วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ประมงน้ำจืด


                                           
                                                         ขี่ช้างไปจับปลากัน


ประมงน้ำจืด
.......ชาวบ้านชนบทอย่างพวกเรา พูดถึงเรื่องการจับปลาคงไม่พ้นประมงน้ำจืด แหล่งน้ำสำคัญก็คือทุ่งนา
ลำห้วยหนองคลองบึงตามสภาพ การประมงก็แค่การทำมาหากิน ได้ปลามาทำกับข้าว หม้อแกงซักหม้อ
ก็ดีมากแล้ว จับปลาตัวเล็กเอามาทำห่อหมกปลาซิว หมกเดียวกินทั้งบ้าน อร่อยมากขอบอก วิธีจับปลาก็มีหลากหลายแล้วแต่ประสบการณ์ บ้านกระผมสอนให้ลูกหลานรู้จัก การทำฝาเผียก ทำต้อน ทำลอบ ทำไซหน้าน้ำมากก็เปิดกิจกรรมทำหลี่ ทำต่ง ประมงที่ทำก็เป็นประมงครอบครัว จับปลามาทำอาหาร นาน ๆถึงจะทราบว่าขายได้ด้วย  มารู้จักเขาทำฝาเผียกกัน
........ฝาเผียก ประกอบด้วยสองคำคือ ฝา+เผียก ฝา มีใช้ทั้งคำไทกลาง และคำไทอีสาน ความหมายตรง
กันฝาคือ แผ่น เช่น ฝาเฮือน ฝาโอ่ง ฝาถัง  ส่วนเผียก คำอีสานแปลว่าแนวกั้น เช่น เชือกเผียกกั้นให้นัก
มวยต่อยกัน มารวมกันเป็น ฝาเผียก  คือฝาที่ใช้เป็นแนวกั้น เป็นอุปกรณ์จับปลาของชาวบ้านสมัยก่อน 
หน้าฝนน้ำมาก น้ำนองทั่วทุ่งนา  ปลาวิ่งขึ้นไปหาที่วางไข่ ชาวบ้านทำ "หลี่""ต้อน"จับปลากัน ต้องใช้ฝา
เผียกจำนวนมาก ฝาเผียก ทำจากตอกไม้ไผ่ เหลาแบบแข็ง สันนตอกหนาสัก 3 มม. ยาวสามปล้อง
 สี่ปล้อง ก็ประมาณเมตรครึ่งถึงสองเมตร แล้วแต่ปล้องไม้ไผ่ ด้านกกเสี้ยมแหลมสำหรับปักลงดิน  เครือซูดใช้เป็นเชือกถักบิดแบบเกลียวเชือก สอดตอกแทรกเกลียวละเส้น ถักยาวสักสองเมตร แล้วกลับมาถักเกลียวที่สอง ห่างกันคืบนิ้วมือผู้ใหญ่ กว่าจะสุดตอกก็ถักประมาณสิบแถว หนาแน่น แข็งแรงดี เอาไปใช้เป็นเครื่องมือได้หลายชนิด  เช่นทำต้อน ทำหลี่  ล้อมซุ้ม ใช้ฝาเผียกทั้งนั้น
ทำหลี่ดักปลา
.......นาหัวย เรามักสร้างทำนบดินกั้นน้ำไว้ สองสามลูก แต่ละลูกก็เปิดช่องระบายน้ำ มิให้น้ำกดดันฝาย
มากเกินไปเดี๋ยวฝายขาด ทางน้ำไหลทำดี ๆหน่อย ไม้ปีกเอามาสร้างทางน้ำกว้าเมตรหนึ่งสูงพอกัน ยาว
ซักสามสี่เมตร ส่วนพ้นคันคูฝายไปทำเสาไม้ไผ่ทั้งลำปูลาดให้แน่นหนา  ชั้นบนถักฝาเผียกเพื่อดักปลา
