | ||
| ตกกลางคืนสองกุมารมัดสองมือ | เอ็งอย่าดื้อดิ้นหลุดดูหนไหน | ||
| มันป่าทึกเสือสางล้วนเป็นภัย | หลับหนีได้เป็นเหยือพวกเสือมัน | ||
| นอนอยู่ที่โคนไม้นี่แหลดี | บารมีข้าคุ้มได้พร้อมสรรพ์ | ||
| ทั้งเสือสางภูติผีมนต์ข้ากัน | แค่ร่มไม้ตรงนี้อย่าหนีเลย | ||
| ส่งเสริจมันปีนขึ้นบนต้นไม้ | เลือกเหมาะได้ผูกเปลผ้านอนเฉย | ||
| ผ่านคืนวันหลายวันก็เช่นเคย | โอ้เด็กเอ๋ยหอดหิวแทบเป็นลม | ||
| มันมาหาอะไรให้เด็กบ้าง | ดีแต่อ้างรีบไปน่าขื่นขม | ||
| ฮุดกระชากจนต้องร้องระงม | สุดระทมสองกุมารจากบ้านมา | ||
| รุกขเทพสงสารเฝ้าติดตาม | ยามคำคืนเป็นคนเข้าไปหา | ||
| ให้ดื่มนมกินเผือกกินมันพา | กล่อมสองราหลับนอนด้วยอ่อนเพลีย | ||
| หลายวันล่วงมาไกลในไพนสณฑ์ | จนมาถึงทางแยกพราหม์หัวเสีย | ||
| มันหลงลืมหนทางคงห่วงเมีย | มึนงัวเงียขวาซ้ายไปไหนดี | ||
| มันหลงทางกระชากลากสองน้อย | เดินตาลอยไปผิดอผกวิถี | ||
| มินัมิรู้เป็นทางไปสีพี | เห็นชาลีเขาจำได้ไปกราบทูล | ||
| ปู่สญชัยและย่าปรีดานัก | ได้หลานรักกลับมาหาได้สูญ | ||
| ถามชูชกรู้เรื่องโศกาดูร | พ่อพราหมณ์พูนสวัสดิ์จรัสเจริญ | ||
| ขอไถ่หลานตามคาดแกมาดไว้ | เงินทองได้ร้อยชั่งมิขาดเขิน | ||
| ทั้งผ้าผ่อนแพรพรรณมิขากเดิน | ร้อยพับเชิญตรวจตรามากมวลมี | ||
| ช้างกับม้าเพียงพอให้ใช้สอย | อย่างละร้อยสัตว์เลี้ยงเอาเยี่ยงไหน | ||
| วัวควายหมูสรรมาหาเป็ดไก่ | นับร้อยให้ไถ่หลานเรายินกี | ||
| ชูชกบอกหิวมากอยากกินข้าว | สญชัยเจ้านึกขำทำไมเล่า | ||
| สั่งพ่อครัวจัดการอาหารเยี่ยม | เทียมทิพยฺโภชจัดมาอย่าดูเบา | ||
| ปล่อยชูกชกสำราญอาหารเรา | จัดใหเจาเต็มที่อย่างดีเลย | ||
| สั่งเสร็จปู่ย่าพาหลันรัก | เข้าที่พักเวียงวังฟังเปิดเผย | ||
| เหตุไฉนชอบทานเหมือนดังเคย | สองทรามเชยทำทานได้อย่างไร | ||
| สองหลานน้อยเล่าเรื่องแล้วเคืองนัก | ลูกมักจักบ้าทานกันถึงไหน | ||
| ช่างเถอะหลานตอนนี้อย่่าสนใจ | เมืองเราไซร้ยินดีหลานคืนมา | ||
| ให้สมโชรับขวัญสองหลานรัก | คนรู้จักชื่นชมพระนัดดา | ||
| ครบสามวันสามคืนฉลองใหญ่ | จัดของกินเลือกได้มากมายหนา | ||
| มีหมูเนื้อวัวควายแลปูปลา | ผลผลามากมีเลี้ยงผู้คน | ||
| สามวันผ่านรางวัลพราหม์ยังอยู่ | มิมีผู้มารับชวนฉงน | ||
| เขามาทูลชูชกเฒ่ากังวน | กินเสียจนท้องแทบแตกจนวางวาย | ||
| จนรุ่งสางดิบดิ้นสิ้นสังขาร์ | จึงรีบมากราบทูลเกรงเสียหาย | ||
| ให้ประกาศทายาททั้งหญิงชาย | ทรัพย์ทั้งหลายของชูชกมาเอาไป | ||