มิให้รอดลงไปก่อน  เมื่อเปิดน้ำลงหลี่ น้ำจะไหลไปตามช่องหลี่ ไหลไปสักสองเมตรเศษ น้ำซึมลงด้านล่างหมดมีแต่ปลาตะกายต่อไปก็ตกลงปากไซหูเสือไปกองอยู่ในไซ บางตัวพยายามจะกลับก็ถูกกระแสน้ำไหลซัด จนตกลงไปในไซนั่นแหละถึงจบ 
ต่งดักปลา
......เมื่อก่อนถักสานเอง เดี๋ยวนี้ที่ตลาดมีขาย  ก่อนจะเล็นเชือกป่านเส้นใหญ่ ๆ ม้วนให้ก่างปอ เวลาจะสานก็เอา "จิม" มาม้วนเอาไปถักเริ่มจากก้นตาถี่หน่อยขนาดเท่าจอมก้อย เป็นถึงขนาดหมากฟัก ยาว
สักศอก แล้วขยายโดยเพิ่มแข 
ให้จำนวนตามากขึ้น ทุกศอกหนึ่งจะเอาแขขยายเส้นรอบวงให้กว้างขึ้น
เรื่อย ๆ จนยาวสักสิบสองศอก
ได้ปากกว้างพอปิดทางน้ำไหลขนาดกว่างสองเมตรสูงเมตรครึ่งได้สบาย ๆ เรียกชื่อว่า ต่่ง ก้นต่งมัดไซหูเสือไว้เก็บปลา กุ้ง หอย เอาถุงไปใส่เอาแล้วปล่อนท้ิงไว้ตามเดิม  ต่งจับปลาได้ตราวละมาก ๆ แต่พวกตัวเล็กมักตายก่อน ทำปลาร้าดี ตัวใหญ่ทนหน่อยเอาไปขังเป็นปลาสดได้
ต้อนก็คือต้อนให้ไปตรงที่กำหนดให้ไปแบบต้อนวัวควายไปกินหญ้า เย็นก็ต้อนเข้าคอก ทำนองนั้นแหละ แต่ต้อนที่พูดถึงนี้เข้าใช้กับการต้อนปลา มีคันนาเส้นหนึ่งกั้นมิให้ปลาข้ามไปได้ แต่ให้เลาะไปตามเส้นทางที่บัคับำปหา"ต้อน"  ตรงต้อนนิยมทำไว้ใกล้มุมคันนา เป็นแอ่น้ำลึก เจาะคันนาให้น้ำไหลผ่ากว่างราวเมตรเศษ ใช้ฝาเผียกปักคนนาปักหลักมัดให้แน่น ปล่อยให้น้ำไหลผ่านฝาเผียกตกลงด้านล่าง เสียงน้ำไหลดังมาก ยิ่งดังยิ่งดี จะได้เรียกปลามาด้านชวาซ้ายต้อน เจากะช่องวางลอบด้านหนึ่งวางไซอีกด้านหนึ่ง แล้วก็ให้มีหลุมดักปลาด้วย ครบอุปกรณ์จับปลา
ซูด ส่อน
.......เครือไม้ชนิดหนึ่งเส้นเล็กกว่าดินสอดำทอดยาวสม่ำเสมอ ที่สำคัญเส้นใยเหนียว พวกเรานิยมเอามาจักแบบจักตอกผ่ากลางได้สองเส้น แล้วเอามาถักกล่องดักปลาตรงก้นขนาดเท่าแขนถักขยายใหญ่ขึ้นจนถึงปากก็ใหญ่ขนาดปากแตร    เอาไปวางดักทางปลาวิ่งเข้าฝั่ง หรือวิ่งออกจากที่วางไข่ สังเกตง่ายหญ้าทางผ่านจะแหวกเป้นทางชัดเจน ทิ้งซูดไว้เดียวก็รู้ว่าปลาอะไร  เคยได้ตัวใหญ่กิโลครึ่งติดซูด ไปไม่รอดปลาหมอตัวโต ๆ ก็ติดเหมือนกัน เคยถามพ่อว่าทำไมมันไม่ถอยกลับ แต่ดันทุรังไปข้างหน้าจนติดแหงก  พ่อแกหัวเราะว่า ปลามันก็ดันทุกรังเกมือนแกแหละ ห้ามก็ไม่ฟังจะไปกูหมอลำกับแม่ก็ไปจนได้ ขากลับมึงเดินไม่ได้เขาหอบหิ้วกลับบ้านทุกที ไม่เคยจำ  ปลาถอยหลังไม่เป็นหรอก ยิ่งตกใจยึ่งเดินหน้า จนไปไม่ได้ถึงหยุด ปลาติดซูดก็แบบนี้แหละ อ้ออีกอัน ส่อน รูปรางทรงประบอกแบบซูกแหละ แต่สานด้วยไม้ตอก เลียนแบบแตรมั้ง สานยาวสักแขนหนึ่ง เอาไปดักปลาแบบซูด ตัวโต ๆ เข้าก็ไม่รอดเหมือนกัน