| นับเวลาเจ็ดวันมาเอาเถิด | เกิดมิมาจักเก็บอย่าสงสัย | ||
| คืนเข้าคลังคราต่อไป | ขอจงได้แสดงสิทธิ์ลูกหลานพราหมณ์ | ||
| รั่งสั่งเจ็ดวันงานศพให้สมเกียรติ | เจียดทรัพย์สินจัดงานการงดงาม | ||
| เรียบร้อยกิจกระทำดำเนินตาม | ทุกเขตคามชื่นชมพระทรงชัย | ||
| สองชาลีกัณหาอยู่กับย่า | วิ่งหาปู่ตามประสาอายุขัย | ||
| ปู่และย่าเพลิดเพะลินเจริญใจ | ได้ทราบข่าวพระโอรสกำสรดครวญ | ||
| นานแล้วหนาจากไปในไพรสณฑ์ | เงืนไขคนโกรธเคืองก็กลับหวน | ||
| ช้างปัจจนาคเขาคืนมาทั้งมวล | พร้อมสินทรัพย์รางวัลมากมวลมี | ||
| บ้านเมืองเขาฟื้นฟูอยู่เย็นแล้ว | นำช้างแก้วคืนมาแสนเปรมปรีด์ | ||
| ชาวเมืองต่างสำนึกทำมิดี | อยากไปที่เขาวงกฏขอโทษภัย | ||
| พระบิดายินดีมีรับสั่ง | ตั้งกรมการเตรียมทัพจักเดินไป | ||
| เชิญพระเวสมัทรีกลับเร็วไว | เจ็ดวันให้เคลื่อนทัพรับลูกยา | ||
| ---------------------------------------------------------------------------------- | |||
| ๑๒. กัณฑ์ฉักขัตติ ถัดไป | ๑๓. กัณฑ์ นคร | ||
| --------------------------------------------------------------------------------- | |||
| ได้เวลาจักเสด็จไปแดนดง | เขาวงกฏเชิญพระเวสกลับธานี | ||
| ทั้งสองหลานกัณหาพระชาลี | ต่างยินดีนั่งรถกำหนดจร | ||
| ขบวนธงนำริ้วให้นั่งม้า | ควบอาชางดงามตามสลอน | ||
| สี่สิบม้าสี่แถวครบสิบตอน | ธงปลิวว่อนงดงามตามกันไป | ||
| ขบวนช้าวสิบเชือกขนาบข้าง | เดินขอบทางเคียงราชรถไฉน | ||
| ระวังมวลศัตรูราชภัย | มิยอมให้ทำร้ายพระราชา | ||
| ต่อท้ายรถมหาดเล็กยกทั้งกอง | ถัดไปผองบริพารเหล่าเสนา | ||
| ตามถัดด้วยทวยราษฏร์มาดไปเฝ้า | พระหน่อเจ้าองค์พระเวสพระเขษฐา | ||
| หกสิบโยชน์ทางไกลในพนา | ประมาณว่าแปดเดือนถึงพอดี | ||
| จนล่วงเข้าขอบเขตเขาวงกฏ | ทรงกำหนดยับย้ังหว่างวิถี | ||
| วันรุ่งขึ้นค่อยไปในคีรี | เจ้าชาลีบอกโน้นบรรณสาลา | ||
| จากนี้ไปเกือบเที่ยงคงถึงได้ | ถึงมิไกลขบวนเราใหญ่เกินหนา | ||
| ค่อยค่อยไปก็คงจักเชื่องช้า | พระเจ้าตาอยากเห็นแม่มัทรี | ||
| พระเจ้ากรุงสญชัยเข้าใจหลาน | บอกมินานได้เพิ่มเฉลิมศรี | ||
| ได้พบหน้ามารดาแน่ชาลี | นั่งรถซีนั่งม้าอันตราย | ||
| ฝ่าป่าพงดงดอนรอนแรมไป | ป่าดงใหญ่รุกขชาติดาดาดหลาย | ||
| ขบวนม้าคนรถต่างกระจาย | เลาะเลียบย้ายหาทางเยื้อย่างไป | ||
| มัทรีตื่นตระหนกเสียงอื้ออึง | มัวนึกถึงพายุหรือไฉน | ||