.........ไซจับปลา เป็นเครื่องจักสานทรงกลมยาวชะลูดขนาดเท่าฟักเขียวลูกโตหน่อย ยาวเกือบสองเมตร
ดานปากเปิดเปิดด้วยก้อนหญ้าหรือฟาง ห่างจากปากสักคืบเศษ ติดงาให้ปลาเข้าไป  ก้นปิดตาย เวลา
ดักก็ไปตรงที่น้ำไหล หรือข้างต้อนก็ได้เจาะช่อกดักไซไว้ ปลาก็เข้าทางงาไซ ถ้าจะดักปลาขึ้นและปลา
ลง ก็ต้องทำสองงา เป็นเครื่องมือยอดฮิตมีกันทุกบ้าน สานเองไม่เป็นก็หาซื้อมาใช้ สำหรับเราสบายมาก
พ่อสนอให้ลูกชายทุกคน ไซกาว ไซปลอกห้า เก่งทั้งนั้น
 ลอบจับปลา
......ที่ต้องนอกจากไซยังนิยมเอาลอบมาดักปลาตัวใหญ่พวกปลาช่อน ปลาดุก ปลาตะเพียน เป็นวิธีดักปลา ว่ายทวนน้ำมาทางปากลอบก็ว่ายผ่านงาเข้าไป ติดอยู่ในลอบ ตัวเล็กรอดไปได้ หอยปัง หอยโข่งก็ชอบเข้าทางงาลอบ ไปกู้เลยได้ทั้งปลาและหอย ที่หนองบึงผมชอบเอาลอบไปดังริมฝั่งน้ำ ใช้ผาเผียกผืนละสองสามเมตร สูงแต่เขา ปักกั้นทางปลาว่ายเข้าฝั่ง หัวท้ายวางลอบไว้ต้อนรับ ฝาเผียกผืนหนึ่งวางลอบได้สองหลัง ผมมีลอบยี่สิบหลัง วางได้เป็นแนวหลายร้อยเมตร ตัดกิ่งไม้มาสุมดี ๆ ปลาจะได้ว่ายมาหา เช้าเย็นมาเยี่ยมยามกัน ได้ปลาดุก ปาช่อน ปลาหมอ ปลาสลิด เช้าขายได้หลายกิโล ตอนเย็นเอาไปทำกิน 
ล้อมเยาะ ล้อมซุัม
.......อยู่กาฬสินธุ์ เคยตามพ่อแม่ไปล้อมซุ่มกุดวังซอ ปี 2494 เรียนอยู่ป 4 ไปกับแม่ มีเด็กบ้านใกล้เรือน
เคียง รุ่นพี่ปีสองปีมั้ง ไปด้วย พี่เขาชวนไปเที่ยว ทาม รู้จักทามไหม ทามก็คือบริเวณที่ราบลุ่มริมฝั่งลำน้ำ
มักมีไผ่ หูลิง เนียมช้าง ขึ้นเป็นป่าละเมาะ วัวควายชอบเข้ามาหากิน ได้ยินเสียง ขอ(เกราะ) ดัง เกาะ ๆ ๆ
มีรอยคลุกโคลนอยู่หลายแห่งเรียกบวกควย ก็ปลักโคลนนั่นแหละ ก็ไปเดินเล่นกัน เขามีพลุจะยิงนกมั้ง
ส่วนเรามือเปล่าเดินตามไปห่าง ๆ ไปเจอบวกควายมีกบโดดลงสองสามตัว ดูทางน้ำถ้าวิดน้ำทำคันกั้นไว้
 น้ำจะไหลไปจนแห้งได้ เลยชวนเพื่อนวิดน้ำจับกบกัน สามคน กาบไม้เชือก สามอัน วิดน้ำกันเล่น ๆ จวน
จะแห้งพี่เขามาตามนึกว่าเราหลงป่า  เลยได้มาช่วยจับกบแถมมีปลาเยอะด้วย เขาสั่งให้ผมไปเอาครุที่แคมป์แม่เลยตามมาด้วยพร้อมสวิง  เสร็จก็กลับกัน ที่แค้มป์ผู้ใหญ่เขาพักเที่ยง กำลังก้อยปลากินกัน