| แลท้องฟ้ายังโปร่งโล่งกระไร | หามีไม่เมฆหมอกมาหลอกตา | ||
| สักครูเสียงคนร้องเรียกแม่แม่ | ชะแง้มองจริงหรือคือกัณหา | ||
| จนได้กอดแน่ใจโนลูกยา | พ่อชาลีกอดด้วยร่ำโศกี | ||
| ท่านปู่ยามาถึงได้ทักทาย | พ่อบุตรชายพระเวสพิเศษหนี | ||
| ต้องโทษขับจากบ้านจากบุรี | เพราะพ่อนี้โง่เขลาเบาปัญญา | ||
| ต่างรำพึงรำพันจนรันทด | โสกสลดเศร้าสร้อยน้อยหรือหนา | ||
| สลบไสลใจวับดังดับคา | ล้มพับมาระเนระนาดประหลาดใจ | ||
| ฝ่ายไพร่คนพลเมืองรู้เรื่องเห็น | สงสารเป็นเรื่องเร้าเศร้าไฉน | ||
| ต่างร่ำร้องสงสารพระภูวนัย | สลบไปทั้งหมดกำลังพล | ||
| ร้อนถึงองค์อมรินทร์ปิ่นสวรรค์ | วันนี้ใยบัลลังยังสับสน | ||
| บัดเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นกังวล | ฤๅมีคนเดือดร้อนร้อนถึงเรา | ||
| จังสอดส่องเรดาทิพยเนตร | ตาวิเศษส่องทั่วทุกป่าเขา | ||
| ส่องไปโลกมักมีพวกผู้เยาว์ | พวกขาดเขลาต้องช่วยเป็นประจำ | ||
| อ้อเจอแล้วอาศรมพระยาเวส | มันเกิดเหตุล้มตายแต่น่าขำ | ||
| แค่ดีใจพบหน้ากันเกิดกรรม | ดีใช้ซ้ำสลบไสลขาดใจตาย | ||
| แม้นมิช่วยม้วยแน่สมน้ำหน้า | มิเข้าท่าเป็นเทพจักเสียหาย | ||
| เขาจะหมิ่นอินทร์อะไรเจอเรื่องร้าย | มิช่วยคลายปัดเป่าก็เข้าใจ | ||
| จะตักน้ำสาดใส่คนละขัน | คงมิทันตายแน่ทำไฉน | ||
| มนต์เสกเป่าฝนทิพย์ตกลงไป | ใช้ฝนโบกขรณีแหละสมควร | ||
| เป่าพรวดเดียวฝนมาเป็นห่าใหญ่ | สหัสสนัยน์เก่งมากอยากให้หวน | ||
| ไปทางบ้านเราบ้างอยากจะชวน | เป่าสักม้วนมนตราให้ฝนลง | ||
| ฝนพิเศษอินทาโปรยมาให้ | จำชื่อได้ฝนโบกขรคง | ||
| เม็ดสีแดงหล่นลงเป็นเม็ดเม็ด | เด็ดใบไม้มารองพิศวง | ||
| มันมิเปียกกลิ้งไปจนหล่นลง | สำคัญตรงมิเปียกเพียงชุ่มเย็น | ||
| ใครอยากเปียกย่อมได้มันไหลอาบ | กำซาบซ่านสดใสได้มาเห็น | ||
| ฝนประหลาดหล่นใส่คนได้เป็น | กลับฟื้นเช่นสุขสมสถาพร | ||
| จนต้องมีบันทึกจารึกไว้ | ฝนยิ่งใหญ่หนึ่งครั้งครานี้หนอ | ||
| คราวพระเจ้าสญชัยไปคอยรอ | ชวนพระหน่อบุตรชายให้กลับเมือง | ||
| เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญกังวาลนัก | แผ่นดินมักสะเทือนเลือนลั่นเคือง | ||
| ไยเงียบเสียงเสียเล่ามาเข้าเรื่อง | ดินกระเดื่องพสุธาสั่นทั่วไป | ||
| คงเริ่มได้แม่พระธรณี | อวยฤทธีโลกสั่นมิสงสัย | ||
| ฉะนี้ไซร้ฟ้าดินกระเทือนไกล | ครั้งที่ได้เชิญพระเวสกลับพารา | ||
| พนักงานกราทูลความแต่เค้า | ตามพระเจ้าสญชัยปรารถนา | ||
| อัญเชิญพ่อพรเวสกลับเมืองมา | เป็นราชาสีพีจึงเหมาะควร | ||
| พระบิดามารดาไม่ว่าแล้ว | ทานช้างแก้วตัวหนึ่งซึ่งพอหวน | ||
| มันโง่เขลาเกินไปใยมาชวน | ป่วนให้เราขับลูกจากพารา | ||
| ชาวกลึงนำช้างมาคืนแล้ว | บ้านเมืองแผ้วสร่างทุกข์สุกหรรษา | ||
| มีแก้วแหวนแพรพรรณเป็นบรรณา | เขานำมาบอกนบจบสักการ | ||
| มัทรีน้อมภูษามาถวาย | จงคลาคลายลาสึกขอไขขาน | ||
| หากมิสึกอาจเจอภัยคนพาล | ปลุกปล้ำท่านนักบวชให้ปวดใจ | ||
| นางแค่คิดในใจเท่านั้นดอก | เราเอ่ยออกพระเวสมิสงสัย | ||
| ยินยอมลาสิกขาณทันใด | กอดเอาไว้แม่ลูกล้วนผูกพัน | ||
| กระบวนทัพพักผ่อนหลายเพลา | ค่อยกลับมาสีพีมีสุขสันต์ | ||
| เถลิงราชสมบัติอีกครั้งพลัน | ฉลองกันด้วยปิติพระทรงชัย | ||
| นับเจ็ดวันเจ็นคืนล้วนชื่นสุข | พระปัดทุกข์ทวยราษฎร์ทุกสมัย | ||
| อุดมด้วยฟ้าฝนชุ่มชลไป | ชาวบ้านได้ทำเกษตรจำรูญจำเริญ | ||
| ---------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| ๑๓. นครกัณฑ์ กัณฑ์สุดท้าย | |||
| ---------------------------------------------------------------------------------------- | |||
| สมเด็จเจ้าสญชัยมหาราช | ประภาษเชิญพระเวสให้นิวัตร | ||
| กลับสีพีกรุงไกรเจิดจรัส | ผ่านสัมบัติเอกอัครราชา | ||
| เป็นมหาจักรพรรดิราชเจ้า | เสด็จเข้ากรุงศรีเถิดลูกยา | ||
| ทรงดำรัสตอบึพระบิดา | ข้าพระบาทยังงุนงงก่อนทำคุณ | ||
| ดำรงในทศพิธราชธรรม | นำบ้านเมืองเรืองรุ่งมุ่งเพ็ญบุญ | ||
| กลับเกิดโทษเป็นภัยไล่รุกรุน | คนเคืองขั่นขับไสไล่จากเมือง | ||
| บัดนี้กลับมาชวนกลับปีอีก | จะหลบหลีกบาปกรรมที่ขุ้นเคือง | ||
| กลัวจักมาฟ้องร้องจักเอาเรื่อง | เกรงจักเปลืองคุณธรรมยากนำพา | ||
| ของพระคุณพระบิดาเมตตานัก | ลูกก็รักสองพระองค์มากนักหนา | ||
| ยังคำนึงถึงพระคุณอุ่นเมตตา | กลับพารายังมิคิดโปรดทุเลา | ||
| สญชัยเจ้ากรุงไกรได่สดับ | พ่อยอมรับทำการอันขาดเขลา | ||
| เพียงเพ็ญทานเป็นบุญคุณของเจ้า | มิควรเอาเป้นโทษเพราะเป็นบุญ | ||
| เป็นเพราะฟังคำสอพลอพวกคนพาล | มันกล่าวขานเป็นโทษจนเคืองขุ่น | ||
| ขับเจ้าออกจาเมืองเรื่องทารุณ | บาปกระตุ้นรุมเร้าร้อนรุกรน | ||
| อยู่บ้านเมืองเคืองขุ่นมิอุ้นอก | ยากจักยกบาปกรรมทำสับสน | ||
| ไฉนพ่อใจร้ายเกินผู้คน | ลูกของตนผลักไสไม่ปราณี | ||
| พ่อทำผิดคิดได้ก็สายแล้ว | ขอลูกแก้วคาดโทษมิหลบหลี้ | ||
| ยิมรับหมดลูกยาพ่อยินดี | กลับสีพีเถิดหนาช้าอยู่ใย | ||