.......ผมไปดูเขาทำก้อยปลาสร้อย หัวปลาทิ้งเกลื่อน เขาบอกตัดทิ้งทำก้อยไม่ได้ ขอเขาเขาให้หมด เลยไปเหลาไม้กลม ๆมาเสียบ โรยเกลือ ย่างไฟได้ห้าไม้  เพื่อนมาช่่วยพลิก พอสุกผู้ใหญ้ยึดไปหนึ่งไม้ เหลือสี่ เด็กสามคนส่วนเราผู้นำเด็กสองไม้ชอบแล้ว พอเวลาทานข้าวเที่ยงจุกก่อน กินได้ไม่กี่คำก็อิ่ม ผู้ใหญ่หัวเราะสมน้ำหน้า พวกมึงกินไม่หยุดปาก วิดปลาได้เอามาเผากินจนหมด จะกินก้อยปลาได้ไง จริงไหม
......ตอนบ่ายไปดูเขาจับปลาในซุ้มกัน  กุดวังซอน้ำลึกอยู่เดือนเมษาหน้าแล้งแต่ยังลึกน่าจะซักสองเมตร
เศษ ฝาเผียกไม้สี่ปล่องจมมิดต้องต่อสองผืนถึงพ้นน้ำ ซุ้มก็คือกองเยาะขนาดใหญ่ มีไผ่ป่า กอใหญ่แซะ 
เป็นสี่ชิ้น แล้วก็มีไม้สะแก หูลิง สุมลงไปทิ้งไว้หลายเดือนจนมั่นใจวาปลาคงเยอะ ซุ้มนี้เป็นของคุ้มบ้านเรามีสวนพริกอยู่ใกล้ ๆกัน วันมาล้อมซุ้มก็เหมือนมากินข้าวป่ากัน ยกครอบครัวมาหมด พ่อทำเพิงหมาแงนไว้ให้หลบแดด ทำโครงให้ ใบไม้หาเอาเอง  ได้ใบไผ่ หูลิง เนียมช้าง ตามเคย แต่ก็ดูดี แดดไม่ส่อง  ตอนบ่ายเขาเก็บไม้ในซุ้มออกหมด เขาตีวงล้อมให้แคบเข้า ปลดผาเผียกออกขนเหลือพื้นนี้วงกลมขนาดเท่าผืนแหหกศอกปลากระโดดเรียกเสียงเฮฮาน่าสนุกจริง ๆ เพราะมันคือปลาเค้า ฝาเผียกสูงมันโดดไม่พ้นหรอก เขาเอาแหลงไปกวาดจับปลา สองสามรอบก็เจอปลาเค้า แต่ไม่แน่ใจใช่ตัวมันโดดไหม เพราะมีตั้งห้าหกตัว กุดวังซอนี่ปลาเยอะจริง ไปกันหกครอบครัวแบ่งกันยังได้ส่วนแบ่งเป็นหาบ
ประมงงน้ำจืด จับปลาขาย
.........เล่าไปเล่ามาชักยาวแล้ว อีกซักยกนะ ช่วงเขากักน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ราวปี 2508 ปลาเยอะมาก เพราะ
ห้วยหนองบึงต่าง ๆ ลุ่มน้ำพอง ถูกน้ำท่วม ปลากระจายไปทั่วตามสายน้ำ จำได้ไปวางเบ็ดปลาตัวเล็กกิน
เหยื่อจนน่ารำคาญ เลยใช้วิธีพกมีดดาบยาวสักหกสิบเซ็นต์ไปด้วย เลยสนุกส่องปลาลืมเบ็ดไปเลย ได้
ปลาเต็มตะข้อง ปลาเยอะจริง ๆ ช่วงหนึ่งเพื่อนชวนไปวางอวนจับปลาขาย ปลาสร้อย กก.ละ 5 บาทรับไม่อั้นพ่อค้าท่าเรือพองหนีบแล่นเรือมากวาดซื้อตอนเช้า ๆ สนุกกันใหญ่ ปลามันติดได้ติดดี  เช้าหนึ่งได้เป็นปึ๊บขายได้สองร้อยสามร้อยบาท แค่นี้ก็ดีใจมาก  พอแหละเนาะยิ่งเล่ายิ่งติดลม สวัสดี






















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น