| พระอม่เจ้าผุสดีวอนลูกรัก | ยามนี้จักพึ่งเจ้าแล้วไฉน | ||
| มีลูกเต้าเฒ่ามามองหาใคร | มาจอมใจกลับบ้านเวสสันดร | ||
| ทั้งกัณหาลีก็กลับแล้ว | สองลูกแก้วมัทรีศรีสมร | ||
| อยู่ป่าดงลำบากนักบังอร | กลับนครครองเมืองรุ่งเรืองรมย์ | ||
| มิต้องหาเผือกมันผลไม้ | เพียงอยากได้คนหามาเสร็จสม | ||
| ประกอบเป็นอาหารหวานคาวจม | มาแม่ชมคิดถึงเจ้าซึ้งใจ | ||
| พระนางสอดสะใภ้ร่ำไห้หนัก | อกแทบหักเศร้าสร้อยหนักไฉน | ||
| พลับสลบดังหลับคอพับไป | สององค์ได้กอมกันพลอยล้มลง | ||
| สี่กษัตริย์อัดอั้นตันดวงจิต | พอได้พิศสองพระนางพิศวง | ||
| นึกว่าทิวคีพปลดปลง | ทุกพระองค์โสกาแทบวายปราณ | ||
| จนหมดแรงสลบสไลไปทั้งสิ้น | ทุกผู้ยินยลกันพลันไขขาน | ||
| ต่าร่ำร้องโศกาใจแหลกราน | สลบเต็นลานล้วนพวกไพร่พล | ||
| ร้อนถึงท่านอินทาเทวราช | เกิดอุบาทอันใดอีกฉงน | ||
| ส่อง้รดาทืพยเนตรท่วสากล | พบผู้คนสลบไสลชาวะารา | ||
| บริเซณอาศรมพระยาเวส | จู้แจ้งเหตุอีกแล้วจริงสิหน้า | ||
| ต้องฝนโบกขรพัสตร์กันอีกครา | เสกมนตราโปรยโบกขรณี | ||
| ชึ่มพื้นพสุธานานาสัตว์ | ตื่นสลัดมึนงงหลงวิถี | ||
| เป็นออะไรมาหลับกลางพงพี | ก็พอดีเห็นพระเวสนมัสการ | ||
| สนทนพาทีถามสุขทุกข์ | ปลุกปลอบใจคลายเศร้าเข้าผสาน | ||
| ขออภัยเรื่องราวแต่ก่อนกาล | เกษมศานต์สวบสันต์สถาพร | ||
| สญชัยเจ้าจัดการอภิเษก | ให้เป็นนเอกอัครราชเวสสันดร | ||
| ครองสีพีกรุงไกรผ่านนคร | ประชากรแซ่ซ้องพระบารมี | ||
| ครบสามวันยกขบวนชวนกันกลับ | ยาตราทัพยิ่งใหญ่ในวิถี | ||
| มหาราชเวสสันดรกลับบุรี | เถลิงศรีราชสมบัติวิวัฒนา | ||
| พระมัทรีศรีสมรราชินี | ชาวบุรีชื่นชมแลหรรษา | ||
| ถวายพรทุกวันสุขสันต์มา | อีกชาลีแลกนิษฐอิฎฐารมย์ | ||
| พระปกเกล้าอาณาประชาสุข | นิรทุกข์ผ่องแผ้วสงบสม | ||
| บารมีแผ่ไกลไทนิยม | ล้วนชื่นชมจักรพรรดิเวสันดร | ||
| เป็นกษัตริ์ย์ทรงคุณอันประเสริฐ | นับเป็นเลิศทศพิธราษฎร์ทุกข์ถอน | ||
| แผ่นดินรุ่งวัฒนาสถาวร | ประชากรน้อบนบจบมากคุณ | ||
| พระทรงมีทศพิธราชธรรม | นำให้เกิดฝนรัตนหนุน | ||
| ตกทั่วเมืองสีพีเชิญแปลงปุน | ล้วนอบอุ่นเก็บได้ให้พอดี | ||
| เมื่อเหลือแล้วเก็บเข้าพระคลังไว้ | อาจต้องใช้วันหน้าแท้ดีหลี | ||
| ประชาช่วยเก็บกวาดส่งคลังมี | ล้วนปรีดาบ้านเมืองรุ่งเรืองเกิน | ||
| จบแล้วนะ | |||
วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2563
เวสสันดรคำกลอน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น